ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดาวเคียงเดือน

    ลำดับตอนที่ #2 : เผชิญหน้า

    • อัปเดตล่าสุด 19 มี.ค. 49


    "เห็นมั๊ยคะแม่ วันนี้พิชตื่นเช้ามาทันขับรถไปทำบุญให้แม่ด้วยนะคะเนี่ย"

    เจ้าของร่างสูงพูดพร้อมเข้ามาประจบแม่ของเธออย่างออดอ้อนพิศอาภาส่ายหน้าอย่างอ่อนใจปนเอ็นดูลูกสาวคนเดียว

    "แม่รู้หรอกว่าหนูน่ะหิวจัดจึงต้องตื่นมาแย่งข้าวพระกิน"

    "แม่น่ะชอบว่าหนูอยู่เรื่อยเลยนะคะ แล้วตกลงแม่แบ่งอะไรไว้ให้หนูกินมั่งล่ะคะ"  
    พูดพลางก็ลูบท้องป้อยๆเพราะเมื่อวานเธอทำงานจนลืมทานข้าวเย็น

     
    "แม่แบ่งแกงฉู่ฉี่ไว้แล้วจ้ะหนูไปทานก่อนก็ได้เดี๋ยวค่อยไปวัดกัน"

     "ค่ะพิชญภารับคำก่อนลงมือทานข้าวอย่างเอร็ดอร่อย

                หลังจากสองแม่ลูกขับรถมาได้ 15 นาทีเธอและแม่ก็มาถึงวัดอันเป็นที่หมาย ภายในวัดร่มรื่น บรรยากาศสบายจนเธอสูดอากาศเข้าปอดไปเฮือกใหญ่ ปล่อยให้แม่ของเธอเข้าไปที่ศาลาวัดก่อน เธอจึงเดินไปเรื่อยๆจนไปถึงต้นสาระต้นใหญ่ ดอกของมันเป็นสีชมพูและออกดอกกลางลำต้นซึ่งเธอไม่เคยเห็นมาก่อน ด้วยความที่ช่างสงสัยเธอจึงเอื้อมมือไปหมายจะลองจับกลีบดู แต่ยังไม่ทันจะแตะถูกดอกไม้ ก็มีเสียงแทรกเข้ามาก่อน

    "ดอกไม้อยู่บนต้นของมันดีๆคุณจะไปเด็ดมันทำไม"

    เสียงทุ้มห้าวของผู้ชายเจือเสียงดุๆหน่อย ทำให้หญิงสาวไม่พอใจทันที เพราะเธอไม่ได้ทำผิดอะไรจึงหันหน้าไปเพื่อที่จะแย้งเขา ทันใดที่เผชิญหน้ากัน เสียงที่จะเปล่งออกมาด้วยความไม่พอใจก็ถูกกลืนหายไปในลำคอ เมื่อสบตากับดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่มีแววเหมือนจะขำปนดุ ใจเธอกระตุกอย่างแรงเมื่อรู้สึกได้ว่าผู้ชายตรงหน้า หล่อเข้มเหลือเกินซึ่งไม่เคยมีผู้ชายคนไหนทำให้เธอใจเต้นได้ขนาดนี้และมีอะไรบางอย่างในแววตาที่เธอไม่กล้าจะแย้งเขาแต่พิชญภาเกิดมาไม่เคยให้ใครว่าโดยไม่ได้ทำผิดเธอจึงแย้งไปว่า

    "ฉันไม่ได้จะเด็ดดอกไม้นี่สะหน่อย แค่จะดูกลีบดอกมันเฉยๆ คุณไม่มีสิทธิ์มาว่าฉันนะ"

    น้ำเสียงประชดประชันกอปรกับกริยาดื้อดึงเอาแต่ใจของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มนึกอยากแกล้งไปอีกจึงเย้าว่า

    "ถ้าแค่จะดูดอกไม้ไม่เห็นจะต้องไปแตะมันเลย เคยได้ยินมั๊ยคุณ ว่าดูแต่ตามืออย่างต้องของจะเสียน่ะ"

