ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ให้เธอหมดใจ แม่สาวหลงยุค

    ลำดับตอนที่ #9 : ให้เธอหมดใจ แม่สาวหลงยุค:: ผม กับ...คุณ

    • อัปเดตล่าสุด 6 ก.ย. 58


        ไอรินกับตุณย์พาฉันมาส่งโรงพยาบาลแล้ว  หมอบอกว่าฉันแพ้แป้งผสมอาหาร  ซึ่งฉันเป็นเกี่ยวกับทางเดินหายใจ  หมอบอกว่าให้ฉันพักฟื้นอยู่ที่นี่อีกสักคืน  แย่จังเลยนะคะตั้งแต่มาอยู่ที่นี้รู้สึกว่าฉันจะเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยเป็นว่าเล่นเลย  พูดถึงที่นี้แล้วฉันก็ชักสงสัยแล้วสิว่าฉันมาอยู่ในยุคปัจจุบันได้ยังไง  แล้วมีเหตุผลอะไรที่ฉันต้องมาอยู่ที่นี้  แต่ตอนนี้ฉันเหนื่อยมากแล้ว  คิดได้ดังนั้นแล้วฉันจึงหลับตาลง

        Tuny  Talk
       
        "ดีจังเลยมีตลาดนัดด้วย"

        ไอรินพูดเมื่อเดินมาเจอคลองถมใกล้โรงพยาบาล

        "นั้นสิ  จะว่าไปเราก็เฝ้ารจนาทั้งวันเลยหนิ  ยังไม่ได้กินอะไรเลย  แวะหน่อยมั้ย"

        ผมเห็นด้วยกับความคิด ผมถือวิสาสะจับมือไอรินไปเที่ยงคลองถม  ซึ่งผมก็ไม่ได้ทำแบบนี้กับเธอมานานแล้วตั้งแต่เธอมีแฟน

       "นี่ตุณย์จำได้มั้ยที่สมัยตอนอยู่มัธยมเราชอบแอบเพื่อนๆ ไปนั่งกินกันไง"

        เธอพูดเหมือนเตือนความจำหลังจากที่พวกเรามาหยุดอยู่หน้าร้านขายขนมสายไหม

        "หึๆ งั้นวันนี้เราไปทำแบบนั้นกันอีกมั้ยล่ะ"

        ผมพูดปนหัวเราะน้อยๆ ทั้งคู่ได้ขนมสายไหมคนละ 3-4 ถุงติดมือ  ก่อนจะแวะไปซื้อลูกชิ้นต่อด้วยน้ำปั่น  ทั้งคู่เดินไปเรื่อยๆ จนมาหยุดที่ร้านหนึ่งมีบริการวาดภาพเหมือน

        "ไปกันมั้ย"
        "ก็ดีนะ"

        ไอรินยิ้มก่อนจะนั่งลงเป็นแบบให้ช่างวาด

        "คุณลุงคะ  ช่วยหน่อยหน่อยนะคะ"

        เธอขอด้วยน้ำเสียงสุภาพ

        "ไอ้หนุ่ม  โอบไหล่แฟนหน่อยนิดนึง"

        คุณลุงเข้าใจผิด  ผมมองหน้าไอรินเหมือนขออนุญาตก่อนจะโอบเธอเข้ามาแนบกาย


        Sunday  Talk

        ผมเตรียมอาวุธทุกอย่างให้พร้อมเพื่อไปทำภารกิจกับเจ้านาย "นายติณภัทร" ที่ใช้นามสกุลเดียวกับเพื่อนของผม  เพราะวันนี้ตอนสี่ทุ่มพวกมันจะส่งของกัน  นั่นก็คือ  ยาบ้าล็อตใหญ่  ให้กับฮารากิ  ซึ่งก็เป็นยากูซ่าใหญ่ทางญี่ปุ่น  งานนี้ถ้าผมจับมันได้  ผมอาจจะรู้ว่าเพื่อนผมได้เกี่ยวอะไรกับคนพวกนี้รึเปล่า  ผมก็หวังว่ามันจะไม่เป็นแบบนั้น  ผมและนายตำรวจกองปราบปรามอีกหลายนายขนอาวุธปืนใส่รถ  เพราะต้องไปถึงที่หมายก่อนพวกมันประมาณ 1ชั่วโมง  เพื่อเตรียมการบางอย่าง  พวกเรามุ่งหน้าไปยังตึกร้างนอกเมืองซึ่งอยู่ห่างอีกประมาณ 25กิโลเมตร  ไม่ว่ายังไงก็ตามผมก็ต้องจับมันมาลงโทษให้ได้

