คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : PART 3 ▶ สตอล์คเกอร์
PART 3 ▶ สตอล์คเกอร์
เป็นบ่ายที่สภาพอากาศอบอ้าวมากพอที่จะทำให้เขารู้สึกว่ามันยากต่อการทำสมาธินั่งเขียนงานให้ลื่นไหลต่อไปได้ เครื่องปรับอากาศยังคงทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดีไม่ขาดตกบกพร่องแต่อย่างใด แต่สิ่งที่ทำให้สมาธิเขาหดหายได้มากยิ่งกว่าอากาศร้อนอาจเป็นสายตาของใครบางคนที่ยืนหลบจ้องเขาอยู่ตรงมุมห้องนั่นมากกว่า...
“ ทดลองเป็นแมวอยู่รึไงไปยืนสิงประตูแบบนั้น ”
พูดโดยไม่ได้หันมองไป มีแต่ความเงียบตอบกลับมาทำให้คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานถอนหายใจเล็กน้อย
“ มีอะไรก็พูดมาสิ “
“ เอ่อ... พรุ่งนี้ผมขอออกไปข้างนอกได้มั้ยฮะ ”
พอบอกให้พูดอีกฝ่ายก็รีบพูดออกมาแทบจะในทันที คำตอบที่เรียกให้อู๋อี้ฟานต้องละสายตาออกจากจอคอมตรงหน้า แปลกใจเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่านี่คือสิ่งที่จะได้ยิน ชายหนุ่มมองผ่านเลนส์สายตาแว่นไปยังเด็กตัวสูงที่ตอนนี้ย้ายตัวเองจากขอบประตูเดินมายืนอยู่ใกล้ๆเขาแทนแล้ว ตากลมแป๋วฉายแววกังวลที่จ้องรอเอาคำตอบ
“ ผมจะรีบทำงานให้เสร็จก่อนแล้วค่อยออกไป ”
“ อ่อ --- จะไปก็ไปเถอะ ... ไม่ต้องกังวลเรื่องงานหรอก... ”
ชายหนุ่มขยับแว่นขณะมองตาคนพูดสีหน้าเด็กหนุ่มดูดีใจขึ้นมากทันทีที่ได้รับอนุญาต
“ แล้วจะไปไหน? ไปตอนไหน ยังไง? ไปกับใคร ... --- เอ่อ คือหมายถึง ... จะกลับกี่โมง? ”
เผลอถามออกไปทันที ยังดีที่เหมือนรู้ตัวเองทันเลยหยุดไว้ได้ก่อน นึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่าเขาจะอยากรู้ไปทำไมแต่ก็ให้คำตอบได้ว่าแค่ถามตามมารยาทไปอย่างนั้นแหละ คนเป็นเจ้านายอยากจะสงสัย ... ก็ไม่เห็นจะแปลก ดูจื่อเทาเองก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรทั้งที่โดนเขาซักไปขนาดนั้นเลย... มั้งนะ
“ เอ่อ ... ไปกับเพื่อนครับ ยังไม่รู้ว่าไปไหนเดี๋ยวจะไปคุยอีกที ผมมาขอ... พี่ ก่อน ” เว้นไปนิดนึงกับคำแทนตัวที่ถึงผ่านมาสามสี่วันแล้วเด็กหนุ่มก็ยังรู้สึกไม่ชินที่จะพูด “ --- แต่นัดกันไว้เที่ยงๆ เวลากลับยังไม่แน่ใจ แต่ผมจะพยายามรีบกลับครับ ”
“นัดแฟนล่ะสิ ” อี้ฟานเย้า คำพูดที่ทำเอาคนฟังมุ่ยหน้าใส่เลยทันที
“ ไม่ใช่ฮะ ยังไม่มี ”
“ อ่อเหรอ... ไม่ต้องรีบปฏิเสธขนาดนั้นก็ได้ --- อือ ไปเถอะฉันอนุญาต ”
พูดแค่นั้นเป็นอันว่ารับรู้แล้วก่อนหันกลับไปทำท่าเหมือนจะเริ่มทำงานต่อ เด็กหนุ่มที่หมดธุระกับอีกฝ่ายแล้วก็เลยกลับหลังหันเตรียมตัวหลบออกมาถ้าไม่ติดว่าถูกเสียงคนเป็นเจ้านายที่ตอนแรกทำท่าเหมือนจะไปสนใจทำงานแล้วเรียกไว้ซะก่อน ...
“ จื่อเทา”
“ -- ครับ”
“ พรุ่งนี้ตื่นแล้วมาปลุกฉันก่อนด้วย ”
“ ?! … ครับ... ? ”
“ เดี๋ยวจะไปส่งที่สถานี ”
…
..
.
