ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    >>nูกoย่ๅงเnี่ยวกะ ~..LeE-JuN-Ki..~<<

    ลำดับตอนที่ #9 : LeE JuN-Ki : King and The Clown (2005 Movie)

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.ค. 50


    King and The Clown (2005 Movie)
    กบฎรักจอมแผ่นดิน








    ค่ายภาพยนตร์ บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส จำกัด
    ตัวแทนภาพยนตร์เกาหลี เข้าชิงรางวัลออสการ์ ประจำปี 2006
    สร้างสถิติคนดู 12.7 ล้านคนในเกาหลี!!!
    Office : [URL=http://www.kingsman.co.kr]http://www.kingsman.co.kr[/URL]


    นำแสดง ลีจุนกิ (หนุ่มหน้าสวย พรีเซนเตอร์ฟุตบอลโลกปี 2006), คัมวูซุง, จุงจินยอง, คังซุงยอง
    Cast Lee Jun Ki , Gam Woo Seong ,Jeong Jin Yeong, Kang Seong Yeon
    ผู้กำกับ ลีจุนอิก (Once Upon A Time In A Battlefield (Hwangsanbul))
    Director Lee Mun Ek

    กำกับโดย "ลี จุน อิก"
    ผู้กำกับจากเรื่อง Once Upon A Time In A Battlefield (Hwangsanbul)
    "King and the Clown" ถูกเสนอชื่อเข้าชิงถึง 15 รางวัล ในเทศกาลภาพยนตร์ที่เก่าแก่ที่สุดของเกาหลี Daejong Film Festival (งานแพกซังเยซุลแทซัง ครั้งที่ 42) และสามารถคว้ารางวัลมาถึง 10 รางวัล อาทิ รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, กำกับการแสดงยอดเยี่ยม "ลีจุนอิก", นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม "คัมวูซุง" (รับบท จางซัง), นักแสดงดาวรุ่งชายยอดเยี่ยม "ลีจุนกิ" (รับบท กองกิ), นักแสดงสนับสนุนชายยอดเยี่ยม "จุงจินยอง" (รับบท กษัตริย์ยองซัน), บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, กำกับภาพยอดเยี่ยม, เพลงประกอบยอดเยี่ยม, ออกแบบฉากยอดเยี่ยม และ กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม โดยสมาพันธ์ภาพยนตร์เกาหลี ประกาศให้ภาพยนตร์เรื่อง "King and the Clown" เป็นตัวแทนของภาพยนตร์เกาหลี เข้าชิงรางวัล "ออสการ์" สาขา "ภาพยนตร์ต่างประเทศ" ในงานประกาศผลรางวัลออสการ์ครั้งที่ 79 ซึ่งจะประกาศผลในต้นปีหน้า 2007
    King and the Clown ( คิง แอนด์ เดอะ คราวน์ )

    จุดเด่น เป็นตัวแทนภาพยนตร์เกาหลี เข้าชิงรางวัล
    ออสการ์ สาขา ภาพยนตร์ต่างประเทศ ในงานประกาศผลรางวัลออสการ์ครั้งที่ 79 ประจำปี 2006

    (ประกาศผลต้นปี 2007) , สร้างสถิติคนดู 12.7 ล้านคนในเกาหลี!!!
    ถูกเสนอชื่อเข้าชิงถึง 15 รางวัล ในเทศกาลภาพยนตร์ที่เก่าแก่ที่สุดของเกาหลี Daejong Film Festival (งานแพกซังเยซุลแทซัง ครั้งที่ 42) และสามารถคว้ารางวัลมาถึง 10 รางวัล ได้แก่รางวัล ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, กำกับการแสดงยอดเยี่ยม "ลีจุนอิก", นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม "คัมวูซุง" (รับบท จางซัง), นักแสดงดาวรุ่งชายยอดเยี่ยม "ลีจุนกิ" (รับบท กองกิ), นักแสดงสนับสนุนชายยอดเยี่ยม "จุงจินยอง" (รับบท กษัตริย์ยองซัน), กำกับภาพยอดเยี่ยม, เพลงประกอบยอดเยี่ยม, ออกแบบฉากยอดเยี่ยม และ กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม โดยสมาพันธ์ภาพยนตร์เกาหลี ได้เสนอชื่อ King and the Clown เข้าชิงรางวัลออสการ์ในสาขาภาพยนตร์ต่างประเทศ ครั้งที่ 79 ซึ่งจะมีการประกาศผลต้นปี 2007

