ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {Singular} IRREPLACEABLE

    ลำดับตอนที่ #1 : Begins

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ค. 56


    1st Scene: Begins

     

    ความรักเหรอ … ‘ไร้สาระ

             

              RRRrrrRrR

              เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นภายในห้องพักเรียกให้คนที่กำลังสนใจกับซีรีย์น้ำเน่าไร้สาระที่เปิดดูเพราะไม่มีอะไรจะดูต้องยกหูขึ้นรับอย่างรวดเร็ว เพราะรู้ดีว่าสายที่เข้ามาตอนนี้มันคืออะไร

                ทันทีที่วางสาย ใครบางคนก็รีบวิ่งออกจากห้องพักไปโดยที่ยังไม่ได้ปิดแม้กระทั่งโทรทัศน์ที่เปิดอยู่ เสียงซีรีย์ที่นางเอกกำลังร่ำไห้เพราะผิดหวังจากพระเอกยังดังอยู่เบื้องหลังบานประตูที่ปิดลง แต่เสียงร้องไห้ที่ดังอยู่ไกลลิบๆนั่นคือเรื่องจริง

               

                กลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งภายในห้องผ่าตัดของโรงพยาบาลไม่ได้ทำให้คนที่ยืนอยู่รู้สึกรังเกียจเลยแม้แต่นิด นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มยังคงจ้องไปที่บาดแผลที่ยังมีเลือดไหลออกมาไม่วางตา แม้ว่าคนที่อยู่บนเตียงจะร้องเสียงดังเพราะความเจ็บปวดขนาดไหน ก็ไม่ได้ทำให้เข็มที่สอดผ่านผิวเนื้อนั้นหยุดการกระทำ มือที่จับเข็มอยู่เมื่อครู่ส่งเข็มคืนให้พยาบาลก่อนจะเดินออกมาจากห้องผ่าตัดก่อนจะนั่งลงในห้องตรวจและต้นเขียนรายงานการผ่าตัด

                เมื่อตอนเดินออกจากห้องผ่าตัดมา ก็เจอญาติผู้ป่วยมานั่งรออยู่ คนเป็นแม่ร้องไห้น้ำตาแทบจะเป็นสายเลือด ระล่ำระลักถามหมอว่าลูกเป็นอย่างไร ซึ่งคนที่เพิ่งเดินออกจากห้องผ่าตัดก็ยิ้มตอบไปว่าปลอดภัยแล้ว ถามก็ได้ความว่าโดนสามีที่เมาเหล้าเอามีดไล่ฟัน บอกให้เลิกก็ไม่ยอมเลิก คนเป็นหมอพยักหน้าเข้าใจพร้อมปลอบใจแม่คนไข้และขอตัวไปเขียนรายงานการผ่าตัด

                เขียนไปก็คิดถึงเรื่องเมื่อครู่ที่ได้ยินมา เรียวปากบางยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะส่งเสียง หึ ออกมาเบาๆเมื่อตอนเขียนรายงาน

                ความรักน่ะนะ มันไม่มีจริงหรอก มันก็แค่เรื่องหลอกลวงที่มีแต่จะทำให้เจ็บปวดเท่านั้นแหละ เป็นหมอมาก็หลายปี เจอมาไม่รู้กี่เคสที่ทั้งโดนแฟนทำร้ายเพราะหึงหวง ทำร้ายตัวเองเพราะความรัก เจ็บปวดมากมายเพราะความรัก

                มันก็แค่เรื่องหลอกลวง

     

              .

    .

    .

              เสียงเพลงอึกทึกที่ดังอยู่ภายในบริเวณสถานบันเทิงขนาดใหญ่ที่ตอนนี้ดูแคบลงไปถนัดตาเพราะจำนวนคนที่มาเที่ยวในคืนวันศุกร์แบบนี้ ใครบางคนยืนจิบเบียร์อยู่ที่เคาท์เตอร์แต่สายตากลับจับจ้องอยู่ที่ใครบางคนที่เมื่อครู่ยืนคุยกับเพื่อนอยู่แถวหน้าเวที เมื่อเห็นเป้าหมายเดินออกไปจากตรงนั้น ก็เดินตามทันที

