ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic2PM]The drak could >> TK JW CH

    ลำดับตอนที่ #4 : Chap 3

    • อัปเดตล่าสุด 14 ต.ค. 54


    Chap 3

    ภายในห้องพักครูสีครีมสะอาด ตกแต่งไปด้วยโต๊ะทำงานและวางเอกสารที่กองจนแทบเรียกว่าภูเขาก็ได้ ชุดโซฟารับแขกสีดำสนิทแต่ให้ความรู้กับห้องได้อย่างน่าประหลาดถูกจัดวางอยู่กลางห้องเพื่อใช้เป็นที่พักของอาจารย์ทั้งหลายในห้องยามเหนื่อยล้า หรือในยามที่ต้องเอานักศึกษาไม่รักดีมานั่งเคลียร์อย่างวันนี้!!!

     

    ชุดโซฟาถูกจัดไว้ด้วยโซฟาขนาดยาวสองตัวหันหน้าเข้าหากันกลั้นกลางด้วยโต๊ะแก้วรับแขกขนาดเตี้ยะรับกับโซฟา หัวมุมที่เหลือคือตำแหน่งของโซฟาแยกสำหรับนั่งคนเดียววางประจบจนเป็นชุดโซฟารับแขกและนั่งพักของอาจารย์ (รีดเดอร์ : จะอธิบายทำเพื่อ--*)

     

    และบนโซฟาชุดนี้ก็ได้มีคนจัดจ้องจนแทบจะครบทุกตัวแล้ว นิชคุณกับเจอินที่สภาพเยินจนดูไม่ได้นั่งบนโซฟายาวสำหรับสองสามคนนั่ง ฮโยรินั่งบนโซฟายาวเช่นเดียวกันแต่เป็นฝั่งตรงข้ามนิชคุณและเจอิน แทคยอนผู้อยู่ในสถานการณ์และไม่มีปัญญาห้ามไม่ให้นักศึกษาตนตีกันนั่งโซฟาเดี่ยวทางด้านซ้ายของฮโยริ และโซฟาเดี่ยวอีกตัวที่เหลือแน่นอนว่าต้องเป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวร้ายในสถานการณ์อึนยอล

     

    ฮโยริใช้สายตาคู่สวยที่ยามยิ้มช่างดูสดใสและสร้างความขำขันให้นักศึกษาทุกคนมองผ่านใบหน้าที่ละคนไปอย่างไม่พอใจไล่ตั้งแต่แทคยอนไปจนจบที่อึนยอลเล่นเอาแต่ละคนที่โดนมองกลัวไปตามๆ กันเพราะยามเธอโกรธสายตาเธอช่างเกรี้ยวกราดเหลือเกิน ก่อนอาจารย์สาวสวยจะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจกันแต่ละคน

     

    “พวกเธอทำอะไรกันรู้ตัวบ้างมั้ย!!!!!” เสียงตวาดของฮโยริดังขึ้นหลังจากที่เธอเงียบมองสำรวจนักเรียนแต่ละคนอยู่นานเล่นเอาแต่คนในวงถึงกันสะดุ้งกันขึ้นมาเล็กน้อย

     

    “พวกเธอเป็นถึงนักศึกษากันแล้วนะไม่ใช่นักเรียนม.ปลายที่จะได้ทำอะไรที่ดูไม่รู้จักโตแบบนี้ เจอินจริงๆ แล้วนี้มันชั่วโมงเรียนทำไมเธอมาโผล่ที่นี้ได้”

     

    “ก็ฉันออกมาเข้าห้องน้ำแต่พอเดินผ่านห้องนี้ไม่คิดว่าจะได้ยินใครบางคนดูถูก “พี่ชาย” ของฉัน”

     

    เจอินตอบอย่างไม่รู้สึกอะไรไปตามความจริง พร้อมเน้นคำว่าพี่ชายให้ใครบางคนที่เข้าใจเธอและนิชคุณผิดได้เข้าใจเสียที

     

    “อะไรนะพี่ชายงั้นหรอ!!” อึนยอลร้องขึ้นพร้อมมองหน้านิชคุณกับเจอินสลับกันอย่างไม่อยากเชื่อเพราะเธอเล่นไปด่าเจอินไว้ว่าหลงผู้ชายที่ขายตัว แต่จริงๆ แล้วทั้งสองคนนั้นเป็นพี่น้องกัน (สมน้ำหน้า kiki)

     

    “อะไรกันอันยอลร้องซะดังเธอจะตกใจอะไรในเมื่อนิชคุณกับเจอินเป็นพี่น้องกัน หรือว่าเธอไปพูดอะไรไม่ดีไว้อีก - -+” ฮโยริรู้สึกแปลกและตกใจเสียงที่ดังขึ้นของอึนยอลก่อนถามไปด้วยความแปลกใจ

     

    “เอ่อ... คือว่าฉัน...” เมื่อโดนจี้จุดเข้าก็ถึงกับไปต่อไม่เป็นจึงได้แต่เอาหน้ามุดต่ำลงอย่าไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร

     

    “อะไรว่ามาสิ!!!

     

    “...”

     

    “ไม่เป็นไรยังไงฉันก็ต้องรู้จากปากใครคนใดคนหนึ่งอยู่แล้ว ว่าแต่คุณเถอะแทคยอน...เป็นถึงอาจารย์ใหม่ทำไมไม่รู้จักห้ามนักศึกษา”

     

    เมื่อเห็นว่าอึนยอลไม่มีทีท่าจะตอบคำถามาจริงๆ จึงเปลี่ยนใจหันไปเล่นงานแทคยอนก่อน แต่บางส่วนของประโยคที่กำลังจะแสดงถึงสถานะของแทคยอนกลับถูกดึงให้เงียบเหมือนเธอกำลังลืมตัวจะหลุดพูดบางสิ่งไป ก่อนจะชักน้ำเสียงกลับมาให้ดูปกติเหมือนเดิม

     

    “เอ่อ.. ผมขอโทษครับอาจารย์ฮโยริมันเป็นการทำงานครั้งแรกผมเลยตกใจและก็ทำอะไรไม่ถูกครับ(_ _*)

     

    “งั้นฉันก็ว่าอะไรคุณมากไม่ได้ด้วย แล้วเธอละนิชคุณทำไมไม่รู้จักห้ามน้องตัวเอง”

     

    “แล้วอาจารย์คิดว่าผมจะห้ามยัยนี้ได้หรอครับ--*”

     

    “เฮ้อ~~ พวกเธอนี้นะทำไมเรื่องเยอะอย่างนี้ละ แทคยอนในฐานะที่คุณเป็นคนกลางช่วยเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ฉันฟังหน่อย แล้วกรุณาเล่าความจริงอย่างได้เข้าข้างใครคนใดคนหนึ่งเป็นอันขาด!!!!!

