คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : PART 2 ▶ ผู้ร่วมอาศัย
PART 2 ▶ ผู้ร่วมอาศัย
STATUS >>>> ครบ 100% แล้วค่ะ <<<<
ผู้ร่วมอาศัยคนใหม่ของบ้านยืนอยู่ในครัวด้วยชุดเสื้อยืดกางเกงวอร์มดูลำลองมากกว่าเมื่อวาน ปอยผมสีดำสนิทดูมีร่องรอยความชื้นเหมือนว่ามันเพิ่งผ่านการสระ กลิ่นสบู่อ่อนจางลอยปนมากับกลิ่นเกรียมๆของขนมปังสองแผ่นในช่องสีแดงของเครื่องปิ้ง
อี้ฟานมองตามคนที่กำลังสาละวนอยู่กับการเปิดปิดตู้เดินคุ้ยหาจานชามช้อนส้อมไปมา สภาพคนตรงหน้าดูสดใสเหมือนไม่ใช่ว่าเพิ่งตื่น ชายหนุ่มหันไปมองนาฬิกาที่ตอนนี้เข็มสั้นเพิ่งจะชี้มาถึงเลขเจ็ดเท่านั้น ...
“... ตื่นนานแล้วเหรอ ? ”
จู่ๆเสียงต่ำทุ้มก็ดังแทรกเสียงเด้งเตือนของเครื่องปิ้งขนมปังออกมาจากด้านหลัง ทำร่างโปร่งสูงของคนที่ยืนมีสมาธิอยู่หน้าเคาน์เตอร์ครัวสะดุ้ง หวงจื่อเทารีบหันขวับกลับไปมองก่อนจะเจอคุณนักเขียนหนุ่มผู้เป็นเจ้าของบ้านกำลังใช้ฝ่ามือใหญ่ลูบผมชี้ๆที่ตั้งขึ้นอย่างไร้ทิศทางหลังการตื่นนอนเดินผ่านประตูครัวเข้ามาเลื่อนเก้าอี้พาตัวเองนั่งลง
“ อรุณสวัสดิ์ฮะ --- เอ่อ -- เมื่อเช้าผมตื่นไปวิ่งมา จะได้สำรวจแถวๆนี้ไปด้วย แล้วก็... ผมเอาค่าอาหารที่คุณให้ไว้แวะซื้อพวกของกินจากซุปเปอร์กลับมาด้วยนะฮะ คุณจะ --- ”
อี้ฟานปิดปากหาวพยักหน้าพร้อมสะบัดมือเป็นเชิงรับรู้แล้วให้เบาๆเมื่อเด็กหนุ่มดูกระตือรือร้นที่จะอธิบาย พออีกฝ่ายเห็นเขาเพิ่งตื่นยังเบลอๆจนไม่อยู่ในอารมณ์จะสนใจฟังก็เลยหันตัวกลับไปยืนสงบนิ่งรอเครื่องทำน้ำร้อนให้มันทำงานของมันต่อเหมือนเดิม อุณหภูมิอุ่นๆในครัวกับแสงแดดยามเช้าทอดยาวลงมาทักทายบนโต๊ะกินข้าวผ่านจากทางหน้าต่าง ชายหนุ่มนั่งเท้าคางฟังเสียงกดน้ำร้อนใส่แก้วกาแฟจากร่างสูงๆบางๆที่ยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์….
สังเกตกลุ่มผมเส้นเล็กสีดำสวยธรรมชาติอย่างคนเอเชียที่ดูเหมือนว่ามันจะเริ่มแห้งขึ้นมาแล้วบ้าง ตรงท้ายทอยใต้ไรผมที่ตัดสั้นอย่างเรียบร้อยเผยให้เห็นผิวเนื้อด้านหลังต้นคอสีน้ำผึ้งเนียนบางละเอียด ถัดลงมาคือแนวลาดไหล่กว้างลากเป็นเส้นโค้งสวยรับกันกับกระดูกสะบักตรงข้างกันกับแนวกระดูกสันหลังที่กดเนื้อผ้าบางๆออกมาจนสังเกตได้ มองตามส่วนโค้งยาวของร่างกายไล่มาถึงท่อนเอวบางตรงเหนือช่วงสะโพกที่สอบแคบลงได้ดูสมส่วนอย่างเด็กผู้ชาย...
