คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เผชิญหน้า
"เห็นมั๊ยคะแม่ วันนี้พิชตื่นเช้ามาทันขับรถไปทำบุญให้แม่ด้วยนะคะเนี่ย"
เจ้าของร่างสูงพูดพร้อมเข้ามาประจบแม่ของเธออย่างออดอ้อนพิศอาภาส่ายหน้าอย่างอ่อนใจปนเอ็นดูลูกสาวคนเดียว
"แม่รู้หรอกว่าหนูน่ะหิวจัดจึงต้องตื่นมาแย่งข้าวพระกิน"
"แม่น่ะชอบว่าหนูอยู่เรื่อยเลยนะคะ แล้วตกลงแม่แบ่งอะไรไว้ให้หนูกินมั่งล่ะคะ"
พูดพลางก็ลูบท้องป้อยๆเพราะเมื่อวานเธอทำงานจนลืมทานข้าวเย็น
"แม่แบ่งแกงฉู่ฉี่ไว้แล้วจ้ะหนูไปทานก่อนก็ได้เดี๋ยวค่อยไปวัดกัน"
"ค่ะ" พิชญภารับคำก่อนลงมือทานข้าวอย่างเอร็ดอร่อย
หลังจากสองแม่ลูกขับรถมาได้ 15 นาทีเธอและแม่ก็มาถึงวัดอันเป็นที่หมาย ภายในวัดร่มรื่น บรรยากาศสบายจนเธอสูดอากาศเข้าปอดไปเฮือกใหญ่ ปล่อยให้แม่ของเธอเข้าไปที่ศาลาวัดก่อน เธอจึงเดินไปเรื่อยๆจนไปถึงต้นสาระต้นใหญ่ ดอกของมันเป็นสีชมพูและออกดอกกลางลำต้นซึ่งเธอไม่เคยเห็นมาก่อน ด้วยความที่ช่างสงสัยเธอจึงเอื้อมมือไปหมายจะลองจับกลีบดู แต่ยังไม่ทันจะแตะถูกดอกไม้ ก็มีเสียงแทรกเข้ามาก่อน
"ดอกไม้อยู่บนต้นของมันดีๆคุณจะไปเด็ดมันทำไม"
เสียงทุ้มห้าวของผู้ชายเจือเสียงดุๆหน่อย ทำให้หญิงสาวไม่พอใจทันที เพราะเธอไม่ได้ทำผิดอะไรจึงหันหน้าไปเพื่อที่จะแย้งเขา ทันใดที่เผชิญหน้ากัน เสียงที่จะเปล่งออกมาด้วยความไม่พอใจก็ถูกกลืนหายไปในลำคอ เมื่อสบตากับดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่มีแววเหมือนจะขำปนดุ ใจเธอกระตุกอย่างแรงเมื่อรู้สึกได้ว่าผู้ชายตรงหน้า หล่อเข้มเหลือเกินซึ่งไม่เคยมีผู้ชายคนไหนทำให้เธอใจเต้นได้ขนาดนี้และมีอะไรบางอย่างในแววตาที่เธอไม่กล้าจะแย้งเขาแต่พิชญภาเกิดมาไม่เคยให้ใครว่าโดยไม่ได้ทำผิดเธอจึงแย้งไปว่า
"ฉันไม่ได้จะเด็ดดอกไม้นี่สะหน่อย แค่จะดูกลีบดอกมันเฉยๆ คุณไม่มีสิทธิ์มาว่าฉันนะ"
น้ำเสียงประชดประชันกอปรกับกริยาดื้อดึงเอาแต่ใจของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มนึกอยากแกล้งไปอีกจึงเย้าว่า
"ถ้าแค่จะดูดอกไม้ไม่เห็นจะต้องไปแตะมันเลย เคยได้ยินมั๊ยคุณ ว่าดูแต่ตามืออย่างต้องของจะเสียน่ะ"
ความอดทนที่มีอยู่น้อยนิดของหญิงสาวหมดลงทันทีเมื่อได้ยินคำพูดสุดท้ายจากปากเขา
