ตอนที่ 13 : 13

EP. 13
“หมีควายมีลำตัวอ้วนใหญ่ หัวมีขนาดใหญ่ ตาเล็กและหูกลม ขาอ้วนล่ำและหนา หางสั้น มีนิ้วเท้ายาวทั้งหมดห้านิ้ว”
“เจ…มึงจะดูสารคดีหมีนี่อีกนานไหม”
“เดี๋ยวพี่บาร์ ขออีกแป๊บหนึ่งดิ”
“หมีควายกินอาหารได้หลากหลาย เช่น เนื้อสัตว์, ผลไม้, ใบไม้, หน่อไม้, ซากสัตว์, แมลง, รังผึ้ง และตัวอ่อนของผึ้ง มักออกหากินในเวลากลางคืน มักอาศัยและหากินตามลำพัง”
นั่นไง เป๊ะ…เป๊ะเลย เป๊ะฉิบหาย เหมือนร้อยเปอร์เซ็นต์! ไอ้สุขสันต์มันเป็นหมีควาย ดูท่าทางการเดิน ดูท่าทางการกิน โคตรใช่
“ไอ้สารคดีนี่มันน่าสนใจตรงไหนวะ จู่ๆ ก็รีบวิ่งมาดู” พี่บาร์ยังคงตั้งคำถามสงสัยกับการที่ผมนั่งดู National Geographic ในช่วงพักกลางวันแบบนี้ ก็พอดีนั่งกินข้าวอยู่มันก็ดันมีสารคดีไพรหมีป่าขึ้นมา ผมมองแวบแรกเผลอนึกว่าไอ้สุขสันต์เสียอีก ไม่รู้เป็นไงมาไงผมถึงนั่งจ้องเป็นเอามากขนาดนี้ จู่ๆ ก็อยากศึกษาชีวิตหมี อยากรู้วงจรชีวิตมัน กินอะไรทำไมตัวใหญ่ ปลาก็ตัวแค่นี้ สัตว์ที่มันกินก็ตัวแค่นี้ มันจะเอาอะไรมาใหญ่วะ
“ศึกษาไงพี่ การศึกษาไม่จำกัดอายุนะเว้ย”
“เออ กูเคยศึกษามาแล้ว และกูจำได้ว่ากูจะตาย ดังนั้นขอไม่ศึกษาต่อ” พี่แกว่าก่อนจะกรึ้บกาแฟต่อ
ตะ…ตรรกะอะไรวะเนี่ย!
“อย่าเอาแต่ดู แดกข้าวด้วยค่ะ” พี่ปลาวาฬพูดก่อนจะจิ้มหมูในจานผมไปกินต่อหน้าต่อตา
เฮ้ยยย กับน้องกับนุ่งก็ยังเอาเหรอ
“พี่!”
“ตัวมึงก็แค่นี้ กินอะไรให้มันเยอะๆ หน่อยไอ้เตี้ย”
“ผมไม่เตี้ยนะเว้ย หาว่า” ทำไมชอบหาว่าผมเตี้ยจังวะ นี่ก็ไม่ได้ห่างร้อยแปดสิบ มากขนาดนั้นสักหน่อย
“เหรอ ตัวแกเท่านี่” พี่ปลาวาฬว่าก่อนจะกางนิ้วให้ดู
โอโห โคตรหยาม คนบ้าอะไรตัวเล็กกว่าช่องปากอีก โว๊ะ อวพจน์[1]เกิน
“โอ้ย ไม่คุยกับพี่แล้ว ไปดีกว่า” สุดท้ายผมก็เลือกจบปัญหาด้วยการลุกหนีซะ
ระหว่างเดินกลับขึ้นตึก ผมก็เจอกับนิ่มพอดี พอเห็นนิ่มกำลังเดินเล่นโทรศัพท์ก็อดคิดอะไรสนุกๆ ไม่ได้ ผมค่อยๆ ย่องเข้าไปแล้วไปสะกิดไหล่อีกฝ่าย นิ่มหันหน้ากลับมาแต่ผมเบี่ยงตัวไปอีกด้านแล้วโผล่หน้าไปจ๊ะเอ๋เธอ “แฮ่!”
