ตอนที่ 9 : 9

“เฮ!!!”
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นท่ามกลางความมืด ได้ยินเสียงเฮแว่วๆ มา ผมเลยจำใจแหกขี้ตาควานหาโทรศัพท์ ดูเวลาแล้วตอนนี้เป็นเวลาตีสอง ย้ำว่าตีสอง แต่เสียงเฮเมื่อครู่ก็ยังคงลอดมาให้ได้ยิน ไอ้ครั้นจะข่มตานอนต่อมันก็มีเสียงลอดเข้ามารบกวนเรื่อยๆ จนในที่สุดผมก็ทนไม่ไหวลุกขึ้นจากเตียงแล้วออกล่าต้นเสียง ล่ามันกลางดึกนั่นแหละ
อย่าให้รู้นะว่าใครมันมาฮงมาเฮอะไรตอนนี้ คนยิ่งง่วงๆ พ่อฟาดแน่
เดินมาเปิดประตูออก หันไปซ้ายขวาก็ไม่มีใคร แต่เสียงเฮยังคงดังอยู่ ผมเงี่ยหูฟังไป ก็รู้เลยว่าต้นเสียงมาจากห้องไหน
ไอ้ 305! เอาอีกแล้วเหรอวะ
ผมไม่ทน รีบรุดเดินไปเคาะห้องนั้นทันที เคาะอยู่นานเกือบนาทีถึงจะมีคนมาเปิด ทว่ากลับไม่ใช่ไอ้สุขสันต์เจ้าของห้อง
“ครับ?”
“เอ่อ…”
“เฮ้ย! ไอ้เหี้ยแม่งเล่นไรกันวะ!” เสียงจากในห้องดังลอดมาอีกระลอก
“นี่คุณ เบาเสียงลงหน่อย คนจะนอน”
“เฮ้ย ขอโทษครับ” คนตรงหน้ารีบขอโทษทันที
“เฮ้ย! พวกมึง เสียงมันดัง! ลดเสียงหน่อย!”
โอ้ย! เสียงมึงนั่นแหละที่ดัง บอกกันดีๆ ก็ได้มั้ง เดินเข้าไปบอกก็จบ ดูท่าทางหลังจากที่คนตรงหน้าตะโกนกลับเข้าไป ในห้องก็เสียงเบาลง แต่ยังไม่ทันจะได้กลับห้อง เงาดำๆ ใหญ่ๆ ก็เดินตะคุ่มมาทางด้านหลังจนในที่สุดก็ออกมายืนประจันหน้ากับผม ไอ้สุขสันต์ในลุคกางเกงนอนตัวเดียวออกมาต้อนรับผม
มึงเซอร์ไพรส์กูอีกแล้วนะไอ้วีไลน์มึงเนี่ย เห็นแล้วอยากเอามีดมากระซวก รำคาญตา
“เดี๋ยวกูคุยเอง เข้าไปไป” มันไล่ผู้ชายคนที่คุยกับผม ก่อนที่จะดันตัวผมออกมาแล้วปิดประตูห้อง
“มันเสียงดัง เบาลงหน่อย จะนอน”
“ขอโทษ เดี๋ยวก็จบนัดแล้ว”
“นี่มึง...สูบบุหรี่อีกแล้วเหรอ ” ผมอดถามไม่ได้เพราะได้กลิ่นจางๆ ลอยมาจากตัวอีกคน
ไอ้สุขสันต์เลิกคิ้ว “อือ แต่ไม่บ่อย”
“อ่อ” ผมตอบกลับแค่นั้น ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อเลยหมุนตัวจะเดินกลับห้อง แต่ก็ถูกอุ้งตีนหมีจับแขนไว้ “อะไร จะไปนอน กูง่วง”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้รอด้วย จะไปส่ง”
“ไม่ต้อง จะไปส่งกูทำไม ธุระก็ไม่ใช่”
“เออ อย่าเรื่องมาก ไม่ดีหรือไงไม่เสียค่ารถ”
มันไม่เสียค่ารถแต่อาจจะเสียอย่างอื่นนี่ดิ! ไอ้ที่กูกลัวอะ
“ขอบใจ แต่กูมีปัญญาไปเองได้”
“พรุ่งนี้เจ็ดโมงครึ่ง เดี๋ยวรอหน้าห้อง” มันว่าก่อนที่จะเดินกลับห้องตัวเอง
“เฮ้ย! อย่าทึกทักไปเองดิวะ...”
