ตอนที่ 15 : 15

EP. 15
“อือ…” ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนไหนก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้แค่ยกหัวยังจะทำไม่ได้เลย
โอย…เอาอีกแล้วสินะ เข้าเฝ้าปู่ย่าตายายอีกแล้ว
ผมตัดสินใจนอนเน่าๆ อยู่อย่างนั้นอีกสักพักจนพอเริ่มรู้สึกดีขึ้นเลยเริ่มลืมตา มองไปรอบๆ ตัวก็อยากจะตีหัวตัวเองให้มันสลบไปอีกรอบ บ้าเอ้ย! ผมกลับมาตื่นที่ห้องนี้อีกแล้ว เมื่อคืนจำได้แค่ว่านั่งรอไอ้สุขสันต์หน้าเวที หลังจากนั้นภาพก็ตัดไปเลย สรุปแล้วมันยังไงวะ ผมทำอะไรลงไปบ้างเนี่ย นึกไม่ค่อยออก แต่ไอ้หมีมันพาผมกลับมาห้องนี่แปลว่าดีกันแล้วหรือเปล่าวะ
ผมค่อยๆ ยันตัวเองขึ้นนั่งช้าๆ สังเกตเห็นเสื้อที่ถูกเปลี่ยน จู่ๆ หน้าก็ร้อนขึ้นมาเอง บ้าเอ้ย นี่มันแอบถอดเสื้อไปแล้วตั้งสองครั้งอะ ไม่น่าเมาเลย ทำไมเมาแล้วต้องเจอมันตลอดวะ พอกำลังจะเดินลงจากเตียง หูก็ดันได้ยินเสียงกีตาร์แว่วๆ มา เดาได้เลยว่าไอ้สุขสันต์นั่นแหละ แอบยืนทำใจอยู่หลังประตูเล็กน้อย เอาวะ มันคงจะหายงอนแล้วแหละ มึงเองก็เลิกอายได้แล้วไอ้เจ เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว รีบเดินไปเอาเสื้อแล้วกลับห้องดีกว่า
“เอ่อ...” ผมเดินออกมาจากหลังประตู ก่อนจะส่งเสียง ไอ้หมีทำเป็นไม่สนใจและก้มหน้าก้มตาเล่นกีตาร์ของมันต่อ แมวดำก็กำลังนอนกระดิกหางอยู่ข้างๆ
“เสื้อกูอยู่ไหนเหรอ”
เชี่ย…ทำไมเสียงกูดูหงอได้ขนาดนี้วะ จะไปกลัวอะไรกับไอ้หมีเนี่ย โอ้ยยย ทำไมเจไดถึงได้กลัวไอ้สุขสันต์ไปซะได้ มาถึงจุดนี้ได้ยังไง
แต่แล้วมันก็ยังไม่ตอบ...
เฮ้ย...อย่าบอกนะว่ายังไม่หายโกรธผมอะ หน้าแห้งเลยว่ะ
ผมเกาหัวหันซ้ายหันขวาเพื่อที่จะหาเสื้อตัวเอง แต่มองไปทางไหนก็ไม่เจอ เดินกลับเข้ามาดูที่เตียงก็ไม่มี ไม่อย่างนั้นทิ้งไว้นี่แหละวะ ไม่ยอมบอกกูดีนัก กลับห้องแล้วแม่ง ง้อยากนักก็ไม่ต้องง้อ เล่นตัวอยู่นั่น กูไม่สนใจก็ได้ ลำบากเปล่าๆ
พอคิดได้แบบนั้นเลยเดินไปคว้ากระเป๋าตรงมุมห้องก่อนจะเดินออกมาด้วยความโมโห แต่ดันมาเจอเจ้าของห้องยืนดักอยู่ก็ทำเอาความเกรี้ยวกราดที่ผมมีหายไปครึ่งหลอด
ไอ้สุขสันต์มันยืนกอดอกมองผมนิ่งๆ
“หลีกดิ จะกลับห้อง”
“จะบ่ายสองแล้ว ไปล้างหน้าแปรงฟันซะ จะได้กินข้าวกินยา”
“กูจะกลับไปหากินเองที่ห้อง” ผมเถียงกลับ ไอ้เจ้าของห้องลอบถอนหายใจออกมาก่อนที่จะเดินมาดึงกระเป๋าของผมออกไปถือเอง
“เอามา!”