    เรื่องย่อ
    จางซัง (คัมวูซุง) และ กองกิ (ลีจุนกิ) เป็นเพื่อนร่วมงาน และเพื่อนแท้ ทั้งคู่อาศัยอยู่กับคณะละครเร่ ในปี 1500 ช่วงราชวงศ์โจซุน ด้วยความโกรธที่ กองกิ มักถูกขายร่างกายให้ขุนนางชั้นสูง จางซัง จึงชวน กองกิ หนีไปกรุงโซลเพื่อแสดงละครเร่ การแสดงชุดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ การแสดงตลกล้อเลียนกษัตริย์ยองซัน (จุงจินยอง) ทำให้ได้เงินมากมาย จนในที่สุดก็ถูกจับในข้อหาลบหลู่เบื้องสูง นักแสดงทั้งหมดถูกลงโทษ "ประหารชีวิต" เว้นแต่หากสามารถทำให้กษัตริย์ยองซันหัวเราะออกมาได้ถึงจะรอดชีวิต เมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์สมาชิกทั้งหมดกลับไม่กล้าแสดง เว้นแต่ กองกิ ที่แสดงบทบาทหญิงสาวได้อย่างสนุกและแสนขบขัน ทำให้กษัตริย์ยองซันถูกพระทัยและทรงพระสรวลออกมา พร้อมเอ่ยปากให้รับเข้ามาเป็น "ตลกหลวง" ในพระราชวัง กองกิ กลายเป็นคนโปรดของกษัตริย์ และถูกเรียกพบเป็นการส่วนตัวทุกคืน ในขณะที่การแสดงหน้าพระที่นั่งเริ่มเข้มข้นขึ้น เมื่อกษัตริย์ยองซัน เริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้และต้องฆ่าคนทุกครั้งที่ดูละครตอนสำคัญเกี่ยวกับการเผยปมการตายที่แท้จริงแห่งมารดาของพระองค์ ความเจ็บปวดจากความจริงทวีความรุนแรงโดยสะท้อนผ่านละครทำให้ กษัตริย์ยองซัน เสียการควบคุมตัวเอง ลงมือฆ่านางสนม 2 คนซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้จางซังตัดสินใจจะออกจากพระราชวัง แต่ กองกิ กลับอยากอยู่ต่อ เพราะรู้สึกสงสารและเห็นอกเห็นใจในตัวกษัตริย์ยองซัน "ความรัก-โลภ-เกลียด-หลง" บทบาทเวทีชีวิตของ "กษัตริย์ยองซัน-กองกิ-จางซัง" ยังไม่ปิดฉากลง "โศกนาฏกรรมชีวิต" ที่พวกเขาเป็นผู้เลือกแสดงเอง กำลังรอคอยพวกเขาอยู่!!!

    Set in the early 16th century during the rein of King Yeon, two street clowns and tightrope walkers, Jang-Seng (Gam Wu-seong) and Gong-Gil (Lee Jun Ki), are part of an entertainer troupe. Their manager sells Gong-Gil's body to the nobility, and Jang-Seng sickens of this practice. After killing their manager in defense, the pair flees to Seoul, where they team up with a new group of street performers.

    Together the group comes up with a skit mocking some members of the Royal Court. After they are arrested for treason, Jang-Seng makes a deal with Cho-seon to either make the king laugh with their skit or to be killed. They perform their skit for the king, who laughs and then makes them part of his Court. The king falls for effeminate Gong-Gil, whom he calls to his private chambers often for puppet shows. Jang-Seng becomes jealous of this time alone (though it is never explicitly stated that there is anything more than friendship between him and Gong-Gil - this topic of friendship/love has been much debated by film reviewers).

    The king's concubine becomes enraged by the attention the king has been lavishing upon Gong-Gil. She tries to have him killed during a hunting trip, resulting in the death of one of the members of their street performing team. Days after the hunting trip, there is a kiss between the king and Gong-Gil (which has caused much buzz and excitement among film reviewers). Then, she tries to have him jailed by having flyers run in Gong-Gil's handwriting insulting the king severely. Jang-Seng takes credit for the crime for which Gong-Gil has been falsely accused and is imprisoned.

