คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter1
Intro+Chapter1
23:00 น.
คืนนั้นฝนตก...
ซ่า!!!!!
ตึกๆๆๆ
สองเท้าเล็กๆ วิ่งอย่างไม่คิดชีวิต
ตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น รู้เพียงแต่ว่าตัวเองต้องหนี หนีให้เร็วที่สุด
จากคนที่กำลังบ้าคลั่งที่ขับรถไล่เขาอยู่ตอนนี้
“หึ!”
เสียงแค่นหัวเราะและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนหน้าของคนที่กำลังขับรถอยู่ ตอนนี้เขาเหมือนคนโรคจิต
ที่กำลังสนุกกับการได้เห็นคนทรมานจากฝีมือตัวเอง
เขาขับรถ ในขณะที่อีกฝ่ายวิ่งด้วยเท้า แค่นี้ก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางรอด
โง่สิ้นดี!
ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่พ่อแม่รักและทะนุถนอมปานไข่ในหิน
เพราะถูกเลี้ยงดูมาอย่างนี้ไง
พอเข้าตาจนก็เอาตัวไม่รอด คิดได้ยังไง เลือกที่จะหนีโดยการวิ่งฝ่าฝนแบบนี้
น่าสมเพช!
ด้วยหยาดฝนที่พร่ามัว ทำให้มองทางไม่ถนัดนัก
บวกกับร่างกายที่อ่อนแอจากการวิ่ง จึงทำให้คนตัวเล็กเสียหลักล้มลงไป
พลั่ก!
คนที่กำลังไล่ตามเห็นดังนั้น
จึงเหยียบคันเร่งทันที
“ไม่!!!!”
สองมือยกขึ้นมาบังหน้าโดยสัญชาตญาณ เพราะตอนนี้ เขากำลังจะถูกรถชน!!
............................
06:00น.
โรงพยาบาล
“มีแผลถลอกตามร่างกาย
ศีรษะถูกกระแทก รอให้ฟื้นก่อนหมอจะมาเช็คอีกทีนะครับ
แต่ตอนนี้ต้องนอนให้น้ำเกลือไปก่อน”
“ครับ ขอบคุณมากนะครับ”
เสียงสนทนาด้านนอกเป็นเหตุให้ผู้ป่วยที่หลับอยู่ตื่นขึ้นมา
เด็กหนุ่มค่อยๆลืมตาช้าๆ สมองเริ่มประมวลผลเล็กน้อย
เตียง
สายน้ำเกลือ กลิ่นยา...
ที่นี่มัน...
“โอ๊ย!”
ด้วยความรีบร้อนที่จะลุกขึ้น ทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน ส่งผลให้เกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรง
“อ้าว ฟื้นแล้วเหรอ”
เพราะได้ยินเสียงกุกกักจึงเดินเข้ามาดูก่อนจะพบว่าคนป่วยฟื้นแล้ว
จึงกดปุ่มเรียกพยาบาลทันที
...หมอพึ่งเดินไปเมื่อกี้แท้ๆ
“เป็นยังไงบ้าง? นายทำฉันแสบมากนะ ไว้หายแล้วฉันจะคิดบัญชีกับนาย”
คนป่วยมองบุคคลปริศนาตาใสแป๋ว
คนคนนี้เป็นใครกันนะ อยู่ๆก็มาพูดเหมือนรู้จักเขามานาน
จะว่าไปแล้ว...
เขาเป็นใครกัน?
ทำไม? ทำไมจำอะไรไม่ได้เลย
พยายามคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า
ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก
เหมือนอีกคนจะเห็นถึงความผิดปกติ ถึงได้เอ่ยถาม
“นี่ ปวดหัวเหรอ
เดี๋ยวหมอก็มาแล้วล่ะ”
“คุณ...รู้จักผมเหรอ?”
หืม?