“ไปล้างหน้าแปรงฟัน” มันสั่ง ไอ้ตอนแรกก็กะว่าจะเถียงนิดหน่อย แต่พออ้าปากปุ๊บไอ้หมีมันก็ส่งสายตาทันที
ฮึ่ย! อะไรนักหนาวะ ด้วยความที่ผมโมโหเลยรีบเดินไปที่ห้องน้ำ แต่เหมือนผมจะรีบไปหน่อยเลยเดินเซจนเกือบจะล้ม ไอ้สุขสันต์เห็นอย่างนั้นเลยรีบถลาเข้ามาจับตัวผมเอาไว้
โอย…เวียนหัว
“อย่าเพิ่งรีบ”
ผมสะบัดแขนมันออกแล้วพยุงตัวเองไปที่ห้องน้ำ แต่เหมือนปฏิกิริยาอะไรสักอย่างที่พอผมมองเห็นชักโครกปุ๊บก็เหมือนจะมีก้อนวิ่งมาจุกที่คอทันที ในที่สุดผมก็ต้องวิ่งไปโก่งคอใส่ รับรู้ได้ถึงสัมผัสที่หลังว่ามีมือใหญ่ของใครบางคนคอยลูบให้ ผมนั่งตาลอยกอดชักโครกไว้สักพัก ส่วนไอ้หมีก็นั่งยองๆ ลงมาแล้วพยุงผมขึ้นไปตรงอ่างล้างหน้า
“แปรงฟันซะ ไปกินข้าวกินยา แล้วค่อยนอนพักก็ได้”
เหมือนตอนนี้ผมไม่เหลือเรี่ยวแรงอะไรจะไปเถียงมันละ เลยได้แต่ทำตามคำสั่งยังกับคนโดนของ พอล้างหน้าแปรงฟันเสร็จถึงได้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง ผมเดินออกมาก็เจอไอ้หมีมันกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่กับแมวดำบนตักมัน ดูท่าว่ามันจะรักแมวตัวนั้นมาก แต่ก็ช่างมัน ผมไม่สนมันหรอก ไปกินข้าวกินยาแล้วกลับไปนอนห้องดีกว่า
“เสื้อ”
“เฮ้!” ผมตกใจ เพราะจู่ๆ ไอ้เจ้าของห้องมันก็โยนเสื้อมาใส่หัวผมขณะที่กำลังจะตักข้าวเข้าปาก “เอามาให้ดีๆ ไม่เป็นรึไง…นี่ไม่ใช่เสื้อกูนี่” ผมกางเสื้อยืดสีตุ่นในมือออกดู มันจะโยนเสื้อมันมาให้ผมทำไมวะ แล้วเสื้อผมอยู่ไหน
“ตากอยู่ มันยังเปียก ไปอาบน้ำแล้วใส่ตัวนั้นไปก่อน”
“ทำไมเปียก”
“ซัก” มันตอบกลับสั้นๆ แต่ทำเอาผมถึงกับอ้าปากค้าง
ซักผ้า! มันซักเสื้อให้ผมงั้นเหรอ เกิดมาแม้แต่พวกไอ้พิงก็ยังไม่เคยจะซักเสื้อผ้าให้เลยนะเว้ย ตกใจนะเนี่ยบอกตรงๆ
“นี่มึง…ซักให้เหรอ”
“เปล่า โยนลงเครื่อง”
“อ่อ”
“ทีหลังรู้ว่าตัวเองเมาง่ายก็อย่ากินเยอะ กลับเองไม่ได้ก็อย่าเมา”
