ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic:KHR] Dragone Family ผ่านไปร้อยปี ..รักนี้ไม่จาง

    ลำดับตอนที่ #5 : ♬ Chapter 0! 100%

    • อัปเดตล่าสุด 3 ต.ค. 55


           Chapter # 0

    *บทอินโทรนี้ ..จะกล่าวถึงโลกอนาคตก่อนนะคะ

     

     

       อาคารตึกทรงแหลมสีขาวสะอาด ตั้งตระหง่านอยู่ที่ใจกลางเมืองนามิโมริอย่างโดดเด่น อาจเป็นเพราะความสูงที่เกินหน้าเกินตาตึกอื่นๆ หรือไม่ก็คงจะเป็นรูปร่างแปลกๆของมันที่ทำให้ดูสะดุดตากับทุกคนที่พบเห็น  กระจกใสบานใหญ่จากห้องทำงานชั้นบนสุดของอาคารตึกสามารถที่จะมองอย่างทะลุปรุโปร่งมายังวิวเบื้องล่างได้อย่างง่ายดาย และเธอผู้มีตำแหน่งเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด’ ก็กำลังทำแบบนั้นอยู่เช่นกัน..

      

        หญิงสาวยกนิ้วขึ้นกรีดเล็บเรียวบางที่ถูกทาทับด้วยสีขาวขุ่นลงบนกระจกใสพลางมองลงไปเบื้องล่างด้วยแววตาที่ไม่อาจคาดเดา ดวงเนตรสีเทากวาดสายตามองไปยังพื้นถนนสีขาวกับพาหนะ ‘แคปซูล’ ที่สัญจรไปมา ยานพาหนะทุกคันมีสีขาว จึงยากจะแยกออกว่าคันไหนของใคร..

      

       กลิ่นหอมอ่อนๆและไอเย็นบางเบาของเครื่องปรับอากาศ  กระทบผิวเนื้อของหญิงสาวที่สวมชุดแซกสายเดี่ยวสีขาวละเอียด เธอละสายตาจากการมองวิวทิวทัศน์ และหันหน้ากลับมาบนโต๊ะที่มีกองเอกสารวางอยู่อย่างเรียบร้อย ก่อนจะยิ้มกริ่มเมื่อนึกอะไรน่าสนุกขึ้นมาได้..

     

       มือเรียวบางเอื้อมมือไปหยิบแผ่นเอกสารที่วางตั้งอยู่โดดเดี่ยวตรงหัวมุมของโต๊ะขึ้นมาอ่านอย่างพิจารณา เธอไล่สายตาไปทีละบรรทัดแล้วก็หยุดกึก ริมฝีปากหยักได้ทรงสวยกระตุกยิ้มขึ้นมาเบาๆเมื่ออ่านเจออะไรบางอย่างที่ต้องการ..

     

       “..บทจบของเผ่าพันธุ์มังกร ฉันจะเป็นคนสร้างมันเองล่ะกันนะ..

     

       ติ๊ดๆ..

     

       เสียงสัญญาณดังขึ้นเตือนเหมือนบอกให้เจ้าของห้องรับรู้สองสามที ก่อนที่ผนังกำแพงสีขาวสะอาดทางด้านซ้ายมือของเธอจะปรากฏภาพของชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดสูทสีขาวกับเนคไทสีเทา ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองบนจอภาพพลางโบกมือให้เธอเหมือนเป็นเพื่อนเล่นกัน เธอเบ้ปากส่งไปให้พลางกดปุ่มสีแดงเล็กๆที่อยู่ขอบๆมุมโต๊ะเพื่อเป็นสัญญาณให้เข้ามาได้..

     

       “กว่าจะมาได้นะนาย..

    .

    .

    .

     

       # .คฤหาสน์ดราโกเน่

     

       หากลองเดินฝ่าลึกเข้าไปในแมกไม้ที่อยู่แถบชานเมืองนามิโมริดูแล้วล่ะก็ จะพบกับคฤหาสน์สีขาวที่ส่องแสงแวววาวระยิบระยับท่ามกลางพรรณไม้นานาชนิด ตัวคฤหาสน์จากเดิมที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยหินอ่อนที่เป็นสีขาวขุ่น บัดนี้ถูกรื้อและสร้างขึ้นใหม่ด้วยอัญมณีอย่างเพทายสีขาวและเพชรนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมคฤหาสน์สุดหรูแห่งนี้จึงเปล่งประกายสะท้อนแสงอาทิตย์อยู่ตลอดเวลา..