“กรี๊ด! เจ!” นิ่มถึงกับร้องเสียงหลงก่อนจะฟาดมือลงบนต้นแขนผมทันทีอย่างไม่เบาแรงนัก
อูยยย เห็นมือเล็กแบบนี้ก็แอบแสบเหมือนกันนะเนี่ย
“เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง ไหน เราขอโทษ”
“โอ้ย เจ็บ”
“เจได อย่ามาแสดง เดี๋ยวเหอะ”
“ก็เนี่ย เห็นปะ แดงเลย” ผมยื่นแขนให้นิ่มดู
นิ่มเดินเข้ามาดูอาการ สัมผัสเบาๆ จากมือนุ่มๆ ของผู้หญิงทำเอาผมแทบจะกลั้นยิ้มไม่อยู่ ผมชอบนะเวลามีคนมาเอ็นดู มามองเราด้วยสายตาแบบนี้ อันที่จริงผมแพ้คนน่ารักอะ แพ้มากๆ อย่างนิ่มนี่ก็คือน่ารักตายไปเลย
“เล่นอะไรก็ไม่รู้ นี่ถ้าโทรศัพท์เราตกจะซื้อให้เราใหม่ปะ”
“อยากได้เครื่องใหม่ปะล่ะ”
โชว์ป๋าครับโชว์ป๋า กินมาม่าปลายเดือนได้แต่หยามไม่ได้นะครับ
“ทำมาเป็นพูดดี” นิ่มผลักแขนผมเบาๆ ก่อนจะเดินนำไป
ผมรีบเดินตามไปขนาบข้างทันที “วันนี้ไปกินข้าวเย็นด้วยกันอีกปะ มีร้านริมทางแนะนำ”
“เพิ่งกินเนื้อย่างด้วยกันไปเองนะ”
“เอ้า วันนั้นก็วันนั้นดิ วันนี้ก็วันนี้” ผมเดินมาส่งนิ่มจนถึงแผนกของเธอ นิ่มเข้าไปนั่งเก้าอี้ก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์ เธออมยิ้มโดยไม่ได้มองผมที่กำลังยืนทำหน้าอ้อนอยู่ใกล้ๆ
หน้าตาลูกหมาแบบนี้แหละที่สาวๆ ใจอ่อน บอกเลย!
“นะ ไปกินด้วยกันเถอะ”
“เจได เราจะทำงานแล้ว”
“เนี่ย ถ้าไม่มาแผนกก็ไม่เจอกันแล้วปะ”
“พูดยังกับอยากเจอเราอะ”
“ก็อยากเจอไง” พอผมพูดออกไป นิ่มก็ถึงกับหันขวับมามอง เพื่อนสาวสองคนที่นั่งอยู่ไม่ไกลก็ดูเหมือนได้ยินที่ผมพูดเมื่อกี้ด้วย พวกเธอเลยหันมามองผมทันที
นิ่มรีบลุกขึ้นมาตีแขนผมก่อนจะกระซิบรอดไรฟัน “พูดอะไรเนี่ย”
“เอ้า ก็จริง” ผมยักคิ้ว แอบสังเกตว่าหน้านิ่มขึ้นสีแดงเล็กน้อย
ฮึ่ย... น่ารักจังวะ
“ตลกแล้วเจได เพ้อเจ้อ ไปๆ กลับไปทำงาน เนี่ยจะหมดเวลาแล้ว”
“ตกลงมาก่อนว่าจะไปกินข้าวด้วยกัน” ผมยังคงเล่นลูกตื๊อกับนิ่ม และนิ่มยังคงปฏิเสธเหมือนเดิม แต่ผมก็ยังหน้าด้านออดอ้อนเขาอยู่อย่างนั้น ไม่รู้แหละ ผมว่าผมจะจีบนิ่มก็คือจะจีบให้ได้ ผมต้องได้นิ่มเป็นแฟน คนเขาจะได้เลิกหาว่าผมเป็นเกย์สักที ผมชอบผู้หญิงเว้ย!