พอโดนไอ้หมีสอนมาแบบนั้น แทนที่ผมจะโมโหมันเหมือนเคยแต่ผมก็กลับรู้สึกอีกแบบ ผมนั่งเงียบไปทันทีก่อนจะตักข้าวกินต่อ เอาจริงนะ ผมว่าไอ้สุขสันต์คงยังไม่หายโกรธผมแน่ ฟังจากน้ำเสียงแล้ว เหมือนมันแทบจะไม่อยากพูดกับผมด้วยซ้ำ
ไม่ชอบให้ใครมาโกรธเลยว่ะ
นี่ผมรู้สึกผิดกับมันจริงๆ นะ แต่ผมก็ไม่ตั้งใจไหมล่ะ วันนั้นมันฉุกเฉินจริงๆ ผมทนคุยกับมันไม่ได้จริงๆ จะให้ผมบอกว่ายังไงล่ะ คนมันไม่กล้านี่ แล้วเนี่ยกลายเป็นว่ามันเข้าใจผิดไปเฉยเลย จู่ๆ ผมก็คิดมากขึ้นมาแบบนั้นเลยทำให้กินข้าวไม่ค่อยลง กินต่อได้แค่ไม่กี่คำก่อนจะกระดกยาเข้าปาก
กลับห้องดีกว่า อยู่ไปก็บั่นทอนจิตใจเปล่าๆ
“กูอิ่มละ เดี๋ยวล้างจานให้” ผมบอกโดยที่ไม่มองหน้ามัน ก่อนจะถือจานไปที่อ่างล้างจาน แอบได้ยินเสียงไอ้หมีมันถอนหายใจ สักพักก็รับรู้ได้ถึงฝีเท้าหนักๆ ที่เดินตามมา ก่อนที่ผมจะถูกดึงให้หันกลับไปหามัน ผมก้มหน้ามองจานในมือตัวเองอย่างเดียว ไม่กล้าเงยหน้ามอง
“เมี่อกี้ไม่ได้ดุ” มันว่าออกมาแบบนั้น แต่ผมก็ยังคงไม่กล้ามองอยู่เหมือนเดิม จนสุขสันต์อดไม่ไหวเลยต้องดึงจานออกแล้วโยนลงซิงค์ด้านหลัง เสียงจานกระทบอ่างสแตนเลสจนผมสะดุ้ง
กะ…เกรี้ยวกราดจังวะ กูจะโดนเชือดคอไหมเนี่ย
“เงยหน้าขึ้น”
“…”
“เจได เงยหน้า”
เนี่ย เหมือนมันรู้อะว่าใช้เสียงความถี่ไหนแล้วผมจะยอมทำตาม ผมล่ะเกลียดเสียงแบบนี้ของมันจริงๆ
“คิดอะไร”
“เปล่า…”
“รู้ไหมว่าตัวเองโกหกไม่เก่ง”
เออ! กูพอรู้!
“ไม่ได้โกรธแล้ว โอเคไหม” จู่ๆ มันก็พูดออกมา ผมชะงักไปเล็กน้อย เออเว้ย อยู่ดีๆ มันก็เดินมาบอกผมเองเลยว่าไม่ได้โกรธแล้ว
แต่มึงไม่โกรธกูแล้วมึงจะมาเย็นชาใส่กูทำไมล่ะ ไปกินรังแตนที่ไหนมาถึงเอามาลงที่กูล่ะ! กูก็ใจเสียเป็นเหมือนกันนะเว้ย
“เข้าใจไหม”
“เออ” ผมตอบไปไม่เต็มเสียงเพราะไอ้หมีมันเอาแต่จ้องหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง ผมไม่ชอบเวลามันจ้องแบบนี้เลย
“เข้าใจว่า?”
“เข้าใจว่ามึงไม่ได้โกรธกู”
“แล้วสรุปว่าวันนั้นเป็นอะไร”
เชี่ย...ถามจนได้สินะ ฮือออ~ อุตส่าห์ทำใจลืมๆ ไปได้แล้วนะ ยังจะมาถามให้กูต้องรื้อฟื้นอีก จะมาอยากรู้ทำตะเข็บอะไรเล่า ปั้ดโธ่!