“เจได” มันเปิดประตูออกมาอีกครั้ง
ผมมองไอ้หมีผีอย่างไม่ไว้ใจ
“ฝันดี” มันว่าสั้นๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องไปจริงๆ
ผมถึงกับขนลุก โอ้ย! กูโดนหมีบอกฝันดี ควรร้องไห้ไหมวะ จะหลับลงไหมล่ะทีนี้
7:00 น.
ผมรีบตื่นเช้าเป็นพิเศษเพราะจะได้ออกไปทำงานก่อนเจอไอ้หมีผี ลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก่อนจะออกไปทำงาน แต่พอเปิดประตูหน้าห้องมาใจก็หล่นไปอยู่กับพื้นเลย เพราะไอ้หมีผีคนที่ผมคิดว่ามันคงจะมาไม่ทัน ดันมายืนข้างๆ ประตูห้องผม มันกอดอกมองก่อนจะก้มลงดูนาฬิกาข้อมือตัวเอง
“ออกมาไวดี”
แหม กูรีบออกมาเพื่อจะหนีมึงอะ ไม่รู้เรอะ!
“ไม่ต้องไปส่งกู กูไปเองได้” ผมตอบกลับก่อนจะมองหาถุงเซเว่นมื้อเช้า วันนี้ยังคงมีมาเซอร์วิสเหมือนเดิม วางข้างๆ ห้องนี่แหละ
ผมก้มลงไปหยิบมาก่อนจะมองหน้าไอ้สุขสันต์ “กูบอกว่าไม่ต้องซื้อมาให้”
“ก็ไม่ได้ซื้อ”
“จิ๊! แล้วใครมันจะซื้อวะ!”
“ไม่รู้” มันว่าก่อนจะเหลือบตามองถุงในมือผม ผมเองก็ตีความหมายจากสายนั่นไม่ออก
เออๆ ปฏิเสธได้ก็ปฏิเสธไป ปากแข็งแบบนี้จะไปจีบใครติด กล้าจีบก็ต้องกล้ารับเปล่าวะ แบบนี้กูไม่ชอบหรอกนะจะบอกให้
เอ่อ...ผมหมายความว่าในกรณีที่ผมชอบมันน่ะนะ นี่! ผมไม่ได้ชอบมันซะหน่อย!
“วันนี้มีจดหมายน้อยด้วยแฮะ” ผมพูดกับตัวเองเบาๆ เมื่อเห็นกระดาษโพสอิทสีคุ้นตาอยู่ในถุง
‘ต่อให้เมื่อคืนผมจะชนะบอลเพื่อน แต่ผมก็แพ้คุณนะ’
โอ้โห...อ่านเสร็จปุ๊บผมก็ตวัดสายตาขึ้นมองไอ้สุขสันต์ทันที ไอ้หมีผีทำหน้านิ่งแทนคำถาม ผมเลยชูกระดาษให้มันดู มันกวาดสายตามองเล็กน้อยก่อนที่สายตามันจะเปลี่ยนไป
ไอ้หมีผีจ้องอยู่อย่างนั้นจนผมต้องชักกลับ
“มึงเลิกใช้มุกนี้เถอะ กูแบบ…มันไม่ไหวอะมึง”
“ไม่ใช่กู” มันยืนยันคำเดิม
ผมถอนหายใจก่อนจะเดินนำไปยังลิฟต์ โดยมีไอ้หมีเดินตามมาติดๆ จนสุดท้ายมันก็ยังคงตามผมมาจนถึงชั้นล่าง พอผมจะก้าวเดินไปรอรถตรงที่ประจำ มันก็จับแขนเอาไว้
“รออยู่นี่”
“กูจะไปแท็กซี่”
“เก็บเงินไว้กินข้าวเที่ยงไป” มันว่าก่อนจะเดินไป
นั่น! ไม่เค๊ยย ไม่เคยฟังกูเลย เอะอะก็บังคับกันตลอด แต่สุดท้ายไอ้ความคิดที่ว่าจะหาแท็กซี่ไปก็ต้องพับเก็บ เพราะผมเห็นแก่น้ำใจของเพื่อนบ้าน (ไม่ได้เห็นแก่เงินตัวเองจริงๆ นะ!)