“ พี่อี้ฟาน ขอบคุณนะฮะ ”
พยักหน้าให้พลางมองตามร่างสูงๆของจื่อเทาที่เพิ่งเปิดประตูลงจากรถไปแล้วก็ยังไม่ลืมจะหันมาโค้งบอกขอบคุณเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้เขาก็ขี้เกียจจะนับ คนเป็นเจ้านายยังจอดรถแช่อยู่ที่เดิมเปิดไฟกระพริบรอจนกระทั่งเจ้าเด็กผู้ช่วยที่วันนี้ดูทะมัดทะแมงในเสื้อยืดสีเข้มนั่นก้าวขาฉับๆลงบันไดเลื่อนของสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินจนพ้นไปจากระยะสายตา หันกลับมามองถนนพลางแตะเท้ากับคันเร่งเริ่มออกรถไปตามเส้นทางเบื้องหน้าเตรียมย้อนรถกลับบ้านอีกครั้ง... แต่ลึกๆข้างในเหมือนเขาได้ยินเสียงความคิดตัวเองบอกให้รู้ตัวว่าเขาเองกำลังรู้สึกแปลกๆ
... จู่ๆก็รู้สึกเบื่อขึ้นมา เหมือนว่ายังไม่อยากกลับไปนั่งทำงานที่บ้าน คนเดียว แบบบอกไม่ถูก
ไม่รู้ว่าทำไม? อาจเป็นเพราะนานๆทีจะได้ออกมาข้างนอกแบบนี้ก็เลยรู้สึกยังไม่อยากรีบกลับก็เป็นได้ ประคองพวงมาลัยขับตรงไปพร้อมความลังเลได้อยู่เพียงครู่หนึ่งริมฝีปากอิ่มก็กดยิ้มมุมปากขึ้นให้ตัวเองเมื่อสมองดันนึกอะไรสนุกๆได้ขึ้นมา...
ในรถเมื่อกี้... ที่ได้ยินจื่อเทากับเพื่อนคุยโทรศัพท์กัน ... เจ้าเด็กนั่นบอกว่าจะไปที่ไหนนะ
…
..
.
ขายาวพาร่างสูงโดดเด่นเดินจนมาหยุดยืนอยู่หน้าร้านขายชาไข่มุกริมทางเดินในย่านร้านค้า ชายหนุ่มผมทองในแว่นกันแดดสีดำยืนรอชาไข่มุกที่สั่งพลางสายตาก็มองวิวทิวทัศน์รอบข้างไปเรื่อยเปื่อย แผงลอยขายของกระจุกกระจิกตั้งประปรายตามทางเท้าหน้าตึกอาคารซึ่งเขามองเห็นก็มีแต่ร้านขนมหรือไม่ก็ร้านเสื้อผ้า ไม่ว่าจะมองไปทางก็เห็นแต่เด็กวัยรุ่นวัยประมาณจื่อเทาเดินสวนกันขวักไขว่ให้เต็มไปหมด … อืม ก็นี่มันช่วงปิดเทอมนี่นะ
มองผ่านๆไปทางม้านั่งใต้ต้นไม้ที่กำลังผลิใบสีเขียวอ่อนที่มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งนั่งเหมือนกำลังรอใครอยู่ ถัดออกมาคือกลุ่มเด็กผู้หญิงสองสามคนที่กำลังส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวตรงแผงขายสร้อยข้อมือเหมือนกำลังต่อราคากับคนขาย ในระยะสายตาก็เจอแต่เด็ก เด็ก และเด็ก ... มือใหญ่รับแก้วใส่ชานมที่เจาะหลอดแล้วมาถือพร้อมยื่นมือไปจ่ายเงิน เขาเองก็ไม่คิดว่าจะเจอเจ้าเด็กหน้าแมวคนที่เขาลองตามมาดูเล่นๆนั่นหรอกในเมื่อที่นี่มีคนพลุกพล่านขนาดนี้...
เพราะถ้าเขาหาอีกฝ่ายเจอได้นี่ ก็คงเป็นเรื่องบังเอิญเอามากๆ …
แต่เรื่องบังเอิญมันก็มักจะเกิดขึ้นเสมอนั่นแหละ ... คุณเชื่อมั้ย ?
แทบสำลักชาที่กำลังดูดทันทีหลังจากรับเงินทอนแล้วหันหลังกลับมา ! ร่างของใครบางคนที่จู่ๆก็วิ่งโผล่มาจากทางเดินตรงซอยด้านข้างอาคารทักทายความบังเอิญกันได้อย่างกะทันหัน! ชายหนุ่มรีบกระโดดมายืนพรางตัวหลบหลังป้ายร้านชาไข่มุกตามสัญชาตญาณก่อนจะเพิ่งคิดได้เหมือนกันว่าตัวเองจะต้องหลบไปทำไม ได้แต่มองตามจื่อเทาที่กำลังยืนมองซ้ายมองขวาอยู่ริมฟุตบาทเหมือนหาใครอยู่สักพัก ก่อนรอยยิ้มกว้างจะระบายขึ้นบนใบหน้าสดใสนั่นทันทีเมื่อหาคนที่ต้องการเจอได้ ...