ผิวเนื้อนอกร่มผ้าที่ไม่ได้ขาวซีดอย่างคนไม่ชอบเจอแดดแบบเขาแต่กลับเป็นผิวสองสีดูแข็งแรงอย่างเด็กผู้ชายสุขภาพดีสมวัย ส่วนอื่นที่เหลือนอกจากนี้ถ้าจะเปรียบเทียบให้เขาเป็นต่อกว่าเด็กตรงหน้าได้ก็คงมีแค่ความสูงความใหญ่(?)
ชายหนุ่มมองตามลอนกล้ามเนื้อเล็กๆตรงต้นแขนที่โผล่พ้นชายเสื้อยืดสีเทาของอีกฝ่ายออกมายามคนตรงหน้าใช้มือวนช้อนชาในแก้วกาแฟด้วยท่าทางดูทะมัดทะแมงอย่างน่าประหลาดใจ พิจารณาเทียบดูกับร่างกายตัวเองแล้วเขาคงจะมีมวลกล้ามเนื้อสู้เด็กหนุ่มตรงหน้านี่ไม่ได้เลยสักนิดเดียว อืมม … พวกวัยรุ่นสมัยนี้นี่น่าอิจฉาจริงๆ
“ เอ่อ ผมไม่รู้ว่าปกติตอนเช้าคุณอี้ฟานทานอะไรรึเปล่า ..จะให้ผมทำอะไรให้ทานมั้ยฮะ?”
เนื้อเสียงห้าวทุ้มขัดกันกับสำเนียงเล็กๆใสๆเวลาที่อีกฝ่ายขยับปากพูดดังขัดความคิดขึ้นมา อี้ฟานตวัดสายตาเปลี่ยนไปมองทางอื่นแบบที่คนถูกมองไม่ทันได้รู้ตัวเลยว่าเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วกำลังโดนสำรวจอยู่ น้ำเสียงขึ้นจมูกแบบที่เขารู้สึกว่าถ้าเด็กคนนี้เปลี่ยนวิธีการออกเสียงซะอาจจะทำให้อีกฝ่ายดูโตขึ้นได้กว่านี้อีกเยอะเลย
“ อืม ปกติฉันไม่กินหรอก ... แล้วเราล่ะกินอะไรตอนเช้ารึเปล่า ?”
เด็กหวงจื่อเทานั่นมองเขาตาแป๋วพร้อมพยักหน้าก่อนจะรีบส่งเสียงขานรับตอบกลับมาเหมือนเพิ่งนึกได้พอดีว่าเมื่อวานเพิ่งโดนเขาดุไปว่าไม่ให้ทำ
“ ครับ กินครับ แต่ที่ทำกินเองผมก็ทำง่ายๆ ก็ปิ้งขนมปังกินกับเนยไม่ก็แยม หรือถ้ามีไข่แบบวันนี้ผมก็จะทอดไข่ ”
“ อืม งั้นเดี๋ยวฉันเอาเหมือนกันนั่นแหละ แต่ขอกาแฟมาให้ฉันแก้วนึงก่อนแล้วกัน ”
นั่งรอพลางมองดูเด็กตัวสูงเดินไปเดินมาอยู่สักพักแก้วกาแฟใบสีขาวก็ถูกเลื่อนมาวางอยู่ตรงหน้า อี้ฟานส่งมือไปรับพลางใช้ก้านนิ้วยาวเกี่ยวหูแก้วเคลื่อนเข้ามาหาตัวให้ใกล้ขึ้น ฝ่ามือสัมผัสกับอุณหภูมิอุ่นจัดกำลังดีที่ไม่ร้อนจนเกินไป ชายหนุ่มยกแก้วขึ้นจรดขอบกับริมฝีปากนึกอยากประเมินฝีมือชงกาแฟของเด็กม.ปลายตรงแล้วก็ต้องเบิกตาขึ้นทันทีอย่างแปลกใจ นี่มันอร่อยยิ่งกว่าที่เขาชงเองแบบไม่อยากจะเชื่อว่ามาจากกาแฟขวดเดียวกับที่เขาทำกินเป็นประจำเลย
“ นี่กาแฟสำเร็จรูปเหรอ? ” ถามเสียงเข้มใส่คนที่กำลังเดินถือเนยกับแยมออกมาจากตู้เย็นจนเจ้าตัวรีบหันมามองเขาอย่างงงๆ ทันที
“ ใช่ครับ? ทำไมเหรอครับ?...”