รออยู่ไม่นานรถยนต์คันคุ้นตาก็ขับมาจอดรอ ผมมัวแต่ทำตัวลีลาอยู่ ไอ้หมีก็เลยบันดาลโทสะบีบแตรดังลั่นเสียจนพี่ ร.ป.ภ. ยังสะดุ้ง
“ไอ้สุข! มึงจะบีบแตรทำไม!”
“ชักช้า”
“ชอบทำตัวขวางโลกจังวะ” ผมบ่นไปงั้น แต่สุดท้ายก็ต้องเงียบไปเพราะสุขสันต์มันไม่พูดด้วย พอรถเงียบผมก็เริ่มรู้สึกอึดอัดอีกครั้ง และดูเหมือนมันจะรู้ ก็เลยใช้อุ้งตีนหน้าของมันเปิดวิทยุให้ ดนตรีซอฟต์ยามเช้านี่มันสุดยอดจริงๆ
ความจริงตอนนี้ผมหิวมากนะแต่ไม่กล้าถือวิสาสะแกะขนมปังกินบนรถไอ้หมี เดี๋ยวมันผีเข้าแล้วหักพวงมาลัยลงคลองนี่แย่เลย
ใช้เวลาไม่นาน ผมก็มาถึงที่ทำงาน พอจะลงรถไอ้หมีมันก็ดันเรียกเอาไว้เสียก่อน
“เจได”
“อะไร กูจะไปทำงานแล้ว”
“เย็นนี้...”
“มึงไม่ต้อง! ไม่ต้องทำอะไรกับกูทั้งนั้น ไปไหนก็ไป” ผมรีบดักไว้ทันที ดูท่าทางไอ้หมีมันจะไม่ฟังจริงๆ ถึงได้ยิ้มร้ายๆ แบบนั้น
“คอยที่นี่” มันสั่งย้ำสั้นๆ แล้วส่งสายตาข่มขู่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะขับออกไป ผมนี่หัวร้อนปั๊ดทันที
โอโห...เผด็จการที่สุด!
“เจ๊! อีเจไดมันให้ผู้คนนั้นมาส่งอีกแล้ว”
“โอ้ย พี่ปลาวาฬ”
“นี่! หนูเห็นเต็มสองตาเลยเจ๊ ไม่รู้มันคุยอะไรกัน แต่ดูอีเจไดมันเจี๋ยมเจี้ยมมว้ากกก”
“อย่าเวอร์ ใครเจี๋ยมเจี้ยมวะ”
“สรุปผัวจริงๆ สินะ”
“ใครผัววะพี่บาร์ โอ้ย! เลิกคุยประเด็นนี้สักทีเถอะ ผมขอร้อง” ผมแทบจะก้มลงไปกราบบรรดาพี่ๆ ทั้งหลาย ตั้งแต่ที่ไอ้หมีมันมาส่งรอบนั้นก็ดูท่าทางพวกพี่แกจะพากันคิดไปไกล ไปไกลแบบไปไกลมาก ชอบพากันพูดว่าไอ้สุขสันต์มันเป็นผัวผมอะ ไม่ไหวๆ อันนี้พี่ไม่ไหวมากๆ
“มึงจะงอแงทำไม ผัวหล่อขนาดนั้น”
“เจ๊ ผมไม่โอเคจริงๆ นะ ผมหล่อขนาดนี้ หล่อกว่าไอ้นั่นตั้งเยอะ”
“โอโห มึงก็กล้าพูดนะอีเตี้ย”
“พี่ปลาวาฬ!”
“มึงกระโดดก็ยังไม่สูงเท่าหัวเขาเลยมั้งนั่นน่ะ”
ดูดิ! มันแบบเจ็บใจอะ ทำไมใครๆ ก็ต้องตัดสินเรื่องอะไรแบบนี้จากความสูงด้วยวะ ไม่เข้าใจ เตี้ยก็ใช่ว่าจะไม่เด็ดนะ!