เขาเห็นจื่อเทารีบวิ่งตัดถนนข้ามฝั่งตรงเข้าไปหาเด็กผู้ชายคนนั้นคนที่นั่งอยู่ม้านั่งใต้ต้นไม้ อี้ฟานเบิกตามองเล็กน้อยก่อนอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วมองเด็กผู้ชายคนที่เขาเห็นผ่านตามาแต่แรกนั่นลุกขึ้นตรงเข้ามาหาจื่อเทาเช่นกัน มองดูเด็กสองยืนพูดอะไรกันได้สักพักแล้วก็ดึงแขนไปกอดกันไว้พลางตบหลังใส่กันอย่างแน่นทันที
เด็กผู้ชายตัวสูงหน้าตาจัดไปทางหล่อกว่าจื่อเทาอยู่พอตัว ผิวติดไปทางคล้ำแบบยากที่จะสังเกตุเพราะเจ้าเด็กสูงคนที่ยืนอยู่ด้วยกันก็ไม่ใช่จะขาว หันกลับมองมือซีดๆของตัวเองที่ถือแก้วชาหน่อยหนึ่งแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเด็กรุ่นใหม่เขาฮิตเทรนด์ทำให้ผิวเป็นสีแทนกันรึเปล่า? มองเด็กตัวสูงเสมอกันสองคนยืนพูดอะไรกันได้สักพักจื่อเทาก็เป็นฝ่ายถูกเกี่ยวคอแล้วลากให้พากันเดินออกไป นักเขียนหนุ่มที่วันนี้แอบเปลี่ยนอาชีพชั่วคราวไม่ทันหาเหตุผลให้การกระทำของตัวเองได้มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่สองขาของมันเริ่มแอบก้าวตามอีกฝ่ายไปซะแล้ว...
...
ร่างสูงโดดเด่นแถมยังใส่แว่นดำเดินตามเด็กสองคนเข้าร้านโน้นออกร้านนี้กันเรื่อยเปื่อยดูไม่ได้มีอะไรผิดสังเกตให้ต้องน่าสนใจ ท่าทางก็แค่มาเที่ยวเล่นไปเรื่อยอย่างที่จื่อเทาบอกเขาไว้จริงๆนั่นแหละ คนแอบตามพรางตัวใหญ่ๆของตัวเองไว้หลังที่แขวนหมวกอย่างไม่ค่อยจะมิดขณะเหลือบตาแอบมองผ่านเลนส์แว่นกันแดดราคาแพงออกไปด้านหน้า...
ในระยะสายตาเขามองเห็นรอยยิ้มของเจ้าเด็กผู้ช่วยคนเดิมที่พอเวลาอยู่กับเพื่อนแล้วมันกลับยิ่งดูสดใสได้มากกว่าปกติ น่ามองยิ่งขึ้นกว่าตอนที่อีกฝ่ายยิ้มเวลาอยู่กับเขาอย่างบอกไม่ถูก แอบตามนานพอจนได้รู้หลังจากได้ยินจื่อเทาเรียกชื่อออกมาอยู่หลายครั้งว่าเจ้าเด็กตัวสูงคนที่แอบดำกว่านิดหน่อยคนนั้นชื่อ กงชาน หลายจังหวะที่เจ้าเด็กผู้ช่วยคนที่ถูกตามของเขาหันหลังกลับมามองเหมือนจะรู้ตัวแต่ก็เขาเองก็คิดว่าหลบทันและเหมือนว่าฝ่ายนั้นจะยังจับไม่ได้ ...