“นะ นะ นะ”
“โอ้ย เจได”
“นะ นะครับ” อะ กูเพิ่มเอฟเฟคเข้าไปอีก
นิ่มถึงกับยกมือขึ้นปิดหน้า แต่สุดท้ายแล้วเธอก็พยักหน้าออกมา
“เย่ เดี๋ยวรอที่หน้าตึกตอนเลิก ห้ามเบี้ยวนะ” ผมยิ้มส่งท้ายก่อนจะวิ่งออกมาจากห้องนั้น พอวิ่งมาได้สักพัก จู่ๆ ผมก็เริ่มรู้สึกบางอย่าง
เมื่อตอนที่นิ่มตอบตกลงเมื่อกี้นี้ ผมว่าผมก็ดีใจนะ ดีใจมากเลยด้วย แต่พอมาคิดๆ ดูอีกที ผมก็รู้สึกเหมือนมันมีบางอย่างที่ค้างคาอยู่ เหมือนมันยังมีอะไรสักอย่างที่ยังปลดล็อคไม่ได้ ก็ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงดีใจได้ไม่สุด ผมว่าผมก็ชอบนิ่ม นิ่มน่ารัก นิ่มใจดี นิ่มมีเหตุผล อ่อนโยน แค่นี้ก็น่าจะเป็นเหตุผลให้ผมควรจีบนิ่มแล้วนะ
…หรือว่าจริงๆ แล้ว ผมบังคับตัวเองให้คิดไปเองหรือเปล่า ว่าผมชอบเธอ
บ้าน่า! มึงฟุ้งซ่านอะไรของมึงเนี่ยไอ้เจ! หยุดคิดๆ
มึงชอบนิ่ม มึงจะจีบนิ่ม มึงชอบนิ่ม!
และช่วงเวลาทั้งบ่ายนั้น ผมก็กลายเป็นไอ้เจผีบ้าที่เอ๋ออ๋าเอาแต่สติฟุ้งซ่าน คิดเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องจนโดนพี่บาร์ด่าไปหลายรอบ ในที่สุดก็ถึงเวลาเลิกงานที่ผมรอ ผมรีบกวาดของแล้ววิ่งแจ้นลงไปรอนิ่มที่หน้าตึกทันที ยืนรอสักพักก็ไม่เห็นวี่แววของนิ่มจะลงมาเลยยืนอยู่ต่อไป จะขึ้นไปตามกลัวคลาดกัน เลยยืนจิ้มมือถือเล่นฆ่าเวลา รู้ตัวอีกทีก็ผ่านไปเกือบชั่วโมง แต่ทันทีที่ผมเงยหน้าขึ้นก็เห็นนิ่มเดินลงมา ผมรีบลุกขึ้นยืน ส่งยิ้มแล้วโบกมือให้เธอทันที
“เจได คือ…เราขอโทษนะ เราไปด้วยไม่ได้แล้วอะ” นิ่มเดินเข้ามาพูดกับผม สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “คือพอดีเราต้องแก้งานที่เราพิมพ์ผิดอะ หัวหน้าเขาให้เราทำให้เสร็จภายในวันนี้เพราะพรุ่งนี้ต้องรายงาน แล้วมันฉุกเฉินมาก ฉุกเฉินจริงๆ อะ ขอโทษนะ” เธอดูจะเสียใจมาก ผมไม่ชอบเห็นนิ่มเศร้าแบบนี้เลย
“เฮ้ย ไม่เป็นไร เราโอเค เธอแหละโอเคไหม อยากได้อะไรไหมเดี๋ยวซื้อมาให้”
“เจได ใจดีจัง แต่ไม่เป็นไรหรอก ลำบากเปล่าๆ”
“เราสบายมาก มีอะไรให้ช่วยไหมล่ะถ้าเราช่วยได้ก็บอกนะ” ผมรีบเสนอตัวทันที โอกาสช่วยงานแบบนี้หายากต้องรีบคว้าไว้
นิ่มส่ายหัวเบาๆ “เราไหวน่า แก้งานแป๊บเดียว เอาไว้เราไปกินกันวันหลังแล้วกันเนอะ”
“อ่า…งั้นเรากลับก่อนก็แล้วกันนะ มีอะไรก็ไลน์มาได้นะ”
สุดท้ายแผนวันนี้ก็ต้องพับเก็บ ผมต้องจำใจเก็บไว้ ฮืออออ แห้วมาก แห้วดิบมาก ไม่อยากเชื่อเลย วันนี้อุตส่าห์ไม่มีไอ้สุขสันต์มาขวางก็ดันมีงานมาขวางเสียได้ ฮึบ! ไม่เป็นไรเว้ยไอ้เจ! คราวหน้ายังมี มึงต้องลุยจีบเขาให้ได้