     

    “ครับ คือว่าตอนนั้นที่ผม!@#$%^&(&*$%#%@)#_+(@$#@$)_*(#^%%!#)_$*()+%&@*^%)

     

    แทคยอนเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้กับอาจารย์สาวสวยฮโยริฟังตั้งแต่เริ่มเรื่องยังจบรวมแล้วกินเวลาไปเกิบ 20 นาทีด้วยกัน เนื้อเรื่องที่เล่าไปการจะหาต้นเหตุหาได้ไม่ยากเลยเพราะมันเกิดจากผู้หญิงปากร้าย ชอบดูถูกคนอื่น ฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียดอย่าง โฮ อึนยอล ฮโยริจ้องอึนยอลตาเขม็งอย่างไม่พอใจในการกระทำไร้สติ ไร้ความคิด ไร้ซึ่งความเป็นผู้ใหญ่

     

    “โฮ อึนยอล!!!!!!!! มันเป็นความจริงใช่มั้ย”

     

    “อะ ใช่... ใช่คะอาจารย์ แต่นิชคุณเค้าขายตัวจริงๆ นิคะ”

     

    “ถึงนิชคุณจะขายตัวหรือค้ายาบ้ามันก็เรื่องส่วนตัวของเค้า ถ้าจะพิจารณาความผิดคือพวกครูเองไม่ใช่เธอ โฮ อึนยอล คนที่ดูถูกคนอื่นคนๆ นั้นคือคนที่น่าดูถูกและไร้ค่ายิ่งกว่าคนที่ตนกำลังดูถูกจำไว้นะ แล้วการที่เธอเที่ยวว่าคนนู้นคนนี้เป็นเด็กของใครหรือซื้อตัวใครโดยที่ไม่รู้มันแสดงให้เห็นว่าเธอคือคนที่จิตใจสกปรกมากๆ ถ้าหากเจอินจะด่าเธอกลับอย่างนั้นก็ไม่ผิดหรอกเพราะเค้าสองคนเป็นพี่น้องกันจริงๆ  เอาคำครูกลับไปคิดพิจารณาแล้วปรับตัวใหม่ซะ!!!” ฮโยริร่ายยาวอย่างไม่พอใจในตัวนักศึกษาสาวคนนี้อย่างมากที่เธอกระทำตัวแบบนี้

     

    “แล้วที่เธอไปตบตีเจอินที่ต่อว่าเธอเสียๆ หายๆ เธอคิดว่าเธอทำถูกรึยังอึนยอลในเมื่อน้องสาวคนหนึ่งต้องการปกป้องพี่ชายที่กำลังถูกต่อว่าดูถูกจนไม่มีความเป็นคนเหลือ อีกอย่างนี้เธอยู่ปีสองแล้วนะไปตีน้องปีหนึ่งแบบนี้มันน่าอายมั้ย”

     

    “แต่อาจารย์คะยังไงยัยเด็กนี้ก็ไม่มีสิทธิ์มาว่าหนูแบบนี้นะคะ”

     

    “แล้วเธอมีสิทธิ์อะไรไปว่านิชคุณละ”

     

    “ก็เค้าขายตัวจริงๆนิคะ”

     

    “โฮ อึนยอล!!!!!!! เธอมีหลักฐานหรอ เด็กนักศึกษาที่ดีควรใช้เวลาดูหนังสือหรือว่าเธอใช่เวลานั้นไปเที่ยวกลางคืนเธอถึงได้รู้ฮะ!!!!!

     

    ฮโยริลุกยืนตวาดนักศึกษาตัวดีที่ยังเถียงเธออย่างไม่ยอมรับในความผิด ทำเอาคนโดนตวาดถึงกับผวาเล็กน้อยแต่ก็ยังแสดงสีหน้าว่าไม่พอใจในข้อกล่าหาและเตรียมจะเถียงต่ออยู่ดีสายตาริษยานั้นยังหันไปมองเด็กปีหนึ่งคู่กรณีด้วยสายตาเคียดแค้น แต่เธอกลับยิ่งโกรธกว่าเดิมเมื่อในหน้าที่ตนหันไปมองแสยะยิ้มอย่างพอใจ จนตอนนี้เธอรู้ว่าทั้งหมดมันเป็นแผนของเจอิน

     

    “อะไรอีกอึนยอลจ้องเจอินแบบนั้นทำไมกัน เธอจะเอาเรื่องเจอินหรือคนอื่นๆ อีกใช่มั้ย”

     

    “อาจารย์คะ!!! ทั้งหมดนี้มันเป็นแผนของยัยเด็กบ้านั้นนะคะ”

     

    “โฮ อึนยอลเธอยัยไม่พออีกใช่มั้ย!!!! ไป..ครูจะทำทันษ์บนเธอไว้พร้อมตัดสิทธิ์การเข้าร่วมกิจกรรมสำคัญๆ ของมหาลัย และตัดสิทธิ์การเป็นเชียร์ลีดเดอร์ของเธอหนึ่งปี”

     

    “ไม่นะคะอาจารย์!!! อาจารย์ทำแบบนี้กับหนูไม่ได้นะ” อึนยอลลุกขึ้นยืนมองฮโยริด้วยสายตาไม่พอใจพร้อมน้ำตาที่ปริ่มๆ มา

     

    “ทำไมครูจะไม่มีสิทธิ์ในเมื่อเธอเองก็ทำผิด มีอาจารย์แทคยอนเป็นพยานหรือจะให้ครูเอาคนในห้องมาช่วยยืนยันอีก”

     

    “ทำไมกันคะแล้วยัยเด็กนี้ละ!!

     

    “เจอินจะโดนหักคะแนนความประพฤติ 30 คะแนนจาก 100 คะแนนซึ่งมีผลในการตัดเกรดรวมเธอด้วยเหมือนกัน ถ้าเป็นแบบนี้ถือว่ายุติธรรมรึยัง หรือจะให้ครูหักคะแนนเจอิน 50 คะแนน แล้วพักการเรียนเธอเลยดีมั้ย”

     

    “ฮึ๋ย!!!