“พี่บาร์ ช่วยผมหน่อยดิวะ ผมเหนื่อยแล้วเนี่ย” สุดท้ายผมก็หันไปร้องขอความช่วยเหลือจากพี่บาร์
“แล้วจะให้กูช่วยอะไร”
“เนี่ย อย่าปล่อยให้น้องโดนโจมตีดิ ช่วยน้องหน่อย”
“นี่ก็อย่าไปล้อมันมาก มันปัญญาอ่อน” พอพี่บาร์พูดจบ ผมนี่หน้าหงิกเลย ส่วนสองสาวก็ได้แต่พากันหัวเราะคิกคักสนุกสนาน
“พี่บาร์!”
“กูก็ช่วยแล้วไง จะเอาอะไรอีก”
“โว๊ะ! ไม่คุยด้วยแล้ว จะไปละ” ผมตัดบทแล้วรีบเก็บข้าวของลุกออกมาจากโต๊ะทันที เดินผ่านขึ้นมาบนตึกก็เจอเข้ากับเพื่อนร่วมงานเก่าที่กำลังจัดเรียงเอกสารอยู่ ผมรู้จักเธอเพราะเคยไปแผนกของเธออยู่บ่อยๆ ตอนสมัยเป็นเด็กเดินเอกสาร ช่วงนั้นเราสองคนสนิทกันมาก แต่พอผมมีโต๊ะเป็นของตัวเองก็ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไร จะได้เจอก็เนี่ยแหละ เดินสวนกันอะไรแบบนั้น
“นิ่ม ให้ช่วยไหม” ผมเสนอตัวเข้าไปช่วยอีกคน นิ่มหันหน้ากลับมามองยิ้มๆ
“อ้อ! เจได เอ่อ…ขอบใจมากนะ แต่ไม่เป็นไรหรอก”
“มาๆ เดี๋ยวช่วย เอาไปห้องหัวหน้าเหมือนเดิมใช่ไหม”
“อื้อ” ผมเดินเข้าไปแบ่งเอาเอกสารมาถือไว้
“กินข้าวเสร็จไวจัง”
“ก็ต้องรีบแหละ ต้องมาเอาไอ้นี่”
“แล้วเป็นไง งานในแผนก วุ่นวายดีปะ”
“สุดๆ !” เธอว่าก่อนจะหัวเราะออกมา ผมเผลอมองรอยยิ้มนั้น
จู่ๆ ความคิดเดิมๆ ก็ผุดขึ้นมา ไอ้ความคิดที่จะจีบใครสักคนนั่นแหละ ลืมนึกไปเลยว่าผู้หญิงอีกคนที่สนิทก็คือนิ่มคนนี้ ที่ทั้งน่ารัก อ่อนโยน สดใส
เฮ้ย นี่มันได้เลยนี่หว่า...
“แล้วเจไดอะ สบายดีใช่ไหม”
“ก็สบายดีครับ โดนเรียกใช้เยอะเหมือนกันแหละ”
“ช่วงนี้ยังไปออกกำลังกายอยู่ไหม” เธอหันมาถามผม
“ไม่อะ ขี้เกียจ”
“มิน่า เหนียงออกแล้ว ฮ่า ฮ่า” เธอว่าก่อนจะหัวเราะเสียงดัง
โห นิ่มนะนิ่ม... แต่พอพูดถึงคำว่าเหนียง ผมดันเผลอนึกถึงไอ้หมีสุขสันต์ขึ้นมาเสียได้ ต้องรีบส่ายหัวเพื่อสลัดความคิดพวกนั้นออกไป
บ้า! อะไรเนี่ย จะไปนึกถึงคนแบบนั้นทำไมกันวะ
“ขอบคุณมากนะที่มาช่วย ไว้จะเลี้ยงข้าวตอบแทน”
“แน่นะ นี่เป็นคนจำเก่ง พูดอะไรไว้อย่าลืม”
“อื้อ! ไม่ลืมหรอก ไปได้แล้วไป ชิ่ว”
“โห ไล่ผู้มีพระคุณแบบนี้เลยเหรอ”
“ไม่คุยกับเจไดละ ปวดหัว บ้ายบาย” ว่าจบเธอก็เดินกลับไปยังแผนกของเธอ
ผมมองตามนิ่มก่อนจะยกมือลาตามปกติ ในใจก็ยังคงคิดอยู่ว่าผมอาจจะจีบนิ่ม เพราะถ้าได้คนอย่างนิ่มเป็นแฟน ผมต้องโชคดีมากแน่ๆ ก็นิ่มน่ะน่ารักนะ น่ารักมากเลยแหละ ช่วงนี้ยิ่งสวยขึ้นกว่าตอนที่มาฝึกงานเสียอีก
จะจีบเลยดีไหมวะ...