และในที่สุด ตามสไตล์บอยๆ แบบผมก็ต้องยอมทำเท่กลับบ้านไปอย่างน่าเสียดาย
ผมกลับมาถึงห้องของตัวเอง แต่กลับพบว่าหน้าประตูห้องมีหมีตัวหนึ่งยืนเฝ้าอยู่ ในมือมันถือถุงอะไรไม่รู้ใบโต๊โต เหมือนมันมีเซ้นส์อะไรไม่รู้ แค่ประตูลิฟต์เปิดมันก็หันมามองผมทันที
“มึงจะมายืนเฝ้าหน้าห้องกูทำไมฮะ” ผมเดินเข้าไปถามไอ้หมี
“กินข้าว”
เอ้า! แล้วมันเกี่ยวอะไรกับห้องผมวะ
“แล้ว? หิวก็ไปซื้อดิวะ”
ไม่งั้นก็ออกไปหาจับสัตว์เอา ...อันนี้ผมไม่ได้พูดออกไป กลัวโดนตบปาก
“เปิดห้อง จะได้เข้าไป”
คือเหมือนว่าตอนนี้สุขสันต์จะไม่ฟังอะไรแล้วอะ จะเข้าห้องผมให้ได้ท่าเดียว ผมอยากรู้มากเลยว่าตอนนี้มันเข้าห้องผมมากี่ครั้งแล้ว ชักจะเยอะเกินไปแล้วนะ แล้วไอ้ที่สำคัญก็คือผมดันขัดมันไม่ได้ ต้องให้เข้ามาตลอด และครั้งนี้ก็เหมือนกัน แค่มันทำหน้าดุๆ ผมก็หงอแล้ว
แต่พอผมลองมาคิดดูดีๆ อีกรอบ...มันจริงเหรอวะ ที่ผมยอมมันเพราะผมกลัวมัน
“มึงจะทำอะไร”
“ทำข้าวเย็น”
“เอ๊ะ นี่มึงทำเป็นด้วยเหรอวะ อ้ะ! อะไร!” จู่ๆ ไอ้สุขสันต์ก็เอามือมาตีปากผมเสียงดังแป๊ะจนสะดุ้ง
“อย่ามามึงใส่ เป็นน้อง”
ว้อททททท! อะไรของมึงนี่
“อะไร จะมาพี่น้องห่าอะไรตอนนี้”
“อย่าเรียกมึงกับกู ไม่ชอบ” มันบอก
เอ้า แล้วฉันเลือกอะไรได้ไหม ตลก แล้วจะให้กูเรียกมึงว่าอะไรอะพี่งั้นเหรอ โอย…ไม่ไหวๆ กระดากปาก
“ไม่เรียกแบบนั้นจะให้เรียกแบบไหน เรื่องมากว่ะ”
“เรียกพี่”
“โนจ๊ะ โนเวย์ อย่าฝัน” ผมเดินไปแย่งผักในมือมันก่อนจะเดินเอาไปใส่กะละมังเตรียมล้าง
“แล้วสรุปจะทำอะไรให้กิน” ผมถามมันเพื่อหลีกเลี่ยงประเด็นอายุที่เรียกกันอยู่ตอนนี้
“ต้มยำกุ้ง”
“หม้ออยู่ในตู้” ผมยอมสงบศึกกับมันชั่วคราว เพราะตัวเองก็ชักหิวข้าวอยู่พอดี
ผมหันกลับมาล้างผักต่อจนเรียบร้อยก็ยกผักกลับไปยังโต๊ะที่มีพ่อครัวหมีตัวโตกำลังหั่นเห็ดหั่นผัก เผลอยืนดูสุขสันต์ทำอาหารจนเพลิน มันทำเก่งเสียจนผมนึกแปลกใจ ดูวิธีการหั่นของมันคือไม่ธรรมดาเลย ฉับๆๆ หั่นสวยไม่แตกด้วย และเหมือนผมจะจ้องนานเกินไปจนมันรู้สึกตัว มันเลยเหลือบตาขึ้นมามอง
“อะ…เอ่อ เอ้านี่ ผัก กูล้างแล้ว”
“แทนตัวเองเองว่าเจ”
“ปัญญาอ่อน ใครจะไปเล่นเกมแบบนี้กับมึงกัน”
“งั้นไม่ต้องกิน” มันวางมีดลงทันที
โอโห…เล่นกันแบบนี้เลยเหรอวะ
“กูไม่ได้กิน มึงก็ไม่ได้กินเหมือนกัน อย่าทำอะไรโง่ๆ”
“กินมาแล้ว”
อะไรนะ มึงกินมาแล้ว แล้วมึงจะเข้ามาในห้องกูทำไมเนี่ย!