“เจได”
“เอ่อ…เหี้ย!” เพราะมัวแต่คิดหาข้อแก้ตัว พอเงยหน้ามาเลยถึงกับร้องอุทานออกมาเสียงดัง ก็จู่ๆ ไอ้เจ้าของห้องมันก็เดินเข้ามาประชิดตัวแล้วหิ้วผมขึ้นไปนั่งบนขอบอ่างล้างจาน
เฮ้ย! นี่มึงอุ้มกูขึ้นมาได้ง่ายขนาดนี้เลยเหรอวะ โอ้โห...กราบแล้ว ยอมแล้ว
ผมว่าผมคิดถูกแล้วที่ไม่ใช้กำลังกับผู้ชายคนนี้ ถ้าเล่นหิ้วผู้ชายทั้งคนขึ้นมาจากพื้นได้แบบนี้ผมว่าไม่ควรยุ่งด้วยเด็ดขาด อันตราย! อันตรายอย่างแรง
แต่เพราะการขึ้นมานั่งแบบนี้เลยทำให้สายตาของมันอยู่ระดับเดียวกับผม ไอ้หมีมันเลยได้จังหวะกดดันผมเต็มที่ ผมนี่เอนตัวหนีมันจนไม่รู้จะหนียังไงแล้ว
“ตอบมา”
“โอ้ย! มึงทำอะไรเนี่ย!”
“เจได ถามก็ตอบ”
“ก็ไม่ต้องมากดดันกันขนาดนี้ก็ได้ไหม” พอผมตอบไปแบบนั้นมันก็เลยเงียบ เหมือนรอให้ผมพูดต่อ เราเล่นสงครามประสาทกันอยู่อย่างนั้น เสียงไอ้แมวดำมันก็ยังแม้วๆๆ อยู่หน้าทีวี
มึงไม่ต้องมาสนใจกุขนาดนี้ก็ได้ ไปสนใจแมวไป๊!
“วันนั้น กู…กูปวดท้อง” ผมเลือกที่จะโกหกมันออกไป
“โกหก”
แหงะ ดันจับได้อีกนะ!
“เจได พูดความจริงมา ไม่งั้นจะไม่เล่นแล้วนะ”
ไม่เล่น โอ้…นี่ขนาดมึงไม่เล่นนะ มึงยังมาแบบฟูลออฟชั่นซะขนาดนี้
“กูฝัน”
“ฝันอะไร”
“ฝันไม่ดี” ผมเลือกที่จะเลี่ยงตอบไปแบบนั้น “ฝันไม่ดีมากๆ แล้วมึงก็มากวน กูเลยทนไม่ไหว แค่นั้น” พอผมบอกออกไปแบบนั้น มันก็เงียบไป สักพักหนึ่งมันก็ยกมือขึ้นมา
ดูออกแน่ๆ ว่ากูโกหก โฮ...มันต่อยกูแน่ มันต่อยกูแน่ มันต่อยกูแน่ เกร็งแก้มรอเลยไอ้เจเอ๊ยยยย
“ก็แค่นั้น ไม่บอกแล้วจะรู้ไหม” มันว่าก่อนที่จะวางมือลงบนหัวผมแล้วขยี้ไปมา ผมใจเต้นแรงขึ้น จู่ๆ ก็รู้สึกแปลกๆ
...เอาอีกแล้ว ไอ้สุขสันต์ทำกูตกใจอีกแล้ว แม่ง ทำไมชอบทำให้ใจสั่นนักวะ กลายเป็นคนตกใจง่ายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย เผลอนึกว่ามันจะตบบ้องหูเอาซะแล้ว
“ไปเอาเสื้อผ้าที่วางตรงโต๊ะแล้วก็ไปอาบน้ำซะ สระผมด้วย หัวเหม็นแล้ว” มันสั่งก่อนจะผละออกไป
ผมรีบกุมหัวใจตัวเองทันที ค่อยหายใจโล่งคอหน่อยที่มันเดินไปนู่นแล้ว โอ้ย…ทำไมต้องเอาชีวิตมาเสี่ยงหัวใจวายตายตอนนี้วะ กลัวมากนะเนี่ย ยังใช้ชีวิตได้ไม่เท่าไรก็จะเป็นโรคหัวใจซะแล้ว
ผมรีบอาบน้ำตามที่ไอ้หมีสั่ง ใช้ของในห้องน้ำร่วมกับมันไปเลย ยาสระผม ครีมอาบน้ำ ใช้ให้หมด เอาให้เปลืองๆ อยากให้กูอาบดีนักกูอาบให้ แล้วจะรู้ว่าทำไมกูถึงหมดเงินเยอะนักในแต่ละเดือน พออาบน้ำเสร็จจนหอมฉุยผมก็เดินออกมาจากห้องน้ำ เสื้อผ้าที่สุขสันต์หามาให้ไซส์ค่อนข้างใหญ่กว่าผมเล็กน้อย แค่พอหลวมไม่ถึงกับโคร่ง ผมเดินออกมาเจอไอ้หมีมันกำลังเกาพุงให้แมวมัน พอมันเห็นผมเดินออกมาก็เลยกวักมือให้เข้าไปหาและดึงให้นั่งลงข้างกันทันที
“เฮ้!”