    After escaping prison and openly mocking the king, Jang-Seng has his eyes burned out and he is rejailed, and Gong-Gil attempts suicide. The king has Jang-Seng walk his tightrope blind. As Jang-Seng tells a story on the rope, Gong-Gil runs out of the palace and joins him, and they have a conversation together with much hidden meaning and significance, about returning in the next life again as clowns.

    Throughout the film, the tyranny of the king and corruption of his Courts is revealed. At the very end there is an attack on the palace, and as people storm through the court beneath the tightrope, Jang-Seng and Gong-Gil jump together, and Jang-Seng tosses away his fan, signifying the death of both which is never actually seen in the film




    King and the Clown ติดอันดับสูงสุดในตารางบ็อกซ์ออฟฟิศช่วงวันหยุดปีใหม่

    ภาพยนตร์เรื่อง King and the Clown ติดอันดับสูงสุดในตารางบ็อกซ์ซ์ออฟฟิศช่วงวันหยุดปีใหม่ที่ผ่านมา สมาคมภาพยนตร์เกาหลีกล่าวว่า... เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2549 หนังได้ดึงดูดผู้ชมถึง 334,482 คน ช่วงวันที่ 30 ธันวาคม ถึง 1 มกราคม 2549 จากเครือข่ายการนับจำนวนของสมาคมซึ่งครอบคลุมโรงหนัง 178 แห่ง 1,213 จอหนัง โดยครองถึง 81 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่เปิดตัวในวันที่ 29 ธันวาคม 2549 King and the Clown ได้รับคำชมทั้งจากนักวิจารณ์และผู้ชม โดยสามารถดึงผู้ชมเข้าชมได้ถึง 200,000 คน เฉพาะในรอบวันเปิดตัว รองลงมา คือ หนังบล็อกบัสเตอร์แนวแฟนตาซีของฮอลลีวู้ด เรื่อง The Chronicles Of Narnia: The Lion, The Withc & The Wardrobe ซึ่งมีผู้เข้าชม 242,798 คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กและพ่อแม่ของเด็ก
    King Kong เป็นหนังบล็อกบัสเตอร์จากฮอลลีวู้ดอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 3 โดยมีผู้ชม 2,087,268 คนตั้งแต่เปิด ตัวในเกาหลี โดยรวมผู้ชม 205,507 คนซึ่งดูหนังช่วงปีใหม่
    หนังตลกโรแมนติก เรื่อง The Art Of Seduction ซึ่งนำแสดงโดย Son Ye-jin และ Song II-gook มีผู้เข้าชม 142,518 คนติดอันดับที่ 4 ขณะที่เรื่อง Typhoon ซึ่งนำแสดงโดย Jang Dong-gun และ Lee Jeong-jae อยู่อันดับที่ 5 ด้วยจำนวนผู้ชม 129,274 คน