“แล้ว…”
“ก็มันยังไม่อิ่ม”
เราสองคนจ้องตากันอย่างไม่ลดละ ตอนนี้เกิดสงครามประสาทระหว่างผมกับมัน ถ้ามันทำกับข้าวมันแพ้ แต่ถ้าผมเรียกตัวเองว่าเจผมก็แพ้ แต่ฝันเถอะว่าผมจะเรียกตัวเองแบบนั้น อยู่กับพี่น้องที่บ้านยังไม่เคยเรียกแบบนี้เลย มึงเป็นใครเนี่ยจะมาให้กูเรียกตัวเองแบบนั้น เราสองคนยืนหยั่งเชิงอยู่นานเกือบห้านาที สุดท้ายผมก็ตัดสินใจที่จะทำอาหารต่อเอง
แม่ง ไม่ทำมึงก็ไม่ต้องทำ กูหิว! ทำเองก็ได้วะ
ว่าแต่…มันเริ่มยังไงก่อนวะเนี่ย
ผม ไอ้หมาเจคนที่ไม่รู้ว่าต้มยำเขาทำกันอย่างไร แต่กำลังจะทำต้มยำเพื่อข่มขู่ไอ้หมีควาย มือหนึ่งจับกุ้งมาหนึ่งตัว มองกุ้งในมือ อ้อ... ต้องเอาเปลือกออกก่อนสินะ ผมลอกเปลือกกุ้งออกทีละตัวด้วยสัญชาตญาณอย่างเดียว ไม่มีทริคใดๆ แบบในร้าน แต่เอ๊ะ...ไอ้หมีมันแพ้กุ้งนี่!
“มึงซื้อกุ้งมาทำไม” ผมถาม แต่มันไม่ยอมตอบ “มึงจะกินต้มยำกุ้งเป็นข้าวเย็น ทั้งๆ ที่มึงแพ้กุ้งเนี่ยนะ” ผมว่าออกไปแบบนั้น
ไอ้หมียังคงไม่พูดอะไรออกมา
เฮ้ย อันนี้ไม่ตลกนะ มันอันตรายมากนะ ถ้าเกิดทำต้มยำไปเรียบร้อยแล้วมันกินด้วยนี่จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วทั้งที่รู้ว่าตัวเองแพ้ มันก็ยังจะซื้อมาต้มกินอีกอะนะ
“ให้คนที่ร้านจัดมาให้ เขาไม่รู้ กูก็ไม่รู้” สุดท้ายแล้วมันก็ยอมตอบ
ผมมองมันก่อนจะถอนหายใจแล้วเทกุ้งใส่ไว้ในอีกจานที่ว่างอยู่ แล้วห่อใส่ถุงเตรียมจะเอาไปใส่ตู้เย็นไว้ต้มกินเอง
“ทีหลังซื้อของซื้ออะไรมาก็เช็คหน่อย แล้วมึงไปหาซื้อของกินมาเป็นเซ็ตแบบนี้มันไม่ดีมึงรู้ไหม ผักมันจะไม่สด เนื้อเน้ออะไรก็ไม่สด ต่อให้กูทำอาหารไม่เก่งแต่เรื่องอะไรแบบนี้มึงก็ควรจะรู้ไว้หน่อย เนี่ย เอากุ้งมาแดก เดี๋ยวก็ชักตาย ลำบากกูอีก” ร่ายยาวเสร็จแล้วผมก็เพิ่งนึกได้ว่าโพล่ง ‘มึง กู’ ไปไม่รู้กี่คำ ผมหันกลับมามองไอ้หมี แต่ถึงกับงงเพราะมันไม่ได้ด่าผมเรื่องคำหยาบ แต่กลับเอาแต่นั่งยิ้ม
เชี่ย! ไอ้สุขสันต์ยิ้ม! มันยิ้มครับ! คืนนี้กูจะนอนหลับไหมล่ะเนี่ย แม่งเอ้ยยย
ตึก ตึก...