“ อะไร? ” กงชานถอดแว่นกันแดดที่หยิบขึ้นมาสวมเล่นเมื่อครู่วางกลับเข้าที่ก่อนจะหันมาถาม ตากลมโตเห็นเพื่อนตัวสูงเสมอกันมองซ้ายมองขวาเหมือนกับว่าหาใครหรืออะไรอยู่ได้สักพัก แต่แล้วจื่อเทาก็ส่ายหน้า
“ เปล่า ไม่มีอะไร มึง -- หิวยัง ”
“ ไม่อ่ะ --- แต่หาอะไรกินเล่นก็ดี กูเริ่มขี้เกียจเดินแล้วอ่ะ เมื่อยขาแล้วอ่ามึง ง ”
เห็นจื่อเทาคุยอะไรก็ไม่รู้กับเด็กคนนั้นที่กำลังทำท่าเอากำปั้นทุบขาประกอบการพูด สักพักผู้ช่วยคนที่วันนี้ขอลางานของเขาก็พยักหน้า อี้ฟานรีบวางหมวกที่แกล้งเอามาทำเป็นลองคืนที่เดิมแล้วรีบตามเด็กสองคนนั้นออกจากร้านแบบไม่ให้คลาดสายตา เดินตามเข้ามาจนถึงในร้านไอศกรีมพร้อมหามุมนั่งที่ปลอดภัยจากระยะสายตาแต่เขายังสามารถสังเกตุคุณผู้ช่วยของเขาได้ต่อไป มองกาแฟของตัวเองที่สั่งไปถูกยกมาเสิร์ฟได้สักพักก็พบว่าสิ่งที่เด็กสองคนนั้นสั่งมากินคือเซทน้ำแข็งไส ท็อปปิ้งทั้งนมข้นขนมหวานแบบฟูลเซ็ทเรียกให้สตอล์คเกอร์มือสมัครเล่นแบบเขาต้องขมวดคิ้วให้กับภาพตรงหน้า ...นี่เด็กผู้ชายสมัยนี้เขาพากันมาเข้าร้านมุ้งมิ้งชวนกันกินของอะไรที่ดูครุคริ ...ได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ ?
จื่อเทานั่งเขี่ยหาก้อนเยลลี่ที่จมอยู่ใต้ภูเขาน้ำแข็งได้สักพัก กงชานที่กำลังนั่งเล็มไอศกรีมบนยอดน้ำแข็งไสก็ทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ จื่อเทามองคนที่ยังงับช้อนคาไว้ในปากแล้วเอี้ยวตัวไปหยิบถุงที่วางอยู่บนเก้าอี้ด้านข้างส่งขึ้นมาให้
“ อ่ะ มึงเอาคืนไปเลย กูขี้เกียจถือให้แระ ” เอามือข้างที่ว่างดึงช้อนออกมาจากปากมาพูดก่อนจะหันไปกินต่อ
“ อะไรวะ ? ”
ถามงงๆแต่ก็ส่งมือไปหยิบมาเปิดดูของในถุงกระดาษทันที ข้างในมีหนังสือหน้าตาดูคุ้นเคยนอนเรียงอยู่สองเล่ม รูปแมวบนเรือเดินทะเลกับชื่อเจ้าของนามปากกาคนที่เขาเจอตัวเป็นๆมาตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้เด่นหราอยู่บนปก ... อ่อ... จะไม่ให้คุ้นได้ไง ก็นี่มันหนังสือที่เขาให้กงชานยืมไปเองนี่หว่า...
“ เฮ่ย ได้คืนแล้วเหรอ --- อ๋อ --- ที่บอกนัดมาวันนี้แล้วมีของจะให้คือนี่อ่ะนะ ? ”
จื่อเทามองเพื่อนตาโตที่เหลือบตามาพยักหน้าหงึกหงักนิดหนึ่งก่อนจะก้มกลับลงไปเล็มไอศกรีม
“ แล้วไปเอามาได้ไง ? ”ถามพลางเก็บกลับใส่ถุงอย่างเรียบร้อยก่อนจะส่งมือข้างที่ถือช้อนจ้วงไปตักไอศกรีมด้านบนมากินบ้างก่อนจะโดนกงชานแย่งกินหมดซะก่อน
“ ก็จินยองเป็นคนยึดไง ก็เลยหาทางเอาคืนมาได้ --- แค่นั้นแหละ ” ตอบพร้อมเบะมือเงยหน้ามายิ้มอย่างภูมิใจ ยักคิ้วหนึ่งทีให้รู้ว่านี่ถ้าโดนอาจารย์คนอื่นเอาไปคงไม่ได้คืนแน่
“ อ่อ เออ ก็ดีแล้ว --- แล้วทำไมมึงชอบไปกวนประสาทเขาจัง ? แล้วคือมันก็หนังสือกูด้วยนะ ทีหลังก็อย่าเอาขึ้นมาอ่านในคาบอาจารย์แกดิวะ ก็รู้อยู่ว่าเขาจุกจิกยังจะชอบทำอีก เป็นงี้คราวหน้ากูจะไม่ให้ยืมแระ ”
กงชานอมช้อนจ้องตากลมมามองก่อนจะยักไหล่ไม่แคร์ ใครก็รู้ว่ากงชานไม่กลัวจินยองเลยสักนิดมีแต่จะยิ่งกวนประสาทเหมือนจงใจให้ตัวเองโดนทำโทษตลอด สั่งล้างห้องน้ำกวาดห้องวิ่งรอบสนามก็แล้วไง เห็นก็มีแค่จินยองคนเดียวนั่นแหละที่ไม่เคยจะรู้เลย ...
