คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Finaus 1 # IN.TRO (20%) : อัพแบบหอยทาก..
บทนำ
ปลดพันธนาการ
นภายามค่ำคืนประดับสีมัวขุ่นยามราตรี อาศัยแสงเรืองรองเพียงหนึ่งจากดวงจันทราที่โดดเด่นอยู่เดียวดาย เหล่าปักษาที่ผินโผหาอาหารในยามสายัณห์ ต่างก็จรลีกลับถิ่นฐานของตน ..ทั้งๆที่ควรจะเป็นอีกหนึ่งคืนที่ปกติธรรมดาเช่นทุกวันเรื่อยไป วันที่ใบไม้ยังคงชุ่มฉ่ำเขียวขจีด้วยหยาดพิรุณที่โปรยปรายตามกาลฤดู วันที่แสงแดดอ่อนๆทอสว่างให้ความอบอุ่นแก่ทุกมวลสรรพสิ่งบนโลก วันที่อากาศเย็นยะเยือกหนาวพร้อมหิมะที่หล่นร่วงจากนภา และ.. วันเหล่านั้นที่เคยผาสุกก็กำลังเลือนหายไปช้าๆอย่างที่ใครหลายคนแทบจะไม่รับรู้อะไรเลย..
จากตำนานที่เล่าขานสืบกันมา.. บนโลกนี้ยังมีสิ่งหนึ่งที่คอยควบคุมและถ่วงความสมดุลของโลกเอาไว้อยู่.. น่าแปลก สิ่งนั้นกลับเป็นเพียงแค่ผลึกแก้วชิ้นเล็กเท่านั้น ดูแล้วก็เหมือนอัญมณีประดับทั่วไปด้วยซ้ำ ทว่าประสิทธิภาพที่แท้จริงของมันกลับลึกลับและล้ำลึกเกินมนุษย์ธรรมดาสามัญชนทั่วไปจะหยั่งถึง.. แน่นอน แค่ผู้ที่สมควรเท่านั้น จึงจะเหมาะสมในการครอบครอง..
หากจะถามว่าผลึกนั้นถูกเก็บไว้ ณ ส่วนใดของผืนพิภพนี้แล้วก็.. คงจะไม่มีการระบุพิกัดที่ชัดเจนได้แน่ชัด ไม่ว่าจะใช้เครื่องมือที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพหรือเกิดจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีมากแค่ไหนก็ตามที.. ไม่มีสิ่งใด ‘ที่มนุษย์สร้าง’ แล้วจะสามารถค้นหาฟินาอัสได้.. ไม่มีทางอย่างแน่นอน
สถานที่ซึ่งเป็นดั่งบาเรียร์คุ้มกันฟินาอัสนั้น แท้จริงแล้วก็ไม่ได้อยู่ไกลเกินความคาดหมายของใคร.. แต่ด้วยความเพ้อฝันและหวังสูงเกินความเป็นจริงของมนุษย์ สถานที่ดังกล่าวจึงเปรียบเสมือนสถานที่ที่ไม่มี ‘แม้แต่ผู้ใด’ สามารถหยั่งถึง และมีเพียงธรรมชาติเท่านั้นที่คอยควบคุมและชักนำฟินาอัส.. ยิ่งคิดก็ยิ่งสะท้อนถึงความเขลา แท้จริงแล้ว เหตุผลที่ฟินาอัสยังคงขับเคลื่อนมาได้จนถึงปัจจุบันนี้.. ‘มนุษย์’ เองนั่นแหละที่เป็น ‘ครึ่งหนึ่ง’ ของฟินาอัสเต็มๆ..
ทว่ามนุษย์นั้นหาใช่มนุษย์ทั่วไปไม่.. ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะเคยเป็นเพียงปุถุชนเดินดินธรรมดามาก่อนแต่อย่างไรก็ตาม หากเมื่อได้รับการคัดสรรจาก ‘เศษเสี้ยวของฟินาอัส’ แล้วล่ะก็.. หน้าที่ที่จำเป็นต้องทำอย่างมิอาจเลี่ยงได้ก็จะถูกส่งตรงไปให้บุคคลผู้นั้นทันที และบุคคลนั้นจะถูกขนานนามเรียกว่า ‘จิตวิญญาณผู้พิทักษ์’ และต้องรับหน้าที่ ‘เฝ้าระวัง’ ฟินาอัสจนกว่าจะหมดสิ้นวาระอายุขัย.. สุทธิทั้งหมด สี่คน สี่ชีวิต หากหนึ่งใดในสี่ชีวิตนี้ดับสูญ.. ฟินาอัสจะสั่นคลอนจนอาจเกิดเหตุอันตรายหรือภัยพิบัติร้ายแรงบนโลกนี้ได้.. ซึ่งจะเกิดภัยใดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับชีวิตของผู้พิทักษ์ที่ดับสูญนั้นด้วย.. เช่นนั้นจึงมีการผลัดเปลี่ยนผู้พิทักษ์ฟินาอัสอยู่เป็นเนืองนิจ และทุกอย่างก็ควรจะดำเนินไปตามครรลองเรื่องราวที่ร้อยเรียงกันมา.. แต่ทว่า..
“นี่ๆ อารอน.. เจ้าอยู่ที่นี่เฉยๆ เจ้าไม่เบื่อกันบ้างหรือ?”
เสียงก้องกังวานหวานจากหญิงสาวนางหนึ่ง เอ่ยขึ้นถามพร้อมยืนกอดอกรับด้วยใบหน้าที่แสดงออกถึงความเบื่อหน่ายและไม่ค่อยพออกพอใจกับสถานภาพที่เป็นอยู่เท่าใดนัก ถึงแม้ ‘หน้าที่คุ้มครองฟินาอัส’ นี้จะต้องมากระทำเช่นนี้เพียงเดือนละครั้ง แต่วัฏจักรที่วนซ้ำไปมามันทำเอาซะเธอรู้สึกเอียนอย่างบอกไม่ถูก
“มันเป็นหน้าที่.. เดลฟา มันเป็นหน้าที่..”