"คุณก็ไม่มีสิทธิ์เที่ยวได้ว่าใครต่อใครเขาเหมือนกันและนี่ก็เป็นที่วัด ที่สาธารณะฉันจะทำยังไงก็ได้"
พูดพร้อมส่งสายตาฉุนกึกไปยังชายหนุ่มก่อนจะรีบเดินหนีไปด้วยอารมณ์เสีย และถ้าเธอหันมาจะได้เห็นแววตาของฝ่ายชายที่มองมาด้วยขำปนเอ็นดูกับกริยาของหญิงสาว
"หึๆ" เ ขาหัวเราะอยู่ในใจ โตขึ้นมากเลยนะพิชญภา เขาจำเธอได้ทันทีเพราะเห็นเธอเดินมากับน้าพิศอาภา ผู้หญิงที่เขานึกศรัทธาและรักตั้งแต่วัยเด็ก ชายหนุ่มนึกถึงวันเก่าๆก่อนจะเดินไปไหว้พระกับพ่อของเขาที่ศาลาวัด
เมื่อพิชญภาเดินมาแล้วนั่งลงข้างๆแม่ของเธอ พิศอาภาจึงสังเกตเห็นสี่หน้าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์ของลูกสาวจึงถามว่า
"เป็นอะไรไปลูกหน้ามุ่ยเชียวหิวหรือป่าว"
อีกฝ่ายนึงได้ยินจึงหัวเราะด้วยความขบขันที่แม่ของเธอมองเธอเป็นชูชกไปได้
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะแม่แค่ไปเจอคนกวนประสาทหน่อยเท่านั้นเอง....พระมาแล้วไหว้พระดีว่าค่ะ"
และเธอก็ลืมเรื่องที่ทำให้ขุ่นใจเมื่อกี้ได้สนิทและหันไปตั้งใจฟังพระสวดรับศิลให้พรอย่างใจจดใจจ่อ แต่กริยาของเธอเมื่อครู่นี้ก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มได้ เขานึกชื่นชมเธออยู่ในใจกับกริยาของเธอไม่ว่าจะนั่งจะเดินหรือจะพนมมือ ดูเรียบร้อยละมุนละไมแตกต่างจากหญิงปากกล้าที่ต่อล้อต่อเถียงเขาเมื่อสักครู่อย่างมากนัก
" ตาเอกมัวดูอะไรอยู่ล่ะ" เสียงคุณเอกสิทธ์ผู้เป็นพ่อถามลูกชาย
"อ๋อผมสังเกตผู้หญิงคนนึงน่ะครับ เหมือนน้าอาภามากเลยก็เลยมองอยู่นาน"
"ไหนเค้านั่งตรงไหน"
น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความดีใจของพ่อเขาทำให้ชายหนุ่มนึกแปลกใจอยู่นิดๆ
"นั่นไงครับ ผู้หญิงที่ใส่เสื้อสีนวลๆที่นั่งอยู่กับลูกสาวเขาน่ะครับ" เอกอานุภาพบอกพ่อพร้อมกับชี้ไปยังที่2แม่ลูกนั่ง
"ใช่จริงๆด้วย ตาเอกแกจำน้าอาภาได้ด้วยหรอ ไม่เจอกันตั้งสิบกว่าปี"
"จำได้สิครับ ตอนเด็กๆผมชอบน้าเขาดูใจดี ดี"
"อืม ฟังพระต่อเถอะลูก" ถึงปากของคุณอนุสิทธิ์จะบอกอย่างนั้น แต่สายตาของเขาก็มองไปที่2แม่ลูกนั่นอย่างดีใจ
