ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Kinhdom Heart พันธสัญญารัก พันธสัญญาหัวใจ

    ลำดับตอนที่ #1 : นางสนม

    • อัปเดตล่าสุด 30 พ.ย. 53


    ตอนที่ 1
    นางสนม
     
     
    ในโลกที่อยู่ในช่วงสงครามล่าอาณานิคม ทำให้ไฟสงครามระหว่างปีศาจ ผู้พิทักษ์ และมนุษย์ ลุกโชนมาเป็นเวลาหลายปี ทำให้การติดต่อค้าขายลดน้อยลง สัมพันธไมตรีเริ่มจางหายลงเรื่อยๆ
    จนกระทั่ง 3 ปีต่อมา สงครามใหญ่ก็ได้ถูกสงบศึกโดยพระมหาจักรพรรดิ แห่งแคว้น อิทราเนียร์ โดยที่ฝ่ายแคว้นเอเทเทียร์ ต่างไม่ยินยอม จนเวลาผ่านไป ทุกอย่างก็สงบสุข ไม่มีสงคราม เหมือนแต่ก่อน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ทุกคนรอคอยมานานแสนนาน
    แต่แล้ว...พระมหาจักรพรรดิแห่งแคว้นอิทราเนียร์ก็สิ้นพระชนม์ลง เนื่องด้วยถูกลอบปลงพระชนม์จากกลุ่มผู้ลอบสังหารแห่งแคว้นเอเทเทียร์ จนทำให้มีการสถาปนาจักรพรรดิองค์ใหม่ ซึ่งตอนนั้นจักรพรรดิองค์ใหม่เพิ่งจะมีพระชันษาเพียง 10 ปี...
    ย้อนหลังไปเมื่อ 13 ปีที่แล้ว...
    เฮ...เฮ.....
    เสียงของทหารประกาศก้องในอาณาจักรที่ลุกโชนขึ้นเป็นไฟสีแดงสว่าง ประชาชนต่างรีบอพยพออกไปจากอาณาจักรของตน ท่ามกลางไฟสงครามและเสียงโอรดครวญของชาวบ้าน แต่ในระหว่างนั้น มีครอบครัวหนึ่ง ที่แอบหนีออกมาจากอาณาจักรที่เลวร้าย
    “พ่อคะ แม่คะ...” เด็กหญิงตัวเล็กหน้าตาน่ารักเรียก แต่ใบหน้าของเธอมอมแมมเจ้ากลุ่มควันขี้เถ้า ซึ่งในระหว่างนั้น เธอถูกพ่อและแม่ของเธอเอาตัวเธอหลบเข้าไปในกล่องไม้
    “อยู่ในนี้แหละจ้ะ” หญิงสาวที่อยู่ข้างๆ เธอพูด
    “พ่อและแม่จะต้องกลับมานะ” เด็กหญิงคนนั้นพูด
    “จ้ะ แม่และพ่อจะกลับมาแน่” หญิงสาวคนนั้นพูด ด้วยใบหน้าที่ดูยิ้มเศร้าๆ
                    พอจบคำพูดของนาง นางรีบปิดกล่องไม้นั่น เด็กหญิงคนนั้นยังแอบเฝ้ามองทางรูเล็กๆ ที่กล่องไม้ที่เธอหลบซ่อนตัวอยู่ ครอบครัวของเธอรีบวิ่งจากเธอไป จังหวะที่กำลังหนีไปนั้น ก็ถูกสกัดโดยทหารจากต่างแดนแล้วก็ถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหดไปต่อหน้าต่อตาของเธอ ซึ่งนั้นเป็นภาพติดตาของเธอมาตั้งแต่นั้นมา จนกระทั่ง สงครามก็สงบลง...
     
     
    หลายปีต่อมา...
    “เอริเนีย เสร็จหรือยังจ้ะ” หญิงสาววัยกลางคนคนหนึ่งเรียกหญิงสาวที่มีใบหน้าสวยงามที่อยู่ในห้องแต่งตัวพูด
    “จะเสร็จแล้วค่ะ รอสักครู่นะคะ!!” เธอพูด พลางเกล้าผมสีบอร์นยาวสลวยตัวเอง
    “เร็วๆ นะจ๊ะ แขกมารอแล้ว” นางพูด แล้วเดินจากไป
                    เอริเนีย หญิงสาวที่กำพร้าพ่อแม่แต่ยังเด็ก เธอเป็นลูกบุญธรรมของตระกูลที่ร่ำรวยตระกูลหนึ่งเมื่อหลังสงครามจบ เธอก็ถูกรับเลี้ยงมาเมื่อเธออายุได้ 5 ขวบ ซึ่งเธอเป็นคุณหนูที่แตกต่างไปจากคุณหนูคนอื่นๆ โดยสิ้นเชิง เครื่องประดับเพชรแพรวพราว ก็แทบไม่มีเลย มีเพียง สร้อยคอเพียงเส้นเดียวเท่านั้น และบุคลิกท่าทางกิริยามารยาทเรียบร้อยมาก
     