มือที่กำลังจะหยิบของชะงัก
แปลกใจจนคิ้วบนใบหน้าขมวดเป็นปม
“นี่นาย...ว่ายังไงนะ”
“…”
“ฉันถามว่านายพูดอะไรน่ะ เลโอ”
เลโอ...แปลก ทำไมรู้สึกคุ้นชื่อนี้อย่างประหลาด
หรือนี่คือชื่อของเขา ตัวตนของเขาอย่างนั้นเหรอ
“ผม...ชื่อเลโองั้นเหรอ?”
“คุณหมอมาแล้วค่ะ”
ก่อนที่จะได้ตอบคำถาม
หมอกับพยาบาลก็เดินเข้ามาพอดี คนนอกจึงเบี่ยงตัวหลบให้หมอกับพยาบาลได้ทำงาน
แต่ก่อนออกจากห้อง เขายังไม่ลืมสะกิดหมอ
“เอ่อ...หมอครับ”
“ครับ มีอะไรรึเปล่า?”
“ช่วยเช็คสมองของเขาหน่อยนะครับ
ผมว่าเขา...มีปัญหานิดหน่อย”
......................
ร่างสูงถอยออกมาข้างนอกห้อง
ปล่อยให้เป็นหน้าที่หมอกับพยาบาล
Trrrrr~
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
ช่วยดึงสติของคนที่กำลังงุนงง มือหนาล้วงกระเป๋าก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมากดรับ
“ฮัลโหล”
“เออ! เลโอเป็นยังไงบ้างวะจุนไค”
ปลายสายถามอย่างร้อนรน
ดูท่าจะเป็นห่วงคนที่ถามถึงมาก
“ตอนนี้ฟื้นแล้ว
หมอกับพยาบาลกำลังตรวจอยู่”
“ตกลงไม่เป็นไรแล้วใช่มั้ยวะ
เฮ้อ โล่งอก”
“หึ” ชายหนุ่มแค่นหัวเราะ จนอีกฝ่ายต้องเอ่ยถาม
“หึอะไรของมึงวะ?”
“ไม่เป็นไรที่ไหน
มึงรู้มั้ยว่าตอนตื่นมาหมอนั่นเป็นยังไง จำกูไม่ได้ด้วยซ้ำ
ชื่อตัวเองยังจำไม่ได้เลย”
“เฮ้ย! จริงเหรอวะ นี่อย่าบอกนะว่าเกิดอุบัติเหตุแล้วความจำเสื่อม
กูคิดว่าจะมีแต่ในละคร”
…
“แล้วตอนนี้...”
“หมอกำลังตรวจอยู่
แค่นี้ก่อนนะ”
ฟึ่บ!
ถอนหายใจก่อนจะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้...
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
เมื่อกี้เขาถูกหลอกรึเปล่า เพราะคิดอย่างนั้นเมื่อกี้ถึงได้บอกให้หมอตรวจดู
จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา
เขาคิดว่าไม่ควรไว้ใจคนคนนั้นง่ายๆ
ถูกหลอกมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว!
นี่จะมาไม้ไหนอีก
Trrrr~
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง
แต่คราวนี้ปลายสายเป็นพ่อของตัวเอง
“ครับพ่อ”
“จุนไค ตอนนี้แกอยู่ไหน”
“โรงพยาบาล”
“อีกแล้วเหรอ”
ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ไม่แปลกใจเลยซักนิดที่ลูกชายตัวดีจะบอกว่าอยู่โรงพยาบาล
ก็เข้าออกเป็นประจำอยู่แล้ว ถ้าไม่เป็นเพราะเพื่อนของเขามีเรื่อง
ก็ตัวเขาเองนั่นแหละที่หาเรื่องจนต้องเจ็บตัว
“พ่อมีอะไรรึเปล่า”
“ก็ไม่มีอะไร
งานแต่งฉันจะจัดอาทิตย์นี้ เลยคิดว่าจะต้องโทรมาบอกซักหน่อย”
“ครับ แล้วไง”
แล้วจะให้เขาตอบว่าอะไร? โทรมาบอกแต่ก็ไม่ได้เชิญซะหน่อย
“นี่แกจะกวนประสาทฉันไปถึงไหนวะ! ตกลงจะมามั้ย”
“ไม่”
ปฏิเสธก่อนจะวางสายทันที จะแต่งกับใครเขาก็ไม่เกี่ยวอะไรอยู่แล้วนี่
ในเมื่อตัดขาดจากการเป็นพ่อลูกกันแล้ว เขาถึงได้แยกตัวออกมาอยู่บ้านเก่าของแม่ตั้งแต่อายุ17
หน้าพ่อก็ไม่ได้เจอมาสองปีแล้ว
นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่พ่อของเขาพูดแบบนี้
เรื่องแต่งงานน่ะ ครั้งที่สาม แต่เรื่องบอกให้กลับบ้านน่ะ...