     

       สถานที่แห่งนี้เป็นที่พักอาศัยของแฟมิลี่อย่าง ‘ดราโกเน่ แฟมิลี่’ ที่ขณะนี้ดำรงตำแหน่งถึงรุ่นที่ 23 แล้ว!

     

       แต่ดูเหมือนการดำเนินชีวิตของพวกเธอจะเป็นไปอย่างไม่ราบรื่นเอาเสียเลย เมื่อในโลกแห่งนี้ ตอนนี้ถูกบงการจากแฟมิลี่อย่าง ‘ฟีนิเซส แฟมิลี่’ และพวกนั้นยังคอยตามกวาดล้างพวกเธอได้ไม่เว้นแต่ละวัน

     

       แค่เปลี่ยนทุกสิ่งอย่างให้กลายเป็นสีขาวก็เต็มกลืน นี่ยังคิดที่จะกวาดล้างพวกเธออีกหรืออย่างไรกันนะ.. เท่าที่จำได้คือพวกเธอไม่เคยเป็นปรปักษ์และเป็นฝ่ายโจมตี ฟีนิเซสก่อนเลยนี่นา.. แล้วแฟมิลี่ของพวกเธอก็เก่าแก่กว่าตั้งหลายชั่วปี!

     

       แต่ว่า ..ก็พักเรื่องนี้เอาไว้ก่อนเถอะ..

     

       มาเข้าเรื่องกันต่อสำหรับคฤหาสน์ดราโกเน่ ..ภายในของคฤหาสน์เต็มไปด้วยภาพจิตรกรรมที่สื่อความเกี่ยวกับมังกรทุกยุคทุกสมัย เรียงรายอยู่เต็มฝาผนังที่ทาทับด้วยสีทองละเอียด ตามทางเดินก็ปูแผ่ด้วยพื้นพรมสีแดงตลอดเส้นทาง และข้างทางก็ประดับประดาไปด้วยประติมากรรมรูปปั้น แจกันหรือสิ่งของเลอค่าเก่าแก่ต่างๆมากมายไว้อยู่ ทำให้อดคิดไม่ได้เลยว่าผู้ที่ย่างกรายเข้ามาภายในคฤหาสน์แห่งนี้ล้วนแต่ก็เป็นผู้มีเกียรติที่สำคัญทุกคน..

     

       ตัวคฤหาสน์นั้นแยกเป็นสองฝั่ง คือคฤหาสน์ฝั่งทิศตะวันตกและทิศตะวันออก  ฝั่งทิศตะวันตกนั้น เป็นที่พักอาศัยสำหรับเหล่ามังกรของสมาชิกในดราโกเน่ แฟมิลี่ ตรงส่วนนี้จะเป็นเขตหวงห้าม ที่แม้แต่เจ้าของของมังกรนั้นๆก็ไม่อาจย่างกรายเข้าไปได้ สาเหตุที่ต้องทำเช่นนี้นั้น ปัจจุบันก็ยังไม่มีสมาชิกรุ่นใดรับรู้เลย เนื่องจากมันเป็นข้อตกลงระหว่างดราโกเน่รุ่นแรกและมังกรรุ่นแรกที่เก็บไว้เป็นความลับที่รู้กันเพียงสมาชิกของรุ่นแรกเท่านั้น..

