ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ EXO] ▶ S H O R T F I C . by MONDAY

    ลำดับตอนที่ #3 : [SF] ▶ First … Crush - ( Kristao ) | 2/3

    • อัปเดตล่าสุด 2 เม.ย. 57



     

    First … Crush  (2/3)

    Beloved Gege & Little Brother Neighbor | KRIS x TAO | 1,509  words





     









     

     

    note; ▶ คำตอบ

     

     

     

     




























     

    โห --- คริส หน้าตาดูไม่ได้เลยมึง

     

     

    เป็นไรเนี่ย  นอนดึกเหรอวะ ? ”

     

     

    คริสผู้เป็นเจ้าของชื่อเล่นสะลึมสะลือยกฝ่ามือขยี้ป้ายแก้มปาดตาอย่างกับว่ามันจะช่วยอะไรได้ สุดท้ายก็ตาค้างคิดเรื่องนั้นทั้งคืนจนแทบไม่ได้นอนกว่ารู้ตัวอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงตั้งปลุกในโทรศัพท์เมื่อสู่เช้าวันใหม่แล้ว ใช้เวลาผ่านมาหนึ่งวันแบบที่ยังไม่มีคำตอบอะไรให้ตัวเองเลย ...

     

     อืม    ... เคลียร์งานนิดหน่อย --- ไม่มีไรอ่ะ

    กำลังหันไปพูดก็พอดีกันที่เห็นจื่อเทากับกลุ่มพวกเด็กปีหนึ่งที่กำลังเดินสวนมา

     

    พี่ลู่หาน พี่อี้ฟาน หวัดดีฮะ ~~ ” กลุ่มรุ่นน้องประสานเสียงทักทายมาแต่ไกล เขาได้ยินลู่หานทักน้องๆกลับเสียงร่าเริง กับจื่อเทาที่เงยหน้ามามองเขาตอนที่ทั้งกลุ่มเดินผ่านมาใกล้ๆ อีกฝ่ายแค่ผงกหัวยิ้มบางๆมาให้เขาและมันเป็นรอยยิ้มที่ต่างไปจากปกติแต่กลับชวนให้รู้สึกหนึบๆในใจขึ้นมาแบบที่เขาก็บอกไม่ถูก คนเป็นพี่ที่คิดอะไรไม่ออกก็ทำได้แค่ยิ้มบางๆกลับไปให้

    ช่วงเวลาไม่กี่วินาทีที่เดินผ่านแต่ราวกับเขาเห็นทุกอย่างเป็นภาพช้ายาวนานร่วมหลายสิบนาที มองตามจนกลุ่มรุ่นน้องเดินพ้นไปจากระยะสายตาก่อนจะส่งเสียงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ผ่านไปแล้วหนึ่งวันโดยเขายังไม่รู้เลยว่าสุดท้ายเขาควรให้คำตอบกับจื่อเทาว่าอะไร คิดแล้วก็ยังคงทำได้แต่ถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่จนลู่หานที่ยืนอยู่ด้วยกันหันมาขมวดคิ้วแล้วเริ่มกระพริบตาจ้องหน้า ...

     

    วันนี้มึงดูไม่ปกติจริงๆด้วยว่ะอี้ฟาน

     

     



     

     

     

    ...

     

     

     



     

    วันถัดมาก็เป็นอีกครั้งที่อู๋อี้ฟานยังคงต้องบังเอิญเดินผ่านหน้าห้องสตูดิโอของพวกปีหนึ่ง และที่ดูจะบังเอิญได้ยิ่งกว่าคือเขาทันได้เจอจังหวะเดียวกับตอนที่จื่อเทาเปิดประตูห้องสตูฯออกมาอย่างไม่น่าเป็นไปได้ จนแอบรู้สึกว่าช่วงนี้ตึกคณะตัวเองมันดูแคบเป็นพิเศษขึ้นมาเลยในใจ จื่อเทาชะงักเบิกตาโตนิดหน่อยที่เห็นเขาก่อนใบหน้าใสจะระบายยิ้มส่งกลับมา ...

     

    ตกลงพี่ว่าไงครับ ?

     น้ำเสียงกลั้วหัวเราะสบายเหมือนหยอกล้อมากกว่าเร่งเร้าเอาคำตอบ และนั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาประหม่าน้อยลงสักเท่าไหร่

    ... สามวันไม่ใช่เหรอคริสตอบเสียงเครียดพลางทำหน้างอเล็กน้อย

    ได้ยินอีกฝ่ายพ่นหัวเราะเบาๆแต่เขารู้สึกว่าจื่อเทาดูอยากถอนหายใจมากกว่าแต่เลือกที่จะไม่ทำ

     

     

    ผมทำให้พี่อึดอัดอยู่ใช่มั้ยครับ?