                เสียงฝีเท้าเบาหวิวเดินมาหยุดอยู่ตรงมุมตึกหลังร้าน อยู่ในมุมอับพอที่จะเห็นใครบางคนส่งห่ออะไรบางอย่างให้อีกคนที่ยืนรออยู่ พร้อมรับเงินไป และแยกย้ายกันไป การกระทำทั้งหมดนั้นถูกบันทึกไว้ด้วยฝีมือของคนที่ตามมา

                “มันส่งของกันแล้ว ผมตามแค่นี้ เดี๋ยวถ้ามันออกจากร้านก็ตามไปแล้วกัน ให้หมวดบาสตามคนขายนะ แล้วให้ไอ้ฟุ้งตามคนซื้อ” พูดจบก็กดวางสายทันทีที่ได้รับการตอบรับจากปลายสาย เมื่อเสร็จธุระนายตำรวจหนุ่มก็เตรียมจะเดินกลับไปในร้าน แต่สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นใครบางคนที่กำลังโดนผู้ชายสี่ห้าคนรุมอยู่

                มองจากที่ตรงนี้ เห็นเพียงปลายผมยาวผ่านไหล่ของคนที่ยืนบังอยู่เท่านั้น แต่ฟังจากบทสนทนาก็รับรู้ได้ว่ากำลังจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น ไวเท่าความคิดเรียวขายาวก็ก้าวเข้าไปหาทันที

                “ทำอะไรกัน” เสียงคนแปลกหน้าที่ดังมากจากนอกวงทำให้คนที่กำลังจะทำมิดีมิร้ายคนที่ยืนหลังติดกำแพงชื้นๆในตรอกเล็กๆนั่นเงยหน้ามามอง

                “เสือก อยากร่วมวงด้วยหรือไงมาสิ” คนมาใหม่หัวเราะหึ ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาเบาๆท่ามกลางความเงียบ

                “ไม่ได้อยากเสือกหรอก แต่บังเอิญเป็นตำรวจ เลยต้องเสือก” ไม่พูดเปล่า บัตรประจำตัวข้าราชการตำรวจที่ถูกหยิบขึ้นมาโชว์ทำให้คนที่กำลังจะทำเรื่องผิดกฎหมายล่าถอยไปได้ง่ายๆ

                คนที่กำลังจะถูกรุมเมื่อครู่มองมายังเจ้าของความช่วยเหลืออย่างหวาดหวั่น เหตุการณ์เมื่อครู่ยังทำให้กลัวอยู่ กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆที่แผ่ออกมาจากตัวคนตัวเล็กนั่นทำให้นายตำรวจหนุ่มพอจะรู้ได้ว่าเมาแล้ว    

                “คุณกลับไหวมั้ย” เอ่ยถามพร้อมยื่นมือไปประคองคนที่จะเซซ้ายขวายืนไม่อยู่เพราะสติแทบไม่เหลือ

                “ไม่น่าไหวแฮะเดี๋ยวผมไปส่งแล้วกัน” พูดจบก็ประคองคนที่ไม่มีสติออกจากตรอกแคบๆตรงนั้นก่อนจะพาไปขึ้นรถของตัวเองที่หน้าร้าน

                “บ้านคุณอยู่ไหนเนี่ย” รีบถามเมื่อตอนที่เห็นว่ายังไม่หลับ เพราะถ้าหลับไปเมื่อไหร่ ไม่พ้นส่งกันไม่ถึงบ้านแน่ เมื่อได้รับคำตอบจากคนที่นั่งข้างๆก็รีบเร่งความเร็วเพื่อไปให้ถึงที่หมายทันที

                เพราะงานที่รออยู่ยังมีอีกเยอะ....