     

    อึนยอลสบถออกมาอย่างไม่พอใจก่อนเดินออกจากห้องไป ฮโยริทิ้งตัวลงนั่งอย่างเหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจ เล่นเอาคนเจ้าแผนการอย่างเจอินรู้สึกผิดขึ้นมาบ้างเพราะเธอเองก็เป็นคนทำให้เรื่องวันนี้เกิดแต่ถ้าไม่ทำพี่ชายของตนก็จะโดนดูถูกแบบนี้ไปเรื่อยๆ แล้วเรื่องที่ขายตัวอาจจะบานปลายจนทำให้พี่ของตนต้องออกจากมหาลัยก็เป็นได้

     

    “อาจารย์คะฉันขอโทษที่ทำให้เรื่องมันวุ่นวายแบบนี้” ร่างบางกล่าวพร้อมก้มหัวให้เล็กน้อยเพื่อแสดงความเสียใจและรู้สึกผิด

     

    “ไม่เป็นไรหรอกฉันเข้าใจเธอและรู้จักเธอดี เธอไม่ใช่พวกที่จะหาเรื่องใครก่อนง่ายๆ ไปแยกย้ายไปเรียนเถอะกฎก็ต้องเป็นกฎ เกรดปีนี้ออกมาแย่ก็ต้องรู้ไว้ว่าทำอะไรนะ”

     

    “คะ/ครับ” สองพี่น้องรับคำก่อนเดินออกไปทิ้งไว้ก็แต่อาจารย์สาวสวยกับอาจารย์เนิร์ดคนใหม่ที่ยังนั่งอยู่

     

    “พี่ฮโยริครับ พี่รู้จักสองคนนั้นหรอครับ” หลังจากเงียบฟังคำตัดสินของฮโยริอยู่นานแทคยอนจึงเอ่ยปากถามอาจารย์รุ่นพี่ด้วยความสงสัย

     

    “ใช่คะ คุณแทคยอนฉันรู้จักครอบครัวเค้าดี คุณเองก็ควรจะรู้จักนักศึกษาแต่ละคนให้มากๆ นะคะ ว่าสิ่งที่เค้าทำบางอย่างมันอาจจะเกิดมาจากบางเหตุทั้งตั้งใจจะกระทำและไม่ตั้งใจจะกระทำ การที่จะตัดสินใครสักคนว่าผิดไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่ใช่เรื่องยาก หวังว่าคุณคงจะเข้าใจนะคะ  รักษาการแทนอธิการบดี อ๊ค แทคยอน”

     

    “ครับ ผมจะพยายามทำให้ได้ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้”

     

     

     

     

     

     

     

     

    “พี่คุณเป็นไงบ้าง ยัยนี้ก็แสบออกมามีเรื่องจนได้!!!!!

     

    อูยองหลับจากที่ได้รับโทรศัพท์จากนิชคุณก่อนเข้าไปฟังการพิจารณาโทษของเจอินในฐานะที่นิชคุณอยู่ในเหตุการณ์ก็ได้โทรบอกอูยอง จนคนแก้มอูมถึงกับเรียนไม่มีรู้เรื่องต้องออกมานั่งรอหน้าห้องนี้แทนที่จะเรียนอยู่ในห้องเรียน

     

    “ฉันไม่ตายหรอกเรื่องแค่นี้เอง(- -)”

     

    “ไม่ตาย!!! แต่ดูหน้าดูปากเธอสิเจอิน!!!” อูยองหันไปตวาดน้องตัวดีที่ยังไม่รู้จักสำนึก

     

    “เดี๋ยวไปล้างออกก็ดูได้เหมือนเดิมแล้วจะโวยวายไปเพื่ออะไร จาง อูยอง นายมันตัวน่ารำคาญจริงๆ”

     

    “พี่คุณดูยัยนี้สิ”  เมื่อว่าอะไรน้องไม่ได้พี่คนกลางจึงหันไปฟ้องพี่คนโตแทน

     

    “เอาน่า พี่เชื่อว่าคนที่ผิดย่อมรู้ตัวเองดีจริงมั้ย^^” ว่าก่อนหันไปยิ้มให้คนโดนว่าที่อยู่ข้างๆ

     

    “คิดว่างั้นหรอ...คิดผิดแล้วละ(- -+)”

     

    “หมายความว่าไงเจอิน” อูยองและนิชคุณร้องขึ้นพร้อมกันอย่างไม่พอใจในตัวน้องสาวที่ไม่รู้จะทำอะไรอีก

     

    “คนที่ผิดเพราะยอมผิดจะไม่รับผิดจนกว่าจะได้ทำผิดจริงๆ ไปเรียนได้ละอูยอง”

     

    “เจอินเธอ!!!!” อูยองตะโกนไล่หลังน้องสาวตัวดีที่ทำท่าว่าจะเดินออกไปอย่างไม่พอใจ

     

    “เดี๋ยว!!!!” นิชคุณคว้าแขนคนตัวบางไว้ก่อนที่เธอจะเดินจากไปอย่างไม่พอใจไม่ต่างจากอูยอง

     

    “ถ้าคนที่ยอมผิดจะไม่รับผิดจนกว่าจะได้ทำจริงๆ ละก็ พี่ดูแล้วพี่คงขัดไม่ได้แน่ๆ แต่วิธีการของเราน่ะพี่ดูแล้วไม่ว่าแพ้ชนะผิดหรือถูกมันก็ลงท้ายด้วยความเจ็บตัวทั้งคู่ไม่ใช่หรอ”

     

    “ฮึ! คิดว่าบอกได้หรอ”

     

    คนตัวบางชักแขนกลับก่อนรีบหันเดินออกไปทำเอาคนเป็นพี่มองตามด้วยสายตาที่เหนื่อยอ่อนและท้อใจต่อน้องสาวที่บอกไม่เคยฟัง แต่ภายในสายตานิ่งนิชคุณเองก็กลับไม่สังเกตเห็นแววตาวูบไหวด้วยความรู้สึกอ่อนแอและรู้สึกผิดที่แสดงออกไปกับพี่ชายแบบนั้น

     

    “เจอินนี้จริงๆ เลย พี่คุณอย่าไปกังวลเลยนะความจริงแล้วเจอินฟังคำพี่ทุกอย่าง แต่ที่รู้คือน้องสาวของเราแสดงออกมาไม่เก่งแถมยังแสดงออกมาตรงข้ามจนทำให้คนอื่นเสียความรู้สึกไปหมดอย่างคิดมากเลยนะ^^

     

    “นั้นสินะ...”