“มึงมาทำอะไรที่นี่ไอ้เจ ไหนรีบกลับไปทำงาน มัวแต่ทำหน้าพิลึกอยู่ได้” ยังไม่ทันไร ไอ้พี่บาร์มันก็เดินมาเจอผมเข้า ผมนี่ถึงกับมุ่ยหน้าเลยที่เห็นพี่แก
“ครับ ครับ กำลังจะกลับแล้วเนี่ย ขัดลาภจริงๆ”
“มึงว่าอะไรนะ”
“เปล่าครับ น้องเปล่านา” ผมรีบวิ่งแจ้นกลับโต๊ะ กลับมาทำงานงกๆ เงิ่นๆ เวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆ จนเลิกงานตามปกติ ตอนนี้ผมตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องชวนนิ่มไปกินข้าวเย็นด้วยกันให้ได้ ผมจริงจังมากนะกับการจะจีบนิ่มเนี่ย เพราะว่าถ้าผมมีนิ่มเป็นแฟน พี่เขาจะได้เลิกหาว่าไอ้หมีเป็นผัวผมสักที ล้อจนคนทั้งบริษัทจะรู้แล้วมั้ง
ผมยืนรอนิ่มอยู่ที่หน้าตึก มองคนเดินออกไปจากตึกเรื่อยๆ จนในที่สุดคนที่ผมรอก็เดินลงมา ดูเหมือนนิ่มจะตกใจเหมือนกันที่เห็นผมยืนโบกไม้โบกมือให้แบบนี้
นิ่มเดินเข้ามาหา “อะไรเนี่ยเจได มีอะไร”
“หิวข้าวอะ มีร้านเปิดใหม่ตรงหัวมุมเนี่ย ไปกินไหม”
“มาไม้ไหนเนี่ย” นิ่มหรี่ตามอง
อันที่จริงร้านที่ว่านั่นไม่ได้เปิดใหม่หรอก แต่ผมเดาว่านิ่มกับผมไม่น่าจะเคยไป เลยทึกทักขึ้นมาเอง
“ไหนว่าจะเลี้ยงข้าวเจไง เนี่ย เลี้ยงเย็นนี้เลย หิวข้าวมากกกก” ผมลากเสียงให้รู้ว่ามากขนาดไหน
“ตลกแล้วเจ”
“จริงจัง”
“เออๆ ไป อยู่ดีๆ ก็จะมาชวนไปกินข้าวแบบนี้ก็ได้เหรอ” นิ่มหัวเราะเบาๆ ผมเลยหัวเราะตาม
นิ่มนี่น่ารักมากอะ บอกเลย
เราสองคนตัดสินใจที่จะเดินออกจากที่ทำงานด้วยกัน เดินบนทางเท้าเพื่อไปยังร้านอาหารที่ว่า ตลอดทางเราก็พูดคุยกันในเรื่องสัพเพเหระตามประสาคนคุ้นเคย แซวนู่นบ้างนี่บ้าง ผมเดินมาเรื่อยๆ จนถึงป้ายรถเมล์ป้ายหนึ่ง จู่ๆ ก็มีคนบีบแตรรถใส่จนเราสองคนและคนแถวนั้นสะดุ้งกันเป็นแถบ
“บอกให้รอ ทำไมไม่รอ”
ชะ…เชี่ยแล้ว ไอ้หมีนี่หว่า ตาย ลืมไปเลยว่ามันจะมารับ แย่แล้วว
“เอ่อ…”
“ใครอะ เจไดรู้จักเหรอ”
“เอ่อ นั่น…” ผมมองสลับไปมาระหว่างไอ้หมียักษ์กับนิ่ม
ตายๆ ทำไมกูรู้สึกเหมือนโดนเมียหลวงจับได้ว่ามีเมียน้อยเลยวะ แล้วกูจะมาลนอะไรเนี่ย บอกว่าเป็นเพื่อนบ้านไปก็จบนี่หว่า
“เพื่อนบ้านเราเองอะ”
“เขาจะมารับเจไดหรือเปล่า เจไดจะกลับเลยก็ได้ ไว้ค่อยไปวันหลังก็ได้” นิ่มยิ้มให้เหมือนเกรงใจ