     

       ส่วนคฤหาสน์ทางทิศตะวันออก แน่นอนว่าต้องเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าสมาชิก แบ่งแยกย่อยออกเป็นห้องๆรวมทั้งหมด  11 ห้อง เป็นห้องนอน 7 ห้อง ห้องแต่งตัวใหญ่ 2 ห้อง ห้องสมุด 1 ห้องและห้องโถงรวมอีก 1 ห้อง ส่วนห้องครัวนั้น จะอยู่ส่วนกลางที่เป็นตัวแบ่งของคฤหาสน์ทั้งสองฝั่ง เพื่อให้สามารถร่วมรับประทานอาหารด้วยกันได้ และนอกจากนี้ยังมีห้องอาบน้ำรวมที่ยังแบ่งออกได้เป็น ห้องอาบน้ำแบบฝักบัว แบบอ่างอาบน้ำ และแบบออนเซ็นอีกด้วยแน่นอนว่าต้องแยกชาย-หญิงเป็นเรื่องธรรมดา

     

       ถึงแม้พวกเธอที่เป็นสมาชิกของดราโกเน่ แฟมิลี่ และเป็นเจ้าของคฤหาสน์กันจะไม่สามารถก้าวข้ามเขตฝั่งตะวันตกซึ่งเป็นที่พักอาศัยของเหล่ามังกร แต่กลับกัน มังกรของพวกเธอสามารถล้ำเส้นมายังเขตของพวกเธอได้ ดังนั้นมังกรของพวกเธอบางตัว ก็ชอบแวบไปแวบมาอยู่บ่อยครั้ง แต่นั่นก็เป็นส่วนน้อย เพราะมังกรส่วนใหญ่ต่างรู้ดีถึงกฎเกณฑ์และข้อห้าม แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ.. เป็นส่วนน้อย ใช่ว่ามันไม่มีเลยสักตัวที่ชอบโผล่หน้ามาให้พวกเธอตกใจเล่นน่ะอย่างเช่นเจ้านี่..

     

       “กรี๊ดดดดวะ..แวร์ซาย!! เจ้ามังกรลามกออกไปเลยนะยะ!! TOT

     

       เสียงหวีดแหลมดังขึ้นมาพร้อมกับร่างบางเรือนผมสีชมพูเข้มยาวสยายที่ผงะถอยหลังจนชนชิดติดกับผนังห้องน้ำ มือบางยกขึ้นคว้าผ้าขนหนูสีขาวผืนขนาดพอดีตัวมาคลุมร่างกายด้วยความรวดเร็ว ใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อตวาดแหวใส่ชายหนุ่มนามว่า ‘แวร์ซาย’ ซึ่งเป็นมังกรของ ‘มากาเร็ต เซเซอร์’ เพื่อนสาวของเธอที่กำลังอาบน้ำอยู่อีกฝากฝั่งหนึ่งของห้อง โชคดีที่ความร้อนจากฝักบัวซึ่งเธอเลือกเปิดเป็นน้ำร้อน ส่งผลให้มีไอหมอกคลุมทั่วห้อง ดังนั้นจึงปกปิดร่างกายที่เว้าออกมาเกินเหลือจากที่ผ้าขนหนูจะปกปิดได้..

     

       “ถ้าจะบอกว่าไม่ออกไปล่ะ.. จะทำไมงั้นหรอ J

     

       มังกรหนุ่มผมสีน้ำตาลยิ้มเผล่อย่างกวนๆให้กับหญิงสาวตรงหน้า.. ‘ดาเฟน่า เมอร์โรลก้า’ กัดฟันอย่างแค้นๆ พลางโต้กลับด้วยคำพูดที่อยู่ในเชิงว่า..ขู่

     

       “ยะ..อยากลองดีกับฉันสินะได้เข้ามาสิถึงจะเป็นมังกรฉันก็ไม่กลัวหรอกนะ!

     

       เธอพูด พลางถือเข็มที่อาบยาสลบเอาไว้พร้อมอย่างแนบเนียน แต่ดูเหมือนคำพูดของเธอจะไม่นำความสะทกสะท้านไปให้กับมังกรหนุ่มตรงหน้าเลย แวร์ซายไม่ตอบรับคำพูดของเธอ เพียงแต่แค่ยิ้มส่งไปให้ แล้วพยักพเยิดใบหน้าไปทางฝั่งตรงข้ามของห้องอาบน้ำฝักบัว... มากาเร็ตกำลังมองเธออยู่

     

       ดาฟเน่เบ้ปากอย่างขัดใจ.. เธอรู้ดีว่าสมาชิกทุกคนต่างรักและหวงแหนมังกรตัวเองอย่างกับอะไร เธอเองก็เช่นกัน.. แต่เจ้ามังกรนี่บังอาจบุกเข้ามาในห้องอาบน้ำเชียวนะไม่ให้เธอเคืองได้ยังไงไหว..