เนี่ย…มันยิ้มมาแบบนี้กูตกใจเลยเห็นไหม
ผมเลือกที่จะทำเป็นมองไม่เห็นแล้วเดินผ่านมันไปทำกับข้าวต่อ ยังดีที่พอมีหมูเหลือติดตู้อยู่นิดหน่อย เลยกะว่าจะใช้หมูแทนกุ้ง ผมเอาหมูออกมาวางบนเขียงก่อนจะเริ่มหั่น แต่หั่นไปได้สักพักก็รู้สึกว่าหมูมันเละมาก ชิ้นแบบ... บางอันใหญ่บางอันเล็ก
ไอ้หมีมันมองมาที่หมูของผมก่อนจะแค่นหัวเราะออกมา
“เรียกตัวเองว่าเจก็จบแล้ว”
ไม่! กูไม่เรียก! ให้ตายก็ไม่เรียก!
ด้วยเพลิงโทสะผมเลยหั่นหมูต่อโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น และพอหั่นเสร็จผมก็เดินไปจัดการต้มน้ำทันที เอ...มันต้องใส่เครื่องปรุงใช่ไหม แล้วมันอยู่ตรงไหนวะ ไม่เห็นไอ้หมีมันจะมีถุงพริก หอม กระเทียมอะไรเลย อยู่ตรงไหนวะ ตายห่าล่ะ กูทำเครื่องต้มยำไม่เป็น
“ดื้อ”
ผมหันไปมองไอ้หมีสุขสันต์ทันทีที่มันพูดจบ กำลงจะอ้าปากเถียงแต่มันก็เดินเข้ามาแล้วดันผมออกไปยืนดูห่างๆ แทน ผมมองดูมันโยนก้อนอะไรสักอย่างลงไปในน้ำแล้วมันก็เปลี่ยนเป็นสีเหมือนน้ำแกง ก่อนที่มันจะเริ่มเทๆๆ ทุกสิ่งทุกอย่างรวมกัน ผมมองสุขสันต์อีกรอบ ทำไมมันทำเก่งจังวะ ดูชิลมากเลย ดูเหมือนต้มยำนี่คือเป็นอะไรที่ง่ายมากๆ ง่ายที่สุดในชีวิตมันแล้ว รอไม่นานกลิ่นต้มยำจากหม้อก็โชยมาเรียกน้ำย่อยในกระเพาะ ไอ้หมีเหมือนรู้ก็เลยจงใจเดินถือหม้อผ่านหน้าผมไปที่โต๊ะ
แหม่! ถึงมึงไม่มากูก็ไม่อดตายหรอกเว้ย
“มากินข้าว” มันเรียกแค่นั้นผมก็รีบแจ้นไปที่โต๊ะทันที รีบจัดการตักข้าวอะไรเรียบร้อยก่อนจะกิน
อื้อหื้อออ~ อร่อยว่ะ อร่อยสุดไปเลย ไม่น่าเชื่อว่ามันจะอร่อยขนาดนี้
“อร่อยเหรอ” มันถาม
“งั้นๆ พอกินแก้ขัดได้” ผมไม่ชมมันหรอกนะ เดี๋ยวแม่งได้ใจ
“พรุ่งนี้กินปลาราดพริกไหม”
“ไม่แล้ว! เลิกมาทำอาหารในห้องกูได้ละ ไม่มีครั้งต่อไป โอเค๊?” ผมตอบไปแบบนั้นก่อนจะเริ่มกินต่อ จนเวลาผ่านไป ข้าวในจานก็เริ่มพร่อง แต่ของไอ้สุขสันต์มันไม่หายไปเลยแม้แต่น้อย จนมันบอกว่ามันอิ่มแล้วผมเลยถือวิสาสะตักข้าวใส่จานตัวเองแล้วกินต่อ สุดท้ายแล้วผมก็อิ่มพุงกางอยู่แบบนี้ไง
โอย…หันไปมองกองจานชามในครัวแล้วมันก็ท้อแท้ใจว่ะ ขี้เกียจล้างอะ
“อิ่มแล้วก็ลุก”