“ เปล่าๆ มันแค่... รสชาดดีกว่าปกติ --- ฉันแค่สงสัยว่านายทำอะไรกับมันรึเปล่า? ”
เด็กหนุ่มตัวสูงยิ้มกว้างแบบไม่ได้คิดจะปิดบังเลยซึ่งอาการดีใจ อี้ฟานเผลอจ้องรอยยิ้มสดใสที่เพิ่งจะมีโอกาสได้เห็นบนใบหน้าอีกฝ่ายจนแอบประทับใจอยู่ไม่น้อย ชอบทำหน้าเหมือนกลัวโดนดุแต่พอยิ้มแบบนี้ก็น่ารักดีนี่หน่า...
“ ผมใช้น้ำร้อนล้างแก้วรอบนึงแล้วก็วัดอุณหภูมิน้ำที่ใช้ชงน่ะครับ ถ้าชงตอนน้ำเดือดเลยทันทีมันก็จะเปรี้ยวแล้วก็ขม แต่ถ้ารอให้อุณหภูมิน้ำลดลงมาก่อนนิดนึงแล้วค่อยชงมันจะออกมานุ่มกว่าน่ะครับ ”
“ เหรอ มิน่า --- ฉันชงเองไม่เคยอร่อยเลย นายนี่เก่งนะ รู้อะไรเยอะดี ทำบ่อยหรือไง? ”
“ ครับ” เด็กหนุ่มตอบเสียงใสพร้อมหันมายิ้มภูมิใจ
“ ป๊าสอนมาครับ เพราะว่าผมต้องเป็นคนชงให้ป๊าดื่มประจำ ”
กำลังจิบเพลินๆก็ต้องสะอึกไปเล็กน้อยกับบุคคลที่เด็กตรงหน้าอ้างอิงถึงกับกาแฟที่อีกฝ่ายชงมาให้ อันที่จริงคนอายุยังไม่ 25 ดีเพิ่งทำงานไม่กี่ปีแบบเขาก็ใช่จะแก่กว่าเด็กมัธยมแบบจื่อเทาอะไรมากมาย แต่สำหรับเด็กม.ปลายคนวัยทำงานแบบเขานี่คงดูแก่ในสายตาน่าดูเลยสินะ ยิ่งเห็นสายตาแบบที่จื่อเทาใช้มองเขาเหมือนอย่างเด็กมองผู้ใหญ่ยิ่งตอกย้ำความซื่อใสที่เด็กหนุ่มสื่อออกมา
อ่า.... ความต่างระหว่างวัยนี่มันช่างน่าเจ็บปวดจริงๆ
#อคฟล
เสียงรัวนิ้วพรมลงบนคีย์บอร์ดสลับกันกับจังหวะเว้นเงียบไปอย่างใช้ความคิดดังวนเวียนซ้ำไปมา บนโต๊ะทำงานที่ตอนนี้สะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้วที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาดกว้างคือนักเขียนหนุ่มผู้กำลังขมวดคิ้วใช้ความคิดพลางขยับเลื่อนมือขึ้นเขี่ยขอบแว่นให้ไต่สูงขึ้นมาบนดั้งจมูกโด่งๆ ร่างสูงใหญ่บนเก้าอี้ทำงานมีสมาธิจดจ่อมากพอจนไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าภายในห้องตอนนี้มีใครอีกคนกำลังเดินเข้ามาใกล้
“ มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยฮะ ? ”
กว่าจะรู้สึกตัวได้ก็ตอนที่เสียงใสๆนั่นมาพูดดังอยู่ข้างๆกันแล้ว เลื่อนสายตาหันมามองแก้วน้ำเปล่าที่จื่อเทาเลื่อนเอามาวางไว้ให้ อี้ฟานละสายตาจากหน้าจอมามองเด็กหนุ่มตัวสูงที่กำลังยืนมองเขาแบบรอคำตอบ
“ ยังไม่มีหรอก งานใหม่นี่ฉันเพิ่งเริ่มเขียนไปได้นิดหน่อยเอง --- มาถามนี่ทำงานบ้านเสร็จหมดแล้ว ? ”
ถามไปพลางก็ส่งมือไปหยิบแก้วน้ำที่ผู้ช่วยคนใหม่เพิ่งรินมาให้ขึ้นจิบเข้าไปอึกใหญ่ๆ
“ ครับ เมื่อกี้เพิ่งเอาผ้าไปใส่เครื่องไว้แล้ว เดี๋ยวก็เหลือแค่รอเอาไปตากเฉยๆ ”
เด็กหนุ่มตัวสูงรายงานพร้อมส่งยิ้มตาหยีมาให้ วินาทีเดียวกับที่อู๋อี้ฟานคาแก้วน้ำไว้กับปากเมื่อเผลอเหลือบจ้องมองตามรอยยิ้มสดใสนั่นเหมือนจะหายใจสะดุดไปเลยครู่หนึ่ง ก่อนจะรู้ตัวแล้วรีบกลืนน้ำในแก้วลงคอไปเร็วๆกลบเกลื่อนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทันที
เพิ่งผ่านไปไม่ถึงวันก็ดูเป็นกันเองจนผิดหูผิดตา...