“ แหม ... แค่นี้หวงจริง คราวหน้าไม่เอาไปอ่านที่โรงเรียนแล้วก็ได้ --- เออ ว่าแต่ถามไรหน่อย มึงฝึกงานกะคนเขียนคนนี้อยู่ใช่ป่ะ คือกูสงสัย คนเขียนนี่เขาใช่ชายแท้ป่ะวะ ? ”
“ หา ? หมายความว่าไง ทำไมถามงั้น เขา... ก็ดู ...ปกตินะ ”
จื่อเทาทำตาโตมองหน้าคนถามทันทีแต่ก็แอบแปลกใจว่าทำไมตัวเองต้องทำเสียงเหมือนไม่ค่อยแน่ใจ
“ เปล่า ก็ไม่ทำไม ก็จากที่อ่านของมึงนี่แหละ หลายเล่มแล้ว -- งานที่เขาเขียนอ่ะ เห็นเขาชอบใส่ประเด็นอะไรทำนองนี้ไว้เยอะเลย? ทั้งที่มันเป็นหนังสือเด็กอ่ะมึง ถึงจะไม่พูดถึงตรงๆ แต่แบบ --- อ่านแล้วมันก็อดรู้สึกไม่ได้ป่ะ?”
พูดไปพลางก็เริ่มขุดหาซากเยลลี่ใต้ภูเขาน้ำแข็งไสบ้าง เทามองปลายช้อนของกงชานที่ทะลุจนเห็นโผล่มาถึงฝั่งของตัวเองแล้วก็ขมวดคิ้ว “ --- คือถ้าเขาเขียนอะไรแบบนี้ออกมาก็แปลว่าเขาก็ต้องยอมรับเรื่องพวกนี้ได้ไม่ก็มีรสนิยมอยู่บ้างแหละ กูว่านะ ไม่รู้ดิ”
“ หนังสือเด็กนะมึง --- กูอ่านกู ...ก็ไม่เหนรู้สึกไรเลย มึง... มึงอ่ะแหละ! หมกมุ่นเองเลยยัดเยียดว่าคนอื่นเขาเป็นรึเปล่า กล่าวหาว่ะ --- แล้วมันก็สนุกดีไม่ใช่เหรอ แล้วต้องมาสนใจป่ะว่าคนเขียนเขาจะเป็นหรือไม่เป็นอะไร ?”
จื่อเทาที่กำลังขมวดคิ้วทำปากยื่นพูดด้วยสีหน้าเหมือนแอบไม่พอใจเรียกให้กงชานที่โดนพาดพิงออกอาการโวยวายใส่กลับไปบ้างทันที
“ เฮ่ย! แล้วอยู่ๆของขึ้นไรเนี่ย ใจเย็นนนดิ --- สงสัยเฉยๆป่ะ ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย? แล้วเดือดร้อนแทนเขาทำไมวะ! --- ทำไมต้องปกป้องเขาจัง !? นี่มึงเข้าข้างคนแต่งมากกว่ากุอีกกกกอ่อออ ---- กุเปนเพื่อนมึงงงน้า !!”
“ ฮ่ะ– ชิ ฮิ่ว ! ”
มือใหญ่หนารีบคว้าทิชชู่บนโต๊ะมาตะบปปิดปากไว้ได้พอดี เหลือบตามองขณะปาดทิชชู่ออกพลางห่อแล้วขยำกระดาษเป็นก้อนให้อย่างเรียบร้อย(?) ทำไมอยู่ดีๆถึงจามได้... ไม่เห็นรู้ตัวมาก่อนว่าจะเป็นหวัดเลยเรา ?