    ที่งานเลี้ยง...
    “คุณหนูยังไม่มาอีกหรือครับ? คุณนาย” ชายแก่คนหนึ่งพูด
    “ก็ ยังค่ะ แต่สักพักก็คงมาแล้ว” หญิงสาววัยกลางคนพูด
                    สักพัก หญิงสาวที่ถูกกล่าวถึงก็เดินลงมา
    “อ๊ะ! มาแล้วค่ะ” นางพูด
                    แขกทุกคนที่มามองเธอเป็นตาเดียว จังหวะนั้น หญิงสาววัยกลางคนคนนั้นก็เดินมาข้างๆ ตัวเธอ
    พลางประกาศก้องว่า
    “นี่คื่อ เอริเนีย บุตรบุญธรรมแห่งตระกูลแฟรินเซ่” นางพูด
    ทุกคนมองไปเป็นตาเดียว ชายหนุ่มทุกคนแทบต้องการเธอที่จะเป็นภรรยา เพราะด้วยใบหน้า และกิริยามารยาทของเธอ
    “นี่หรือ...บุตรสาวคนงามของท่าน...” ชายแก่คนนั้นพูด
    “ข้าแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง นางเป็นเทพธิดาหรือเปล่า” แขกรับเชิญหนุ่มคนหนึ่งพูด
    “เอาเถอะค่ะ เอาเป็นว่าเราเปิดงานกันได้แล้ว” หญิงสาววัยกลางคนคนนั้นพูด
                    ในระหว่างที่งานเลี้ยงได้เปิดขึ้น สักพัก ก็มีเสียงชายหนุ่มคนนั้นประกาศว่า
    “องค์ชายฮาริสเสด็จแล้ว!”
                    คำพูดนั้นทำให้ทุกคนตกใจบ้างเล็กน้อย ทุกคนหยุดนิ่งแล้วโค้งคำนับอยู่กับที่
    “โอ้! องค์ชายฮาริส เป็นเกียรติจริงๆ ที่ท่านได้เสด็จมางานเลี้ยงในคืนนี้....” หญิงสาววัยกลางคนพูด แล้วโค้งคำนับพร้อมกับสาวงามคนนั้น
    “ข้าไม่มา ก็ถือว่าข้าเสียเที่ยวสิครับ คุณผู้หญิง” ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าเจ้าชายพูด
    “แหม...จริงสินะคะ” นางตอบ พลางหัวเราะเขิน ส่วนเอริเนียไม่พูดอะไร เพียงก้มหัวเล็กน้อย
                    องค์ชายฮาริส หันมามองเธออย่างสนใจ สักพักเขาก็พูดขึ้นมาว่า
    “บรรเลงดนตรีได้...” เขาพูด
                    นักดนตรีที่อยู่บนเวทีที่หยุดนิ่งอยู่นั้น ก็บรรเลงเพลงดนตรีจังหวะช้าๆ พลางก้มหัวคำนับต่อหน้าสาวงามคนนั้น
    “ได้โปรด เต้นรำกับผมสักเพลงหนึ่งนะครับ คุณผู้หญิง” เขาพูด จนสาวงามค่อยๆ วางมือบนมือของเขา แล้วเต้นรำด้วยกัน
    หญิงสาววัยกลางคนกับแขกคนอื่นๆ มองไปที่คู่เต้นรำคู่นั้น พลางยิ้มไปด้วย
    “ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมเสียจริงๆ” แขกคนหนึ่งพูด
    “นั่นสินะคะ” หญิงสาววัยกลางคนตอบ
    จนเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเต็ม ทั้งคู่ก็นั่งพักอยู่ริมน้ำพุ...
    “เหนื่อยจังเลยนะ” เขาพูด
    “เพคะ...” เธอตอบสั้นๆ
    “อืม...ในเมื่อเราได้อยู่ด้วยกันสองต่อสอง ข้าก็มีเรื่องที่ต้องการจะขอเจ้า...” เขาพูด
    “เรื่องอะไรเพคะ?” เธอถาม
    “ข้าอยากให้เจ้า เป็นนางสนมของข้า...” เขาตอบ
    “อะไรนะเพคะ…”
                    เธออุทานขึ้นมา เพราะไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้ ซึ่งเธอเอง ยังไม่รู้จักเขาดีพอ
    “ข้าอยากให้เจ้า เป็นนางสนมของข้า” เขาพูดอีกครั้ง “ข้าขอคุณผู้หญิงแล้ว ซึ่งท่านก็ยินยอม” เขาพูดต่อ แล้วจับมือของเธอ แต่เธอก็สะบัดมือออก เหมือนกับปฏิเสธ
    “ขออภัย คงไม่ได้หรอกเพคะ...” เธอพูด
    “ทำไม?” เขาถาม
    “ข้า...”
    “แต่ถึงกระไร เจ้าก็ต้องเป็น ในเมื่อข้าตกลงกันคุณผู้หญิงเรียบร้อยแล้ว ในปราสาทของข้า มีทุกอย่าง ท่านอยากได้อะไร ข้าจะหามาให้” เขายังดื้ออยู่เหมือนเดิม
    “ไม่เพคะ...” เธอตอบ จนทำให้เขาหมดความตั้งใจ เขาถอนหายใจมาเฮือกหนึ่ง
    “เอาเถอะ...งั้นก็แค่นี้แหละ...” เขาตอบเหมือนไม่มีอะไรจะพูดต่อ เขาหันหลัง แล้วเดินจากไป แต่ใบหน้าของเขาก็เหมือนจะยิ้มแกมโกงไว้บ้าง
    “เธอปฏิเสธหรือเพคะ องค์ชายฮาริส” หญิงสาววัยกลางคนคนนั้นถาม
    “ใช่...ท่าทางเธอจะไม่ชอบเอาการเลยล่ะ” เขาตอบ
    “สงสัยต้องใช้วิธีนี้แล้วสินะ” นางพูด
    “เจ้าจะทำอย่างไร?” เขาถาม
                    นางจึงอธิบายให้เขาฟังเข้าใจ จนเขาก็เห็นด้วยกับวิธีนี้ จนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง แขกทุกคนก็เดินทางกลับ เอริเนียเดินขึ้นไปในห้องของเธอ แล้วรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที แตในระหว่างที่เธอกำลังจะเข้านอนอยู่นั้น เธอเริ่มสังหรณ์จิตไม่ดี เมื่อเงาดำสูงใหญ่ อยู่นอกหน้าต่าง
    “พวกคุณเป็นใครน่ะ? อุ๊บ!” เธอเรียก จนทำให้เงาดำนั้นปรากฏร่างออกมา โดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว เธอก็ถูกวางยาสลบแล้วถูกลักพาตัวไป
     
