ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ให้เธอหมดใจ แม่สาวหลงยุค:: ผม กับ...คุณ
ไอรินกับตุณย์พาฉันมาส่งโรงพยาบาลแล้ว หมอบอกว่าฉันแพ้แป้งผสมอาหาร ซึ่งฉันเป็นเกี่ยวกับทางเดินหายใจ หมอบอกว่าให้ฉันพักฟื้นอยู่ที่นี่อีกสักคืน แย่จังเลยนะคะตั้งแต่มาอยู่ที่นี้รู้สึกว่าฉันจะเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยเป็นว่าเล่นเลย พูดถึงที่นี้แล้วฉันก็ชักสงสัยแล้วสิว่าฉันมาอยู่ในยุคปัจจุบันได้ยังไง แล้วมีเหตุผลอะไรที่ฉันต้องมาอยู่ที่นี้ แต่ตอนนี้ฉันเหนื่อยมากแล้ว คิดได้ดังนั้นแล้วฉันจึงหลับตาลง
cinnamon
Tuny Talk
"ดีจังเลยมีตลาดนัดด้วย"
ไอรินพูดเมื่อเดินมาเจอคลองถมใกล้โรงพยาบาล
"นั้นสิ จะว่าไปเราก็เฝ้ารจนาทั้งวันเลยหนิ ยังไม่ได้กินอะไรเลย แวะหน่อยมั้ย"
ผมเห็นด้วยกับความคิด ผมถือวิสาสะจับมือไอรินไปเที่ยงคลองถม ซึ่งผมก็ไม่ได้ทำแบบนี้กับเธอมานานแล้วตั้งแต่เธอมีแฟน
"นี่ตุณย์จำได้มั้ยที่สมัยตอนอยู่มัธยมเราชอบแอบเพื่อนๆ ไปนั่งกินกันไง"
เธอพูดเหมือนเตือนความจำหลังจากที่พวกเรามาหยุดอยู่หน้าร้านขายขนมสายไหม
"หึๆ งั้นวันนี้เราไปทำแบบนั้นกันอีกมั้ยล่ะ"
ผมพูดปนหัวเราะน้อยๆ ทั้งคู่ได้ขนมสายไหมคนละ 3-4 ถุงติดมือ ก่อนจะแวะไปซื้อลูกชิ้นต่อด้วยน้ำปั่น ทั้งคู่เดินไปเรื่อยๆ จนมาหยุดที่ร้านหนึ่งมีบริการวาดภาพเหมือน
"ไปกันมั้ย"
"ก็ดีนะ"
ไอรินยิ้มก่อนจะนั่งลงเป็นแบบให้ช่างวาด
"คุณลุงคะ ช่วยหน่อยหน่อยนะคะ"
เธอขอด้วยน้ำเสียงสุภาพ
"ไอ้หนุ่ม โอบไหล่แฟนหน่อยนิดนึง"
คุณลุงเข้าใจผิด ผมมองหน้าไอรินเหมือนขออนุญาตก่อนจะโอบเธอเข้ามาแนบกาย
Sunday Talk
ผมเตรียมอาวุธทุกอย่างให้พร้อมเพื่อไปทำภารกิจกับเจ้านาย "นายติณภัทร" ที่ใช้นามสกุลเดียวกับเพื่อนของผม เพราะวันนี้ตอนสี่ทุ่มพวกมันจะส่งของกัน นั่นก็คือ ยาบ้าล็อตใหญ่ ให้กับฮารากิ ซึ่งก็เป็นยากูซ่าใหญ่ทางญี่ปุ่น งานนี้ถ้าผมจับมันได้ ผมอาจจะรู้ว่าเพื่อนผมได้เกี่ยวอะไรกับคนพวกนี้รึเปล่า ผมก็หวังว่ามันจะไม่เป็นแบบนั้น ผมและนายตำรวจกองปราบปรามอีกหลายนายขนอาวุธปืนใส่รถ เพราะต้องไปถึงที่หมายก่อนพวกมันประมาณ 1ชั่วโมง เพื่อเตรียมการบางอย่าง พวกเรามุ่งหน้าไปยังตึกร้างนอกเมืองซึ่งอยู่ห่างอีกประมาณ 25กิโลเมตร ไม่ว่ายังไงก็ตามผมก็ต้องจับมันมาลงโทษให้ได้