หันกลับมามองทางโต๊ะจื่อเทาที่เผลอละสายตาออกมาเมื่อตะกี๊ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เขามองเห็นเด็กคนที่เป็นผู้ช่วยของเขากำลังแยกเขี้ยวถีบขาใส่หน้าแข้งคนเป็นเพื่อนตรงใต้โต๊ะไปดอกใหญ่ คนโดนเตะนั่นก็ดูไม่ยอมเหมือนกันเด้งขาเตะคืนมาทันทีจนเขานึกไปแล้วว่าสองคนนั้นทะเลาะกันแต่ที่ไหนได้... ทำสงครามเกี่ยวขากันอยู่ได้แค่แปบเดียวเท่านั้นวินาทีต่อมาก็หันกลับมาจ้องหน้าแล้วหลุดหัวเราะเอิ๊กอ๊ากใส่กันเหมือนเดิม
มองเพลินๆได้สักพักก็ต้องชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นว่าโต๊ะที่ตัวเองตามสังเกตอยู่นั่นกำลังเริ่มเก็บของแล้วถือถาดใบเสร็จเตรียมไปจ่ายเงินแล้ว นักเขียนหนุ่มรีบยกซดกาแฟที่ยังดื่มไม่หมดภายในอึกเดียวพร้อมส่งมือหนาไปเกี่ยวถาดใบเสร็จของตัวเองมาเตรียมไว้รอจังหวะให้สองคนนั้นไปจ่ายเงินให้เสร็จจะได้รีบตามออกจากร้านได้ทันที
วินาทีเดียวกับที่คนถูกตามกำลังจะหมุนตัวพากันออกจากร้านไป รีบยันตัวลุกมันก็พาลไปสะดุดขาเก้าอี้พาทั้งตัวเองและสิ่งที่เขาสะดุดล้มโครมลงไปกระแทกกองอยู่กับพื้นได้อย่างน่าประทับใจ... ขายาวที่ทำให้เขาแสนจะภาคภูมิใจแต่คุณนักเขียนหนุ่มนึกอยากโมโหขายาวๆของตัวเองขึ้นมาได้ก็วันนี้
และสิ่งที่แย่ยิ่งกว่าอาการเจ็บหลังหรือฟกช้ำก้นจ้ำเบ้า… คือมันเป็นเหตุการณ์ที่สร้างเสียงที่ดังมากพอจะเรียกให้ใครสองคนที่ยังไม่ทันได้ก้าวออกไปจากประตูร้านสนใจหันกลับมา … แล้วเขาก็ได้รู้ว่าการใส่แว่นกันแดดแล้วปลอมตัวได้นี่มันมีแต่ในนิยายจริงๆ ...
“ พี่อี้ฟาน … !? ”
…
“ ทำไมพี่มาอยู่ที่นี่ได้ล่ะฮะ ? ” แน่นอนว่าคำถามนี้จะต้องถูกถาม “ ผมนึกว่าพี่กลับบ้านแล้ว ”
ออกจากร้านมาแล้วก็หนีไปไหนไม่ได้ไกลเมื่อคุณผู้ช่วยกับเพื่อนตัวสูงยังคงยืนดักรอเขาอยู่ตรงด้านหน้า ช่างเป็นเรื่องน่าสลดใจที่ต้องมายืนเหมือนผู้ต้องสงสัยกำลังโดนซักประวัติอยู่หน้าร้าน อี้ฟานที่ถอดแว่นแล้วยืนขมวดคิ้วพลางเอามือปาดท้ายทอยเหมือนพยายามเลี่ยงจะสบสายตา...
เดี๋ยว... แล้วทำไมเขาต้องทำตัวเหมือนรู้สึกผิดที่โดนจับได้ด้วยวะ เขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย... (จื่อเทาไม่รู้ว่าเขาตั้งใจจะตามสักหน่อย เขาคิดว่างั้นนะ ) ...
ก็แค่เอิญเจอกันเองเท่านั้นเอง ... นั่นสินะ
“ เอ่อ ก็ --- คือ... อ๋อ! เค้กน่ะ! พอส่งนายเสร็จจู่ๆฉันอยากกินเค้กมากเลย --- ก็เลยจะมาซื้อกลับไป ไม่รู้ซื้อที่ไหนดีขับไปเรื่อยก็เลยมาแวะจอดที่นี่ --- เอ่อ... ไม่น่าเชื่อมาร้านเดียวกันเลย บังเอิญเนอะ.. ฮ่า ฮ่า ฮ่า..”