    ความอดทนที่มีอยู่น้อยนิดของหญิงสาวหมดลงทันทีเมื่อได้ยินคำพูดสุดท้ายจากปากเขา

    "คุณก็ไม่มีสิทธิ์เที่ยวได้ว่าใครต่อใครเขาเหมือนกันและนี่ก็เป็นที่วัด ที่สาธารณะฉันจะทำยังไงก็ได้"

    พูดพร้อมส่งสายตาฉุนกึกไปยังชายหนุ่มก่อนจะรีบเดินหนีไปด้วยอารมณ์เสีย และถ้าเธอหันมาจะได้เห็นแววตาของฝ่ายชายที่มองมาด้วยขำปนเอ็นดูกับกริยาของหญิงสาว

    "หึๆ"        เ ขาหัวเราะอยู่ในใจ โตขึ้นมากเลยนะพิชญภา เขาจำเธอได้ทันทีเพราะเห็นเธอเดินมากับน้าพิศอาภา ผู้หญิงที่เขานึกศรัทธาและรักตั้งแต่วัยเด็ก  ชายหนุ่มนึกถึงวันเก่าๆก่อนจะเดินไปไหว้พระกับพ่อของเขาที่ศาลาวัด

                เมื่อพิชญภาเดินมาแล้วนั่งลงข้างๆแม่ของเธอ พิศอาภาจึงสังเกตเห็นสี่หน้าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์ของลูกสาวจึงถามว่า

    "เป็นอะไรไปลูกหน้ามุ่ยเชียวหิวหรือป่าว"

    อีกฝ่ายนึงได้ยินจึงหัวเราะด้วยความขบขันที่แม่ของเธอมองเธอเป็นชูชกไปได้

    "ไม่มีอะไรหรอกค่ะแม่แค่ไปเจอคนกวนประสาทหน่อยเท่านั้นเอง....พระมาแล้วไหว้พระดีว่าค่ะ"

    และเธอก็ลืมเรื่องที่ทำให้ขุ่นใจเมื่อกี้ได้สนิทและหันไปตั้งใจฟังพระสวดรับศิลให้พรอย่างใจจดใจจ่อ แต่กริยาของเธอเมื่อครู่นี้ก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มได้ เขานึกชื่นชมเธออยู่ในใจกับกริยาของเธอไม่ว่าจะนั่งจะเดินหรือจะพนมมือ ดูเรียบร้อยละมุนละไมแตกต่างจากหญิงปากกล้าที่ต่อล้อต่อเถียงเขาเมื่อสักครู่อย่างมากนัก

    " ตาเอกมัวดูอะไรอยู่ล่ะ"     เสียงคุณเอกสิทธ์ผู้เป็นพ่อถามลูกชาย

    "อ๋อผมสังเกตผู้หญิงคนนึงน่ะครับ เหมือนน้าอาภามากเลยก็เลยมองอยู่นาน"

    "
    ไหนเค้านั่งตรงไหน"
    น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความดีใจของพ่อเขาทำให้ชายหนุ่มนึกแปลกใจอยู่นิดๆ

    "นั่นไงครับ ผู้หญิงที่ใส่เสื้อสีนวลๆที่นั่งอยู่กับลูกสาวเขาน่ะครับ"     เอกอานุภาพบอกพ่อพร้อมกับชี้ไปยังที่2แม่ลูกนั่ง

    "ใช่จริงๆด้วย ตาเอกแกจำน้าอาภาได้ด้วยหรอ ไม่เจอกันตั้งสิบกว่าปี"

    "
    จำได้สิครับ ตอนเด็กๆผมชอบน้าเขาดูใจดี ดี"

    "อืม ฟังพระต่อเถอะลูก"    ถึงปากของคุณอนุสิทธิ์จะบอกอย่างนั้น แต่สายตาของเขาก็มองไปที่2แม่ลูกนั่นอย่างดีใจ

    "อาภา"   น้ำเสียงที่คุ้นหูกับการเรียกชื่อที่เอ่ยออกมาอย่างสนิทสนมทำให้คุณพิศอาภาหันกลับไปมองที่มาของเสียงอย่างแปลกใจทันใดที่เธอหันไป รอยดีใจก็ปรากฏบนหน้าของเธออย่างเห็นได้ชัด

    "คุณอนุสิทธิ์ สวัสดีค่ะ"