"วันนี้ฉันต้องรู้ให้ได้ ว่านายเป็นอะไรกับเพื่อนของฉัน"
ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆ อย่างแน่วแน่ หลังจากที่มาถึงที่หมายแล้วกองปราบปรามทั้งหมดก็ประจำที่พร้อมแล้ว เท่าที่ผมสำรวจดูนายติณภัทรต้องเป็นคนฉลาดพอตัวแน่ๆ ขนาดเลือกที่ส่งของยังเลือกได้เหมาะเจอะขนาดนี้ สักพักก็มีแสงไฟจากรถ 3-4 คัน สว่างขึ้นแล้วมุ่งหน้ามาทางนี้ ผมแอบซุ่มอยู่หลังต้นไม้ก่อน เพราะถ้าหากมันเห็นผมทุกอย่างก็จบแน่ ผมค่อยๆ ลัดเลาะมาอีกทางจนถึงตัวตึก ไฟถูกเปิดขึ้นพร้อมกับเป้าหมายที่กำลังเดินออกมาจากรถ ผมคิดว่าผมต้องตาฝาดไปแล้วแน่ๆ เพราะนายติณภัทรที่ผมเห็นคือ ตุณย์ ผมขยี้ตาตัวเองแต่ภาพที่เห็นก็ยังเป็นเขาเหมือนเดิม ผมเช็ดน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาลวกๆ
"ขอโทษนะ"
ผมพูดเบาๆ ก่อนจะใช้ปืนเล็งและยิงสะกัดไม่ให้พวกมันส่งของกันได้ ผมกับพวกมันยิงตอบโต้กันอยู่นาน ด้วยธรรมดาน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ ลูกสมุนของพวกมันตายไปกว่าครึ่ง ผมรีบออกจากที่ซ่อนรีบเข้าไปรอบตัวคนร้ายทั้งสองเอาไว้ทันที
"วันนี้แกเสร็จฉันแล้ว!!"
ผมพูดพอแค่ให้ผมกับนายติณภัทรได้ยินกันแค่สองคนพร้อมที่ผมใช้กุญแจข้อมือล็อคเขาไว้
"อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย...ซันต์"
เขาพูดเหมือนเยาะผม
"นายรู้จักฉัน...นายคือตุณย์จริงๆ หรอ"
ผมถามเขาอย่างเหลือเชื่อ เท่าที่ผมดูผมคิดว่าเขาไม่น่าจะใช่ตุณย์ แต่เขารู้จักผมซึ่งมันก็ไม่สามารถเป็นคนอื่นไปได้ แล้วคนที่ไหนจะหน้าตาเหมือนกันหากไม่ใช่ฝาแฝด
"นายจำฉันไม่ได้จริงๆ หรอ เพื่อนลืมเพื่อนได้ยังไง..."
"บ้าน่า...! ฉันไม่เคยรูจักแก แล้วก็ไม่ใช่เพื่อนแกด้วย"
ผมเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกเขาทันที เพราะรู้สึกโมโหและปวดหัวตึบๆ
"ตามใจ คนอย่างฉันใครจะไปอยากจำล่ะ"
เขาแสยะยิ้มมุมปากน้อยๆ ที่ดูแล้วชวนอยากต่อย
End Talk
ไอรินและตุณย์นั่งอยู่บนสะพานแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากตลาดที่เดินผ่านมากนัก เธอและเขามองดูรูปวาดที่พึ่งไปเป็นแบบมา
"ไอริน...ถ้าหากวันหนึ่งโลกแตก เธออยากอยู่กับใครมากที่สุดหรอ"
ตุณย์ละจากการกินของที่ซื้อมาเมื่อครู่แล้วหันมาถามไอรินที่กำลังมองรูปภาพอยู่ เธอวางรูปภาพลงบนตักแล้วพูดว่า...