              เมื่อส่งคนเมากลับถึงห้องได้แล้ว ก็รีบขับรถออกมาและไปที่ทำงานทันที แม้ตอนนี้จะดึกสงัดแต่งานของเขาก็ไม่ได้หยุด ยิ่งเสร็จเร็วเท่าไหร่ ยิ่งดีมากเท่านั้น

              “สารวัตรครับกลับบ้านนอนมั่งเถอะผมว่า เดี๋ยวลูกเมียจะโกรธเอานา” เสียงหยอกเย้าจากพี่จ่าลูกน้องคนสนิททำให้คนที่นั่งวางแผนการจับกุมผู้ค้ายาเสพติดหน้าเครียดอยู่ที่โต๊ะทำงานหัวเราะออกมาเบาๆ

                “ผมมีที่ไหนล่ะจ่าลูกเมียน่ะ แฟนซักคนยังไม่มีเลย” พูดจบก็ก้มลงไปทำงานต่อ

                “แล้วสารวัตรไม่เหงาบ้างเหรอ”  คนที่ถูกเรียกว่า สารวัตรเงยหน้ามามองคนถามก่อนส่ายหน้าไปมาพร้อมรอยยิ้ม

                “เหงาทำไมล่ะจ่า งานเยอะแยะ ความรักมันไม่จำเป็นสำหรับผมขนาดนั้นหรอก ยิ่งทำงานแบบนี้แล้วมีห่วง ยิ่งแย่ไปกันใหญ่” แล้วก็ก้มหน้าลงไปทำงานอีกที คราวนี้ไม่มีใครถามอะไรต่อ เพราะรู้ดีว่าหัวหน้าคงต้องการความพร้อมสำหรับการจับกุมในวันพรุ่งนี้ที่เตรียมการกันมาหลายเดือน

                .

    .

    .

              เสียงปืนพร้อมเสียงไซเรนรถตำรวจที่ดังก้องอยู่ในซอยเล็กๆนั่นทำให้บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เพราะถึงแม้จะล้อมเอาไว้ได้ แต่คนร้ายกลับไม่ยอมให้จับง่ายๆ คนที่อยู่ภายในบ้านยิงสวนตำรวจออกมาเป็นระยะ และเหตุการณ์ก็ตึงเครียดถึงขีดสุดเมื่อกระสุนของหมดและคนร้ายจับเด็กที่อยู่ในบ้าน ซึ่งก็คือลูกตัวเองเป็นตัวประกันพร้อมต่อรองกับตำรวจ

                “เดี๋ยวกูจะเข้าไปต่อรองกับมัน ไปตัวเปล่านะ” พูดจบก็ทิ้งปืนคู่กายไว้กับหมวดเพื่อนรัก ซึ่งได้แต่มองตามอย่างเป็นห่วง มือของสารวัตรหนุ่มถอดเสื้อเกราะออกจากตัว และเดินเข้าไปในตัวบ้านอย่างไม่กลัวเกรง พร้อมโทรโข่งหนึ่งอัน และเริ่มเจรจาต่อรอง         

                จากที่มองเข้าไปและสำรวจพบว่าคนร้ายมีคนเดียว และอาวุธที่ใช้อยู่ตอนนี้คือมีด เพราะปืนกระสุนหมด แต่เสียงเด็กที่ร้องไห้จ้าอยู่นั่นทำให้เครียดกว่า

                เพราะมันพลาดไม่ได้ถ้าทำอะไรพลาดไปหมายถึงชีวิตของคนหนึ่งคน และอาจจะหมายถึงตัวองด้วย ร่างสูงขยับตัวเข้าไปใกล้คนร้ายมากขึ้น วางโทรโข่งลง และแสดงตัวให้เห็นว่าไม่มีอาวุธ เมื่อคนร้ายเผลอก็เข้าชาร์จ ดึงตัวเด็กออกจากตัวคนร้าย เมื่อหลุดออกมาได้แล้ว เด็กน้อยก็วิ่งออกไปข้างนอกทันที เหลือเพียงสารวัตรหนุ่มกับคนร้ายที่ยังยื้อยุดแย่งมีดกันอยู่ เ

                ส่วนด้านนอกเมื่อเห็นเด็กวิ่งออกมาก็รู้ว่าเด็กปลอดภัยแล้วจึงกรูกันเข้าไปในบ้านทันที โดยเฉพาะฟุ้งที่วิ่งเข้าไปเร็วที่สุด ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนรัก แม้จะรู้ว่าเพื่อนดูแลตัวเองได้แต่ก็อดจะห่วงไม่ได้

