ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Blue...ในความทรงจำของสายฝน Y

    ลำดับตอนที่ #2 : N.Blue…~•Two

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 38
      6
      13 พ.ค. 54

                           มันไม่ใช่สิ่งที่จะหาซื้อได้ด้วยเงินหรือแลกมาได้ด้วยสิ่งของแต่นั้นเป็นความรู้สึกที่ถูกกลั่นกรองออกมาจากใจ 
    ผมไม่เคยมีความฝันที่มุ่งมั่นจนถึงขนาดว่า 'ไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องทำให้ได้'   ใช่! ก่อนหน้านี้ผมไม่มีเรื่องอย่างนั้นอยู่ในหัวสมองเลยกระทั่ง ....

         
                                  ''นี่ๆ''  นิ้วมือเล็กๆสะกิดที่ขาของผม เด็กผู้หญิงคนหนึ่งจ้องมองผมด้วยสายตาใคร่รู้


          ''อะไรเหรอ?''  ผมละ มือจากการหมุนเกลียวเพื่อตั้งสายกีตาร์แล้วหันไปถามเธอ  เด็กหญิงตัวเล็กๆชี้นิ้วไปที่ใครคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ตรงม้าม้านั่งตรงกันข้ามกับผม


        ''พี่คนนั้นให้มาเรียกค่ะ''  คนตรงหน้าส่งยิ้มให้ก่อนลุกขึ้นจากม้านั่งและทำท่าเหมือนจะเดินตรงมาหาผม


    ''สวัสดี ! ผมชื่อโซ''  เค้าเดินมาหยุดที่ตรงหน้าของผม น้ำเสียงเล็กๆนั้นทำให้ผมรู้สึกสับสนอยู่ไม่น้อยท่าทางเค้าเหมือนกับเด็กผู้หญิงมากกว่า


    ''ครับ!?'' ผมตอบรับอย่าง งงๆ ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมจู่ๆคนแปลกหน้าถึงได้เข้ามาทักทายผมแบบนี้


    ''แปลกใจล่ะสิว่าทำไมผมถึงมาคุยด้วย''  ฟังจากสรรพนามแทนตัวแล้ว นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกสับสน ตกลงเค้าเป็นผู้ชายงั้นเหรอ?


    ''อื้ม...ก็นิดหน่อยนะ''


    ''ผมกำลังทำวงดนตรีอยู่ แล้วเคยเห็นคุณเล่นกีตาร์ในงานโรงเรียนเมื่อสัปดาห์ก่อน ก็เลยอยากจะมาชวนไปเล่นด้วยกันน่ะ''

    โรงเรียนของผมเพิ่งจะมีงานนิทัศการณ์วิชาการไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และผมก็เป็นหนึ่งในนักดนตรีที่ได้ขึ้นโชว์ฝีมือบนเวที อันที่จริงก็ไม่ได้อยากจะทำแบบนั้นซักเท่าไรหรอกแต่ว่ามันเป็นกิจกรรมบังคับของชมรมดนตรีน่ะ

    ''นาย...อยู่โรงเรียนเดียวกับเราเหรอ?'' ดูจากหน้าตา คิดว่าหมอที่น่าจะเป็นรุ่นน้องมากกว่านะ โรงเรียนผมถึงแม้จะเป็นโรงเรียนเอกชนแต่ก็ไม่อนุญาตให้เด็กผู้ชายไว้ผมยาวได้ขนาดนี้  เส้นผมสีทองยาวเคลียบ่า งั้นก็แสดงว่าเค้าเป็นผู้หญิงสินะ


    ''เปล่า ! ผมอยู่โรงเรียนอื่นน่ะ แค่ได้มาเที่ยวที่งานโรงเรียนคุณแล้วบังเอิญไปเห็นตอนคุณกำลังเล่นกีตาร์อยู่เท่านั้น''  การปฎิเสธของเค้าทำให้ผมสับสนอีกเป็นระลอกที่สอง ตกลงที่แปลกใจอยู่ในตอนนี้คือเรื่องที่ว่า 'คนตรงหน้าของผมเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย?' ใช่ไหมเนี่ย!!


    ''แล้ว...คิดยังไงจู่ๆถึงมาชวน''  นั่นก็เป็นอีกเรื่องที่อยากรู้อยู่เหมือนกัน


    ''เพราะชอบมั้ง ! '' ''เฮือก!!!'' ...มะ...เหมือนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองสะดุ้งด้วยความตกใจ เสียงหัวเราะชอบใจดังขึ้น ท่าทางหมอนี่จะเดาความคิดของผมออกแฮะ!