“หัวเปียกขนาดนี้ ทำไมไม่เช็ดให้มันหมาดๆ ก่อนแล้วค่อยออกมา” มันบ่น ก่อนจะปัดมือผมออกแล้วเช็ดผมให้
เอาอีกแล้ว เช็ดผมนี่กูก็ไม่เคยให้ใครหน้าไหนมาเช็ดให้นะเว้ย! อย่ามาจับได้ไหมวะ หวงผม มึงเป็นใครเนี่ย กล้าดียังไงมาจับหัวกูสองครั้งแล้วนะ!
“อุ้มคุณนายไว้” มันบอกเมื่อเห็นแมวเดินมาข้างๆ ผม ผมเลยอุ้มมันขึ้นมานั่งบนตักตามคำสั่ง แต่ว่ามันก็เบามือดีว่ะ นึกว่ามันจะถอดหัวผมซะแล้ว ไม่อยากเชื่อว่ามันจะทำให้เพลินไปขนาดนี้
ผมอุ้มแมวขึ้นมาวางไว้บนตัก มันมองผมตาใสแป๋วก่อนจะร้องเหมียวๆ ตามประสา ผมลูบตัวมันไปมา อื้อหือ ขนนุ่มมาก ทำไมมันตัวนุ่มนิ่มได้ขนาดนี้
“คุณนายชอบให้เกาข้างๆ คอ” ไอ้หมีพูดขึ้นมาลอยๆ ผมเลยทดสอบโดยการเกาข้างๆ คอตามที่มันว่า และผลคือไอ้แมวดำหลับตาพริ้มทันที ...น่ารักว่ะ
“ถ้าเกาไปเรื่อยๆ คุณนายจะหลับ”
เจ้าของเขาว่ามาแบบนั้น ไอ้ผมจะไปขัดอะไรล่ะ เลยเกาแบบนั้นไปเรื่อยๆ จนผ่านไปไม่นานไอ้แมวมันก็กลายเป็นก้อนสีดำนิ่งๆ คาตักผมไปซะแล้ว
หลับง่ายดีจังวะ แต่พอมองแมวไปสักพัก น้ำหนักมือเบาๆ จากสุขสันต์ก็เล่นเอาผมเริ่มเคลิ้มๆ เหมือนกัน นั่งเงียบๆ ไปได้ไม่นานผมก็รู้สึกเหมือนหนังตาจะปิดทีละน้อยๆ จนในที่สุดผมก็เผลอหลับไป
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งในรอบวัน แต่คราวนี้ท้องฟ้าข้างนอกมืดไปแล้ว แน่นอนว่าคราวนี้ก็ตื่นขึ้นมาบนเตียงเดิมที่ตื่นในตอนเช้า เสียงน้ำฝนกระทบหน้าต่างห้อง มองรอบๆ ก่อนจะตกใจที่เห็นไอ้หมีมันนอนอยู่ข้างๆ ระหว่างผมกับมันมีก้อนขนสีดำๆ กองอยู่ ผมเผลอลอบมองใบหน้าของอีกฝ่ายตอนหลับ
เวลาสุขสันต์นอนมันก็ดูไม่เห็นจะดุเลย ก็เหมือนคนปกติทั่วไป แต่เอ…หน้ามันใสจังวะ ใช้ครีมอะไรเนี่ย อยากรู้ ไหนมันบอกมันเป็นพี่ แต่ทำไมหน้ามันเหมือนยังหยุดเอาไว้ที่อายุยี่สิบปลายๆ เองวะ ผมขยับตัวช้าๆ เพื่อที่จะลุกกลับห้อง แต่เหมือนไอ้ร่างที่นอนข้างๆ มันจะรู้ตัวเลยจับแขนผมไว้
ผมสะดุ้ง ก่อนจะหันไปตอบ “กูจะกลับห้อง มันมืดแล้ว”