"คงอยากอยู่กับคนที่ฉัน...รัก...มั้ง"
เธอตอบพร้อมเงยหน้ามองแผ่นฟ้าที่มือสนิทแต่มีแสงสว่างของดวงดาวและดวงจันทร์ที่ทำให้เขามองเห็นได้รางๆ ต่างจากตุณย์ที่ทำหน้าสลด
"คงเป็น...ซันต์สินะ"
ไอรินเบิกตาโตมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ ขอบตาร้อนผ่าวเหมือนอยากจะร้องไห้
"คง...ใช่ ซันต์คือคนที่ฉันอยากอยู่ด้วยที่สุด"
เขาบะสายตาที่มองใบหน้าเธอ แล้วหันไปอีกทางแทน
"ขอให้คุณโชคดีนะ"
"จ้ะ อยากให้มันมีวันนั้นจริงๆ จังนะ จะได้มีโอกาสได้อยู่แบบนั้นจริงๆ สักที"
เธอมองไปทางเขาโดยที่เขายังหันหน้าหนี
"แล้วนายอยากอยู่กับใครล่ะ หากพรุ่งนี้โลกจะแตก"
"ก็คงเหมือนคุณล่ะมั้ง"
เขาหันกลับมามองหน้าเธออีกครั้ง แต่หากครั้งนี้สายตามันข่างว่างเปล่าเหมือนมองกระดาษที่ยังไม่ได้แต่งแต้มสีใดๆ ลงไปโดยไม่ผิดเพี้ยน
"คนรักหรอ...เธอคนนั้นคงเป็นคนดีมากเลยใช่มั้ย"
น้ำตาอาบนองใบหน้าของไอริน แต่ด้วยความมืดจึงทำให้ตุณย์ไม่สามารถมองเห็นมัน
"อื้ม"
"ฉันขอให้นายมีความสุขนะ"
เธอพูดทิ้งท้ายไว้ ก่อนที่จะม้วนกระดาษแล้วเช็ดน้ำตาลวกๆ ปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วยืนขึ้น
"เดี๋ยวสิไอริน"
เธอชะงักเท้าที่กำลังจะเดินไปข้างหน้าให้หยุด
"มีอะไรหรอ"
เธอพูดโดยที่พยายามไม่หันกลับไปมองเขา ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นตามเธอ
"ฉันขอเก็บรูปนั้นไว้ได้มั้ย เพราะต่อจากนี้เราคงไม่มีโอกาสได้ทำอย่างนี้กันอีกแล้วล่ะ ในเมื่อเธอก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว"
เธอยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้เขาทางด้านหลังโดยไม่พูดอะไร เพราะกลัวจะปล่อยไก่ให้เขาจับได้
"ขอบใจนะ...เพื่อน"
เขาพูดขอบคุณอย่างสุภาพและจงใจเน้นคำว่าเพื่อนให้มันชัดขึ้นแม้รู้ว่าทำแบบนี้มันเจ็บ แต่ก็ยังทำเพราะไม่อยากให้คนรักกันต้องเกิดปัญหา และในขณะเดียวกันไอรินที่ฟังคำที่กำลังบีบหัวใจเธอให้แหลกสลายอยู่นิ่งๆ ก็เผลอน้ำตาไหลพรากออกมาก่อนที่เธอจะรีบวิ่งหนีไปทันที
'สิ่งเดียวที่ยั้งเพื่อนไว้ตอนนี้ได้คือน้ำตา ไหลร่วงหล่นมาช้าๆ มาอาบหัวใจ ละลายความแข็งแรง อยากเอื้อมมือฉุดมือเธอไว้ แต่ฉันไม่มีเรี่ยวแรง ทำได้แค่เพียงยิ้มเพื่อแสดง
ว่าไม่เป็นไร...ทั้งน้ำตา'
"ชาตินี้ทั้งชาติ ผมคงรักคุณไม่ได้ เรื่องนั้นมันคงเป็นเพียงฝันที่ไม่มีทางเป็นไปไม่ได้ ขอให้ความรักของเราจบด้วยการจากลาเถอะนะ"
"นายมันบ้าที่สุดเลยตุณย์ ทำไมนายต้องทำให้ฉันรักนายด้วย"
เธอพูดปนสะอื้นขณะที่กำลังวิ่งหนีเขาอยู่ แต่แล้วอยู่ๆ เธอก็ชะงักฝีเท้าตัวเองลง
....................
ขอบคุณที่ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอดนะคะ ถึงจะลงช้า(มากกกก)ก็เถอะ แต่เพราะว่าทางเรานั้นอยู่ในช่วงวัยกำลังเรียนหนังสืออยู่เลย ก็เลยไม่ค่อยได้ลงบ่อยนะคะ ถ้าผิดพลาดประการใด ขออภัย ณ ที่นี่ด้วยคะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น