“ เหรอครับ … ”
ตอบกลับห้วนซะจนอี้ฟานที่กำลังหัวเราะยิ้มแห้งไปเลยทันที กงชานแอบกำมือมากลั้นขำใส่เพื่อนข้างตัวที่ทำเสียงเหมือนอยากจะเชื่อแต่ก็ดูไม่เชื่อเท่าไหร่ จื่อเทาทำหน้าเฉยแบบที่อี้ฟานดูไม่ออกว่ากำลังคิดอะไร อยากจะกัดลิ้นแล้วกลับคำพูดใหม่ก็คงไม่ทันแล้ว... ก็นะ แค่จะกินเค้กทำไมต้องลงทุนมาถึงที่นี่ เบเกอรี่ร้านดังแถวละแวกใกล้บ้านเขาก็มี ...แล้วที่นี่ยังห่างจากสถานีตรงที่เขาเองไปส่งจื่อเทาไว้ตั้งเยอะ ... เฮ่อ แกนี่นะ ... อู๋อี้ฟาน
“ ฉันพูดจริงๆนะ ...” ยังคงอยากย้ำถึงเสียงจะดูเบาลงไปมาก
“ ครับ? ... ผมก็ยังไม่ได้พูดอะไรซะหน่อย ? ”
“ นี่อ่ะเหรอคนแต่งหนังสือเล่มที่นายเอามาให้อ่านอ่ะ ”
เห็นคนสองคนเริ่มสร้างบรรยากาศพื้นที่ส่วนตัวแบบมาคุแปลกๆอย่างนี้แล้วกงชานก็นึกอยากจะแทรกร่วมบทสนทนาเปลี่ยนอารมณ์ขึ้นมาให้
“ ผมกงชาน เป็นเพื่อนจื่อเทาฮะ ยินดีที่ได้รู้จักนะฮะ ” เด็กตัวสูงโค้งให้ฝ่ายที่โตกว่าก่อนจะยิ้ม
“ คุณนักเขียนสนใจรับผู้ช่วยเพิ่มบ้างมั้ยฮะ ? ”
คำพูดที่ทำให้อี้ฟานเบิกตากับจื่อเทาที่หันขวับมาจ้องเขาเหมือนไม่อยากจะเชื่อหูทันที เห็นปฏิกิริยาแบบนั้นจากสองคนตรงนี้แล้วกงชานก็เริ่มรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างพลางแอบกดยิ้มขำๆขึ้นมาไม่ได้
“ เอ่อ... อันที่จริงฉันไม่ได้ตั้งใจจะรีบหาผู้ช่วยขนาดนั้นหรอก โอกาสจื่อเทามาช่วยได้พอดี แล้วแค่จื่อเทาก็ช่วยได้ค่อนข้างมากแล้ว คือฉัน ---“
“ แหม ผมล้อเล่นฮะ ”
พูดแทรกขึ้นมาก่อนอี้ฟานจะทันได้ปฏิเสธ กงชานหรี่ตายิ้มแบบตาแทบจะปิดเพราะเขาสังเกตเห็นคนเป็นเพื่อนที่กำลังแอบเหลือบตามองไปยังคนที่ยืนอยู่ทางฝั่งตรงข้าม มองสายตาอี้ฟานที่กำลังเหล่กลับมาทางเพื่อนตัวเองตอนที่จื่อเทาไม่ได้มองอีกฝ่ายแล้วสักพักกงชานก็กดยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ไม่ได้ ...
“ เฮ่ ย !! “
จื่อเทาหันกลับมาแบบไม่ทันตั้งตัวเมื่อถูกกงชานคว้าไหล่ไปกอดแน่นแบบแก้มแทบจะชนแก้ม
“ เฮ่อ --- จื่อจัง เจ้านายตะเองมาตามแล้วนี่ งั้นพวกเราแยกกันตรงนี้เลยก็ได้ --- เค้าแค่จะเอาของมาคืนให้ตะเองแค่นั้นแหละ ”
เบิกตาอย่างประหลาดใจมองกงชานที่อยู่ๆก็ทำเสียงหวานใส่พลางเอามือมาลูบผมม้าของเขาไปด้วย
“ เพิ่งจำได้ว่ามีธุระที่อื่นต่อพอดีเลย งั้นตะเองกลับกับผู้ปกครองไปเลยละกัน โอกาสหน้าค่อยเจอกันนะ ”
“ หา ? เฮ่ย --- เดี๋ยวดิ อะไรวะ กงชาน”
“ ผมคืนให้แล้วนะครับ เดี๋ยวผมขอตัวก่อน ส่วนมึงก็ --- อ๊า เจอแปปเดียวเอง นานเลยกว่าจะได้เจออีก เค้าคงคิดถึงตะเองแย่เลย --- ไว้เปิดเทอมเจอกันนะจ๊ะจื่อจัง ”
ไม่รอให้จื่อเทาตั้งตัวก็รีบเกร็งมือคว้าหัวอีกฝ่ายมาฉกหอมแก้มไปหนึ่งทีด้วยท่าทางแบบสุดแสนจงใจ จื่อเทาสะดุ้งขนลุกเกรียวกับความสติแตกของกงชานจนไม่อาจสนใจรู้ได้ว่าที่จริงแล้วมีใครอีกคนที่อาจจะดูตกใจยิ่งกว่า ...
“ เฮ่ย ไอ้ -- เชี่— เล่นอะไรของมึงวะ”
แก้มกลมฝาดสีแดงขึ้นมาเลยนิดหน่อยแบบไม่รู้ว่าที่เลือดสูบฉีดเพราะโมโหหรือกำลังอาย เกือบเผลสบถต่อหน้าอี้ฟานที่ตอนนี้เขายิ่งไม่กล้าหันไปสบตา ก็เข้าใจว่ากงชานชอบแกล้งแหย่อะไรประสาทๆแบบนี้ เคยทำแบบนี้บ่อยๆที่โรงเรียนแต่ไม่เคยโดนจริงสักที ... แล้ววันนี้มันเกิดจะคึกบ้าอะไรของมัน เมาลูกเกดในไอติมเหรอวะ ?!