"อาภา" น้ำเสียงที่คุ้นหูกับการเรียกชื่อที่เอ่ยออกมาอย่างสนิทสนมทำให้คุณพิศอาภาหันกลับไปมองที่มาของเสียงอย่างแปลกใจทันใดที่เธอหันไป รอยดีใจก็ปรากฏบนหน้าของเธออย่างเห็นได้ชัด
"คุณอนุสิทธิ์ สวัสดีค่ะ"
"อาภาเป็นอย่างไรบ้าง ผมไม่เจอคุณมาหลายปีแล้วนะ ตั้งแต่วันที่คุณไปหาผมในวันนั้น"
"ก็สบายดีค่ะ ขายอาหารได้เรื่อยๆยายพิชก็โตหางานเองได้แล้วก็สบายหน่อยค่ะ"
"นี่ตาเอก อาภาจำได้หรือป่าวพึ่งกลับจากอังกฤษเมื่อวานนี้"
"สวัสดีครับน้าอาภา" เอกอานุภาพเอ่ยพร้อมกับไหว้ผู้ที่สูงวัยกว่า
"สวัสดีจ้ะ โตขึ้นเยอะเลยนะ แล้วนี่เอกจะกลับมาช่วยคุณพ่อเลยหรือป่าวลูก"
น้ำเสียงที่อบอุ่นและแฝงไปด้วยความเอ็นดูของน้าอาภา ทำให้เอกอานุภาพสามารถพูดคุยได้อย่างสนิทใจทั้งๆที่เขาไม่ค่อยชอบพูดคุยกับคนแปลกหน้าเท่าไหร่นัก
"ผมก็จะให้มันบริหารงานต่อเลย ผมกะจะวางมือแล้ว แก่แล้ว"คุณเอกอนุสิทธ์เป็นฝ่ายตอบแทนบุตรชาย
"ก็ดีแล้วละค่ะ คนรุ่นใหม่ไฟแรงจะได้ทำงานอย่างเต็มที่"
"ครับ"เอกอานุภาพพูดพร้อมกับยิ้มๆ
"แล้วลูกสาวล่ะอาภา ไปไหนสะล่ะ "
"ฝ่ายนั้นเค้าไปรอที่รถแล้วค่ะ ต้องรีบไปทำงานต่อทั้งๆที่เป็นวันเสาร์แท้ๆเลย ถ้ายังไงฉันขอตัวก่อนนะคะเดี๋ยวลูกจะรอนาน"
"ถ้าว่างๆผมกับลูกแวะไปหาคุณได้มั๊ย"
"ได้ค่ะ ไปตอนไหนก็ได้ ร้านของฉันเปิดทุกวัน"
"งั้นคุณน้าครับผมแวะไปฝากท้องที่ร้านบ่อยๆได้มั้ยครับ"
" ได้สิลูกไปตอนไหนก็ได้ เดี๋ยวน้าขอตัวก่อนนะ ยายพิชรอนานแล้ว หวัดดีจ้ะ" เมื่อพิศอาภากลับไปคุณเอกสิทธิ์ก็เอ่ยว่า
"ฉันมีเรื่องสำคัญจะปรึกษาแกที่บ้าน ตาเอก แกว่างหรือป่าว"
"พอดีวันนี้ผมมีนัดกับเพื่อนน่ะครับ ถ้าคุณพ่อว่าสำคัญจริงๆผมโทรไปเลื่อนนัดเพื่อนก็ได้"
"ไม่เป็นไรหรอก ไว้คุยกันตอนกลางคืนก็ได้"
"ครับพ่อ"
"เมื่อกี้แม่คุยกับใครหรอคะ "
พิชญภาถามมารดาเมื่อขับรถออกจากบริเวณวัดได้สักพัก
"คุณลุงเอกสิทธิ์ไงลูก ที่ตอนเด็กๆแม่เคยพาเราไปหาเขาน่ะจ้ะ"
"ลุงเอกสิทธิ์ที่ใจดีที่ให้เราขอยืมเงินมาทำร้านน่ะหรอคะ"
"ใช่จ้ะเค้ามากับลูกชาย พี่เอกไง เอกอานุภาพหนูจำได้พี่เขาได้หรือป่าวล่ะ"
"ไม่ค่ะ หนุจำไม่ได้"
เธอตอบพร้อมกับหันไปสนใจกับการขับรถต่อ 'ที่แท้ก็นายปากเน่านี่เอง เอกอานุภาพ หึ คนอะไรแค่ชื่อก็บอกถึงการวางอำนาจแล้ว แหวะหมันไส้'เธอพูดพร้อมกับเบะปากอย่างหมันไส้
ความคิดเห็น