     

       “ฮะๆ.. กัดกับแวร์ซายอีกแล้วหรอดาฟเน่.. เธอนี่น๊า~”

     

       อยู่ๆก็มีเสียงๆหนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะเธอและแวร์ซาย หญิงสาวเรือนผมสีชมพูอ่อนที่แม้จะอาบน้ำแต่เจ้าตัวก็ยังคงปล่อยมันให้อยู่ในรูปแบบของทรงผมทวินเทลหัวเราะเบาๆแล้วมองเธอกับแวร์ซายสลับกันไปมา ดวงเนตรสีชมพูกลมโตยิ้มจนตาหยี แล้วเดินเข้าไปเกี่ยวแขนดาฟเน่

     

       “ไม่ต้องทำมาเป็นหวงตัวหรอกน่ายัยเบ๊อะ..ฉันเห็นของเธอมากี่รอบแล้วก็ไม่รู้ J”  

     

       “ไอ้..ไอ้..!

     

       มังกรหนุ่มยิ้มกวนให้อย่างล้อเลียน แม้ความจริงเขาก็ไม่ได้เห็นอะไรของดาฟเน่หรอก เพียงแต่พอตกอยู่ในสถานการณ์นี่แล้วมันก็รู้สึกอดที่จะแหย่หญิงสาวตรงหน้าเล่นไม่ได้  แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าเขาคงจะโกรธปนอายๆจนหน้าขึ้นสีเลยนี่สิ...

     

       “ปล่อยฉันน๊า ! ฉันจะฆ่ามัน ! อาเรียบอกให้ปล่อยไง TOT

     

       หญิงสาวผมทวินเทล หรือ ‘อาเรีย รัดเคลโล’ เพียงแต่หัวเราะให้กับท่าทางของเพื่อนสาวและพยายามกอดรัดแขนไม่ให้ตัวของดาฟเน่ไปถึงแวร์ซายได้ เพราะเธอรู้ดีว่าสิ่งที่แวร์ซายพูดเพื่อจงใจแกล้งดาฟเน่เท่านั้น ดังนั้นเธอจึงไม่ซีเรียสตาม..

     

       มากาเร็ตที่เห็นดังนั้นก็กำลังหัวเราะให้กับเธออยู่เช่นกัน ก่อนที่เธอจะยกมือขึ้นเกล้าผมให้เป็นมวย และเดินออกจากห้องอาบน้ำไป โดยไม่ลืมที่จะเรียกแวร์ซายมังกรสุดซี้ของเธอไปด้วย..

     

       “เอะอะอะไรกันล่ะเนี่ย.. เสียบรรยากาศในการแช่ออนเซ็นหมดเลย~!!

      

       เสียงๆหนึ่งตะโกนก้องดังข้ามผนังกั้นระหว่างห้องน้ำ พร้อมกับหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเปลือกไม้ และไฮไลท์ด้วยสีแดงชาดบางส่วนที่เปียกชุ่ม เดินถือผ้าขนหนูผืนเล็กออกมาจากประตูห้องสำหรับแช่ออนเซ็นในชุดผ้าขนหนูสีขาวผืนเดียว เธอหลับตาลงข้างหนึ่งอย่างงัวเงีย มองหญิงสาวสองคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าพลางแอบจิ๊จ๊ะอยู่ในลำคอ

     

       “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย.. อาเรียจัง ..ดาฟเน่จัง..

     

       ‘ฟาริส เอลันชิล’ เอ่ยถามเสียงแผ่ว.. เธอกำลังเคลิ้มๆกับบรรยากาศของออนเซ็นอยู่เลยนะ.. แต่เสียงเอะอะที่ข้ามทะลุกำแพงห้องไป ทำให้มันหมดอารมณ์ที่จะแช่ต่อเลยนะสิ..!

     

       “ก็อีตา..!! อุ๊บ!!

     

       “เปล่าหรอก.. ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ ฟาจัง ^^~

     

       อาเรียยกมือขึ้นตะครุบปากเพื่อนสาวเอาไว้ได้อย่างทันท่วงที เพราะถ้าขืนปล่อยให้พูดต่อมีหวังคงอีกยาว..