     

    นิชคุณคิดตามคำพูดของอูยองที่ว่ามาอย่างเข้าใจและเพราะบางครั้งตนเองก็ห่วงมากเกินไปจนทำให้ลืมว่าแม่น้องสาวตัวดีเป็นคนที่แสดงอะไรไม่ตรงความคิดและแสดงออกมาในด้านลบอย่างเดียว เมื่อคิดได้อย่างนั้นรอยยิ้มบางๆ ที่แสดงถึงความโล่งใจก็ผุดขึ้นมาบนรูปหน้าหวาน

     

    “พี่คุณพวกผมเรียนอีกวิชาเดียวก็จะเลือกแล้วเดี๋ยวเราไปกินข้าวพร้อมกันนะครับ”

     

    “อืม.. งั้นพี่ไปรอเราสองคนที่หอสมุดนะ”

     

    “ครับ^^

     

    สายตาคู่สวยมองตามน้องชายคนรองของบ้านที่กำลังหายไปเรื่อยๆ พร้อมกับแผ่นหลังและรอยยิ้มที่ดูน่ารักน่าเอ็นดูเสมอจนลับตาไปก่อนตัวเองจะเดินไปยังห้องสมุด

     

    ภายในหอสมุดกว้างชั้นหนังสือถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบและแยกหมวดต่างๆ อย่างละเอียดเพื่อง่ายและสะดวกต่อการเลือกสรรหนังสือที่ต้องการ ความกว้างของหอสมุดนี้ทำเอานักศึกษาหลายคนปฏิเสธที่จะเดินเข้ามาด้วยเหตุผลที่ว่าเห็นหนังสือแล้วหลับ

     

    แต่ภายในชั้นหนังสือทึบและห่างไกลจากผู้คนที่จะเดินผ่านและอยู่ท้ายหอสมุดร่างโปร่งสูงร่างหนึ่งกำลังพยายามเขย่งตัวขึ้นเพื่อคว้าหนังสือบนชั้นที่ไม่รู้ว่าจะสร้างไว้สูงเพื่ออะไร ทั้งๆ ที่ความสูงของร่างโปร่งก็ปาเข้าไป 180 ซม. แล้ว

     

    “ฮึบ! โถ่เอ๊ย!! จะทำชั้นหนังสือสูงไว้เพื่ออะไรกันทำไว้เอาโล่รึไงนะ”

     

    ร่างโปร่งลดตัวลงจากการพยายามเอื้อมเอาหนังสือก่อนยืนค้ำเอวมองฉันหนังสือด้วยความหงุดหงิดเต็มทน ทั้งมุมหนังสือมุมนี้ก็ไม่ค่อยจะมีใครสนใจเดินผ่านเพราะหนังแถวนี้เป็นหนังสือประเภทที่เก่าจนไม่มีใครสนใจจะเอามาอ่าน

     

    “เอาวะ!!! ถ้ารอบนี้ไม่ได้ก็ไม่อ่งไม่อ่านมันแล้ว!!!!

     

    นิชคุณพยายามเขย่งตัวขึ้นเอื้อมหยิบหนังสือเล่มเจ้าปัญหาเล่มเดิมอีกครั้งด้วยความตั้งใจที่มาสูงกว่าชั้นหนังสือ...สูงจนเสื้อนักศึกษาสีขาวตัวบางหลุดออกมาจากกางเกงเดฟสีดำเผยให้เห็นแผ่นท้องสีขาวเนียนสว่างซ้ำเจ้าตัวดันใส่กางเกงโหลดลงมาดูรวมๆ มันจึงทำภาพของนิชคุณตอนนี้ดูเอ่อ...ยั่วยวน (นิชคุณ : แล้วใครมันเป็นคนเขียน!!!)

     

    “หยิบยากหยิบเย็นอะไรนักหนาวะ!!!!!!

     

    เพราะพยายามยื้อหยิบอยู่หลายที่ครั้งแต่ก็ยังไม่ได้หนังสือเล่มที่ต้องการสักทีร่างโปร่งถึงกับสบถด้วยความหงุดหงิดเต็มทน และเป็นช่วงเดียวกับที่ความรู้สึกว่าเหมือนมีใครบางคนเข้ามาจากทางหลังของตนและแขนแกร่งของคนๆ ที่เอื้อมหยิบหนังสือเล่นที่ตนต้องการลงไป

     

    “นี้ครับหนังสือ^^

     

    ใบหน้าและดวงตาคู่หวานที่ยังอยู่ในอาการตกใจรีบหันไปมองเจ้าของเสียงนั้นและหนังสือที่เค้าบังอาจมาหยิบไป แต่เมื่อเห็นหน้านิชคุณเองก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มพร้อมก้มหัวให้นิดๆ ส่งไปก่อนแทนคำขอบคุณ

     

    “ขอบคุณครับอาจารย์แทคยอน”

     

    “ไม่เป็นไรครับ แต่เอ่อ..เสื้อของคุณหลุดออกหมดเลยแล้วเมื่อกี้ผมก็....(-///-)”

     

    แทคยอนส่งยิ้มให้กับนักศึกษาตรงหน้าพร้อมกับยื่นหนังสือให้เจ้าตัวไปก่อนจะบอกร่างโปร่งเรื่องเสื้อ แต่ตนเองก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเมื่อครู่ที่เห็นว่าเสื้อร่างโปร่งหลุดเค้าได้เห็นหน้าท้องแบนราบซ้ำกางเกงที่เจ้าตัวใส่ยังโหลดลงมาซะต่ำ...

     

    “อะ... เอ่อ ฮาๆๆ นั้นสินะครับ -//// ผมก็มัวแต่ห่วงหนังสือเลยไม่ได้ห่วงเสื้อหลุดออกหมดเลย-////- แต่ยังไงผมก็ขอบคุณอาจารย์มากนะครับที่บังเอิญเดินผ่านมาพอดีไม่งั้นผมคงไม่ได้เจ้าหนังสือนี้แน่ๆ ^^

     

    มือเรียวตบลงบนหนังสือเจ้าปัญหาเบาๆ พร้อมส่งยิ้มไปให้กับอาจารย์อย่างร่าเริงทำเอาคนรับรอยยิ้นหวานนี้อดยิ้มตามด้วยไม่ได้”

     

    “ไม่เป็นไรครับ พอดีผมจะมาหาหนังสือเกี่ยวกับการใช้ภาษาเกาหลีอยู่พอดี”

     

    “เอ๋?? อาจารย์เป็นคนเกาหลีไม่ใช่หรอครับจริงๆ น่าจะเก่งกว่าผมซะอีก”

     

    “อ้อ ไม่หรอกครับผมเรียนที่บอสตันเลยไม่ค่อยเก่งเรื่องคำศัพท์เกาหลียากๆ ^^

     

    “อ้อครับ”

     

    ทั้งสองพูดคุยกันในมุมหนังสือกันอยู่สักพักอย่างถูกคอและทุกครั้งที่นิชคุณได้รับรอยยิ้มจากแทคยอนหัวใจกับเต้นโครมครามมือไม้ก็พลอยจะสั่นไปด้วยทุกครั้ง ทั้งๆ ที่ตั้งใจไว้แล้วแท้ๆ ว่าจะไม่ให้ก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจมันไปหลงเต้นโครมครามกับใครเพราะอาชีพที่ทำ แต่ทำไมมันไม่ฟังคำสั่งของตนเลยละทำไมถึงยอมเต้นไปกับรอยยิ้มซื่อๆ ของคนตรงหน้าได้อย่างนี้กันนะ

    “ผมขอตัวก่อนนะครับอาจารย์ขอบคุณสำหรับหนังสือครับ^^

     

    “อะ เอ่อ.. คุณครับผมขอคุยอะไรด้วยหน่อยได้มั้ย!!!