ไม่เห็นจะรู้เลยว่าที่จริงเป็นเด็กยิ้มง่ายขนาดนี้...
“ ก็ -- ก็ดีแล้ว งั้นงานเสร็จแล้วอยากทำอะไรก็ตามสบายเลย ขอบใจมาก ”
ชายหนุ่มรีบวางแก้วเปล่าคืนให้เป็นเชิงไล่กลายๆก่อนเด็กวุ่นวายนี่จะทำให้เขาเสียสมาธิไปมากกว่านี้
“ ผมอยากช่วยจริงๆนะฮะ … ” เด็กช่างตื๊อที่ดูเหมือนจะไม่ได้รู้ตัวเลยว่ากำลังโดนคนโตกว่าปฏิเสธอยู่
“ ให้ผมช่วยอะไรก็ได้นะครับ ผมไม่กวนหรอก... ”
“ นะครับ... คุณอี้ฟาน ”
จื่อเทาพูดเสียงอ่อยจนดูน่าสงสารขึ้นมาเลยอย่างที่เขาก็ไม่เข้าใจ สุดท้ายอี้ฟานคือฝ่ายพลาดเองที่เผลอไปสบตา ชายหนุ่มรีบเบี่ยงหน้ากลับมาเอากำปั้นค้ำกลางหน้าผากพลางลอบถอนหายใจเบาๆรวบรวมสมาธิให้ตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะหันไปเปิดลิ้นชักควานมือคุ้ยหาอะไรสักอย่างแล้วรีบโยนส่งมาให้ ไม่รู้ว่าแพ้สายตาอ้อนๆของคนเด็กกว่าหรือแค่ปัดรำคาญ จื่อเทาก้มมองแฟลชไดรฟ์เขียวมะนาวนีออนสดใสที่ตัวเองรับมาถือไว้อยู่ในมือ
“ ถ้าว่างนักก็เอาไอ้นี่ไปตรวจคำผิดให้ฉันหน่อยไป เหมือนจะมีไฟล์ที่เฉินทำค้างไว้น่าจะเหลืออีกแค่นิดหน่อย --- เดี๋ยวมาหยิบโน้ตบุ๊คตรงนั้นเอาไปใช้ได้เลยนะ แล้วจะเอาไปทำตรงไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ที่นี่ พอใจรึยัง ? ”
นักเขียนหนุ่มส่งสายตาคาดโทษกับเด็กตัวสูงที่จ้องเขากลับมา ทว่าอีกฝ่ายกลับตอบเขาด้วยรอยยิ้ม
“ ได้เลยฮะ ”
พอมีหน้าที่ให้ได้รับมอบหมายเจ้าเด็กตัวสูงนั่นก็รีบขานรับเสียงใสทันที ไม่ลืมที่จะหยิบแก้วน้ำบนโต๊ะทำงานของเขาติดมือกลับไปด้วยก่อนจะเงียบเสียงหายไป สักพักเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเจ้าเด็กนั่นวิ่งกลับเข้ามาในห้องพลางหอบเอาโน๊ตบุ๊คตรงโต๊ะข้างชั้นหนังสือของเขาออกไป ความเงียบสงบกลับมาปกคลุมบรรยากาศห้องทำงานของเขาได้อีกครั้ง
ชายหนุ่มเอนหลังพิงเก้าอี้ทำงานของตัวเองอย่างเพิ่งรู้สึกค่อยยังชั่วขึ้นมาบ้างหลังผ่านภัยธรรมชาติทางสมาธิในบ้านตัวเองอย่างเจ้าเด็กผู้ช่วยคนใหม่ หรี่มองตัวอักษรบนหน้าจอผ่านๆได้อีกสักพักแล้วจึงถอดแว่นออกหลับตาพักสายตาหยุดฟังแค่เสียงเพลงหวานๆเบาๆจากลำโพงราคาแพงข้างจอคอมที่เขาเปิดคลอทิ้งไว้ เคลิ้มได้สักพักจนเหมือนใกล้จะเผลอหลับไป ...