                เมื่อเข้ามาถึงก็พบว่าคนร้ายถูกเพื่อนจับไว้ได้แล้ว แต่รอยเลือดสีเข้มตรงไหล่ขวาของสารวัตรหนุ่มทำให้หมวดที่เพิ่งเข้ามาขมวดคิ้ว เมื่อลูกน้องจับคนร้ายใส่กุญแจมือแล้วพาขึ้นรถไปที่โรงพักได้แล้วหัวหน้าชุดก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

                เพราะรายนี้เป็นรายใหญ่ การจับกุมก็ต้องทำอย่างรัดกุมที่สุด เพราะถ้าพลาด ก็หมายถึงการไหวตัวทันของทั้งขบวนการเลยทีเดียว

                “อ่อนมากสารวัตร ทำยังไงให้โดนกรีดมาขนาดนี้” เอ่ยเย้าเพื่อนที่ตอนนี้ทำหน้าเหยเก ตำรวจท้องที่ที่ตามมาในชุดกลับกันไปหมดแล้ว เหลือเพียงเจ้าหน้าที่กองปราบปรามกับเจ้าหน้าที่ป...เท่านั้น    

                “แหม มันก็ต้องมีบ้าง กูตำรวจนะครับหมวด ไม่ใช่ซุปเปอร์แมน” ฟุ้งหัวเราะก่อนจะพาเพื่อนสนิทที่รั้งตำแหน่งหัวหน้างานไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด

               

                แผลของสารวัตรหนุ่มไม่ใช่แผลลึก แต่ก็มากพอที่จะต้องเย็บ เมื่อเข้ามาในห้องฉุกเฉินและนั่งลงบนเตียง พยาบาลที่ห้ามเลือดไว้ก็เอ่ยถาม

                “ระหว่างที่รอหมอ รบกวนซักประวัติคุณตำรวจได้มั้ยคะ” เมื่อได้รับคำอนุญาตพยายามก็ลงมือซักประวัติทันที

                “โชติวุฒิ บุญญสิทธิ์ครับ” ตอบไปเมื่อพยาบาลถามชื่อ

                “ยศล่ะคะ”

                “พันตำรวจโทครับ สังกัดกองปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” บอกให้ครบเพราะรู้ดีว่าก็ต้องซักประวัติไปเพื่อจะดูเรื่องค่าใช้จ่ายอะไรอยู่แล้ว ไม่นานหมอก็มาถึงและลงมือเย็บแผลทันที ยิ่งหมออยู่ใกล้เท่าไหร่ ยิ่งทำให้นายตำรวจหนุ่มเห็นแพขนตางอนใกล้มากเท่านั้น ไหนจะกลิ่นหอมอ่อนๆที่ผ่านออกมาจากเสื้อกาวน์สีขาวสะอาดนั้นอีก เรียวขายาวภายใต้กางเกงแสล็คขากระบอกนั่นยิ่งทำให้ดูน่าสนใจเข้าไปอีก แม้จะเห็นเพียงส่วนของตาสีน้ำตาลคู่นั้น แต่นายตำรวจเองก็รู้สึกคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่ใบหน้าส่วนล่างมีแมสก์ปิดอยู่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความคุ้นตานั้นน้อยลงเลยแม้แต่นิดเดียว จนเมื่อหมอเย็บเสร็จและนั่งลงเขียนบันทึก suture wound was done * ก่อนจะสั่งยาแก้ปวดและแก้อักเสบให้ และเมื่อเตรียมตัวจะเดินออกจากห้องฉุกเฉินไปก็ถูกมือของนายตำรวจคว้าแขนเอาไว้เสียก่อน

                “เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าครับหมอ” ถ้าหูไม่ฝาด สารวัตรหนุ่มได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของคุณหมอ ก่อนที่มือเรียวจะปลดแมสก์ที่ปิดหน้าไว้ออก

                “ขอบคุณที่พามาส่งนะครับสารวัตร” ทันทีที่เห็นหน้าคนถามก็ถึงบางอ้อทันที เพราะหมอที่เย็บแผลให้วันนี้คือคนที่เขาพาไปส่งที่ห้องเมื่อวันก่อน