    จื่อเทาพูดปัดๆพร้อมหัวเราะทั้งรอยยิ้มด้วยสีหน้าเหมือนว่ามันเป็นเรื่องทั่วๆไป

     

    ผมแค่คิดว่าอย่างน้อยลองพูดออกมามันก็ดีกว่าปล่อยผ่านไปแบบที่ยังไม่ลองถามดูก่อนเลย

     

     

    .... ถึงผมจะรู้อยู่ว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยก็เถอะ

     

     

     

     ถ้ามันตัดสินใจยากสำหรับพี่ก็ไม่ต้องก็ได้นะครับ ผมรู้ว่าผมทำให้พี่ลำบากใจ

    ถึงจื่อเทาจะยิ้มและทำท่าทางปกติตอนที่กำลังพูดออกมาแต่คำพูดกับความรู้สึกที่เหมือนจงใจหลบสายตานั่นก็ทำให้อี้ฟานขมวดคิ้ว จื่อเทาคนที่อยู่ตรงหน้าชวนให้เขารู้สึกปวดหน่วงตรงหัวใจขึ้นมาแบบแปลกๆ

     

     

    ไม่ ...  อย่าเพิ่งนะ”             

    รีบพูดสวนออกมาทันทีจนคนเป็นน้องเงยหน้ากลับขึ้นมาเลิกคิ้วให้สิ่งที่เขาพูด

     

     

    เอ่อ ... นายอย่าเพิ่งตัดสินใจอะไรเองนะ รอ ... รอฉันก่อน

     

    เหลืออีกวันเดียว เดี๋ยวฉันมาตอบนายเอง

     

    มองหน้าคนเป็นน้องที่ดูประหลาดใจไปอีกครั้งกับคำตอบของเขาแล้วจื่อเทาก็ยิ้มแล้วตอบกลับมา ขอให้จื่อเทารอทั้งที่เขายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าคำตอบที่ให้น้องไปสุดท้ายจะใช่คำตกลงหรือเปล่า แต่มันยิ่งน่าแปลกที่อาการหน่วงเมื่อสักครู่กลับหายไปทันทีเมื่อเขาเห็นจื่อเทากลับมาระบายรอยยิ้มได้อย่างสดใสแบบนี้บนใบหน้า

     

    ได้ครับ...

     

    ถ้าพี่ว่างั้น

     

    ผมจะรอนะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     



     

     

     

     

    ถึงวันที่สามตามที่ตกลงกัน สารภาพเลยว่าเขาก็ยังให้คำตอบตัวเองไม่ได้จนกระทั่งวินาทีนี้ เคาะมือกับพวงมาลัยพลางถอนหายใจออกมาแบบไม่รู้เหมือนกันว่านั่งคาในรถอยู่แบบนี้มานานแค่ไหน ถึงยังไงก็ต้องเข้าไปที่คณะก็คงเลี่ยงที่จะเจอไม่ได้ สุดท้ายยังไงเขาก็ต้องให้คำตอบกับจื่อเทา ต้องตอบทั้งที่เขายังไม่รุ้จะตอบว่าอะไรดีเลยเนี่ยนะ ...

    สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วรีบเปิดประตูลงจากรถอย่างเต็มความมั่นใจ ก้าวขาฉับๆเดินผ่านทางเข้าตึกคณะฝั่งลานจอดรถไปเห็นกลุ่มเด็กปีหนึ่งสาขาเดียวกันที่ยืนออกันอยู่ตรงหน้าลิฟต์จากที่ฮึกเหิมเมื่อกี้ก็เลยใจฝ่อขึ้นมาแบบยังไม่ได้เตรียมใจก่อน  เปลี่ยนใจรีบเดินเร็วๆเลี่ยงกลุ่มรุ่นน้องมาขึ้นทางบันไดหนีไฟโดยที่เขาก็ยังไม่กล้าลองสังเกตหาเลยว่าเมื่อกี้มีจื่อเทาอยู่ในกลุ่มรุ่นน้องตรงหน้าลิฟต์ด้วยรึเปล่า อู๋อี้ฟาน ... ทำไมแกถึงได้ป๊อดแบบนี้วะ

     

     

     

    พี่อี้ฟาน

     

     