        "วันนี้ฉันต้องรู้ให้ได้  ว่านายเป็นอะไรกับเพื่อนของฉัน"

        ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆ อย่างแน่วแน่  หลังจากที่มาถึงที่หมายแล้วกองปราบปรามทั้งหมดก็ประจำที่พร้อมแล้ว  เท่าที่ผมสำรวจดูนายติณภัทรต้องเป็นคนฉลาดพอตัวแน่ๆ ขนาดเลือกที่ส่งของยังเลือกได้เหมาะเจอะขนาดนี้  สักพักก็มีแสงไฟจากรถ 3-4 คัน  สว่างขึ้นแล้วมุ่งหน้ามาทางนี้  ผมแอบซุ่มอยู่หลังต้นไม้ก่อน  เพราะถ้าหากมันเห็นผมทุกอย่างก็จบแน่  ผมค่อยๆ ลัดเลาะมาอีกทางจนถึงตัวตึก  ไฟถูกเปิดขึ้นพร้อมกับเป้าหมายที่กำลังเดินออกมาจากรถ  ผมคิดว่าผมต้องตาฝาดไปแล้วแน่ๆ เพราะนายติณภัทรที่ผมเห็นคือ  ตุณย์  ผมขยี้ตาตัวเองแต่ภาพที่เห็นก็ยังเป็นเขาเหมือนเดิม  ผมเช็ดน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาลวกๆ

        "ขอโทษนะ"

        ผมพูดเบาๆ ก่อนจะใช้ปืนเล็งและยิงสะกัดไม่ให้พวกมันส่งของกันได้  ผมกับพวกมันยิงตอบโต้กันอยู่นาน  ด้วยธรรมดาน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ  ลูกสมุนของพวกมันตายไปกว่าครึ่ง  ผมรีบออกจากที่ซ่อนรีบเข้าไปรอบตัวคนร้ายทั้งสองเอาไว้ทันที

        "วันนี้แกเสร็จฉันแล้ว!!"

        ผมพูดพอแค่ให้ผมกับนายติณภัทรได้ยินกันแค่สองคนพร้อมที่ผมใช้กุญแจข้อมือล็อคเขาไว้

        "อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย...ซันต์"

        เขาพูดเหมือนเยาะผม

        "นายรู้จักฉัน...นายคือตุณย์จริงๆ หรอ"

        ผมถามเขาอย่างเหลือเชื่อ  เท่าที่ผมดูผมคิดว่าเขาไม่น่าจะใช่ตุณย์  แต่เขารู้จักผมซึ่งมันก็ไม่สามารถเป็นคนอื่นไปได้  แล้วคนที่ไหนจะหน้าตาเหมือนกันหากไม่ใช่ฝาแฝด

        "นายจำฉันไม่ได้จริงๆ หรอ  เพื่อนลืมเพื่อนได้ยังไง..."
        "บ้าน่า...! ฉันไม่เคยรูจักแก  แล้วก็ไม่ใช่เพื่อนแกด้วย"

        ผมเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกเขาทันที  เพราะรู้สึกโมโหและปวดหัวตึบๆ

        "ตามใจ  คนอย่างฉันใครจะไปอยากจำล่ะ"

        เขาแสยะยิ้มมุมปากน้อยๆ ที่ดูแล้วชวนอยากต่อย

        End  Talk

        ไอรินและตุณย์นั่งอยู่บนสะพานแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากตลาดที่เดินผ่านมากนัก  เธอและเขามองดูรูปวาดที่พึ่งไปเป็นแบบมา

        "ไอริน...ถ้าหากวันหนึ่งโลกแตก  เธออยากอยู่กับใครมากที่สุดหรอ"

        ตุณย์ละจากการกินของที่ซื้อมาเมื่อครู่แล้วหันมาถามไอรินที่กำลังมองรูปภาพอยู่  เธอวางรูปภาพลงบนตักแล้วพูดว่า...