นับครั้งไม่ถ้วนแล้ว!
หวังจุนไคไม่อยากกลับบ้าน
เขาไม่อยากเห็นพวกผู้หญิงของพ่อ ใช้โต๊ะ เตียง เก้าอี้
หรืออะไรก็ตามที่เคยเป็นของแม่ เพราะมันทำให้เขานึกถึงแม่
แม่ที่ตรอมใจตายเพราะความเจ้าชู้ของพ่อ
นึกแล้วเขาก็ยิ่งเกลียด
เกลียดพ่อของตัวเอง เกลียดคนเจ้าชู้
คนป่วยในห้องเองก็เหมือนกัน
ทั้งๆที่เขารักมากแท้ๆ ยังจะมาหลอกกันอีก เขายอมรับว่าตัวเองโง่มาก
ที่ถูกหลอกไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ทั้งๆที่เมื่อวาน เขาคิดว่าจะลองเชื่อใจดูอีกซักครั้ง
แต่กลับถูกตอบแทนด้วยการขโมยรถของเขาไป
...แต่ก็ไม่รอด
ถึงได้นอนอยู่นั่นไง ส่วนรถของเขาก็เสียหายอยู่เหมือนกัน
ตอนนี้ถึงได้จอดแน่นิ่งอยู่ในอู่
คิดแล้วก็ยิ่งโกรธ
แต่ก่อนที่จะคิดอะไรไปมากกว่านี้ ประตูห้องก็เปิดออก
“หมอครับ!” จุนไครีบเรียกทันทีที่หมอเดินออกมา
......................
“ความจำเสื่อมเหรอครับ?”
“จะเรียกอย่างนั้นก็ได้ครับ
คนไข้ยังจำวิธีการเดิน พูด หรือภาษาได้อยู่ แต่ที่หายไปคือความทรงจำเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคนรอบข้าง
“แล้วเค้าจะกลับมาจำได้เมื่อไหร่ครับ”
“หมอก็ไม่ทราบเหมือนกัน
อาจจะเป็นเดือน แต่ถ้าถูกกระตุ้นบ่อยๆ อาจจะจำได้เร็วขึ้นนะ คุณเองก็รู้จักเขานี่
ลองพูดคุยถึงเรื่องเก่าๆ อาจจะทำให้ความทรงจำเขากลับมาก็ได้นะครับ”
“เอ่อ...ครับ แล้วจะกลับบ้านได้วันไหนครับ”
“หมอตรวจดูแล้วร่างกายถลอกแค่ภายนอกครับ
ข้างในไม่เสียหายอะไร อีกซักสองสามวันก็กลับได้แล้ว หมอว่าเค้าโชคดีมากนะ
ทั้งๆที่รถพังขนาดนั้น”
หมอพูดด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ
จะว่าไปจุนไคก็คิดว่าแปลกเหมือนกัน
ทั้งๆที่รถเสียหลักอย่างรุนแรง จนคนกระเด็นออกมาข้างนอก
แต่กลับมีเพียงแต่แผลถลอกเท่านั้น...
หรือจะเป็นเพราะมีหญ้ารองอยู่
แต่มันจะช่วยได้ขนาดนั้นเลยเหรอ?
สะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป
ถือซะว่าโชคช่วยก็แล้วกัน ถึงเขาจะบอกว่าเกลียดอีกคนแค่ไหน
แต่ถ้ามาตายตอนนี้เขาก็คงรู้สึกแย่เหมือนกัน
......................
...เป็นเวลากว่าสองชั่วโมงแล้ว
ที่หมอออกจากห้องไป ตอนนี้ในห้องจึงเหลือเพียงจุนไคกับคนป่วยเท่านั้น
จุนไคสังเกตมานานแล้ว
ตลอดสองชั่วโมงมานี่ อีกฝ่ายไม่ยอมพูดอะไรซักคำ มือบางนั่นพลิกหนังสือพิมพ์ไปมา
ไม่ใช่ว่าอ่านไม่ออก แต่เป็นเพราะเขาอ่านมันมาสามรอบแล้ว
จุนไครู้ว่าอีกฝ่ายพยายามหลบหน้า และไม่อยากพูดกับเขา
ถึงได้ทำทีเป็นอ่านหนังสือพิมพ์
แต่ก่อนที่จะอ่านอีกเป็นรอบที่สี่
จุนไคก็เดินไปคว้าหนังสือพิมพ์มาทันที
“นี่นาย
จะเงียบแบบนี้อีกนานมั้ย”
เขาไม่ชอบเลยที่อีกฝ่ายทำเหมือนกับเขาไม่มีตัวตนแบบนี้
“เอ่อ...คือผม...”
“พอเถอะ
ถ้ามันจะลำบากขนาดนั้น”
จุนไครู้สึกหงุดหงิดกับท่าทางเงอะงะนั่น
ดูไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เขารู้จักเลยซักนิด
“ขอโทษครับ
แต่ผมไม่รู้จะเริ่มพูดยังไง ผมไม่รู้จักคุณ” คนตัวเล็กเอ่ยเสียงอ่อย
จุนไคถอนหายใจเฮือกใหญ่ เห็นทีเขาต้องรื้อฟื้นความทรงจำให้อีกฝ่ายซะแล้ว
“งั้นฟังนะ ชื่อของนายคือ เลโอ
นายน่ะเป็น...”
ปึง!
“ไอ้จุนไค!”
ทั้งจุนไคและเลโอต่างก็สะดุ้งไปพร้อมๆกัน
กับการปรากฏตัวของบุคคลที่สาม
...ที่สี่...ที่ห้า
“บ้านมึงเค้าสอนให้เปิดประตูแบบนี้เหรอวะ”
ว่าพลางมองต้นเหตุของเสียงเมื่อกี้
ถือว่าฝ่าเท้าของเพื่อนเขาหนักเอาการเหมือนกัน ประตูถึงได้มีสภาพปางตายแบบนั้น
“โทษที พอดีมือไม่ว่าง”
เหลือบมองมือของไอ้เพื่อนตัวดี อ๋อ
ที่ไม่ว่างเพราะล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่นี่เอง
หึ! กลัวไม่เท่รึไง
“มึงจ่ายค่าซ่อมประตูเลยนะไอ้หานโจว”
ผู้ชายที่ตามมาข้างหลังโวยวายเสียงดัง
“มึงก็เงียบๆหน่อยดิวะไอ้เสี่ยวหยาง
นี่โรงพยาบาลนะเว้ย”
และอีกคนสุดท้าย ที่หอบถุงผลไม้พะรุงพะรังเข้ามา
หันไปว่าคนที่ทำเสียงดัง
“ค่าซ่อมมันจะเท่าไหร่กัน
แค่นี้ขนหน้าแข้งมันไม่ร่วงหรอก พ่อมันรวยจะตาย ใช่มั้ยวะหานโจว”
ประโยคหลังหันไปพูดกับคนพังประตู
ที่ยังคงยืนนิ่งไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร
“อืม...”
“แล้วนี่ทำอะไรกันอยู่ เลโอ
ตกลงนายความจำเสื่อมจริงๆเหรอ?”