    แทบสะดุ้งกับเสียงคุ้นเคยที่ทำให้เขาต้องรีบเงยมองขึ้นมอง บางทีชีวิตก็ไม่ควรมีแต่เรื่องบังเอิญเหมือนอย่างในหนังได้ขนาดนี้ เขามองเห็นจื่อเทาที่กำลังเดินสวนลงมาจากประตูทางลงบันไดชั้นสองด้วยท่าทางแปลกใจ รู้สึกอยากพรางตัวหลอมร่างไปสิงกับตู้ดับเพลิงที่อยู่ข้างๆทันทีแต่ก็รู้ว่าทำไม่ได้ ... จื่อเทามองเขาสักพักก่อนจะแค่ส่งยิ้มให้ตามปกติ

     

     ทำไมมาขึ้นบันไดล่ะครับ ? เรียนอะไรเหรอฮะ

    เอ่อ ... AP ของอาจารย์มินซอกน่ะ --- ห้องชั้นสามเอง รอลิฟต์แล้วคนเยอะ --- ... นายล่ะ

     “ สตูดิโอเฟอร์นิเจอร์ของอาจารย์อี้ชิงครับ แต่เครื่องมือมันมีไม่ครบ ผมเลยจะลงไปช่วยพวกเพื่อนเอาขึ้นมาอีก

     อ่อ ... อืม  --- เหรอ...  สู้ๆนะจื่อเทามองหน้าอี้ฟานที่พยายามเลี่ยงจะสบตา

     

     

    ผมขอโทษนะครับ

     

     

    อี้ฟานเงยหน้าไปมองหน้าคนพูดทันที จื่อเทากำลังยิ้มมาให้ แต่มันเป็นยิ้มแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่รู้เลยว่าทำไมมันถึงได้เป็นความสดใสดูฝืนได้ถึงขนาดนั้น ... ทั้งที่จื่อเทากำลังยิ้ม

     

     

    พี่ปฏิเสธไม่ออกใช่มั้ยล่ะ เพราะที่ผ่านมาเวลาผมเคยขอร้องอะไรพี่ก็ไม่เคยปฏิเสธผมเลย

     

     

    ผมผิดเองครับที่รู้อยู่แล้วก็ยังกล้าเอาเรื่องแบบนี้มาขอ

    ใต้รอยยิ้มแต่นัยน์ตาคนพูดฉายแววความเศร้าจนราวกับว่านี่ไม่ใช่จื่อเทาที่เขาเคยรู้จัก

     

     

    ตอนนี้ดูพี่อึดอัดใจมากเลยทุกครั้งเลยเวลาที่เจอผม  

     

    คิดซะว่าผมไม่เคยพูดอะไร เราจะได้กลับมาคุยกันเหมือนเดิม ได้มั้ยฮะ ?

     ผมรีบไปเอาของก่อนดีกว่า --- เอาไว้เจอกันนะครับ

     

     

    อี้ฟานยังคงเอาแต่ยืนเงียบจนคนพูดเริ่มรู้สึกว่าตัวเองพูดมากเกินไป  คนเป็นน้องได้แต่กดยิ้มปั้นหน้าตามปกติไปให้ก่อนจะรีบก้าวเท้าเดินก้มหน้าผ่านตัวอีกฝ่ายก่อนที่เขาจะเริ่มรู้สึกแย่กับตัวเองไปได้มากกว่านี้



     

    เดี๋ยวก่อน –


     

    รู้ตัวกันอีกทีก็ตอนที่ถูกคนเป็นพี่เหลียวมาคว้าแขนเขาไว้จนแทบสะดุดขั้นบันไดที่กำลังจะก้าวลงตรงหน้า รีบเอี้ยวตัวเงยไปมองตามแรงบีบตรงข้อแขนที่ที่โดนกำจนแขนเสื้อยับยู่ มันมากซะจนเขารู้สึกเจ็บจนต้องนิ่วหน้า อี้ฟานมองตามมือตัวเองที่ยึดแขนคนเป็นน้องเอาไว้ก่อนจะคลายแรงลงเหลือแค่กำพอไม่ให้หลุดเมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย จื่อเทาขมวดคิ้วมองสายตาจริงจังของคนเป็นพี่ชาย สีหน้าที่เขาไม่เคยได้เห็นตลอดเวลาที่เคยรู้จัก เขาดูไม่ออกเลยสักนิดว่าอี้ฟานกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ก่อนจะได้เดาอะไรเองมากกว่านั้นริมฝีปากของคนเป็นพี่ก็ขยับเอ่ยบางคำพูดออกมา



     

     

    ก็ ได้ … ”

     

     


     

    ฉัน ...  ตกลง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     





     

     

    -------------------------------------

     ▶ To be continued.


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×