    ''ฮ่าๆๆๆ...หมายถึงชอบการเล่นกีตาร์ของคุณน่ะ''...เฮ้อนั่นสินะเค้ายังไม่ได้บอกว่าชอบเราซักหน่อยนี่นา คิดแล้วอายชะมัดที่เผลอคิดเข้าข้างตัวเอง (หัวเราะฝืด)


    ''แต่เรายังไม่รู้จักนายกับคนในวงนายเลย''  ใช่ๆผมจำเป็นต้องรู้จักคนที่จะมาทำวงร่วมกันให้มากกว่านี้ก่อน


    ''คุณเองก็ยังไม่ได้บอกชื่อเหมือนกัน''  ทำไมถึงต้องรอให้ฝ่ายนั้นทวงถามด้วยนะ


    ''อ๊ะ!โทษที เราชื่อฮิโรมิ มาโคโตะ ม.6 โรงเรียนเรเซคิ''


    ''อืม...ส่วนผมก็โซ...คามิยามะ โซราโอะ ม.3 โรงเรียนนานาชาติ S. ถ้ายังไงพวกเราไปคุยกันที่ร้านแม็ค ดีกว่ามั้ย?รู้สึกเริ่มหิวๆขึ้นมาแล้ว''


    ''เอ่อ...ได้ ไปสิ!''

    และนั่นก็คือครั้งแรกที่ผมได้รู้จักกับเค้า 'คามิยามะ โซราโอะ' หรือ 'โซ' นักร้องนำของวง Lucrece (ลิว-ครีซ) ตอนนั้นเราต่างคนต่างก็ยังเด็กทั้งคู่ ผมตอบรับว่าตัวเองเข้าวงเพราะรู้สึกถูกชะตากับหมอนั่น และหลังจากที่ได้ร่วมเป็นหนึ่งใน Lucrece ผมก็คิดว่าการตัดสินใจของผมนั้นไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายอะไรเลย


                              Lucrece มีสมาชิกทั้งหมด 5 คนก่อนหน้านี้เราใช้ชื่อวงว่า Casket (โลงศพ)แต่หลังจากที่มือกีตาร์คนเก่าและมือเบสลาออกไป สมาชิกใหม่ที่เข้ามาอีก 2 คนก็เสนอให้เปลี่ยนชื่อ และจากนั้น Lucrece ก็กลายมาเป็นชื่อของพวกเรา

                              ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมาผมรู้สึกว่านี่มันไม่ใช่แค่การเล่นของเด็กๆทุกคนมีความต้องการที่จะก้าวไปให้สูงกว่าที่เป็นอยู่ โดยเฉพาะคนๆนั้น...


    สำหรับผมเค้าไม่ใช่แค่เด็กผู้ชายตัวเล็กๆที่เจอกันที่สวนสาธารณะอีกแล้ว ตอนนี้โซเองดูจะมีความคิดความอ่านเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ผมมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเค้ามีชีวิตอยู่ด้วยความฝัน ฝันที่ดูยิ่งใหญ่แต่ถ้าเป็นเค้ามันก็ไม่น่าจะไกลเกินเอื้อมถึง คนๆนั้นกำลังจะเดินขึ้นไปสูงกว่านี้ แต่ผมเองกลับรู้สึกเหมือนเด็กหลงทาง ผมหาทางออกไปเรื่อยๆบางทีอาจจะเป็นเพราะผมยังไม่มีสิ่งที่เรียกว่า 'ความฝัน' ละมั้ง


                       มันไม่ง่ายเลยที่จะตอบคำถามให้ได้ว่าสิ่งที่อยากทำที่สุดคืออะไร? เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาผมปฎิเสธที่จะคาดคั้นตัวเองมาโดยตลอด แต่ตอนนี้ผมพยายามจะหามันให้พบ อยากจะตอบให้ได้ว่า


                                 ''ความฝันของผมคืออะไร?''....เพราะรู้สึกว่าซักวันหนึ่งจะต้องถูกถาม และผมก็ไม่อยากจะหนีมันอีกต่อไปแล้ว
    เวลา 3 ปี สำหรับผมแล้วมันเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานพอที่จะทำให้เรารู้จักกับใครคนหนึ่งได้มากจนถึงขนาดคาดเดาความคิดของเค้าล่วงหน้าได้ แต่ทำไมพอเปรียบเทียบกับตัวเอง ระยะเวลา 3 ปีถึงเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆนะ? 3 ปีมานี่ผมรู้จักอะไรเพิ่มขึ้นบ้าง? เรื่องของตัวเองในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา...ผมแทบจะไม่ได้รู้จักอะไรเพิ่มขึ้นเลย ทั้งๆ ที่อยากจะได้คำตอบ แต่จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่เข้าในตัวเองอยู่ดี...



    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×