     

       “โอ๊ยๆ.. ไม่แช่แล้วออนซง ออนเซ็น!

     

       ฟาริสพูดอย่างหัวเสีย ก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้องน้ำไปอีกคน ปล่อยให้เพื่อนของเธอเคลียร์กันต่อเอาเอง.. หญิงสาวเดินไปที่ห้องแต่งตัว แล้วจัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเสื้อยืดแขนสั้นสีดำและกางเกงยีนส์ขาสั้นตัวเก่ง ก่อนจะยืดเส้นยืดสายสองสามที แล้วจึงเดินมานั่งที่ห้องโถงกลาง..

     

       ดูเหมือนว่าบนโซฟาหนังสีครีมที่สำหรับนั่งสามคน จะมีคนทั้งสามมานั่งอัดกันอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว.. เธอจึงเดินเลี่ยงไปที่เก้าอี้บุนวมสีครีมเข้าคู่กันกับโซฟาแทน แล้วหย่อนก้นนั่งลงบนเบาะนุ่มๆทันที..

     

       “ว่าไงจ๊ะ~ ฟาริสจัง 

     

    ต่อค่ะ

     

       ไม่ทันให้หญิงสาวอย่างฟาริสได้หย่อนก้นนั่งพักตัวให้สบายๆก่อน เสียงเรียกหนึ่งจากโซฟาตรงข้ามก็ทักเธอให้เงยหน้าขึ้นไปมอง หญิงสาวที่เรียกเธอแย้มยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี พลางโคลงหัวเล่นไปมาจนหมวกบนหัว(ที่จะใส่ไปทำไมก็ไม่รู้?)หลุดลงบนพื้น ก่อนที่เจ้าตัวจะก้มลงเก็บอย่างรีบร้อนพร้อมสีหน้าตระหนกราวกับว่าหากขาดหมวกไปชีวิตของตนจะหาไม่? ฟาริสถอนหายใจเบาๆให้กับการกระทำของคนตรงหน้า ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนใบหน้าเป็นยิ้มหวานแล้วหันไปทักอีกคนที่อยู่ข้างๆหญิงสาวที่เรียกเธอเมื่อครู่แทน

     

       “ว่าไง.. ลูซี่จัง สบายดี รึเปล่า?”

     

       หญิงสาวที่ถูกขานชื่อ ยิ้มหวานน่ารักมาให้ก่อนจะพยักหน้าตอบอย่างรู้กัน.. ลูซีเรีย มาไลก้า หยิบยื่นเอกสารที่ตัวเองถือเอาไว้อยู่ในมือส่งให้กับฟาริส

     

       “โหย.. เลลันจัง! เมินเค้าได้ไงอ่ะ TOT!!

     

       ชินจิ เทคิไร เอ่ยปากง้องแง้งทันทีที่พบว่าเมื่อตนเองเก็บหมวกเสร็จ ร่างบอบบางของหญิงสาวตรงหน้าเธอก็ทำเป็นไม่สนใจคำทักทายของเธอแล้วซะงั้น น่าน้อยใจชะมัดเลยอ่า!

     

       คิดดังนั้นเลยทำจมูกยู่ใส่หญิงสาวทั้งสองคนที่ดันมาเมินใส่ตัวเองซะได้ โดยคิดว่าหากทำแบบนี้คงจะดูน่ารักขึ้นและความน่ารักที่แสนจะสะดุดตา(เรอะ?)นี้จะทำให้หญิงสาวทั้งสองหันมาสนใจตัวเธอมั่ง!

     

       “นี่ นี่ ยัยคุณชินจิ หยุดทำท่าทีแบบนั้นซักทีเถอะ! เห็นแล้วมันไม่น่ารักแต่มันน่าประเคนให้สักหมัดอ่ะ”

     

       เสียงหวานๆแต่คำพูดแสนจะห้าวดังขึ้นมาจากปากของหญิงสาวตัวเล็กไม่เหมาะกับนิสัยที่นั่งอยู่เป็นคนที่สามของโซฟา เธอมองหน้าของเพื่อนสาวที่พยายามเรียกร้องความสนใจด้วยใบหน้าที่ดูแล้วสำหรับเธอมันน่าถีบยิ่งนัก! และคิดว่าคนอื่นคงคิดไม่ต่างจากเธอหรอกเพียงแค่ไม่พูดออกมาเท่านั้นเอง ก่อนจะเอ่ยปากออกไปอย่างเมื่อครู่

     

       และเพราะคำที่เธอพูดออกไปทำให้เทคิไรต้องหันมาทำหน้าเบ้ปานจะร้องไห้ใส่เธอ..