     

    “เอ๋??”

     

     

    โต๊ะฟอร์นิเจอร์ไม้ริมหน้าต่างถูกจัดไว้ให้นั่งได้เพียงแค่กลุ่มน้อยๆ และห่างไกลกับโต๊ะตัวอื่นๆ เหมือนออกแบบมาเพื่อให้นักศึกษาที่ต้องการทำงานอย่างเงียบๆ ได้ทำงานกันด้วยความสงบอย่างที่พวกเขาต้องการ

    “เชิญครับ” แทคยอนภายมือให้กับนักศึกษาหนุ่มก่อนตนจะเดินไปนั่งฝั่งตรงข้าม

     

    “อาจารย์มีเรื่องอะไรจะคุยกับผมหรอครับ”

     

    “คือ... ผมไม่อยากให้คุณมองว่าผมยุ่งเรื่องส่วนตัวของคุณแต่ผมก็ต้องการจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับนักศึกษาในการปกครองของผม แต่ผมเองก็ชอบที่จะคุยตรงๆ มากกว่าศึกษาโดยดูไปเรื่อยๆ เพราะผมคิดว่าวิธีคุยตรงๆ แบบนี้มันจะไวกว่า ผมหวังว่าคุณจะเห็นด้วยนะครับนิชคุณ”

     

    “ครับผมเห็นด้วยแต่อาจารย์แทคยอนแน่ใจหรอครับว่าทุกคนพูดของคนที่อาจารย์กำลังถามข้อมูลมันเป็นความจริง”

     

    “ความจริงไม่จริงมันโชว์ผ่านออกมาทางสายตาครับ ผมเชื่อ..”

     

    “...” นิชคุณเงียบไปกับคำตอบและแววตาจริงจังของอาจารย์หนุ่มเนิร์ดตรงหน้าตน

     

    “งั้นแสดงว่าผมก็โกหกอาจารย์ไม่ได้น่ะสิครับ” ดวงหน้าหวานตอบชายตรงหน้าอย่างอารมณ์ดีพร้อมเสียงขำที่ตามมาพอให้ได้รู้ว่าเค้าเองก็ไม่ได้ซีเรียสสักเท่าไหร่

     

    “ไม่เชิงหรอกครับฮ่าๆ”

     

    “อาจารย์อยากรู้เรื่องอะไรละครับ”

     

    “อืม...ผมขอเรื่องน้องสาวคุณก่อนแล้วกันสายตาเธอดุดันน่ากลัวยิ่งกว่าเสืออีกนะครับ” แทคยอนกล่าวพร้อมทำท่าทางหวาดๆ กับคนที่พูดถึงผิดกับนิชคุณที่หัวเราะร่าออกมาทันที

     

    “ฮ่าๆ ไม่มีอะไรหรอกครับอาจารย์แค่อาจารย์ไม่ไปยุ่งหรือทำเรื่องกวนใจเธอก็พอแล้ว ปาร์ค เจอินเป็นน้องสาวคนเล็กของเราที่นิสัยแหกคอกออกมามากหน่อยน่ะครับ”

     

    “เรา?? คุณไม่ได้มีกันสองพี่น้องหรอครับ”

     

    ร่างสูงเอ่ยถามด้วยความงงเมื่อได้ยิ่งคำว่า “เรา” ออกจากปากร่างบางตรงหน้าทั้งๆ ที่เค้าคิดว่านิชคุณมีแค่ตัวเค้าและน้องสาวที่น่ากลัวคนนั้น

     

    “อ้อ! ผมมีพี่น้องสามคนรวมตัวผมอีกคนชื่อ จาง อูยอง น่ะครับอยู่ปีเดียวกันกับเจอินอูยองพี่คนรองของบ้านส่วนเจอินเป็นน้องคนเล็ก จะถามถึงนิสัยก็มีแค่เจอินละครับที่แปลกเพื่อน คือ... โหดไปหน่อย^^;;

     

    นิชคุณตอบอาจารย์เนิร์ดไปย่างอารมณ์ดีและเผลอหลุดขำออกมากับประโยคช่วงถ่ายของตัวเองที่กลัวถึงน้องสาวคนสุดท้องของบ้าน

     

    “อ้อครับ หวังว่าอูยองจะไม่น่ากลัวเหมือนเจอินนะครับ”

     

    “ไม่หรอกครับ เจอินเองก็ไม่น่ากลัวอย่างที่อาจารย์คิดเพียงแค่เธอไม่แสดงความรู้สึกและไม่ไว้ใจใครง่ายๆ ใครดีกับเธอ...เธอก็ดีกลับแต่ถ้าร้าย...ไม่เหลือครับผมรับประกัน”

     

    “น้องคุณนี้น่ากลัวจริงๆ ฮ่าๆ”

     

    “ฉันจะน่ากลัวกว่านั้นถ้าคุณยังอยากรู้เรื่องของพวกเราและเข้ามายุ่งกับพี่ชายฉันเกินความจำเป็นในขอบเขตอาจารย์และนักศึกษา”

     

    บทสนทนาที่ดูเหมือนกำลังสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับนักศึกษาและอาจารย์เนิร์ดถูกขัดด้วยเสียงเด็กสาวที่แผดมาอย่างเรียบเย็นจนดูน่ากลัวแต่ในเสียงที่ดูเย็นชานั้นกลับสามารถรู้และสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจจนร่างสูงเริ่มรู้สึกเสียวตามแผ่นหลังกว้างแปร๊บๆ

     

     

    “อ้าวเจอิน อูยอง นี้เที่ยงแล้วหรอ”

     

    นิชคุณร้องทักเจ้าของประโยคและบุคคลผู้ติดตามอย่างอารมณ์ดีก่อนทั้งสองจะมานั่งแหมะลงบนเก้าอี้ว่างในโต๊ะที่สองคนได้นั่งอยู่ก่อนหน้าแล้ว

     

    ทันทีที่นั่งลงเจอินหันไปมองหน้าอาจารย์ที่ปรึกษาของพี่ชายของตนที่ไม่ได้มีความสามารถมากพอที่จะช่วยอะไรพี่ชายตนได้จนต้องถูกดูถูกและทำให้ความลับในอาชีพของนิชคุณเกิบแตกออกมา... เพราะความไม่เอาไหนของอาจารย์คนใหม่คนนี้

     

    “ใช่เที่ยงแล้วก็เลยมาหาและไม่คิดว่า...จะได้มาเจอกันคนอื่นนอกจากพี่”

