คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ข้อตกลงก่อนอ่าน
ก่อนอ่านงานเขียนชิ้นนี้ ต้องขอชี้แจงกันเล็กน้อย เนื่องจากว่าต้องทำความเข้าใจกันระหว่างผู้เขียนกับผู้อ่านเสียก่อน
ตลอดจนถึงต้องทราบเบื้องหลังความเป็นมาเป็นไปของผู้เขียนพอสมควร ทำไมต้องทราบ สาเหตุที่ต้องทราบเพราะว่าสถานะ
ของผู้เป็นจะทำให้ผู้อ่านทราบว่าผู้เขียนเป็นใคร เขียนเรื่องนี้เพื่ออะไร และที่สำคัญผู้อ่านจะเชื่อถือได้แค่ไหน หรืออ่านเล่นเพื่อความสนุกสนาน บันเทิงเริงใจ แต่ไม่สามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันได้
สถานะของผู้เขียนก็คือหญิงไทยวัยสี่สิบเอ็ด ผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ระยะที่สาม เฮอร์ทู พบแพทย์ที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2552 แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเต้านม วัดกันสด ๆ ประมาณเจ็ดเซนติเมตร แพทย์สั่งตรวจอวัยวะสำคัญเพื่อดูว่ามีการกระจายไปหรือยัง ผลปรากฏว่ายังไม่กระจายไปอวัยวะอื่น แพทย์นัดผ่าตัด 21 ตุลาคม 2552 นอนพักที่สถาบันฯ ถึง 30 ตุลาคม 2553 แพทย์นัด 16 พฤศจิกายน 2552 แจ้งผลการส่งตรวจเต้านมให้ทราบว่าเป็นชนิดเฮอร์ทู และมีการกระจายไปต่อมน้ำเหลือง 26 จุด และแจ้งแผนการรักษาว่าต้องให้เคมีบำบัดชุดแรก 4 เข็ม ระยะห่างสามสัปดาห์ต่อหนึ่งครั้ง ชุดที่สอง 12 เข็มระยะห่างสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง ชุดที่สามแพทย์ยังไม่ได้แจ้งว่าระยะห่างเป็นอย่างไร มันคือเฮอร์เซ็ปติน และตามด้วยรังสีรักษาปิดท้ายด้วยรับประทานยาติดต่อกันอีกห้าปี
วัตถุประสงค์ของงานเขียนชิ้นนี้เพื่อต้องการให้กำลังใจกับผู้ป่วยมะเร็งทั้งหลายให้มีกำลังใจในการรักษา ต่อสู้ต่อไปด้วยเพราะว่าไม่ใช่ท่านแต่เพียงผู้เดียวที่กำลังทุกข์ ทรมานกับเจ้าตัวร้ายนี้ ผู้ป่วยมะเร็งมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ในอดีตผู้เขียนคิดว่าเป็นในกลุ่มผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ในปัจจุบันสังเกตจากผู้ป่วยที่ไปรับการรักษา ช่างน่าตกใจยิ่งนักเมื่อพบว่ามีคนป่วยเป็นมะเร็งทุกเพศ ทุกวัย เพื่อนร่วมโรคช่างมากมาย ดังนั้นผู้เขียนจึงอยากแบ่งบันประสบการณ์อันมีค่าของตัวเอง เผื่อว่าผู้ป่วยท่านอื่นอาจนำมันไปใช้ได้บ้างเพียงเล็กน้อย ผู้เขียนก็จะถือว่างานเขียนชิ้นนี้บรรลุวัตถุประสงค์หลักโดยสมบูรณ์
ขณะนี้ผู้เขียนให้เคมีบำบัดชุดแรกผ่านไปเรียบร้อย ชุดที่สองผ่านไปแล้วห้าเข็ม สถานะของผู้เขียนจึงเป็นเพียงผู้ป่วยมะเร็งที่กำลังให้การบำบัดรักษาอยู่ มิใช่หายขาดจากโรคมะเร็งแล้ว หนทางแห่งการรักษาของผู้เขียนยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องอีกยาวไกลนัก เพราะฉะนั้นคำว่าพิชิตมะเร็งของผู้เขียนจึงมิได้หมายความว่าทำให้มะเร็งหายไป หรือหายจากโรคมะเร็งแล้ว เป็นแต่เพียงการดำรงสภาพผู้ป่วยมะเร็งที่ใช้ชีวิตอย่างปกติสุขกับครอบครัว และชีวิตการงานได้เหมือนเดิม
ความคิดเห็น