     

       “ธอร์จังอ่ะ! กล้าทำร้ายหญิงสาวผู้แสนจะบอบบ๊างง.. บอบบางคนนี้ได้ลงคอหรอ T[]T!

     

       “จะลองมั๊ยล่ะ ? - -

     

       ธอร์เรีย เอวานาร์ เตรียมง้างหมัดหมายจะซัดใส่ใบหน้าเนียนๆของหญิงสาวนามเทคิไรนี้ซักตั้ง ดีที่ว่าระหว่างพวกเธอสองคนยังมีลูซีเรียนั่งคั่นกลางอยู่ ไม่งั้นใบหน้าสวยๆ(?)ของเทคิไรคงจะถูกประทับไปด้วยรอยหมัดของสาวเถื่อนคนนี้ซะแล้ว

     

       “เป็นคนในแฟมิลี่เดียวกันก็ต้องรักกันไว้สิคะ ใช่มั๊ยคะ? พี่ธอร์เรีย พี่ชินจิ? ”

     

       ทันทีที่ทั้งสองคนโดนยิ้มหวานแบบใสซื่อบริสุทธิ์สุดๆของลูซี่เข้าไป ก็ต่างหยุดการกระทำอันไร้สาระของตัวเองทันที ก่อนที่ฟาริสที่รู้สึกเหมือนตัวเองจะจืดจางแปลกๆ(?) จะยกหัวข้อสนทนาที่เกี่ยวกับเอกสารที่ลูซี่เพิ่งจะยื่นให้เธอเมื่อครู่มาคุยแทน

     

       “อ่า.. เอาล่ะนะ! เรามาคุยเรื่องที่มันดูมีสาระกว่านี้กันดีกว่า”

     

       เมื่อเห็นหญิงสาวทั้งสามคนอยู่ในท่าที่เตรียมพร้อมที่จะรับฟังแล้ว ฟาริสก็ยกเอกสารในมือขึ้นมาชูให้ดูทันที แต่เหมือนว่าจะนึกอะไรขึ้นได้ มือที่ชูเอกสารอยู่ก็ลดลงกลับไปดังเดิม

     

       “อ้าว อะไรอีกล่ะฟาริส?” ธอร์โพล่งถามขึ้น

     

       ฟาริสไม่ตอบ เพียงแต่หันซ้ายหันขวาเหมือนจะมองหาอะไรบางอย่าง แล้วพึมพำออกมา

     

       “ดูเหมือนว่าถ้าสมาชิกยังไม่ครบ.. จะคุยไม่ได้นะคะ?”

     

       ตึกๆๆๆ  พลั่ก!

     

       “ขะ..ขอโทษครับ! ผมพลาดนัดสำคัญอะไรไปหรือเปล่า?”

     

       พูดยังไม่ทันให้จบความ เสียงฝีเท้าหนักๆที่กระทบกับพื้นรัวเร็วก็ดังขึ้น พร้อมกับประตูของห้องโถงกลางที่เปิดออกมาอย่างแรง ชายหนุ่มที่เกือบเซถลาเพราะความเร่งรีบหยุดยืนหอบในท่าเปิดประตู มือข้างขวายกขึ้นมาดันแว่นที่อยู่ในสภาพจะหลุดแหล่มิหลุดแหล่ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆ

     

       ใบหน้าหวานของชายหนุ่มนาม เลโอ เลซิปอง ขึ้นสีระเรื่อเพราะหอบจากการที่รีบร้อนมาที่นี่ ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกันที่จู่ๆเขาก็รู้สึกเหมือนกับว่ามันต้องมีเรื่องสำคัญอะไรสักอย่าง?  