“นอนนี่แหละ” มันว่าออกมาทั้งๆ ที่หลับตาอยู่
จะบ้าหรือไง! วันนี้ทั้งวันจะไม่ให้กูไปไหนเลยเหรอ จะให้ขลุกอยู่กับหมีกับแมวเนี่ยนะ ห้องตัวเองก็กลับไม่ได้
“ไม่เอา จะกลับห้อง”
“ไฟดับ”
ดับเหรอ แอร์เย็นเจี๊ยบขนาดนี้ยัง พูดออกมาได้ กูไม่โง่นะ
“สุขสันต์ มึงอย่ามาตลก ปล่อย กูจะกลับห้อง”
“แลกกัน เคยไปนอนห้องนั้นแล้ว”
แล้วไง เลยจะให้กูนอนห้องนี้คืนงั้นเหรอ ตลกแล้ว
“อยากดูหนังก็หยิบเอา แมควางอยู่ข้างเตียง หูฟังเสียบอยู่” มันบอกผม
แหนะ เอาหนังมาล่อกูอีก ฟ้าร้องขนาดนี้มึงจะให้กูดูหนังแบบสบายใจได้ยังไงวะ
“ไม่ดูเหรอ”
“จะดูยังไง เดี๋ยวฟ้าลงพอดี”
“เขาก็มีสายล่อฟ้าอยู่ไหม”
“ไม่รู้ กูเซฟตัวเองไว้ก่อน พ่อแม่สอนมา” ผมตอบไปแบบนั้น
เราสองคนก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ จนเวลาผ่านไป ผมนอนมองดูเพดานในความมืดไปเรื่อยๆ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้เลยถามคนข้างตัวออกไป
“สรุปแล้วมึงอายุเท่าไร”
“ทายดิ”
“ขี้เกียจทาย หัวมันตื้อ”
“สามสิบสอง”
เป็นพี่ตั้งสี่ปี! โอ้ มายก้อด
“ทีนี้ก็เรียกพี่ได้หรือยัง”
เหอะ ขอโทษนะ ไม่สามารถเรียกได้จริงๆ จ๊ะ ซอรี่
“ถ้าไม่เรียกพี่ เดี๋ยวจะให้เรียกอย่างอื่น แล้วจะไม่ชอบไม่ได้นะ”
หืม...อะไร ทุกวันนี้เรียกขนาดนี้ยังไม่พอใจเหรอ สรรพนามมึงเยอะมากนะ
“ทำงานแค่วงดนตรีอย่างเดียวเหรอ”
“เปล่า ทำงานที่บ้านด้วย”
“งานอะไร”
“อยากรู้เหรอ”
เอ้า! กูถามก็ต้องแปลว่ากูอยากรู้สิ ไม่งั้นจะถามทำไม ถามอะไรโง่ๆ
“วันไหนว่าง เดี๋ยวพาไปดู”
แล้วกูจะไปดูทำไม ดูแล้วได้อะไร แค่ตอบมาก็จบแล้วไหม ทำไมชอบทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก ผมนอนหงายแบบนี้ไม่ถนัดเลย ปกติเป็นคนชอบนอนตะแคง ทีนี้ผมเลยตะแคงตัว ทว่าด้านที่ถนัดก็ดันเป็นด้านที่หันหน้ากลับไปหาไอ้เจ้าของห้อง จังหวะที่พลิกตัวมาขาผมก็ดันไปโดนขามันใต้ผ้าห่ม ผมตกใจจนต้องรีบชักเท้ากลับ