“ ไปแระนะจ๊ะ --- ถึงตะเองเหงาแต่ก็อย่าคิดถึงเค้าเยอะนะตะเอง ”
รีบปล่อยไหล่จื่อเทาทันหลังทนแรงแงะจากอีกฝ่ายไม่ไหว กงชานหมุนตัวรีบวิ่งหนีหลบหมัดเพื่อนข้างตัวออกมาขณะที่ฝ่ายเริ่มจะหันทำร้าย ออกวิ่งไปได้ไม่ไกลก็ยังไม่วายหันกลับมาส่งจูบให้พร้อมขยิบตา
“ ไว้เดี๋ยวเขาจะไลน์หาตะเองบ่อยๆนะ ”
ทำเสียงน่าหมั่นไส้แล้วรีบวิ่งจากไปพร้อมเสียงหัวเราะจนจื่อเทาได้แต่แยกเขี้ยวทำท่ายกขาเตะไล่หลัง
“ จื่อเทา”
เจ้าของชื่อที่ยืนเอามือปาดแก้มสะดุ้งกับอี้ฟานที่เดินมายืนข้างๆ สบตาแวบเดียวแล้วก็หลบเหมือนไม่กล้ามองหน้า เหมือนอี้ฟานเองก็แค่เรียกชื่อเขาโดยไม่ยอมหันกลับมามองเลยเหมือนกัน
“ อืม... นาย จะกลับเลยรึยัง? “
แอบเหลือบมองจื่อเทาที่กำลังเอาหลังมือถูแก้มแดงนั่นแรงขึ้นจนเขากลัวว่าแก้มอีกฝ่ายจะพังเอาได้ ก่อนสักพักเจ้าเด็กตัวสูงจะทำตาโตตอบกลับมาเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก มีอยู่แวบนึงเขาแอบคิดว่าเรื่องตลกน่าตกใจที่เด็กกงชานนั่นทำมันจะช่วยเบี่ยงเบนความสนใจให้จื่อเทาลืมอะไรไปได้แล้วรึเปล่า ... แต่ดูเหมือนว่า ...
“ แล้วนี่พี่ ... ”
“ ไม่ต้องซื้อเค้กกลับไปแล้วเหรอฮะ ?”
#อคฟล
▶ T B C .
▶ TALK
#หายไปนานมากกก ยังไม่ได้ทิ้งไปแต่ไม่มีจังหวะเหมาะพอให้เขียนออกมาได้นะคะ TTทดลองลงทีละเปอร์เซ็นแบบตอนสองแล้วรู้สึกตัวเองก็ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ ช้าอยู่ดี
คนเขียนมองว่าเขียนให้จบพาร์ทแล้วเอามาลงทีเดียวให้อ่านยาวๆเลยดีกว่า
ถึงจะนาน แต่คนอ่านที่ยังอ่านเรื่องนี้ เราว่าแบบนี้น่าจะโอเคกว่านะคะ
ขอโทษที่ความสม่ำเสมอในการลงไม่ดีเลย ไม่ต่อเนื่องเลย แต่คนเขียนเองก็ไม่อยากแค่เขียนไป
พยายามทำออกมาให้ดีที่สุด เพราะไม่ใช่ทั้งคนที่แต่งฟิคได้รวดเร็วหรือแต่งเก่งมากมายอะไร
แต่ก็อยากเขียนและแก้ออกมาให้ตัวเองพอใจได้มากที่สุดก่อนจะนำมาลงนะคะ :)
ขอบคุณคุณ jinsoku ที่ยังแวะเข้ามาอ่านและทวงให้มีกำลังใจเขียนต่อไปมากๆเลยค่ะ
ขอบคุณคุณ doraly_chan สำหรับคอมเมนท์ที่อ่านแล้วทำให้ชื่นใจขึ้นมากๆเลยด้วยนะคะ
ขอบคุณ cclacl ,bbto,แคนดิไลออน,zizifangs,tangmo,.Y.uke^W^
สำหรับคอมเมนต์ และขอบคุณทุกๆคนที่กดเป็นแฟนคลับเรื่องนี้เอาไว้ด้วย
ขอบคุณรวมถึงที่สนใจและแวะเข้ามาอ่านด้วยนะคะ
ไม่คาดหวังคอมเมนต์เลย แต่สำหรับการหายไปนานแล้วรู้ว่ายังมีคนอ่านหรือรอจะอ่านอยู่
แค่นี้ก็เป็นกำลังใจที่ดีที่ทำให้ผู้แต่งอยากแต่งต่อไปให้จบสำหรับคนที่อยาอ่านแล้วค่ะ
จะพยายามทำต่อไปให้ดีที่สุดนะคะ เอ็นจอยรีดดิ้งนะคะ ^^
ความคิดเห็น