เสี่ยวหยางรีบเดินมาที่เตียงทันที
ท่าทางกระตือรือร้น จนจุนไคเริ่มหมั่นไส้
“เออ!
พวกมึงมาก็ดี ช่วยกันพูดหน่อยดิวะ หมอนี่จำอะไรไม่ได้เลย”
จุนไครีบขอความช่วยเหลือ
ขืนให้เขาพูดคนเดียวคงไม่ไหวแน่ๆ อีกอย่าง...
เขาไม่อยากพูดถึงมันหรอกนะ ความสัมพันธ์ของเขากับเลโอน่ะ
“ไม่อยากจะเชื่อ! ตอนกูโทรมานึกว่ามึงพูดเล่น”
เสี่ยวหยางอุทานอย่างตกใจ
ตั้งแต่เกิดมาเค้าไม่เคยเห็นหรอก คนที่ความจำเสื่อมเพาะอุบัติเหตุน่ะ
ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นจริงด้วยซ้ำ
“อ่า...ถ้างั้น
ฉันจะแนะนำพวกเราให้นายรู้จักอีกครั้งนะ ฉันชื่อเสี่ยวหยาง หมอนี่ชื่อหมิงเทา
แล้วคนที่ถีบประตูเมื่อกี้ชื่อหานโจว”
เลโอมองตาปริบๆ
พยายามจดจำข้อมูลที่ได้รับ
เสี่ยวหยาง
ผู้ชายตัวสูง ใส่แว่น ดูท่าทางเป็นคนพูดเก่ง เวลายิ้มแก้มของเขาขึ้นมาปิดตาจนตาหยี
เลโอคิดว่าเขาน่าจะเป็นคนดีทีเดียว
หมิงเทา ก็เหมือนผู้ชายปกติทั่วไป
ท่าทางดูคูลๆ แต่ทะมัดทะแมง แต่งตัวเซอร์ๆ ผมยาวรากไทรถูกรวบไว้เป็นหางม้า
ถ้าดูจากภายนอกก็ดูเถื่อนเหมือนกัน
และคนสุดท้าย...หานโจว
เขาดูจะรวยมาก
เมื่อดูจากการแต่งตัวและบุคลิก เมื่อยืนเทียบกับอีกสองคน หานโจวดูเหมือน
มาเฟียที่มีลูกน้องคอยตาม
แต่เลโอเห็นว่าเขามองตัวเองตั้งแต่เข้ามาในห้องแล้ว จนตอนนี้ก็ยังไม่ละสายตาไปไหน
สายตาที่คมราวกับเหยี่ยวนั่น ทำให้เลโอกลัวจนต้องเป็นฝ่ายหลบตาเอง
หานโจวเดินเข้าไปหาเลโอ
โดยไม่สนใจจุนไคกับเสี่ยวหยางที่ยืนขวางอยู่เลยแม้แต่น้อย
ชายหนุ่มยื่นหน้าเข้าไปใกล้เรื่อยๆ จนเลโอต้องถอยหนี
แต่ตอนนี้เขาเข้ามาใกล้มากขึ้น ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่ร้อนผ่าว
“ทำอะไรวะ!” หวังจุนไคคว้าไหล่ของหานโจวไว้ก่อนที่จะเข้าไปใกล้มากกว่านี้
หานโจวชะงักนิดหน่อย
แต่ก็ไม่สนใจ ยื่นมืออกไปหยิบมดที่ไต่อยู่บนเส้นผมของเลโอออกมา
“ตัวนายท่าทางจะหวานนะ
มดถึงได้ขึ้นแบบนี้”
คำพูดแสนกำกวม
และแววตาเจ้าเล่ห์นั่นทำให้เลโอหน้าแดงแปร๊ด เมื่อรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนขึ้น