    King and the Clown เล่าเรื่องราวของชายทุกคน

    หนังเรื่องนี้สอนบทเรียนให้กับอุตสาหกรรมการสร้างหนังปัจจุบันหลาย ๆ อย่างเช่น การใช้นักแสดงมีชื่อเสียง ทุนสร้างเกิน 10 พันล้านวอน การถ่ายทำในต่างประเทศ และผู้กำกับที่มีชื่อเสียง บทเรียน ก็คือ King and the Clown ไม่จำเป็นต้องใช้สิ่งเหล่านั้นก็กลายเป็น “หนังทำเงินสูงสุดตลอดกาล” ของเกาหลีได้ จริงที่ว่าวลีคำว่า “เหมือนละคร” ถูกใช้ในความหมายด้านลบที่ว่า “เกินจริง” แต่เรื่อง King and the Clown ได้เปลี่ยนความหมายของวลีนี้ หนังเรื่องนี้ “เหมือนละคร” ในความรู้สึกที่ว่ามันมีแรงดึงดูดมากจนไม่มีเวลาตั้งคำถามถึงความสมจริง ตัวหนังนำเค้าโครงมาจาก Yi บทละครที่ได้รับคำชมอย่างมากและได้รับรางวัลตั้งแต่เปิดการแสดงครั้งแรกในปี 2000 ตัวหนังเป็นมากกว่าละครโดยการปรับฉากและบทพูดของงานในต้นฉบับ โดยรู้ว่าต้องเสริมอะไรและต้องตัดอะไรออก การแสดงที่แสดงโดยคณะของ จางซัง และการแสดงตุ๊กตาที่ กองกิ แสดงให้กับกษัตริย์ยองซัน ดูเหมือน “ละครซ้อนละคร” ฉากเหล่านี้ค่อยๆผสมเข้าไปในเรื่องราวหลัก บางครั้งกลายเป็นการสารภาพอารมณ์ของตัวละคร และบางครั้งบ่งบอกชะตาของตัวละครล่วงหน้า ไม่น่าเชื่อว่างานที่สร้างเสร็จด้วยเงินเพียง 4.4 พันล้านวอน ยิ่งกว่านั้นภาพในหนังเรื่องนี้ทำหน้าที่ได้ดี เนื่องจากการกำกับที่ตรงไปตรงมา ซึ่งมุ่งที่จะเจาะเข้าไปในแง่มุมที่ลึกที่สุดของอารมณ์ของตัวละคร

    ลีจุนกิ เป็นนักแสดงหน้าหวานท่าทางลึกลับ ที่แสดงสดได้อย่างน่าทึ่ง และสำเนียงต่างจังหวัดของ คัมวูซุง ก็โดดเด่นเป็นพิเศษในหนังพีเรียดเรื่องนี้ จุงจินยองยังคงแสดงได้ดีคงเส้นคงวาแม้ว่าจะไม่ค่อยได้รับความสนใจเท่าไหร่ เขาได้สร้างราชาไร้สติด้วยการแสดงสีหน้าที่ดูเหมือนพร้อมที่จะระเบิดได้ตลอดเวลา พลังที่ออกมาจากการแสดงของพวกเขาทำให้ผู้ชมไม่สามารถเกลียดตัวละครตัวใดตัวหนึ่งในหนัง บางทีผู้ชายทั้งหมดในโลกนี้ ไม่ว่าดีหรือเลว ก็มีชีวิตเหมือนกับชายในเรื่อง King and the Clown ที่ล้วนซ่อนความเศร้าและเสียใจไว้ภายในใจของพวกเขา

    King and the Clown แสดงให้เห็นถึงความพยายามของคนนอกในเรื่อง “อิสรภาพ”

    ลีจุนกิ ผู้กำกับของหนังพีเรียดสุดฮิตเรื่อง King and the Clown กล่าวว่า เขาหวังว่าผู้ชมต่างประเทศจะสามารถเข้าใจถึงความรวย และจุดกำเนิดวัฒนธรรมเกาหลีจากหนังเรื่องนี้
    “ภาพพจน์ของเกาหลีในต่างประเทศ ส่วนใหญ่จะเน้นในเรื่องสงครามเกาหลี หรือการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว แต่เกาหลีมีวัฒนธรรมที่ดำเนินมาหลายพันปี ” ลีจุนกิ ผู้กำกับบอกกับหนังสือพิมพ์เกาหลีไทม์ ระหว่างการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ในโอกาสที่หนังของเขาสร้างสถิติใหม่ “ตัวหนังนำเค้าโครงจากเรื่องจริงของเกาหลี

    ในช่วงต้นศตวรรษที่ 15 ผมหวังว่าตัวหนังจะให้โอกาสกับชาวโลกได้เห็นถึง ความเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม มากกว่าแค่ประเทศผู้ผลิตมือถือระดับใหญ่ของโลก”
    ลี จุน อิก ผู้กำกับ บอกว่าหนังทำให้ผู้ชมต่างชาติมีโอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับโครงสร้างการปกครองของอาณาจักรเกาหลี ซึ่งแทบจะไม่ค่อยได้ถ่ายทอดในภาพยนตร์ เวอร์ชั่นใหม่ของหนังเน้นไปที่ผู้ชมต่างชาติ เขาบอกว่าจะมีฉากและบทพูดเพิ่มเติมเพื่อให้ข้อมูลเบื้องหลังเกี่ยวกับอาณาจักร โจซุน (1392-1910) “แล้วยังมีรายละเอียดเกี่ยวกับการประชันอำนาจกันในราชวัง และทำไมถึงมีการขัดแย้งกันระหว่างพระราชาและคนของเขา” ซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษกำลังดำเนินการอยู่ คิม ยอง อ็อก นักปรัชญาและศาสตราจารย์ที่มีชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย Sunchon ทำหน้าที่ถอดความ เขาเคยแปลให้กับหนังเรื่อง Chihwaseon หนังเกาหลีของผู้กำกับ อิม กวาง เต ซึ่งได้รับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปี 2002