    เวลาต่อมา ในพระราชวังแห่งเอเทเทียร์
    “สำเร็จไหม” ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้าถาม
    “สำเร็จขอรับ” ชายหนุ่มวัยกลางคน ที่พาตัวนางมาตอบ
    “ดีมาก...” เขาพูด แล้วอุ้มตัวหญิงสาวที่ถูกห่อผ้าที่กำลังสลบอยู่ พลางส่งให้หญิงรับใช้คนอื่น
    “พาหญิงสาวคนนี้เปลี่ยนชุดใหม่ ก่อนที่นางจะตื่น” เขาพูดอีกครั้ง
    “เพคะ” หญิงรับใช้คนนั้นพูดแล้วก็พยุงหญิงสาวใบหน้างามคนนั้นไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อทันที
                    แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังคาดเดาไม่ได้ว่า เมื่อวันข้างหน้า การต่อสู้ครั้งใหญ่ของเขา กำลังจะมาเยือน เมื่อกองทัพแห่งแคว้นอิทราเนียร์เริ่มเดินทางมาถึงที่ชายแดน
    “ท่านมหาจักรพรรดิ จะทำอย่างไรต่อขอรับ” ชายหนุ่มผมสีแดงที่อยู่ข้างๆ พูด
    “ในเมื่อเรามาถึง เราก็พักก่อนเถอะ เราเองก็เดินทางเหนื่อยมามากแล้ว” ชายหนุ่มผมสีเงินรวบยาวตรงที่ถูกซักถามพูด
    “ขอรับ...” ทหารคนนั้นตอบ
    “เอ้อ! เดี๋ยว โครเชล” เขาเรียก
    “ขอรับ ท่านมหาจักรพรรดิ?”
    “สั่งให้ทหารทุกคนดับคบไฟด้วย อย่าให้พวกนั้นรู้ตัวเป็นอันขาด และเราจะไปทำศึกในวันพรุ่งนี้ เวลาบ่ายโมงตรง” เขาพูด
    “ขอรับ” ชายหนุ่มคนนั้นขาน แล้วทำตามคำสั่งทันที
                    ชายหนุ่มผู้ที่เรียกนามพระมหาจักรพรรดินั้น เฝ้ามองอาณาจักรที่กำลังจะลุกเป็นไฟในอีกครึ่งวันที่เหลือ ด้วยใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มที่โหดร้าย แฝงความเครียดแค้นในตัวเขา
    “คราวนี้แหละ ฮาริส นี่จะเป็นจุดจบของแกแล้ว...” เขาพูดกับตัวเอง พลางแสยะยิ้มอย่างแกมโกง...
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×