ตอนที่ 10 : 10

“อะ เอาเห็ดไป”
“หูยย ขอบใจนะนิ่ม ไม่นึกว่าจะยังจำได้”
“โอ้ย ใครมันจะไปลืม”
“อะ งั้นแลกกัน เอาแตงกวาไปเลย”
“แต้งกิ้วน้า”
“อะแฮ่ม”
เสียงกระแอมกระไอดังขึ้นขัดบทสนทนาระหว่างผมกับนิ่ม ผมตวัดสายตาไปมองได้ตัวการที่เอาแต่นั่งกอดอกนิ่งเฉยมองเราสองคนคีบอาหารให้กันไปมา ร้านอาหารที่เราสองคน (ขออนุญาตหมายถึงแค่ผมกับนิ่มก็พอ อีกตัวมันเป็นหมี ไม่นับ) เลือกมาเป็นร้านปิ้งย่างทั่วไป พอมาตอนเย็นๆ แบบนี้คนก็ค่อนข้างแน่นเป็นธรรมดา นั่งกินได้สักพักผมกับนิ่มก็ได้มีโอกาสที่จะคุยกันมากขึ้น แต่เหมือนพอเห็นว่าผมกำลังเร่งเครื่องก็จะมีหมีตัวหนึ่งคอยคำรามขวางผมเอาไว้
“แล้วคุณสุขสันต์ไม่กินบ้างเหรอคะ”
“ผมกินนิดเดียวครับ” มันตอบก่อนจะมองมาที่ผม
อะไร จะมามองกูทำไม นู่น ก็ปิ้งหมูกินไปสิวะ ยังไม่เลิกจ้องหมูในจานกูอีก ผมถลึงตาเต็มที่ใส่มัน
“อยากกินหมู”
“อยากกินก็ย่างดิ มาบอกแล้วมันคงจะลอยเข้าปากเองมั้ง” ผมพูดประชดมันเล่นๆ แต่ไอ้สุขสันต์มันดันอ้าปากรอจริงๆ “ย่างเอง!”
“ย่างให้หน่อย” มันยังคงรบเร้า
“เอ่อ เดี๋ยวนิ่มทำให้ก็ได้นะคะ เตานิ่มเหลือที่ว่างอยู่”
“ไม่เป็นไรครับ รบกวนคุณนิ่มเปล่าๆ” สุขสันต์ปฏิเสธนิ่มหน้านิ่ง
โอ้ย! ไอ้คุณชาย เรื่องมากจังวะ ผมชักจะเริ่มอิจฉาไอ้หมีมันขึ้นมาแล้วนะที่นิ่มอาสาจะย่างให้มันอะ ได้ไงวะ
เฮ้ย...อย่าบอกนะว่ามันก็แอบปิ๊งนิ่ม!
“สบายมากค่ะ มา เดี๋ยวนิ่มย่างให้”
“นิ่มไม่ต้องหรอก เดี๋ยวเราย่างให้ไอ้คุณชายเอง” สุดท้ายผมก็รับปากมาอย่างเสียไม่ได้ เหลือบมองไอ้ตัวการก็เห็นมันนั่งยิ้มมุมปาก ดูชนะมากนะมึงอะ สะใจมากปะถามจริงๆ และด้วยความที่ผมหมั่นไส้มัน ผมเลยย่างรัวๆ เป็นสิบชิ้น จัดแจงคีบใส่ในจานมันจนพูน
“เจได เราว่ามันเยอะไปแล้วมั้ง” นิ่มท้วง
“ไม่เป็นไรหรอกนิ่ม เพื่อนเรามันชอบกินเนื้อ” ผมหันไปตอบนิ่ม แล้วหันกลับมามองไอ้หมีที่ตอนนี้มันกอดอกมองผมอยู่ ผมก็ทำตัวกระแดะกวนตีนมัน ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนก่อนจะคีบต่อไปเรื่อยๆ
“ไม่เอากุ้ง”
ในขณะที่ผมกำลังจะคีบกุ้งต้มตัวโตๆ ไปให้ ไอ้สุขสันต์มันก็รีบบอกทันที ทำให้กุ้งสีส้มตัวโตยังคงลอยค้างเติ่งอยู่ในตะเกียบผม
“แพ้กุ้ง”
“เอ้า ตายล่ะเจได เกือบไปแล้วไหม” นิ่มว่าขึ้น
ผมมองหน้าไอ้หมี ไม่น่าเชื่อว่าหมีที่ดูสุขภาพแข็งแรงแบบมันจะมีอาหารที่กินไม่ได้ด้วยแฮะ ผมตัดสินใจโยนกุ้งลงจานตัวเอง แดกไม่ได้ก็ดี เพราะผมเป็นสาวกกุ้ง ผมจะจัดการเอง ฮ่า!