        "คงอยากอยู่กับคนที่ฉัน...รัก...มั้ง"

        เธอตอบพร้อมเงยหน้ามองแผ่นฟ้าที่มือสนิทแต่มีแสงสว่างของดวงดาวและดวงจันทร์ที่ทำให้เขามองเห็นได้รางๆ ต่างจากตุณย์ที่ทำหน้าสลด

        "คงเป็น...ซันต์สินะ"

        ไอรินเบิกตาโตมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ  ขอบตาร้อนผ่าวเหมือนอยากจะร้องไห้

        "คง...ใช่  ซันต์คือคนที่ฉันอยากอยู่ด้วยที่สุด"

        เขาบะสายตาที่มองใบหน้าเธอ  แล้วหันไปอีกทางแทน

        "ขอให้คุณโชคดีนะ"
        "จ้ะ  อยากให้มันมีวันนั้นจริงๆ จังนะ จะได้มีโอกาสได้อยู่แบบนั้นจริงๆ สักที"

        เธอมองไปทางเขาโดยที่เขายังหันหน้าหนี

        "แล้วนายอยากอยู่กับใครล่ะ  หากพรุ่งนี้โลกจะแตก"
        "ก็คงเหมือนคุณล่ะมั้ง"

        เขาหันกลับมามองหน้าเธออีกครั้ง  แต่หากครั้งนี้สายตามันข่างว่างเปล่าเหมือนมองกระดาษที่ยังไม่ได้แต่งแต้มสีใดๆ ลงไปโดยไม่ผิดเพี้ยน

        "คนรักหรอ...เธอคนนั้นคงเป็นคนดีมากเลยใช่มั้ย"

        น้ำตาอาบนองใบหน้าของไอริน  แต่ด้วยความมืดจึงทำให้ตุณย์ไม่สามารถมองเห็นมัน

        "อื้ม"
        "ฉันขอให้นายมีความสุขนะ"

        เธอพูดทิ้งท้ายไว้  ก่อนที่จะม้วนกระดาษแล้วเช็ดน้ำตาลวกๆ ปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วยืนขึ้น

        "เดี๋ยวสิไอริน"

        เธอชะงักเท้าที่กำลังจะเดินไปข้างหน้าให้หยุด

        "มีอะไรหรอ"

        เธอพูดโดยที่พยายามไม่หันกลับไปมองเขา  ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นตามเธอ

        "ฉันขอเก็บรูปนั้นไว้ได้มั้ย  เพราะต่อจากนี้เราคงไม่มีโอกาสได้ทำอย่างนี้กันอีกแล้วล่ะ  ในเมื่อเธอก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว"

        เธอยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้เขาทางด้านหลังโดยไม่พูดอะไร  เพราะกลัวจะปล่อยไก่ให้เขาจับได้

        "ขอบใจนะ...เพื่อน"

        เขาพูดขอบคุณอย่างสุภาพและจงใจเน้นคำว่าเพื่อนให้มันชัดขึ้นแม้รู้ว่าทำแบบนี้มันเจ็บ  แต่ก็ยังทำเพราะไม่อยากให้คนรักกันต้องเกิดปัญหา  และในขณะเดียวกันไอรินที่ฟังคำที่กำลังบีบหัวใจเธอให้แหลกสลายอยู่นิ่งๆ ก็เผลอน้ำตาไหลพรากออกมาก่อนที่เธอจะรีบวิ่งหนีไปทันที
        'สิ่งเดียวที่ยั้งเพื่อนไว้ตอนนี้ได้คือน้ำตา  ไหลร่วงหล่นมาช้าๆ มาอาบหัวใจ  ละลายความแข็งแรง  อยากเอื้อมมือฉุดมือเธอไว้  แต่ฉันไม่มีเรี่ยวแรง  ทำได้แค่เพียงยิ้มเพื่อแสดง
    ว่าไม่เป็นไร...ทั้งน้ำตา'

        "ชาตินี้ทั้งชาติ  ผมคงรักคุณไม่ได้  เรื่องนั้นมันคงเป็นเพียงฝันที่ไม่มีทางเป็นไปไม่ได้  ขอให้ความรักของเราจบด้วยการจากลาเถอะนะ"
        "นายมันบ้าที่สุดเลยตุณย์  ทำไมนายต้องทำให้ฉันรักนายด้วย"

        เธอพูดปนสะอื้นขณะที่กำลังวิ่งหนีเขาอยู่  แต่แล้วอยู่ๆ เธอก็ชะงักฝีเท้าตัวเองลง

        ....................

       ขอบคุณที่ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอดนะคะ  ถึงจะลงช้า(มากกกก)ก็เถอะ  แต่เพราะว่าทางเรานั้นอยู่ในช่วงวัยกำลังเรียนหนังสืออยู่เลย ก็เลยไม่ค่อยได้ลงบ่อยนะคะ ถ้าผิดพลาดประการใด  ขออภัย ณ  ที่นี่ด้วยคะ  


    cinnamon
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×