ผู้ที่ถูกเอ่ยถามเมื่อครู่ ก็ขานเสียงตอบรับด้วยใบหน้าที่แสดงอารมณ์ไม่แพ้กัน แม้เนื้อความในคำพูดที่เอ่ยบอกหญิงสาวไป จะดูให้ชวนอดทนเพียงไร แต่น้ำเสียงและท่าทางก็บ่งบอกว่าเจ้าตัวเองก็เริ่มที่จะเหนื่อยล้าและเบื่อหน่ายแล้วสิ้นดี..
“เจ้าก็พูดแบบนี้มาไม่รู้กี่ร้อยรอบ! ข้าเบื่อ เจ้าไม่ได้ยินหรือ!! ข้าเบื่อเต็มทีแล้ว!”
หนนี้หญิงสาวเริ่มแผดเสียงให้ดังก้องหญิงกว่าเดิม สะท้อนดังไปทั่วทั้ง ‘โดม’ ทำเอาบุคคลที่เหลืออีกสองคนต้องเบ้ปากและยกมือขึ้นปิดหูด้วยติดจะเริ่มรำคาญ ทว่ามีหรือเธอจะสนใจกับเรื่องเพียงนั้น ใบหน้าที่เชิดขึ้นแล้วกลับเชิดขึ้นไปอีก พร้อมด้วยนัยน์ตาสีแดงฉานที่ทอประกายกร้าวโกรธา เรือนผมสีแดงดุจเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำของเธอพัดอ่อนๆสายไปด้านหลังพร้อมวางมาดอย่างถือดี
“เจ้าไม่ได้เบื่อคนเดียวนะเดลฟา ข้าก็เบื่อ.. แต่เจ้าหยุดแสดงท่าทางยโสแบบนั้นซะเถอะ”
คราวนี้เป็นเสียงจากชายหนุ่มที่รูปร่างอ้อนแอ้นที่กำลังยืนผิงพนังห้องของโดมแห่งนี้แทนที่เอ่ยขึ้นมา ปกติแล้วไซร้ ชายหนุ่มคนนี้คือคนที่มีบุคลิกเยือกเย็นและสงบนิ่ง.. ทว่าบรรยากาศที่เริ่มจะติดลบขึ้นเรื่อยๆเพราะหญิงสาวตรงหน้า ก็ทำให้เขาจะต้องเอ่ยปากพูดขึ้นบ้าง ไม่อย่างนั้นมีหวังเธอผู้นั้นคงจะไม่หยุด
..แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาพูดแล้วเธอจะหยุดนี่นะ..
“โอ๊ย!! เจ้าก็จะขัดคอข้าอีกคนใช่ไหม.. เงียบไปเลยนะชายน์ !!”
“หนแรกที่ข้าถูกเลือก ข้าก็เข้าใจและยินยอมหรอกนะ.. ติดอย่างเดียวก็ตรงพิธีบ้าๆนี่แหละที่ทำเอาข้าอยากจะตายวันละล้านรอบ!! การสละพลังชีวิตออกไปเดือนละครั้งครั้งละครึ่งหนึ่งมันทำให้ข้าอยากจะหนี!! มันเหนื่อย.. มันล้า.. และไม่น่าพอใจเอาเสียเลย!!” หญิงสาวพูดระบายอารมณ์ของตนด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยความเดือดดาล แม้มันจะเป็นวาจาที่ดูง่ายๆ แต่หากได้มาเผชิญกับพิธีจริง.. คงไม่ง่ายอย่างที่คิดแน่..
“แล้วไหนจะเป็นพิธีกรีดโลหิตสาบานอีกล่ะ!! จะสาบานอะไรนักหนา.. ครั้งเดียวไม่พอหรือไง!! โอ๊ย.. ข้าอยากจะบ้า!!”
“งั้นก็บ้าไปเลยสิเดลฟา..”
“ฮาร์รีน !!!”
เสียงหวานที่เอ่ยขึ้นขัดหญิงสาว.. ทำเอาเธอสติแทบจะหยุดไม่อยู่พร้อมกรีดร้องเสียงแหลม.. ผู้ที่ชื่อว่า ‘ฮาร์รีน’ หันมามองเธอด้วยแววตาที่แสนจะเย็นชา แต่กลับแฝงแววดุดันและพร้อมที่จะปะทุขึ้นทุกเมื่อหากจำเป็น
“เอ้า! บ้าไปสิ.. ข้ารอดูเจ้าเต้นเร่าๆแล้วลงไปดิ้นอยู่บนพื้นที่นี่อยู่.. จะช้าอยู่ทำไมล่ะ บ้าไปเลย!!”
ฮาร์รีนเอ่ยเสียงดัง ทว่าใบหน้ายังคงเรียบนิ่ง คำพูดจาที่เชือดเฉือนและสุดแสนจะประชดประชันนั้นทำเอาหญิงสาวทีชื่อเดลฟา ต้องกรี๊ดออกมาดังๆจนแสบแก้วหูอย่างช่วยไม่ได้..
(เดี๋ยวมาต่อค่ะ.. เดลฟากรี๊ดซะไรท์เองหูอื้อเลย =w=;;; #ห๊ะ?)
#ทิ้งไว้เป็นปริศนา.. สี่คนนี้คือใคร? พิธีกรรมอะไร? ทำไมต้องทำ? *หัวเราะชั่วแล้วเผ่น* *โดนรีดเดอร์ฆ่าตาย..*
ความคิดเห็น