‘ นะครับ...
คุณอี้ฟาน ‘
เบิกตาโพลงสะดุ้งกลับมานั่งหลังตรงอย่างตกใจเมื่อภาพใบหน้าของใครบางคนที่เขาเพิ่งหาเรื่องไล่ออกจากห้องผุดขึ้นมาให้เห็นอยู่ในหัวแบบไม่ทันตั้งตัวทันที !?
นี่มัน ...
อะไรกันวะเนี่ย ... ?
#อคฟล
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเลยเวลาเย็นมาจนใกล้หัวค่ำตั้งแต่เมื่อไหร่ กว่าคนที่นั่งเขียนงานเพลินๆตลอดบ่ายจะลุกออกจากหน้าจอโต๊ะทำงานของตัวเองได้ก็ตอนที่น้ำย่อยเริ่มกลั่นตัวร้องประท้วงกันระงมอยู่ภายในท้อง มือหนาถอดแว่นตาวางทิ้งไว้บนโต๊ะ นวดหว่างคิ้วพลางยืดเส้นยืดสายนิดหน่อยก่อนจะใช้ขายาวๆพาร่างสูงๆของตัวเองเดินลงไปตามบันได
บริเวณห้องรับแขกตรงหน้าจอทีวีที่ถูกเปิดทิ้งไว้ อี้ฟานที่ก้าวขามาจนถึงขั้นบันไดแถวล่างสุดหันมองไปตามต้นเสียงก่อนเห็นด้านหลังกลุ่มผมยุ่งๆของใครบางคนวางแหมะระลงมาอยู่บนที่วางแขนโซฟา ชายหนุ่มเลิกคิ้วนิดหนึ่งก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปแวะดูใกล้ๆเพื่อจะพบว่าใครบางคนที่ว่ากำลังหลับอยู่ ที่อยู่ในมือบนตักของคนหลับคือไอโฟนเครื่องสีขาวที่เปิดจอเล่นเพลงค้างไว้ มองร่างตรงหน้าหายใจสม่ำเสมอกับสายหูฟังสีขาวที่ถูกเสียบคาทิ้งไว้ที่ใบหูลากยาวขึ้นไปจนพาดระอยู่บนข้างแก้ม...
มองตามกรอบใบหน้าเรียวเล็กได้รูปกับสีหน้ายามหลับของอีกฝ่าย เขาสังเกตได้จนเห็นเส้นขนตาถึงจะเพียงช่อบางๆแต่ก็ทาบทับแผ่ลงมาบนโหนกแก้มใสเหมือนเด็กๆนั่นได้อย่างน่าดู ใกล้เนินเปลือกตาสีน้ำผึ้งที่แนบปิดสนิทมีรอยบากลึกเฉียงชี้อย่างเป็นธรรมชาติลากขึ้นยาวไปจนสุดปลายหางตา มุมปากปรากฏเป็นจุดเล็กๆลากเส้นกรอบริมฝีปากแหลมชี้ให้หยักโค้งขึ้นมาได้อย่างน่ารักดูไม่สมตัว
กลีบปากสีอ่อนๆนั่นดูงอง้ำเผยอเชิดมากขึ้นยามอีกฝ่ายหายใจ ภาพตรงหน้าที่ชวนนักเขียนหนุ่มให้นึกไปถึงลูกแมวตัวโตๆขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
เผลอระบายยิ้มออกมานิดหน่อยแบบที่ก็ไม่ทันได้รู้ตัวเหมือนกัน ชายหนุ่มละสายตาออกมาตั้งใจจะหันไปหาอะไรกินในครัวแต่ก็สะดุดกับสิ่งที่วางคาไว้อยู่ใกล้ๆตักคนที่กำลังหลับอยู่ซะก่อน ถัดจากบนโต๊ะรับแขกมีโน๊ตบุ๊คที่เปิดเป็นหน้าจอไฟล์งานถูกพิมพ์ค้างไว้ อี้ฟานก้มตัวเล็กน้อยเอื้อมแขนข้ามไหล่ร่างที่หลับปุ๋ยพลางคว้าเอาอะไรบางอย่างที่ว่านั่นขึ้นมาถือไว้ในมือ
เปลือกตาบอบบางขยับเล็กน้อยยามเมื่อรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวจากใกล้ๆตัวขึ้นมา เด็กหนุ่มปรือตาแง้มขึ้นอย่างงัวเงียอยู่สักพักก่อนจะขมวดคิ้วหนักๆทีหนึ่งแล้วเผยอลืมขึ้นมารอบตัวอย่างเชื่องช้า เอียงหัวจากที่รองมองขึ้นด้านบนไปหยุดสายตาที่ภาพเบื้องหน้า ก่อนจะต้องรีบเด้งตัวลุกขึ้นมานั่งอย่างตกใจทันที
“คุณอี้ฟาน !”