“ถามอะไรหน่อย”
“อือ” มันครางตอบผมสั้นๆ
“มึง…มึงมีแฟนหรือยัง” ผมถามออกไป อันนี้ผมสงสัย มาลองนั่งๆ นอนๆ คิดดูแล้วผมก็ไม่เคยถามมันจริงจังเรื่องนี้เหมือนกัน เอาแต่คิดเข้าข้างตัวเองว่าไอ้หมีมันอาจจะชอบผม แต่เอาจริงๆ ผมก็ไม่ได้จริงจังในความคิดนั้นสักเท่าไร เพราะหน้าตาไอ้สุขสันต์มันก็หล่อ หุ่นมันก็ดีจะตายไป อย่างมันเนี่ยนะจะเป็นเกย์ ไม่อะ ผมว่ามันต้องมีแฟนแล้วแน่ๆ
แล้วทำไมพอคิดว่ามันมีแฟนแล้ว ผมถึงวูบโหวงแปลกๆ วะ...
ผมชะงักไปเล็กเมื่อจู่ๆ ไอ้หมีมันก็ดันลืมตาขึ้นมา ผมมองตามันผ่านความมืด ไม่รู้ว่าไอ้หมีมันกำลังมองผมด้วยแววตาแบบไหนอยู่
“คิดว่ายังไงล่ะ”
“เอ่อ…กูว่ามึงมีแล้วแหละ” ผมว่าออกไปตามที่คิด ได้เสียงไอ้หมีมันหัวเราะเสียงเบาๆ
“เด็กอะไรชอบคิดไปเอง”
เอ๊ะ! นี่มันว่าผมเหรอ เอ้า! ไอ้บ้านี่ ชักจะกวนแล้วนะ ใครเด็กน้อย! เดี๋ยวเหอะ จะจับแมวข่วนหน้า
“ว่าใครเด็ก”
“ยังไม่มี ไม่มีครับ” จู่ๆ มันก็พูดสวนผมขึ้นมา
ผมไม่ชินเลยกับการที่มันมาพูดครับใส่แบบนี้ จะว่ายังไงดี มันจั๊กจี้ว่ะ ผมไม่โอเค
“ไม่ชอบคนดื้อ ไม่ชอบคนโกหก”
เอ้า...แล้วจู่ๆ จะมาบอกสเปคกันแบบนี้ก็ได้เหรอวะ แล้วบอกกูทำไมล่ะเนี่ย อยากรู้มากมั้ง
“อ่อ กูว่ากูไม่ได้ถามนะ”
ผมได้ยินเสียงมันถอนหายใจ อะไรของมันวะ
“นอนเถอะเจได”
“เอ้า ก็กูยังไม่ง่วงอะ กูจะกลับห้อง”
“ถ้ากลับก็จะไปลากกลับมานี่”
โอ้! เอากับมันสิ ขนาดนี้นี่คือหนักแล้วนะเนี่ย เรียกกักขังหน่วงเหนี่ยวได้ปะ เอ่อ...แต่ผู้ร้ายแม่งจะใจดีไปเปล่าวะ ให้ข้าว ให้เสื้อผ้า ให้นอน อีกนิดมันจะตบตูดร้องเพลงกล่อมแล้วเนี่ย ผมคิดไปคิดมาก็ล้มเลิกความคิดจะกลับห้อง นอนเล่นไปสักพักอากาศเย็นๆ บวกเสียงฝนก็กล่อมผมให้หลับไปอย่างง่ายดาย เข้าสู่นิทราไปอีกครั้งโดยที่ไม่รู้เลยว่ายังอยู่ในสายตาอีกคนตลอด
“เจได ไอ้เด็กดื้อ”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แพ้คำนี้ได้ไหม
พี่หมีโคตรละมุน
งื้อออออ เมื่อไหร่จะรู้ตัวนังเจ