“เจได แกะกุ้งให้หน่อยดิ” นิ่มว่าก่อนจะเลื่อนจานมาให้ผมแกะกุ้งให้
เรื่องแกะกุ้งนี่ขอให้บอกครับ เจไดเซียนมาก บอกมาเดี๋ยวจัดให้
“มีทริคปะเนี่ย”
“เอานิ้วไว้ในร่องนี้ แล้วดันขึ้น แค่นี้ก็ลอกได้แล้ว” ผมสาธิตให้หญิงสาวดู ชักเขินๆ อยู่เหมือนกันเวลานิ่มชม ใจมันฟูจังว้อยยยยย~ รู้สึกเก่งยังไงก็ไม่รู้ แกะเป็นแค่กุ้งก็เวิร์คแล้วนะเนี่ย
“ขอบคุณนะ”
เนี่ย ใจบางไปเลยเวลาเห็นผู้หญิงยิ้มให้
ผมยิ้มตอบนิ่มก่อนจะหันกลับมากินจานตัวเองต่อ ไอ้หมีที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามตอนนี้มันทำหน้านิ่งน่ากลัวชะมัด เมื่อกี้มันยังดูจอบๆ อยู่เลย ทำไมพอมาเป็นตอนนี้มันกลับมาหน้าบูดอีกวะ ไบโพลาร์แหงๆ
“กินไปดิ จะมามองกูทำไม” ผมบอกมัน ไอ้หมีสุขสันต์มองก่อนจะก้มหน้ากินหมูในจานตัวเองเงียบๆ บรรยากาศก็ดำเนินแบบนี้ไปเรื่อยๆ ครับ จนในที่สุดเราสามคนก็อิ่มกันพุงกาง ได้ฤกษ์แยกย้ายกันกลับ ผมเดินมาส่งนิ่มรอขึ้นแท็กซี่ที่หน้าร้าน พอมาเป็นแบบนี้ชักอยากจะมีรถขึ้นมาทันทีเลย ถ้าผมมีรถก็อาจจะเป็นการดี เกิดว่าผมมีแฟนก็จะได้ไปรับไปส่งได้ เฮ้อ...แต่พอเหลือบมองเงินในบัญชีก็ได้แต่ถอนหายใจทิ้งไปเท่านั้น
“ขอบคุณมากนะเจไดที่ชวนมากิน”
“ไม่เป็นไร เรายินดี”
“งั้นเราไปนะ บายค่ะคุณสุขสันต์หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะคะ”
“ครับ” ไอ้หมีมันตอบกลับสั้นๆ
ตอนนี้นิ่มขึ้นรถออกไปแล้ว เหลือแค่ผมกับไอ้หมีสุขสันต์ยืนอยู่ที่เดิม ผมคิดว่าจะไม่กลับไปกับไอ้หมีนี่แน่ๆ ยืนรอรถแท็กซี่ดีกว่า
“เจได ไปขึ้นรถ”
“ไม่ มึงกลับไปเหอะ เดี๋ยวกูกลับแท็กซี่” ผมปฏิเสธมัน รอบนี้ยังไงๆ ก็จะขัดขืนไอ้หมีมันให้ได้ พอสุขสันต์ได้ยินผมพูดแบบนั้นก็เลยหน้าตึงขึ้นมา ใจผมแกว่งไปแล้ว 3% หลังจากที่มันตีหน้าแบบนี้ “จะกลับก็กลับดิ จะมารออะไรกู กูกลับเองได้”
“มีรถให้กลับฟรียังจะดื้ออีก”
“มึงเห็นว่ากูเป็นคนขี้งกเหรอ”
“เห็นว่ามันค่ำแล้วต่างหาก”
“แล้วไง ค่ำแล้วมันจะทำไม กูเป็นผู้ชาย กูดูแลตัวเองได้”
เหมือนยิ่งเห็นผมเถียง ไอ้สุขสันต์ก็ยิ่งจะอารมณ์เสียขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดมันก็ถอนหายใจออกมา
“ก็ไม่ได้บอกว่าดูแลตัวเองไม่ได้” ไอ้หมีพูดขึ้นอีกรอบ แต่คราวนี้น้ำเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดจนผมถึงกับเลิกคิ้ว “เจได กลับด้วยกัน”
“...”