เจ้าของชื่อเงยหน้าจากสมุดเล่มเล็กในมือตัวเองมามองเขานิดหน่อยก่อนจะก้มเปิดดูมันต่อไป เห็นอีกฝ่ายไม่พูดอะไรตอบมาเลยแล้วเขายิ่งรู้สึกมันน่าอายจนบอกไม่
“ ขอคืนนะฮะ...” เด็กหนุ่มพูดเสียงเบาจนอี้ฟานแอบกดยิ้มขึ้นเล็กๆแต่ก็ไม่ได้ละสายตาออกมา
“ ทำไมล่ะ ไม่อยากให้คนอื่นดูเหรอไง ? ”
“ นายก็วาดสวยดีออก”
หนุ่มน้อยเจ้าของสมุดวาดรูปเม้มปากแรงๆพูดอะไรไม่ออก ได้แต่นั่งมองอี้ฟานเปิดดูรูปที่ตัวเองวาดอย่างร้อนใจแต่ก็ไม่กล้าพอจะส่งมือไปดึงเอาคืนมา
“ … ขอผมคืนเถอะนะฮะ ”
ได้แต่ทำเสียงน่าสงสารเหมือนเด็กอยากจะร้องไห้ซึ่งมันก็เรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากอี้ฟานได้ไม่ยากเลย
“ นี่เคยอ่านมาเยอะขนาดนี้เลยเหรอ ฉันคุ้นๆหลายอัน ”
“ ก็เยอะ ...
เด็กตัวสูงที่ตอนนี้เอาแต่นั่งก้มจนดูตัวเล็กขึ้นถนัดตาตอบเสียงเบาจนถ้าไม่ตั้งใจฟังก็คงไม่ต่างจากเสียงกระซิบ
“ ผมก็อ่านทุกเรื่องที่คุณเขียนนั่นแหละ ... “
แต่อี้ฟานก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน นักเขียนหนุ่มแอบอมยิ้ม พอรู้แบบนี้เขาถึงเพิ่งเข้าใจว่าทำไมฮยอนอาถึงอยากให้จื่อเทามาฝึกงานกับเขาซะเหลือเกิน
“ หน้าที่เป็นแมวเยอะๆสวยดี "
"ฉั น ช อ บ น ะ ”
รู้ว่าหมายถึงรูปที่วาดไม่ได้มีความหมายอะไร แต่มันก็ทำให้คนฟังรู้สึกเขินแปลกๆ
“ ขอบคุณฮะ ”
ชายหนุ่มเปิดอีกสักพักสีหน้าดูพอใจแล้วก็ส่งคืนให้ จื่อเทาส่งมือไปรับสมุดวาดรูปปกสีขาวดำของตัวเองมาถือไว้ก่อนจะพูดบางอย่างออกมา
“ ถ้านายมีเวลา --- เอาไว้มาวาดให้ฉันบ้างสิ ”
อี้ฟานมองหน้าจื่อเทาที่กำลังทำตาโตจ้องหน้าเขาเหมือนไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองทันที
“ ไม่อยากเหรอ ? ”
“ อยากครับ !”