    "
    อาภาเป็นอย่างไรบ้าง ผมไม่เจอคุณมาหลายปีแล้วนะ ตั้งแต่วันที่คุณไปหาผมในวันนั้น"

    "
    ก็สบายดีค่ะ ขายอาหารได้เรื่อยๆยายพิชก็โตหางานเองได้แล้วก็สบายหน่อยค่ะ"

    "
    นี่ตาเอก อาภาจำได้หรือป่าวพึ่งกลับจากอังกฤษเมื่อวานนี้"

    "สวัสดีครับน้าอาภา" เอกอานุภาพเอ่ยพร้อมกับไหว้ผู้ที่สูงวัยกว่า

    "สวัสดีจ้ะ โตขึ้นเยอะเลยนะ แล้วนี่เอกจะกลับมาช่วยคุณพ่อเลยหรือป่าวลูก"
    น้ำเสียงที่อบอุ่นและแฝงไปด้วยความเอ็นดูของน้าอาภา ทำให้เอกอานุภาพสามารถพูดคุยได้อย่างสนิทใจทั้งๆที่เขาไม่ค่อยชอบพูดคุยกับคนแปลกหน้าเท่าไหร่นัก

    "ผมก็จะให้มันบริหารงานต่อเลย ผมกะจะวางมือแล้ว แก่แล้ว"คุณเอกอนุสิทธ์เป็นฝ่ายตอบแทนบุตรชาย

    "ก็ดีแล้วละค่ะ คนรุ่นใหม่ไฟแรงจะได้ทำงานอย่างเต็มที่"

    "
    ครับ"เอกอานุภาพพูดพร้อมกับยิ้มๆ

    "แล้วลูกสาวล่ะอาภา ไปไหนสะล่ะ "

    "
    ฝ่ายนั้นเค้าไปรอที่รถแล้วค่ะ ต้องรีบไปทำงานต่อทั้งๆที่เป็นวันเสาร์แท้ๆเลย ถ้ายังไงฉันขอตัวก่อนนะคะเดี๋ยวลูกจะรอนาน"

    "
    ถ้าว่างๆผมกับลูกแวะไปหาคุณได้มั๊ย"

    "
    ได้ค่ะ ไปตอนไหนก็ได้ ร้านของฉันเปิดทุกวัน"

    "
    งั้นคุณน้าครับผมแวะไปฝากท้องที่ร้านบ่อยๆได้มั้ยครับ"

    "
    ได้สิลูกไปตอนไหนก็ได้ เดี๋ยวน้าขอตัวก่อนนะ ยายพิชรอนานแล้ว หวัดดีจ้ะ" เมื่อพิศอาภากลับไปคุณเอกสิทธิ์ก็เอ่ยว่า

    "ฉันมีเรื่องสำคัญจะปรึกษาแกที่บ้าน ตาเอก แกว่างหรือป่าว"

    "พอดีวันนี้ผมมีนัดกับเพื่อนน่ะครับ ถ้าคุณพ่อว่าสำคัญจริงๆผมโทรไปเลื่อนนัดเพื่อนก็ได้"

    "ไม่เป็นไรหรอก ไว้คุยกันตอนกลางคืนก็ได้"    
    "ครับพ่อ"


    "
    เมื่อกี้แม่คุยกับใครหรอคะ "

    พิชญภาถามมารดาเมื่อขับรถออกจากบริเวณวัดได้สักพัก

    "คุณลุงเอกสิทธิ์ไงลูก ที่ตอนเด็กๆแม่เคยพาเราไปหาเขาน่ะจ้ะ"

    "
    ลุงเอกสิทธิ์ที่ใจดีที่ให้เราขอยืมเงินมาทำร้านน่ะหรอคะ"

    "ใช่จ้ะเค้ามากับลูกชาย พี่เอกไง เอกอานุภาพหนูจำได้พี่เขาได้หรือป่าวล่ะ"

    "
    ไม่ค่ะ หนุจำไม่ได้"
    เธอตอบพร้อมกับหันไปสนใจกับการขับรถต่อ 'ที่แท้ก็นายปากเน่านี่เอง เอกอานุภาพ หึ คนอะไรแค่ชื่อก็บอกถึงการวางอำนาจแล้ว แหวะหมันไส้'เธอพูดพร้อมกับเบะปากอย่างหมันไส้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×