    “พวกเราทำงานกันอย่างหนัก เพื่อทำให้การแปลสามารถแสดงประเพณี และวัฒนธรรมอันละเอียดอ่อนของเกาหลีได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย” เขากล่าว “พวกเราใช้ภาษาเก่าที่ใช้ในงานของเช็คสเปียร์ รวมถึงภาษาสมัยใหม่” ลี จุน อิก แนะให้ผู้ชมเปรียบเทียบเนื้อหาของภาพยนตร์ กับเรื่องราวโศกนาฎกรรมของเช็คสเปียร์ส และให้หาความแตกต่าง ระหว่างนักแสดงตลกของเกาหลีกับของโลกตะวันตก “มีหลายอย่างเหมือนกันระหว่างพล็อตหนัง และเรื่องราวโศกนาฎกรรมของเช็คสเปียร์ส เช่น เรื่อง Hamlet กับ King Lear ความขัดแย้งภายในช่วงอาณาจักรโจซุน ไม่ต่างไปจากความขัดแย้งในยุโรปในยุคกลาง” เขากล่าวเสริม

    เขายังบอกอีกด้วยว่าน่าสนใจ ในการดูการใช้หน้ากากของนักแสดงตลกของเกาหลี และของตะวันตกมีความหมายแตกต่างกันอย่างไร “ของตะวันตก พวกเขาสวมหน้ากากเพื่อปกปิดหน้าตา ของเกาหลีสวมหน้ากากเพื่อปกปิดความรู้สึกที่อยู่ภายใน” ลีจุนอิก ผู้กำกับอ้างว่าความสำเร็จของหนังเกิดจากการเติบโตของหนังเกาหลี และความรักชาติที่เพิ่มขึ้น “ศตวรรษที่ 21 เป็นช่วงเวลาหลังสงครามซึ่งได้เห็นการแผ่ขยายของความรักชาติ” ลีกล่าว “ผมว่าความสำเร็จของหนังซึ่งเกิดขึ้นในอาณาจักรโจซุน ชี้ให้เห็นถึงความสนใจของผู้คนในประเพณีของเกาหลีและบทละครเชิงประวัติศาสตร์” ลียังพูดถึงการซึมซับประเพณีเกาหลีที่เพิ่มขึ้นโดยเพิกเฉยต่อกับการหลั่งไหลเข้ามาของวัฒนธรรมต่างชาติ เขาบอกว่าแม้ตัวหนังจะให้ความสำคัญกับการเล่าเรื่องโรแมนติกของเกย์ แต่เนื้อหาหลักของหนังคือเรื่องอิสรภาพ “เมื่อใครได้เป็นสมาชิกของสังคม เขาไม่สามารถมีอิสระจากค่านิยมที่สังคมยึดถือไว้ ความปรารถนาของแต่ละคนเลยถูกเก็บกดไว้” ลีกล่าว
    ในอาณาจักรโจซุน การเปิดเผยความรู้สึกภายในและความขัดแย้งถูกมองว่าตื้นเขิน “แต่ในหนัง จางซัง ขัดขืนอำนาจและคำสั่ง แม้กษัตริย์ยองซัน จะเลิกการหลอกลวงในฐานะเจ้าชีวิต และหาความสงบสุขในตัวของ กองกิ ซึ่งอยู่ในระดับต่ำสุดของสังคม เขาจึงได้สัมผัสถึงจิตวิญญาณของอิสรภาพ” แม้ว่า 3 ตัวละครหลักเหมือนจะได้ปลดปล่อยความรู้สึกของพวกเขาอย่างเต็มที่ แต่ผู้กำกับบอกว่า เขาต้องการหลีกเลี่ยงฉากเซ็กส์ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มแง่มุมของความสัมพันธ์ ยกเว้น ก็แต่ฉากจูบที่สร้างความประหลาดใจของพระราชาต่อ กองกิ “การเว้นระยะและสงวนท่าทีการแสดงออกต่อคนที่รัก เป็นค่านิยมอย่างหนึ่งของชาวเอเชีย แม้ว่าพวกเขาจะปรารถนาในกันและกันอย่างมาก แต่พวกเขาระวังตัวในการเข้าหาคนรัก มันเป็นค่านิยมที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวเอเชียซึ่งผมรักและต้องการถ่ายทอด” เขากล่าวผลงานเรื่องต่อไปของลี จะเป็นเรื่อง Radio Star โดยเกี่ยวกับชีวิตของคนภายนอก “ผมว่าโศกนาฎกรรมของสังคมเมืองหลวง คือ การที่คนจำนวนมากต่อสู้ดิ้นรนไม่สิ้นสุดเพื่อให้ได้เป็นส่วนหนึ่ง ผมต้องการแสดงให้เห็นถึง บรรดาคนที่อยู่ภายนอกสังคมนั้นซึ่งสามารถมีความสุขได้” เขากล่าว