     

    ดวงตาคมพร้อมรูปหน้าหันมองเด็กสาวที่กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่ดูเสียดแทงกับคนว่า คนอื่นทั้งยังสายตาเย็นชาระคนไม่พอใจส่งมาที่เขา ปากสวยได้รูปมีรอยแตกและคราบเลือดติดอยู่นั้นทำให้คนที่ขึ้นชื่อว่าอาจารย์อย่างเข้ารู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อยที่ไม่สามารถห้ามนักเรียนได้

     

    “ผมขอโทษที่ไม่สามารถห้ามนักเรียนของผมได้”

     

    “ไม่เป็นไรหรอกคะ ไปเถอะพี่คุณ อูยองกลับบ้านหิวข้าวแล้ว”

     

    เสียงเย็น(ชา)กล่าวอย่างตัดบทเพราะไม่อยากจะเสียเวลาคุยกับอาจารย์หนุ่มด้วยเกรงว่าอาจจะทำให้ความสัมพันธ์มันเหลื่อมล้ำกว่านี้ และดูจะไม่เป็นผลดีกับพี่ชายเธอสักเท่าไหร่

     

    “เอ๋?? แล้วไม่มีเรียนแล้วหรอ” นิชคุณฉงนถามด้วยความสงสัย

     

    “ไม่มีแล้วไปเถอะ”

     

    “เอ่อ... ตอนบ่ายฉันเองก็ไม่มีสอนจะรังเกียจรึปล่าวถ้าฉันจะเลี้ยงข้าว” สายตาของสามพี่น้องหันไปมองอาจารย์หนุ่มทันที

     

    (- -) >> เจอิน

    (O.O) >> อูยอง

    (OoO) >> นิชคุณ

     

    (^^;;) >> แทคยอน

     

    “ถ้าพวกคุณไม่ต้องการก็ไม่เป็นไรครับ”

     

    “ปะ ปล่าวครับอาจารย์ แค่พวกเราตกใจนิดหน่อยจริงมั้ย...ทุกคน”

     

    ร่างบางของพี่ใหญ่กล่าวขึ้นอย่างตะกุกตะกักเพราะสีหน้าของอาจารย์ที่ดูแล้วกลับทำให้ร่างบางรู้สึกผิดซะงั้นกับสายตา แมวหงอย ผิดกับเจอินที่กลับทำหน้าซังกะตายอย่างเบื่อหน่ายเมื่อพี่ชายตนหันมาถาม

     

    “คะ ครับ อาจารย์ พวกผมแค่ตกใจเท่านั้นเองจริงๆ นะครับ เพราะปกติไม่คอยมีใครอยากจะยุ่งกับพวกเราสามคนเลย”

     

    “อูยองนั้นไม่สิ่งที่นายควรพูด” เจอินหันไปเหวี่ยงอูยองทันทีเพราะเขาได้พูดสิ่งที่ทำให้อาจารย์หนุ่มตรงหน้ากำลังจ้องสงสัยมากขึ้น

     

    “ฉะ ฉันลืมโทษที งั้นๆๆ เราไปกันเลยดีกว่านะครับ”

     

    มือขาวเกาหัวตัวเองแก้เก้อเมื่อเจอสายตาไม่พอใจของเจอินแล้วทั้งยังเรื่องที่หลุดพูดออกไปให้น่าสงสัย แต่คนฟังกลับไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนักเพราะเขากำลังโล่งใจที่ทั้งสามคนยอมไปกินข้าวด้วย

     

    “ใครว่าฉันจะไป...”

     

    “อ๊าว~!” เสียงเย็นกล่าวขึ้นทำเอาอีกสามเสียงจากสามหนุ่มร้องพร้อมกันอย่างสงสัย

     

    “ฉันอยากกลับบ้าน ฉันไม่ชอบออกไปนั่งกินข้างนอกบ้านหรอกนะ พี่คุณเองก็เถอะไม่ควรจะออกไปกินข้าวข้างนอก อาจารย์คะถือว่าฉันขออย่ายุ่งกับพวกเราเลยไม่ใช่ว่าฉันจะปฏิเสธน้ำใจอาจารย์นะคะฉันซาบซึ้งในน้ำใจอาจารย์ที่มีต่อพวกเรา แต่อย่ามายุ่งกับพวกเราเลยคะอย่าให้เส้นกั้นคำว่าอาจารย์กับลูกศิษย์มันขาดเลย...มันไม่เหมาะ”

     

    “เจอ์!! ทำไมพูดอย่างนั้นละ” อูยองดึงแขนเจอินอย่างเรียกสติ ถึงแม้เธอจะเป็นคนพูดตรงแต่บางที่มันก็ตรงมากเกินไปจนดูเป็นคนไร้มิตรภาพและจะสร้างศัตรูเสียแทน

     

    “เจอ์เธอพูดแรงไปนะ อาจารย์ครับถ้ายังไงผมขอโทษแทนเจ้าตัวดีของผมด้วยถ้าอาจารย์ไม่โกรธเธอผมขอเปลี่ยนคำชวนเป็นไปทางข้าวที่บ้านผมแทนแล้วกันเดี๋ยวผมจะให้อูยองแสดงฝีมือให้ดูนะครับ”

     

    นิชคุณใช้ความเป็นพี่คนโตพร้อมทั้งความฉลาดในการแก้สถานการณ์สงบอารมณ์เจอินและอูยองที่ดูทั้งสองเหมือนจะทะเลาะกันเอง ทั้งอาจารย์แทคยอนที่หน้าหลาไปเพราะคำพูดของเจอินที่ตรงและแรงเกินไป นิชคุณรู้ดีว่าน้องสาวของตนเป็นห่วงและไม่อยากให้ตนออกไปกินข้าวข้างนอกเพราะชีวอนลูกค้าคนล่าสุดของนิชคุณมีอิทธิพลคุมอยู่หลายแห่งถ้าบังเอิญไปเจอกันเข้ามีหวังความลับแตกโดนไล่ออกจากมหาลัยกันพอดี แต่ถ้าปฎิเสธไม่อย่างนั้นก็ดูจะทำลายน้ำใจอาจารย์หนุ่มเกินไปถ้าคิดๆ ดูแล้วจะไปยากอะไรก็แค่ชวนไปกินข้าวที่บ้านก็เสร็จเรื่อง

     

    “เจอ์กับด้งไปรอพี่ข้างนอกเดี๋ยวพี่กับอาจารย์ตามออกไป”

     

    เมื่อคำสั่งหลุดออกมาจากปากผู้เป็นพี่ใหญ่พี่รองก็ต้องทำตามเป็นเรื่องปกติและสำหรับน้องเล็กปกติของเธอคือ จ้องมองพี่ชายด้วยความไม่พอใจด้วยสายตานิ่งแต่บ่งบอกออกมาว่าขัดใจและไม่พอใจอย่างมาก

     

    “จุ๊บ!