     

       เหล่าบรรดาสาวๆในห้องโถงที่นั่งอยู่ก่อนหน้า ต่างก็หันมามองที่ผู้มาใหม่กันเป็นตาเดียว ก่อนที่เทคิไรจะเป็นฝ่ายพูดขึ้นมา

       “มาแล้วหนึ่ง ~”

     

       ด้วยความที่เลโอนั้นเป็นคนหัวไวอยู่แล้ว จึงรู้ถึงความหมายในคำพูดที่หญิงสาวพูดขึ้นมา ชายหนุ่มจึงเดินมาแล้วหยุดนั่งลงตรงที่เก้าอี้บุนวมอีกตัวข้างๆของฟาริส พลางนัยน์ตาสีโอรสใต้กรอบแว่นก็สำรวจไปทั่วว่ามีใครบ้างที่อยู่ตรงนี้

     

       และดูเหมือนเหล่าสาวๆที่อาบน้ำกันอยู่เมื่อครู่ก็จะทยอยกันมานั่งบนโซฟายาวและโซฟาคู่ที่เหลืออยู่แล้ว นั่นหมายถึงมากาเร็ต อาเรีย และดาฟเน่ ตอนนี้ก็เหลือสมาชิกอีกแค่เพียงหกคนเท่านั้น

     

       อาจเพราะประตูของห้องโถงกลางที่เมื่อครู่ยังไม่มีคนปิด ทำให้หญิงสาวอีกสองคนสามารถเดินเข้ามาได้อย่างสง่าผ่าเผย.. ไม่สิ ดูเหมือนว่าหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีดำรัตติกาลตัดกับผิวขาวนวลเนียนจะกำลังลำบากกับหญิงสาวอีกคนอยู่ต่างหากล่ะ!

     

       เซล่า รอซโซ่ กำลังพยายามพยุงเพื่อนสาวขี้เซาของเธอไว้ด้วยความเหนื่อยและหนักอย่างยวดยิ่ง! ก็เธอน่ะตัวเล็กกว่าคนที่กำลังสะลึมสะลือนี่อีกน่ะสิ! ไม่ให้เหนื่อยยังไงไหวล่ะ  แต่หญิงสาวร่างเล็กก็ยังคงทุลักทุเลลากเพื่อนของเธอมากองแหมะไว้บนโซฟาตัวยาวนี่ได้! เซล่ายกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากก่อนหน้าถอนหายใจฟู่แล้วหย่อนก้นลงนั่งเคียงข้างกับเพื่อนของเธอ แม้ว่าคนอื่นๆอยากจะเข้าไปช่วยเธอพยุงตั้งแต่แรก แต่ดูเหมือนว่าก็ไม่มีใครลุกไปสักคนอยู่ดี?

     

       หญิงสาวขี้เซาที่เริ่มจะรู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้อยู่บนเตียงสุดรัก(?)ของเธอก็เริ่มงัวเงียลุกขึ้นมานั่งขยี้ตา อเลน เอียลี่ หันมองบรรยากาศรอบๆก่อนจะปรับเปลี่ยนสีหน้ามาทำหน้าปลาตาย(?) หรือเรียกให้คุ้นปากก็คือทำหน้านิ่งใส่ทุกคน

     

       ดูเหมือนว่าตอนนี้คนที่จะเดินเข้าประตูมาอย่างสง่าผ่าเผยจะปรากฏกายเข้ามาให้เห็นสักที และก็ไม่ได้มาแค่นางเดียว แต่กลับเดินเข้ามาพร้อมกันทั้งสามนาง! จนตอนนี้ทั้งออร่าความสวยและความสง่าจากทั้งสามก็วิบวับจนคนทั้งห้องอยากจะแอคติ้งโอเว่อร์ยกมือขึ้นมาบังออร่านี่ซะให้ได้!(โดยเฉพาะเทคิไร)

     