                “ผมนัทครับ” แนะนำตัวออกไปก่อน เพราะตนเองเป็นคนเอ่ยทักขึ้นมา

                “ยินดีที่ได้รู้จักครับสารวัตร ซินครับ” เอ่ยตอบไปอย่างสุภาพราวกับเป็นคนละคนกับที่เมากลับห้องวันนั้น แววตาเฉยชาที่มองสบช่างแตกต่างจากตากลมฉ่ำเยิ้มเย้ายวนในคืนนั้นที่เห็นเสียเหลือเกิน ทั้งที่รู้ว่าเจ้าตัวเลือกที่จะแนะนำตัวเป็นชื่อเล่นเพราะเขาแนะนำตัวเองเป็นชื่อเล่นก่อนก็ตาม

                เมื่อทักทายกันเสร็จร่างเล็กในชุดกาวน์ก็เดินไปพูดอะไรกับพยาบาลสองสามคำก่อนจะขอตัวออกไปตรวจไปราววอร์ด* ซึ่งนัทเองก็พยักหน้ารับก่อนจะมองตามไปจนลับตา

                คนที่เห็นที่นี่ต่างกับคนที่เจอที่ผับโดยสิ้นเชิง นัทสังเกตเห็นคนตัวเล็กนี่ในตอนที่กำลังจับตามองเป้าหมาย ซินนั่งดื่มคนเดียวเงียบๆอยู่ที่บาร์ใกล้ๆนัทในคืนนั้น แต่นัทเห็นเพียงแว๊บเดียวที่ซินยิ้มคุยทักทายและชนแก้วกับคนที่เข้ามาคุยด้วย แต่นัทเองก็ไม่ได้สนใจอะไรต่อ เพราะต้องเทความสนใจทั้งหมดไปที่เป้าหมายที่ตามอยู่ จนกระทั่งออกมาเจอว่ากำลังจะโดนทำมิดีมิร้ายและพาไปส่งที่คอนโดนั่นแหละ ถึงได้รู้ว่าเมื่อดูใกล้ๆคนๆนี้น่าสนใจกว่านี้คิด

                แต่พอมาเจอที่โรงพยาบาลไม่มีแววตาขี้เล่นซุกซน หรือหวาดกลัวแบบแมวน้อยอย่างที่เห็นในวันนั้น ภาพของซินที่นัทเห็นในวันนี้คือภาพของหมอที่มีแววตาเย็นชา และค่อนข้างเงียบ จนไม่แน่ใจว่าที่เห็นคืนก่อนนั้นคือฝาแฝดหรือเปล่า แต่เมื่อเย็บแผลเสร็จแล้วและเพื่อนรักไล่ให้กลับไปนอนพักผ่อนบ้างนั่นแหละ ถึงได้ลืมเรื่องคุณหมอหน้าหวานแต่เย็นชาคนนั้นไป

     

    ความรักไม่มีจริง และไม่ใช่สิ่งจำเป็น

               

     

     

             

        ** เรื่องนี้หวานใสไร้เลือด แต่ยังคงคอนเสปมีสาระและเครียดตามสไตล์พลอยเอง กร๊ากกก สังเกตว่าหน้าฟิคเรื่องนี้สวย เพราะมีคนทำให้ขอบคุณแอมกับแป้งมากค้าบที่ยอมลงทุนลงแรงตลอดทั้งบ่ายเพื่อให้ทำเรา suture wound was done * คือบันทึกเมื่อเย็บแผลเสร็จใช้ในกรณีเย็บข้างเตียงในห้องฉุกเฉินนะคะ ส่วนอันแรกที่เป็นรายงานการผ่าตัดอันนั้นในกรณี Operative note เพราะเป็นแผลโดนฟันต้องเย็บในห้องผ่าตัด   ราวด์วอร์ด คือการขึ้นตรวจผู้ป่วยในประจำวันของหมอค่ะ เรื่องนี้เขียนยากเพราะกว่าจะเขียนได้แต่ละอย่างพลอยก็ถามหมอ search google ถ้ามีอะไรผิดพลาดขอภัยนะคะ ทั้งหมอทั้งตำรวจเลย ปล.พี่นัททำงานที่สำนักงานตำรวจแห่งชาตินะคะ ไม่ได้อยู่สน.

     

     

    cinna mon
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×