     

    O-O

     

    “ไปรอพี่ข้างนอกนะยัยตัวแสบ ... ไปด้งพอน้องออกไปรอพี่ข้างนอก^^;;

     

    ริมฝีปากสีชมพูสดประทับลงนวลแก้มขาวทันทีเพราะนี้คือวิธีจัดการสายตากร้าวดุดันของน้องสาว ... และมันก็ได้ผลทุกครั้งเพราะคนโดนหอมถึงกับตาโตดวงความตกใจและนิ่งไปอย่างทำอะไรไม่ถูก ร่างกายไม่สามารถควบคุมได้หากอูยองจะดึงไปซ้ายเธอก็ไป จะไปขวาเธอก็ไปเพราะ ปาร์ค เจอิน แพ้การหอมแก้มจากพี่ชายคนโตเพียงอย่างเดียวและรับรองได้ว่าถ้าเป็นคนอื่นคุณได้เบ้าตาเขียวไปแล้วแน่นอน

     

    อูยองหลุดหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้กับถ้าทางเย็นชาที่ดูเอ๋อไปทันที ก่อนหันไปยิ้มให้อาจารย์และเจ้าการความคิดที่หยุดเด็กร้ายเจอินอย่างนิชคุณแล้วลากร่างบางที่เอ๋อให้เดินออกมาตามอย่างว่าง่าย

     

    “เจอกันหน้าหอสมุดนะครับอาจารย์ พี่คุณ คิคิ ไปเร็วยัยเอ๋อ”

     

    O-O

     

    อาจารย์หนุ่มส่งยิ้มเจื่อนๆ พร้อมก้มหัวตอบอูยองและนอกด้วยความงงเต็มประดากับสามพี่น้อง

     

    “ผมเพิ่งรู้นะครับว่าจุดอ่อนของน้องสาวคุณคือ .. หอมแก้ม ..” สิ้นประโยคแทคยอนก็หลุดหัวเราะออกมาทันที นิชคุณที่ยืนยิ้มอย่างเขินๆ ก็เผลอหัวเราะตามออกไปอย่างอดไม่ได้

     

    “ครับ แต่ผมคนเดียวนะครับที่ทำแล้วเธอจะเอ๋อ ถ้าอาจารย์ทำละก็ผมรับประกันว่าอาจารย์ได้ตาเขียวแน่ๆ ฮ่าๆ”

     

    “ผมคงไม่กล้าหรอกครับ” แทคยอนว่าขึ้นพร้อมทำท่ากลัวจนขนลุกเมื่อนึกถึงหมัดน้อยๆ ของเจอินที่กระแทกเข้าบวงตาของเขา

     

    “ครับดีแล้วที่ไม่กล้าเพราะผมก็จะจัดการคนที่บังอาจมาหอมแก้มน้องสาวผมเหมือนกัน ฮาๆ ไปกันเถอะครับอาจารย์”

     

    ร่างบางว่าติดตลกทิ้งทวนแต่มันแฝงไปด้วยความจริงจังที่จะปกป้องน้องสาวของตน และมันก็เรียกเสียงหัวเราะให้กับบทสนทนาได้มากก่อนร่างบางจะเอ่ยชวนอาจารย์เนิร์ดออกจากหอสมุดเพื่อไปหาอูยองและเจอินที่ยืนรออยู่ข้างนอก

    .................................................................................................................................

    หลังจากที่ออกมาจากห้องสมุดทั้งสี่คนก็แยกทางกันไปคนละทางเพราะอูยองคิดได้ว่าของสดในตู้เย็นหมดจึงต้องไปซื้อและในขณะที่เจอินยังไม่ฟื้นจากอาการเอ๋อเธอจึงโดนอูยองดึงไปพร้อม ส่วนนิชคุณกับแทคยอนเลือกกลับไปรอที่บ้านเพราะนิชคุณเกรงว่าถ้าสติของน้องสาวกลับมาอาจจะทำให้เกิดสงครามสายตาและคำพูดช่างกัดช่างจิกไวกว่าที่คิด

     

    “บ้านนิชคุณอยู่แถวนี้หรอครับ!!!” แทคยอนถามด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นหมู่บ้านที่คุ้นตา

     

    “ครับ มันดูหรูใช่มั้ยครับ...จริงๆ แล้วมันเป็นของพ่ออูยองน่ะครับท่านทิ้งไว้ให้ก่อนเสียเราสามพี่น้อยได้อยู่บ้านดีๆ กับเค้าหน่อย” ร่างสวยว่าก่อนหันไปยิ้มให้อาจารย์ที่เดินอยู่ข้างๆ

     

    “ครับมันหรูจริงๆ แล้วที่สำคัญราคาก็ไม่ใช่หยอกๆ ด้วย กว่าผมจะตัดสินใจซื้อมันได้ผลคิดอยู่นานเลยครับ ฮาๆ”

     

    “เอ๋!!!! อาจารย์ก็อยู่ที่นี้หรอครับ”

     

    “ใช่ครับ หลังจากที่ผมกลับมาจากอเมริกาผมก็คิดว่าจะหาบ้านอยู่เป็นหลักเป็นแหล่งสักหน่อย แล้วผมก็ได้ที่นี้มันสวยมากเลยครับแต่ราคานี้รู้สึกว่าจะสวยกว่านะ...”

     

    “ฮ่าๆ อาจารย์จบมาจากอเมริกาก็ต้องมีเงินมากสิครับจะไปกังวลอะไรกับเรื่องเงิน”

     

    “ไม่หรอกครับถึงจะเรียนจบจากเมืองนอกแต่การใช้เงินก็ต้องระวังจริงมั้ยครับ”

     

    แทคยอนว่าก่อนส่งยิ้มไปให้คนข้างๆ แต่ดูเหมือนว่าเรื่องการใช้เงินจะไปสะกิดโดนอะไรในใจของนิชคุณเข้า ใบหน้าสวยที่มีรอยยิ้มสดใสกลับหมดหมองลงทันทีจนแทคยอนเริ่มรู้สึกไม่ดีและเริ่มกังวลว่าคำพูดเพียงแค่ประโยคพื้นฐานนี้ไปพูดแทงใจคนข้างๆ อะไรหรือปล่าว หรือเป็นเพราะศัพท์เกาหลีไม่ค่อยดีกัน

     

    “นิชคุณเป็นอะไรหรือปล่าวครับ ผมพูดอะไรไม่ดีออกไปงั้นหรอ”

     

    “อะ!!! ปล่าวครับอาจารย์ ... ไม่มีอะไรหรอกบ้านผมอยู่ที่ซอย 2 นี้เองครับแล้วอาจารย์อยู่ซอยไหนครับ”

     

    “อ้อ!!! ผมหรอครับ ซอย 5 ครับห่างกันไม่เท่าไหร่เองนะครับ”

     

    “ใช่ครับบังเอิญมากๆ ด้วย ฮ่าๆ”

     

    ทั้งสองคุยกันมาเรื่อยๆ ตามทาง จนถึงบ้านของนิชคุณ แทคยอนมองสำรวจรอบบ้านไปเรื่อยๆ จนมาถึงห้องนั่งเล่นดูทุกอย่างตกแต่งออกมาอย่างเรียบง่าย แต่กลับแฝงไปด้วยไออุ่นของคำว่าพี่น้อง...