“ไม่ๆ เขามาทางผ่านเฉยๆ เดี๋ยวเขาก็กลับแหละ”
“เจได จะไปไหน” เสียงไอ้หมีลอดมา ผมเลยต้องหมุนตัวกลับไปมองมัน ก่อนจะไล่ให้มันกลับบ้านไปแบบไม่มีเสียง ดูท่าทางไอ้หมีมันจะอ่านปากผมออกเลยปล่อยรังสีทะมึนมาอีก
“จะไปไหน”
เสียงเหี้ยมเลเวลสามมาแล้วครับท่านผู้ชม
“อ๋อ เราสองคนกำลังจะไปกินข้าวตรงร้านหัวมุมน่ะค่ะ” เมื่อเห็นผมไม่ตอบ นิ่มก็เลยอาสาตอบเอง สายตาไอ้หมีตอนมันมองนี่คือแทบพุ่งออกมาจากรถ ผมล่ะกลัวมันฆ่านิ่มจริงๆ
“งั้นขึ้นมาครับ เดี๋ยวไปส่ง”
“เฮ้ย...ไม่ตะ”
“ขึ้นมา”
เนี่ย! ดูดิ ผมขัดอะไรมันไม่ได้สักอย่างอะ เสียใจว่ะ มันแบบ โอ้ย! ทำไมผมจะต้องมาเจอมารผจญหนักหน่วงขนาดนี้ด้วยเนี่ย เฮ้อ~
“ใครให้นั่งหลัง เจได มานั่งหน้า”
“โอ้ย นั่งไหนก็เหมือนกันไหม”
“เจได มานั่งหน้า”
...สุดท้ายไอ้เจคนตัวน้อยจิ๊ดริ๊ดก็ต้องเอาตัวเองมานั่งข้างๆ ไอ้หมีควาย สายตามันดูแค้นเคืองผมมาก ตั้งแต่ขึ้นรถมาก็มีแต่ความเงียบจนผมอึดอัด อดทนนั่งมาเรื่อยๆ จนถึงร้านอาหาร ผมรีบลงรถไปเปิดประตูให้นิ่มทันที
“โอ้ยเจได อะไรเนี่ย ไม่ต้องทรีทเราดีเว่อร์ขนาดนี้ก็ได้”
“ไม่ได้ดิ เล่นใหญ่ขนาดนี้แล้ว”
“เอ่อ ขอบคุณมากนะคะที่มาส่ง” นิ่มเหมือนจะจำได้ว่าใครมาส่งเลยหันกลับไปขอบคุณไอ้หมีที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่
เอ่อ... เรารีบไปดีกว่านะ ไม่อย่างนั้นไอ้หมีกินผึ้งมันจะกินหัวเราสองคนแน่ๆ เหมือนไอ้หมีมันรู้ว่าผมภาวนาขนาดไหนเพื่อให้มันรีบกลับ มันมองมาที่ผมก่อนจะยิ้มร้ายๆ
อย่านะ…อย่านะ ขอร้อง อย่ามา อย่าทำแบบนั้น อย่า...
“ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็จะมากินที่นี่เหมือนกัน กินโต๊ะเดียวกันเลยก็ได้ครับ”
ฉะ…ฉิบหายแล้ว
ไอ้มารหัวใจ! ไอ้ตัวร้าย! ไอ้หมีผี! โว้ยยยย! มึงจะมาทำอะไรของมึงเนี่ย หงุดหงิดโว้ย ไม่เข้าใจในตัวไอ้หมีสุขสันต์มันเลยสักนิดเดียว จะมาจู่โจมอะไรตอนนี้ มาคุมแบบนี้แล้วกูจะไปกล้าอ่อยนิ่มเขาได้ยังไง กูเครียด!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แงหรือที่จริงๆคุณถุงเซเว่นจะไม่ใช่พี่หมี ไม่นะ ม่ายยย ㅠ ㅠ
พี่หมีสู้ๆ เด็กมันดื้อ
เจไดอ่าาาาาาาาาาา
รอพี่หมีนะ สู้ๆ