คนตัวเล็กจึงรีบก้มหน้าเก็บอาการทันที
“ฉันว่านายนอนพักดีกว่านะ” จู่ๆจุนไคก็แทรกขึ้นมา ดันให้เลโอลงไปนอนก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้
“น่าจะรอให้หายดีกว่านี้ก่อนค่อยคุยกัน
ขืนรีบป้อนข้อมูลให้ตอนนี้จะแย่เอา”
หานโจวยืนมองการกระทำของเพื่อน เขารู้สึกขำกับท่าทางหวงก้างของเจ้าหมอนั่น
ปากก็บอกว่าเกลียด แต่ท่าทางที่แสดงออกมา
ไม่ว่าจะเก็บอาการแค่ไหนก็ปิดไม่มิดหรอก
“งั้นให้เลโอนอนเถอะ
พวกมึงออกไปข้างนอกกับกู” หานโจวบอกเสียงเรียบ
เพราเขาอยากจะรู้เรื่องราวมากกว่านี้
ตอนนี้ทั้งสี่คนจึงมานั่งอยู่ในร้านกาแฟ
เป็นร้านของญาติหานโจว แต่ถึงจะบอกว่าเป็นญาติ แต่ก็ปฏิบัติกับเขาราวกับเขาเป็นเทวดา
เพราะเจ้าของร้านเป็นหนี้พ่อของเขาอยู่ นี่จึงเป็นสาเหตุที่หานโจว สามารถทำอะไรในร้านนี้ได้ตามอำเภอใจ
บางครั้ง เขาก็มีเรื่องกับคู่อริในร้าน จนต้องคอยซ่อมปรับปรุงกันบ่อยๆ
หานโจวจิบกาแฟเล็กน้อยก่อนจะเริ่มพูด
“แล้วมึงจะเอายังไงต่อวะจุนไค”
“ทำยังไง? กูก็จะให้เลโอมาอยู่กับกูเหมือนเดิมนั่นแหละ”
“แน่ใจนะ
กูนึกว่ามึงจะจับเค้าส่งตำรวจซะอีก เล่นฉกไปซะหมด ทั้งรถ ทั้งเงิน” หมิงเทาที่นานๆทีจะพูดถึงกับเอ่ยแซว เขานึกว่าเพื่อนจะเข็ดแล้วซะอีก
นี่แสดงว่า ถ่านไฟเก่ามันยังคุอยู่สินะ
“รอให้จำได้ก่อนเถอะ
กูจับส่งตำรวจแน่ แต่ตอนนี้หมอนั่นความจำเสื่อม
ถ้าจะให้ติดคุกทั้งๆที่ไม่รู้เรื่องอะไร มึงไม่คิดว่ามันจะใจร้ายไปหน่อยเหรอวะ”
อีกสามคนมองตากันอย่างรู้ทัน
ทำไมจะไม่รู้ ว่าต่อให้เลโอความจำกลับมา จุนไคก็ไม่พาไปส่งตำรวจหรอก
ก็รักมากซะขนาดนั้น...
หานโจวรู้สึกเหมือนตัวเองจะเป็นโรค
โรคที่ชอบแกล้งจุนไคบ่อยๆ เพราะหมั่นไส้คนปากแข็งที่เอาแต่บอกว่าเกลียด
เขาจึงชอบเข้าไปใกล้เลโอ เพื่อยั่วให้จุนไคแสดงอาการหึงออกมา
และมันก็ได้ผลทุกครั้งไป...
เหมือนวันนี้
ที่เขาเพียงแค่จะหยิบมดออกจากเส้นผมของเลโอเท่านั้น
แต่กลับรับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตของเพื่อนตัวเองเต็มๆ
“แล้วนี่จะได้ออกจากโรงพยาบาลวันไหน?”