    เมื่อประวัติศาสตร์มาพบกับจินตนาการทางภาพยนตร์ใน King and the Clown

    นักแสดง จุงจินยองได้รับคำชมจากการแสดงในบทกษัตริย์ยองซัน ซึ่งเป็นหนึ่งใน 2 ราชาที่ถูกปลดจากบังลังก์ช่วงอาณาจักรโจซุน เมื่อ 500 ปีก่อน เรื่อง King and the Clown ใช้รูปแบบทางประวัติศาสตร์และมอบชีวิตให้กับตัวละคร กษัตริย์ยองซัน นางสนม ชางนอกซุ และนักแสดงตลก กองกิ ตัวจริงเป็นอย่างไร ตามประวัติศาสตร์?
    บันทึกทางประวัติศาสตร์ของชีวิตพวกเขาปรากฏใน The Annals Of The Joseon Dynasty ชุดหนังสือซึ่งครอบคลุม 472 ปีแห่งประวัติศาสตร์ของอาณาจักรโจวซุน (1392-1910) ในหนังสือ ยองซัน ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในผู้ปกครองที่กดขี่ที่สุดท่ามกลางกษัตริย์ทั้งหมด 27 องค์ของอาณาจักร โจวซุน เขาใช้ชีวิตที่หรูหราและมีความสุขกับหญิงในราชสำนักอย่างไร้ขอบเขต กระทั่งเขาสั่งปลิดชีวิตของใครก็ตามที่พูดถึงการเพิกเฉยการเอาใจใส่ประชาชน นักประวัติศาสตร์อธิบายว่าบุคลิกที่ผิดเพี้ยนไปของเขาเป็นผลมาจากวัยเด็กอันน่าเศร้าของเขา เพราะเขาเห็นแม่ของเขาถูกฆ่าต่อหน้าต่อตา จากนั้นเขาฆ่า เลดี้ อึม และเลดี้ โชง ด้วยมือของเขาเองระหว่างงานเลี้ยง โดยเขาเชื่อว่าพวกเธอเป็นคนวางแผนฆ่าแม่ของเขา
    แต่อาการไร้สติของเขาก็ถึงจุดสิ้นสุด เมื่อบรรดาเจ้าหน้าที่ปลดเขาลงจากบัลลังก์ เนรเทศเขาไปยังเกาะ Kangwha ในจังหวัด Kyonggi ซึ่งเขาสิ้นลมหายใจใน 2 เดือนต่อมา
    กษัตริย์ใช้อำนาจในทางที่ผิด และใช้ชีวิตหาความสุขตามแต่ใจตัวเอง ดูเหมือนไม่มีใครพอใจไปกับราชาไร้สติองค์นี้ ยกเว้นนางสนม ชางนอกซุ
    เชื่อกันว่าเธอเป็นที่ต้องตาต้องใจของพระราชาเพราะความงามของเธอ แต่ในหนังสือบอกว่าเธอไม่ได้ดูดีไปกว่าหญิงคนอื่น แต่เป็นหญิงที่มีทักษะในด้านการเอาใจและมารยา แรกเริ่มเธอเป็นเพียงแม่บ้านของครอบครัวที่มีชื่อเสียงครอบครัวหนึ่ง แต่เธอฉลาดและรู้วิธีเอาใจคนอื่น เพื่อหนีจากชีวิตขัดสนของตัวเอง เธอแต่งงานหลายครั้งก่อนที่จะพบกับกษัตริย์ยองซัน