“นะ”
“...”
“นะครับ”
โอ้ยยยยย!!! อีหมีผี! เหมือนมันรู้อะว่าใช้ไม้แข็งแล้วผมจะไม่ยอม มันเลยเปลี่ยนมาเป็นอีกโทนหนึ่ง ผมยอมรับเลยว่าตกใจมากกับไอ้หมีผีโหมดพูห์แบร์แบบนี้ มันอ้องแอ้งอะ!
“ม...มึงไม่ต้องมาอ้อนกูเลย! ไป กลับไปเลย” สุดท้ายผมก็ใจแข็ง อดทนไม่ยอมไปกับมัน
“งั้นจะไปด้วย”
“หะ?”
“เรียกแท็กซี่ดิ จะกลับด้วย”
เฮ้ย! อะไรวะเนี่ย มันคิดอะไรของมันอยู่ถึงจะกลับแท็กซี่พร้อมผมแบบนี้ บ้าปะเนี่ย แล้วจะทิ้งรถตัวเองไว้ที่นี่อะนะ ตลกละ
“แล้วมึงก็จะจอดรถไว้นี่อะนะ”
“เออ ไหนๆ ก็ไม่ยอมกลับรถกูนี่” มันหันหน้ามามองผม น้ำเสียงเชิงตัดพ้อช่างขัดกับหน้าดุๆ ของมันจริงๆ
โอ้ย! ทำไมไอ้หมีมันชอบทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากนักวะ คนเขาเมื่อยๆ ก็อยากกลับห้องไปนอนแล้วปะ มันจะมาเล่นอะไรของมันเนี่ย
“รถมาแล้ว เดี๋ยวเรียก…”
“ไม่ต้องละ มึงจะไปส่งก็ไปส่ง รำคาญ วุ่นวายเก่ง แม่ง!” สุดท้ายผมก็ต้องยอมมัน เนื่องจากทนมันไม่ไหว ไอ้หมียั้งมือที่กำลังจะโบกแท็กซี่ก่อนจะยัดลงในกระเป๋า ผมหมุนตัวเดินกลับไปยังที่จอดรถทันที ไม่มองหน้ามันแล้วแม่ง หงุดหงิด! สุดท้ายก็ขัดมันไม่ได้อีกแล้วอะ ฮืออออ~ เศร้า แคมเปญนี้ทำยังไงก็ไม่ผ่านอะ
“เอากระเป๋ามา”
“เฮ้ย! ไม่ต้อง เอามาเดี๋ยวนี้ นี่มึงจะอะไรกับกูนักเนี่ย” ผมโวยวายเมื่อไอ้สุขสันต์แย่งเอากระเป๋าผมไปถือไว้แล้วเดินนำไปยังรถตัวเอง แต่ก็นั่นแหละ ด่าไปมันก็ไม่สะเทือน สุดท้ายแล้วมันก็ทำหูทวนลมอยู่ร่ำไป
เชื่อไหมว่าตลอดทางผมไม่พูดกับมันแม้แต่ประโยคเดียว ไม่นานพวกเราสองคนก็มาถึงคอนโด ผมรีบบอกให้ไอ้หมีมันจอดข้างหน้าตึก ขี้เกียจนั่งไปกับมันยันที่จอดรถ หายใจไม่ออก แต่คนอย่างไอ้สุขสันต์ก็ยังคงตีมึน ผมเลยทนไม่ไหวตะโกนใส่มันทันที
“กูบอกให้จอด!” ไม่รู้ว่าด้วยความหงุดหงิดมันมาจากไหนมากมายขนาดนั้น ผมรู้สึกได้เลยว่าเสียงตะโกนของผมมันมีพลังมากกว่าปกติ รอบนี้สุขสันต์ยอมจอดรถให้ทันทีพร้อมหันหน้ามามอง ตามันเบิกกว้างเล็กน้อย สงสัยไม่คิดว่าผมจะกล้าตะโกนใส่มัน
เอ่อ…ลืมตัวว่ะ
แง…มันจะกินหัวกูไหมล่ะทีนี้ ตะโกนใส่เลยนะเว้ยยย ฮือออ ฆ่ากูคารถแน่ๆ เลยไอ้ชิบหาย
เมื่อเห็นมันเอาแต่จ้องผมแบบนั้น ผมก็เลยตัดสินใจลงรถหนีหน้ามันครับ คว้าข้าวของแล้วหนีลงจากรถทันที ผมรีบเดินหนีมันเข้าคอนโด แต่ดูเหมือนผมจะรีบไปหน่อยเลยไปชนกันเข้ากับใครสักคนที่เดินสวนออกมาจนของในมือผมหล่นกระจาย
“ฉิบ….ขอโทษครับๆ” ผมเกือบหลุดสบถไปแล้ว แต่สุดท้ายก็ยั้งทัน รีบกล่าวขอโทษก่อนจะก้มเก็บของตัวเอง เก็บใส่กระเป๋าจนเรียบร้อยก็เลยลุกขึ้น แต่จู่ๆ ผู้ชายอีกคนที่ผมชนก็ยื่นสมุดพกพาประจำตัวเล่มเล็กๆ มาให้