       ไดโคน่า กาเลียน เป็นคนแรกที่เดินเข้ามาถึงและนั่งลงบนโซฟาคู่ที่อยู่ตรงข้ามกับเซล่าและอเลน รอยยิ้มพิมพ์ใจปรากฏลงบนใบหน้าหวานราวกับอยู่บนเวทีประกวดมิสยูนิเวิร์ล และถ้าหากนี่เป็นเวทีประกวดสาวงามอย่างที่ว่านั่นจริงๆล่ะก็ เฮเลน่า ฟีโอนิกซ์ ก็คงจะกินกันไม่ลงอย่างแน่นอน! หญิงสาวร่างอรชรมาดผู้ดีเดินกรีดกรายมานั่งข้างๆกับไดโคน่า ก่อนจะยิ้มหวานน่ารักที่ติดจะเจ้าเล่ห์ไปให้ ก่อนที่หญิงสาวคนสุดท้ายอย่าง โซโซนิวส์ รูจน์ จะเดินเข้ามาปิดท้าย

     

       เธอคนนี้เป็นคนที่สวยแบบเซอร์ๆ อาจเพราะผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงหน่อยๆนั่นแหละ บวกกับรอยแผลปิดพลาสเตอร์นิดๆบนใบหน้า แต่ทว่าความสวยก็ไม่ได้ลดลง เดินเข้ามาอย่างเก้ๆกังๆก่อนจะเลือกที่จะไปนั่งเบียดกับพวกอเลนแทน รูจน์ยิ้มให้แหะๆก่อนที่ฟาริสจะเริ่มเปิดหัวข้อสนทนาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าสมาชิกต่างก็มากันครบแล้ว.. เอ๊ะ? เหลืออีกคนนี่นา?

     

       ตึกๆๆๆ

     

       “ว้ายยยย! หลบค่ะ! หลบ!!

     

       “เหวออออ!

     

       ตุ้บ!

     

        และแล้วหญิงสาวอีกคนที่ฟาริสคิดอยู่ในใจก็มาถึงทันที แต่ดูเหมือนว่าเธอคนนี้จะมาแบบหลับหูหลับตาไปหน่อยล่ะมั้ง? ก็เล่นวิ่งผ่าประตูมาแล้วก็วิ่งต่อมาอีกโดยไม่คิดหยุดก่อนจะมาเบรคกระทันหันตรงหน้าของชายหนุ่มอย่างเลโอที่นั่งเหลอหลาอยู่ แต่แน่นอนว่าเธอก็เบรกไม่อยู่เพราะความกระชั้นชิดเกินไป แม้เอ่ยปากบอกให้อีกคนหลบก็คงไม่ทัน ดังนั้นผลลัพธ์ที่ตามมาคือลงไปทับหัวทิ่มอยู่ที่ตัวของเลโอเลยน่ะสิ..

     

       “อะ.. ช่วยลุกไปหน่อยได้มั๊ยครับ?”

     

       “วะ..ว้าย.. ขอโทษค่ะ!!

     

       เคเนล โดโรฮาร์ต รีบผละออกมาอย่างตื่นตกใจพร้อมกับโค้งหัวแทบจะก้มติดดินแล้วกล่าวขอโทษออกมาดังๆให้กับเลโอ และเพราะท่าทีเปิ่นโก๊ะแบบนี้ของเธอทำให้สมาชิกคนที่เหลือต่างก็ส่ายหน้าเบาๆอย่างระอา..

     

       “เอาล่ะ ตอนนี้ก็มากันครบจริงๆซักที! เปิดการประชุมประจำดราโกเน่แฟมิลี่ได้!

     

       ฟาริสเอ่ยขึ้นเสียงดัง เมื่อพบว่าสมาชิกนั้นมากันพร้อมหน้าพร้อมตาอย่างไม่ขาดตกบกพร่องใดๆแล้ว เอกสารที่อยู่ในมือถูกชูขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับกางหน้ากระดาษออกจนเห็นเนื้อความของเอกสารภายใน

     

    ..การประชุมที่มีแต่เหล่าสมาชิก ไม่มีมังกร..

     

     

        

    จบ! จบแล้ววว..

    บทนำจบลงไปแล้วค่า Orz!

    มาช้าไปชาติเศษ ก็อภัยให้ด้วยล่ะกันนะจ๊ะ เมตตาธรรมค้ำจุนโลกนะเออ ใจร่มๆ.. อย่าโกรธอย่าแค้น =[]=

    เจอกันใหม่ ตอนหน้าค่ะ TT! #ชิ่ง

     

     

     

     

     

     

      

     

    © Tenpoints !
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×