     

    “แค่พี่น้องหรอ...แล้วพ่อแม่ไปไหน”

     

    แต่แล้วจู่ๆ แทคยอนก็ต้องงกับความคิดของตน ทำไมถึงรู้สึกว่าอบอุ่นเพียงแค่พี่น้องละ ทำไมไม่ใช่ครอบครัวกัน ทั้งๆ ที่นี้มันคือบ้านของลูกศิษย์หน้าสวยแท้ๆ คิ้วหนาขมวดเข้าหากันอย่างสงสัยควาคิดของตัวเองพลางวางกระเป๋าลงบนโซฟา

     

    ทำไมเราถึงไม่รู้สึกว่าสามคนนี้ได้รับการปกป้องจากพ่อแม่ละ

     

    “คิดอะไรอยู่ครับอาจารย์ดูคิ้วผูกโบว์เลย ^^

     

    “ปะ ปล่าวครับ แล้วอีกนานมั้ยครับกว่าสองคนนั้นจะกลับมา” แทคยอนถามเปลี่ยนเรื่องทันที

     

    “อ้อ!! คงไม่นานครับ งั้นผมไปเตรียมจัดโต๊ะก่อนนะครับ”

     

    “ให้ผมไปช่วยนะครับ”

     

    “ไม่เป็นไรครับอาจารย์นั้นรอดีกว่าผมชวนมาท่านเชยๆ ครับ ไม่ใช่มาทำอาหารให้ทานฮาๆ”

     

    “ฮาๆ เอางั้นก็ได้ครับ”

     

    แทคยอนว่าก่อนทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตามที่นิชคุณบอก ก่อนลูกศิษย์ร่างสวยจะเดินมาเปิดทีวีให้นั่งรอดูไปพลางๆ แล้วเดินหายไปในส่วนที่แทคยอนคิดว่านน่าจะเป็นห้องครัว

     

    เรียวตาคมสำรวจไปรอบๆ บ้านมองดูรูปถ่ายและของตกแต่งที่ไม่อยู่ไม่มาก ทั้งดูเรียบง่ายสบายตา จนจัดว่าเป็นบ้านที่น่าอยู่เลยทีเดียวแต่สิ่งที่ทำให้แทคยอนยังแปลกใจอยู่คือรูปถ่ายแต่ละใบกลับมีเพียงแค่รูปคู่ระหว่างนิชคุณเจอินและอูยอง หรือถ่ายรวมกันสามคน และรูปผู้ชายวัยกลางคนสามคนที่ถ่ายรูปแยกกับสามพี่น้องจนแทคยอนสงสัยว่าความสัมพันธ์ของสามคนและผู้ชายอีกสามคนนั้นคือใคร

     

    “กลับมาแล้วครับ!!!! << อูยอง

    “มาแล้ว(‘ ’)”

     

    เสียงร้องทักจากสองคนที่เพิ่งเข้ามาดึงแทคยอนหลุดออกจากความคิดให้หันไปสนใจทั้งสองที่เพิ่งเดินเข้ามา อูยองหันมามองแทคยอนก่อนยิ้มและก้มหัวให้เล็กน้อยแล้วเจ้าตัวก็เดินหายไปในครัว ส่วนเจอินเดินดุ่มๆ เข้ามาที่ทีวีโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นคล้ายกับว่าบ้านทั้งบ้านมีเธอแค่คนเดียว

     

    ร่างเล็กนั่งลงหน้าทีวีก่อนจะลงมือทำอะไรบางอย่างกับเครื่องเล่น DVD มือเล็กสวยหยิบรีโหมดขึ้นมาแล้วเดินมาที่โซฟาตัวเดียวกับที่ร่างสูงนั่งอยู่ ดวงตาคมมองร่างเล็กด้วยความสงสัยระคนหวาดเสียวว่าเธอจะทำอะไร

     

    “ขอโทษคะอะจารย์ที่ตรงกลางนี้ของฉันกรุณาเขยิบหนีด้วยคะ(- -)”

     

    “อะ...ครับๆ”

     

    แต่แล้วแทคยอนก็ถึงกับตะลึงเมื่อเธอเพียงแค่บอกวาช่วยเขยิบให้เธอได้นั่งที่เดิมของเธอเท่านั้นเอง ร่างสูงจึงขยับก้นออกมานั่งข้างๆ ปล่อยให้พื้นที่ตรงกลางของโซฟาว่างให้เจ้าของที่เขาได้นั่ง

     

    “ขอบคุณคะ”

     

    “เห็นอูยองบอกว่าเธอได้ DVD the 1st Concert ของหนุ่มๆ 2PM มาน่ะครับเลยไม่พูดไม่จา แล้วก็ว่าง่ายแบบที่เห็นแบบนี้ละครับ”

     

    นิชคุณเดินออกมาจากห้องครัวด้วยรอยยิ้มขำๆ กับน้องสาวที่สงบนิ่งได้ด้วย DVD ของหนุ่มๆ 2PM ที่เธอคลั่งไคล้ ทำให้แทคยอนที่งงๆ อยู่ก็ถึงกับยิ้มตามทันทีเมื่อรู้เหตุผลเพราะเจอินนั้นชอบ 2PM มากๆ นั้นเอง

     

    “แปลกนะครับเพลงของ 2PM เป็นอีกสิ่งที่ทำให้เธอดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา” นิชคุณเอ่ยก่อนเดินไปนั่งที่โซฟาตัวเล็กอีกตัว

     

    “แต่ดูคุณเองก็มีความสุขนะครับ”

     

    แทคยอนยิ้มให้นิชคุณคล้ายกับว่าจงใจจะแซว ยิ้มสวยที่ถูกส่งกลับไปให้กับอาจารย์หนุ่มก่อนเปลี่ยนความสนใจไปที่คอนเสิร์ตเพิ่งเลี่ยงสายตาและรอยยิ้มอ่อนโยนนั้น ไม่อยากจะให้ใจหวั่นไหวตามเลย



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×