ตอบกลับแทบจะวินาทีเดียวกันกับที่ถามซ้ำออกไปให้ มองสีหน้าจื่อเทาที่ดูกำลังดีใจอย่างไม่ปิดบังแบบที่เขาก็ไม่ได้คิดเหมือนกันว่าคนตรงหน้าจะดีใจขนาดนี้
“ งั้นก็... ไว้รอเล่มนี้เป็นไง เรื่องที่ฉันกำลังเขียนอยู่ แต่กว่าจะเสร็จ จะยังอยากอยู่มั้ย ? ”
“ อยากฮะ !”
“ งั้นให้มันเป็นเรื่องเป็นราวกว่านี้ก่อน ไว้ฉันจะเอาให้ลองอ่านดูแล้วกัน”
เสียงใสๆตอบรับเต็มเสียงกับปฏิกิริยาที่เด็กหนุ่มตรงหน้าแสดงออกมาเรียกรอยยิ้มจากอี้ฟานขึ้นได้ไม่ยากเลย
“ แล้วก็มีอีกเรื่อง… ” คำพูดขัดจังหวะเรียกจื่อเทาที่กำลังก้มหน้ามองสมุดตัวเองให้เงยมามองเขาอีกครั้ง
“ ไม่ต้องสุภาพกับฉันเยอะนักก็ได้ เป็นไปได้นายเรียกฉันว่าพี่เถอะ กับฮยอนอานายยังเรียกพี่ได้เลย ”
“ … ก็พี่ฮยอนอาเป็นพี่นี่ฮะ ”
“ แล้วฉันเด็กกว่าฮยอนอาอีกนะ ฉันไม่ใช่พี่รึไง”
จื่อเทาขมวดคิ้วทันที
“ ก็ผมมาทำงานให้คุณ จะให้เรียกพี่ๆ ... มันรู้สึกยังไงไม่รู้นี่ครับ ”
“ แล้วนายเอาแต่เรียกฉันว่าคุณๆแบบนี้ ฉันก็รู้สึกยังไงไม่รู้เหมือนกันนั่นแหละ ”
จื่อเทามุ่ยกับเหตุผลของคนตรงหน้าหน้าก่อนจะแอบถอนหายใจ
“ ถ้าคุณว่างั้นก็ยังไงก็ได้ฮะ”
“ บอกให้เรียกว่าพี่ไง - - ”
“ อ่า ครับ ... พี่ .. ”
“ ไม่ได้ยินเลย อะไรนะ ? ”
“ ผมบอกว่าครับ ---
เข้าใจแล้วครับ
พี่ อี้ ฟาน ”
#อคฟล
▶ T B C .
---------------------------------------------------------
▶ TALK
#วางพลอตไว้จนจบเรื่องแล้วนะคะ เย่เย่.
แต่ว่าก็ต้องพยายามทยอยเขียนออกมาอยู่ T^T
พาร์ทนี้เขียนออกมาได้ครึ่งหนึ่งแล้วเลยเอามาลงไว้ให้ก่อน
กลัวเผื่อถ้าให้รอเต็มๆ แล้วมีใครรออ่านอยู่เดี๋ยวจะรอนาน
ไม่รู้ว่าทยอยมาลงแบบนี้กับลงทีเดียวเลยแบบไหนจะดีกว่านะ
ใครที่อ่านเรื่องนี้อยู่คิดว่าแบบไหนดีคะ ?
ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเมนต์และการติดตามมากๆเลยนะคะ
จะรีบเอาอีกครึ่งหนึ่งมาต่อให้เร็วที่สุดเลย ^[]^
▶ 13.11.20
#ลงเพิ่มเป็น 70% นะคะ :3
▶ 13.11.27
#ลงครบ 100% แล้วนะคะ ขอโทษที่มาช้าด้วยน้า. TT
ลงแบ่งเป็นเปอร์แบบนี้ยังไงไม่รู้. เหมือนกลายเป็นรอนานกว่าเดิมอีก.
ตอนต่อๆไปคิดว่ารอเขียนให้ครบตอนก่อนแล้วลงทีเดียวดีกว่า
กลัวรอนานเลยคิดจะทยอนลงแต่เหมือนนานกว่าเดิม TT
ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามและทุกคอมเมนต์ด้วยนะคะ. <3
ความคิดเห็น