    ในที่สุดเธอก็ถูกกษัตริย์ยองซันเลือก และได้รับความรักจากเขาจากเสน่ห์อันเหลือล้นของเธอ จากนั้นเธอสามารถทำในสิ่งที่เธอต้องการและไปถึงระดับที่ 4 ในระบบการจัดชนชั้นอย่างเป็นทางการจากชั้นล่างสุด
    ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าเธอเป็นนักยั่วยวนที่มีทักษะสูงซึ่งตอบสนองความต้องการทางเพศแบบพิสดารของกษัตริย์ยองซัน และยังเป็นคนปลอบใจกษัตริย์ยองซันในยามที่สูญเสียแม่ แต่ชีวิตของเธอต้องผกผันในยามที่เขาถูกปลดจากบัลลังก์อย่างกะทันหัน
    ในหนังนั้น กองกิ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในรักสามเศร้าระหว่างกษัตริย์ยองซัน และตัวละครที่ชื่อ จางซัง แต่ในประวัติศาสตร์กลับมีบันทึกอยู่เพียงเล็กน้อย ตามข้อมูลจากหนังสือ The Annals กษัตริย์ยองซัน และ กองกิได้พบกันจริง แต่มีหลายอย่างที่ต่างไปจากสิ่งที่พวกเราเห็นกันในหนัง “ขณะที่ กองกิ แสดงตลกให้กษัตริย์ชม เขาบอกว่ากษัตริย์ยองซันควรทำตัวอย่างราชา รัฐมนตรีควรทำตัวเฉกเช่นรัฐมนตรี แต่ถ้าราชาไม่เหมือนราชา และรัฐมนตรีไม่เหมือนรัฐมนตรี แล้วผมจะกินได้อย่างไรแม้ว่าผมจะมีเมล็ดข้าวจำนวนมาก แต่เมื่อพระราชาพบกับการไม่ให้ความเคารพนี้ เขาสั่งให้ลงโทษและเนรเทศไปยังสถานที่ห่างไกล”

    Awards
    43rd Daejong Film Festival:
    • Best Film- The King and the Clown
    • Best Director- Lee Jun Ki
    • Best Script/Scenario- Choi Seok Hwan
    • Best Cinematography- Ji Gil Woong
    • Best Leading Actor- Gam Woo Seong
    • Best New Actor- Lee Jun Ki
    • Best Supporting Actor- Yoo Hae Jin
    • Most Popular Actor- Lee Jun Ki
    • Most Popular Actress- Kang Seong Yeon
    • Most Popular Actor Overseas- Lee Jun Ki

    42nd Baeksang (Paeksang) Film Festival Arts Awards 2006:
    • Best New Actor- Lee Jun Ki
    • Judge's Special Film Awards- The King and the Clown

    14th Chunsa Film Festival 2006:
    • Best Leading Actor- Gam Woo Seong
    • Best Supporting Actor- Jang Hang Seon

    Korea Film Awards 2006:
    • Best New Actor- Lee Jun Ki

    27th Blue Dragon Film Awards 2006:
    • Best Music- Lee Byong Woo
    • Most Popular Stars- Lee Jun Ki & Kang Sung Yeon
    • Best On-Screen Performing Couple Award- Gam Woo Seong & Lee Jun Ki

    Cape Town World Cinema Festival (CTWCF) 2006:
    • Best Feature Film Award- The King and the Clown
    • Best Screenplay- Choi Suk Hwan & Kim Tae Woong

    9th Festival Du Film Asiatique De Deauville (France) 2007:
    • Lotus Du Jury (Grand Prix Jury Prize)- The King and the Clown



    [b]Credit Thailandout.com+http://en.wikipedia.org[/b]

     leejunkithailand.com + Wanjai leejunkithailand.com ค่ะ









    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×