ผมรับเอามาก่อนจะกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณครับ”
“ครับ ไม่เป็นไร พี่ชื่อเจไดใช่ไหม” เขาถามผม
เอ๋! รู้จักชื่อกูได้ไงเนี่ย ผมมองเจ้าของคำถามด้วยความสงสัย เดาว่าเขาเป็นนักศึกษาเพราะเสื้อสีขาวมันฟาดหน้าขนาดนี้
“ครับ” ผมตอบกลับไปสั้นๆ ผู้ชายตรงหน้าที่นึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน เอ…ผมว่าผมไม่รู้จักคนนี้นะ เอาจริงๆ รูปร่างหน้าเขาก็ไม่ได้หล่อมากมายอะไร จัดว่าดีพอใช้ได้ แต่ว่ามันอะตัวสูงใหญ่ๆ เกือบเทียบเท่าไอ้สุขสันต์เลย
โว้ย! ทำไมคนรอบข้างผมมันตัวสูงกันขนาดนี้วะ เหมือนกูโดนสาปอยู่คนเดียวเนี่ย
“อ้อ! เอ่อ ผมชื่อกานต์ครับ ผมเป็นหลานป้าแดงร้านขายข้าวที่พี่ไปกินบ่อยๆ ผมมาอยู่นี่ได้สักพักแล้ว” อีกคนดูดีใจมากที่เจอผม
หลานป้าแดงงั้นเหรอ อืม... แต่ไม่เคยเจอที่ร้านมาก่อนเลยนะเนี่ย
“พี่อาจไม่เคยเจอผม แต่ผมเจอพี่บ่อยมากเลยนะ”
“อ่อ งั้นยินดีที่ได้รู้จักนะกานต์ งั้น…พี่ไปก่อนนะ”
“เอ่อ พี่อยู่ชั้นไหน ผมอยู่ชั้นสองนะครับ เอ่อ…ผมหมายถึง บอกไว้เฉยๆ อะ” น้องมันดูเขินที่บอกชั้นตัวเองมา กานต์เกาหลังคอก่อนจะมองไปทางอื่น
“ชั้นสามอะ” ไหนๆ ก็ไหนๆ ผมเป็นคนอัธยาศัยดีอยู่แล้ว ใครดีมาผมก็ดีตอบ
“อ้อ…ครับ ครับ” เหมือนน้องมันจะตกใจที่ผมบอกชั้นกลับจึงชะงักไปเล็กน้อย แล้วก็ยิ้มออกมาก่อนจะยิ่งเกาหลังคอหนักกว่าเดิม
มันเป็นอะไรมากหรือเปล่าวะกับคอมันเนี่ย เกามันอยู่นั่นแหละ
ผมยกมือโบกลา ก่อนจะขึ้นลิฟต์ไป เดินทอดน่องมาเรื่อยๆ จนมาถึงห้องตัวเอง พอวางของลงกับพื้น เปิดแอร์ นอนแช่ตัวเองอยู่บนโซฟา สักพักหนึ่งผมก็รู้สึกเคลิ้มเหมือนจะหลับ แต่ดันมีเสียงเคาะห้องดังขึ้นมาเสียก่อน ผมเลยกลั้นใจลุกทั้งๆ ที่ยังง่วงๆ ออกไปเปิดประตู แต่พอเปิดออกไปเจอไอ้หมีผียืนอยู่ ผมนี่แทบจะปิดประตูใส่หน้าไปเลยด้วยซ้ำ ที่ง่วงมาเมื่อกี้คือตาสว่างเลย
“มาทำไม!” แน่ะ เผลอหลุดเสียงตะคอกใส่มันว่ะ ไม่ได้ตั้งใจนะ เหมือนอารมณ์มันมาเอง
“…”
“ไม่มีอะไรก็กลับไป” ผมพูดไปแบบนั้น ไอ้หมีมันก็เลยเลิกทำหน้าตึง ก่อนที่มันจะยื่นถุงอะไรสักอย่างในมือมาให้ รอบนี้เป็นผมเองที่ชะงัก ก่อนจะมองไอ้หมีอีกรอบ
“ขอโทษ”
มะ…แม่เจ้าโว้ยยยยย ใครก็ได้มาถ่ายช็อตนี้เอาไว้ที นี่มันช็อตแห่งประวัติศาสตร์เลยนะเว้ย ไอ้หมีมันง้อผม! ได้ยินไหมวะว่าไอ้หมีมันง้อผม
ผมทำเป็นตีหน้านิ่งทั้งที่ในใจคือหัวเราะลั่นไปแล้ว มองไอ้ผู้ชายตัวโตที่ตอนนี้ยอมขอโทษผมก่อน พอไอ้หมีเห็นผมทำหน้าแบบนั้นก็ยิ่งดูซึมลงไปอีก
หึ เป็นไงล่ะ กูก็โมโหเป็นเหมือนกันนะเว้ย ปั๊ดโธ่!