“ลุกไปไหน นี่ห้องกู มึงอะต้องไป กลับห้องมึงไปได้แล้ว” ผมไล่มันไปแบบนั้น แต่ไอ้หมีมันก็ยังเป็นไอ้หมี ไม่ไปไหนทั้งสิ้น จนในที่สุดผมก็ต้องปล่อยเบลอให้มันนั่งย่อยในห้องอยู่อีกเกือบครึ่งชั่วโมง ส่วนผมก็ไถมือถือเล่น แต่ไม่ทันไร มือถือผมก็โดนดึงออกโดยอุ้งตีนหมี
“อะไรเนี่ย กลับห้องไปดิ”
“ไปอาบน้ำ ตัวเหม็นแล้ว”
เฮ้ย เดี๋ยวนะ นี่มึงกำลังสั่งเจ้าของห้องไปอาบน้ำอยู่นะเว้ย แล้วใครตัวเหม็น ขอโทษนะเจไดไม่รู้จักคำว่ากลิ่นตัว
“มึงดิเหม็น ไป กลับห้องไปได้แล้ว”
“เจได ไปอาบน้ำ อย่าให้ต้องใช้กำลัง”
“กำลังกำเลิงเหี้ยอะไร เลอะเทอะ”
“หรือจะให้อาบให้” มันว่าออกมา ก่อนจะเดินเข้ามาจับแขนผมแล้วออกแรงลากไปยังห้องน้ำ
เชี่ย! อะไรเนี่ย อันนี้มันเกินไปแล้วนะเว้ย ผมรีบสะบัดแขนออกแล้ววิ่งไปเอาผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้าวิ่งเข้าห้องน้ำทันที ใจผมนี่เต้นตุ๊บๆๆๆ เหมือนวิ่งหนีผีปอบอะไรประมาณนั้นเลย เห็นเมื่อกี้ไหม ไอ้หมีมันเหมือนโจรโรคจิตที่จ้องจะกินตูดผมเลยว่ะ โอ้ย
ผมรีบอาบน้ำสระผมก่อนจะวิ่งออกมาดูไอ้สุขสันต์ บอกตามตรง ผมยังไม่ไว้วางใจในการที่จะฝากห้องเอาไว้กับคนแบบนั้น แต่พอออกมาผมก็เป็นอันแปลกใจที่เห็นไอ้หมีมันเก็บจานไปล้างให้เรียบร้อย เก็บขยะอะไรเรียบร้อย และตอนนี้มันกำลังเอาสเปรย์ดับกลิ่นกลิ่นส้มของผมไปพ่นรอบห้องครัว พ่อบ้านนักเหรอมึงอะ...
“ทำอะไร กินเสร็จแล้วก็ออกไปดิ”
“อาบน้ำเสร็จไว สะอาดแล้วเหรอ”
“สะอาดเว้ย!”
บ้าบอ ตรรกะไรของมึง อาบน้ำเร็วเท่ากับไม่สะอาดงี้เหรอ
ผมเห็นมันทำตัวชักช้าแกล้งเหมือนจะอยู่กวนใจผมให้นานๆ สุดท้ายก็เลยทนไม่ไหวเดินไปลากมันให้ออกไปจากห้อง แต่พอไปถึงหน้าประตูมันก็ดันหยุดยืนอยู่นิ่งๆ
ผมมองมัน “จะหยุดทำซากอะไร”
“แน่ใจว่าอาบน้ำเร็วแปลว่าสะอาด”
“เออดิ”
มันไม่พูดอะไร แต่... “อือ หอมดี” ก้มตัวลงมาดมหัวผมแทน
ผมตกใจแรงมาก มือผลักไอ้สุขสันต์อย่างแรงก่อนวิ่งพุ่งกลับเข้าห้องตัวเองทันที
“เหี้ย!”
เหี้ยมากว้อยยยยยยยยย!!!!
อะไรเนี่ย หมีมันเรียนรู้วิธีการสานสัมพันธ์อะไรกันแบบนี้เหรอวะ โอ้ยย ใจผ้มมม! ฮือ ทำไมมันต้องเต้นแรงขนาดนี้ด้วย โอเคๆ กูตกใจ กูตกใจมันเลยเต้นเร็วแบบนี้ ละ..แล้วทำไมผมหน้าแดงขนาดนี้ล่ะวะ!?
โอย…มันทำอะไรกับผมวะเนี่ย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

555 เขินหมีล่ะสิ