“อีกสองวัน”
“ห๊ะ! ทำไมเร็วจังวะ”
เสี่ยวหยางถามอย่างแปลกใจ
“กูก็ไม่รู้
ก็หมอบอกให้กลับได้ มึงจะเถียงเขารึไง”
“งั้นคืนนี้มึงจะไปนอนเฝ้าเค้าล่ะสิ”
หานโจวขัดขึ้นก่อนที่จะมีใครถามอะไรต่อ
“ก็...คงงั้น”
จุนไคตอบ ท่าทางไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่
“หึๆ ถ้ามันจะลำบากขนาดนั้น
ให้กูไปเฝ้าแทนก็ได้นะ” พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆแต่แววตาเจ้าเล่ห์
เอาการ
“ไม่ต้อง! พวกมึงจะนั่งอยู่นี่ใช่มั้ย กูกลับล่ะ” จุนไคลุกพรวดขึ้นก่อนจะออกจากร้านไป
ทิ้งให้เพื่อนทั้งสามคนมองตามอย่างงุนงง
“เออ! เป็นเอามากนะนั่นน่ะ ไอ้แมวหวงก้างเอ๊ย!”
......................
ชายหนุ่มเรียกแท็กซี่กลับบ้าน
เขาจัดการเก็บของใช้ที่จำเป็นพวก แปรงสีฟัน ยาสีฟัน โฟมล้างหน้า ใส่กระเป๋า
ก่อนจะขับรถออกไป
ถึงแม้ปากจะบอกว่าตัดขาดจากการเป็นพ่อลูกกันแล้ว
แต่สายเลือดตัดยังไงก็คงไม่ขาด เพราะเมื่อวันเกิดปีที่แล้ว
มีรถมาจอดหน้าบ้านพร้อมข้อความ ‘ของแก’ ติดอยู่ แต่จุนไคไม่ยอมใช้รถคันนั้น
เขาไม่ได้งี่เง่า ที่จะไม่ใช้ของเพราะเกลียดคนให้
ก็ในเมื่อของมันไม่ได้ผิดอะไร อีกอย่าง นั่นรถทั้งคัน ถ้าเขาไม่เอาคงบ้าแน่ๆ
แต่เขาชอบใช้รถอีกคันมากกว่า เพราะมันเป็นรถที่ใช้มานานแล้ว รถก็เหมือนแฟน
ยิ่งนานก็ยิ่งรู้ใจ
แต่เพราะตอนนี้รถคันนั้นพังยับ
รถของพ่อจึงได้ออกโรงหลังจากที่จอดแน่นิ่งอยู่ในโรงรถมานาน
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล
ก็เห็นว่าคนป่วยยังหลับอยู่ จุนไคมองพิจารณาคนบนเตียง
ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าใบหน้าของเลโอเวลาหลับช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน
ใบหน้าที่เนียนใสไร้ที่ติ แพขนตาที่เรียงสวยงาม
แผ่นอกกระเพื่อมเล็กน้อยตามจังหวะการหายใจ
ดูท่าทางคงจะเพลียมาก
ก็เพื่อนเขาเล่นพากันจู่โจมซะขนาดนั้น โดยเฉพาะไอ้หานโจว
...ไอ้บ้าเอ๊ย!
ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด
หงุดหงิดตัวเอง ทำไมเขาจะต้องอารมณ์เสียขนาดนี้ด้วย ทั้งๆที่คิดว่าจะตัดใจแล้ว
แต่อีกฝ่ายดูจะมีอิทธิพลต่อหัวใจเขาเหลือเกิน
จุนไคมองไปยังคนตัวเล็กที่หลับสนิทบนเตียง...ใช่หมอนั่นจริงๆเหรอ?
ถึงจะบอกว่าความจำเสื่อมจนนิสัยเปลี่ยนไป แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกห่างเหิน อย่างกับว่าทั้งสองไม่เคยรู้จักกัน
**********
TBC.
จบไปแล้วสำหรับตอนแรก เป็นยังไงบ้างคะ หุหุ
พอจะเดาทางออกมั้ย เหมือนจะยาวเนอะ แต่ตอนต่อไปมีแววจะสั้นลง555
มันแต่งยากอ่ะค่ะ ยังไงก็ขอบคุณคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
ส่วนตอนที่สอง จะอัพให้ได้ภายในอาทิตย์นี้ค่ะ
แต่ตอนนี้ช่วงสอบปลายภาคเลยยุ่งๆหน่อย
อย่าทิ้งกันนะคะ^^
ความคิดเห็น