“ขอโทษเรื่องอะไร” แน่ะ! เสียงแข็งได้อีกนะกูเนี่ย
“ทุกเรื่อง เดี๋ยวจะลดให้”
“ลด? ลดอะไร” อันนี้ผมไม่เข้าใจจริงๆ นะ
เหมือนไอ้หมีมันเห็นผมไม่รับสักทีเลยเอาถุงนั่นยัดใส่มือผม ก่อนมันจะจับมือผมเอาไว้ด้วย ตอนแรกผมแทบจะสะบัดมือมันออกแต่ไอ้หมีก็กำเอาไว้แน่น
“ปล่อ…” ผมชะงักอีกครั้งเมื่อไอ้หมีมันยอมปล่อยมือจริงๆ
ทว่ามันปล่อยมือผมแต่ไม่ยอมปล่อยนิ้วก้อย มันใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้คีบนิ้วก้อยผมแล้วส่ายไปมา ผมมองพฤติกรรมแบบนี้ของสัตว์โลกด้วยความไม่เข้าใจ ว่าไอ้หมีมันจะทำอะไรของมัน แบบนี้ภาษาหมีแปลว่าอะไร
“ขอโทษ... ดีกัน”
บึ้มมมมมม!
โอ้ยยยย เจอหมีแอทแทคว่ะ แพ้ แพ้แล้ว แพ้ราบคาบเลย!
ผมรีบสะบัดมือมันออกก่อนจะหนีเข้ามาซุกตัวเองอยู่ในห้องทันที ใจผมเต้นตุ๊บๆ จนต้องรีบเอามือมากุมไว้ กลัวมากว่ามันจะเป็นอะไรไป รับรู้ได้เลยว่าตอนนี้ผมน่ะแปลกไปมากๆ ไม่เคยเป็นขนาดนี้เลยนะเนี่ย ไอ้หมีมันเล่นอะไรของมัน!
“โอยยยย” ผมโอดครวญก่อนจะดีดดิ้นไปมาบนเตียงของตัวเอง โดนไอ้หมีเล่นงานด้วยลูกอ้อนแมวๆ โง่ๆ แบบนั้นทำไมผมใจอ่อนยวบได้มากขนาดนี้วะ ชักอาการหนักแล้วอะ
…อย่าบอกนะว่าผมหวั่นไหวกับไอ้หมีมันแล้ว
ตลก! ใครมันจะไปหวั่นไหวกับผู้ชายด้วยกันวะ
บ้าๆๆๆ ความคิดเหี้ยไรของมึงเนี่ยไอ้เจได มึงต้องเปลี่ยวจนฟุ้งซ่านไปเองแน่ๆ ใจร่มๆ มึงก็แค่ตกใจเท่านั้นแหละเจได ไม่มีอะไรเลย มึงแค่ตกใจ
โอเค รวบรวมสติสมาธิ หายใจเข้า…ออก เข้า...ออก
ปั๊ดโธ่ว้อยยยย! ยังก็ลบภาพไอ้หมีออกจากหัวไม่ได้อะ ทำยังไงดี รหัสแดงอีกแล้ว!!!
TBC.
#ข้างห้อง305
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ส่วนคุนน้องเจไดคะ หนูไม่ต้องพยายามไปหาเหตุผลอะไรมารองรับการชอบเพศเดียวกันหรอกค่ะ คนมันจะรักอ่ะ จะเพศไหนก็รัก
เฝ้ารอ.......พี่หมีแอทแทคนะจ๊ะ