คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Your friend
Chapter 1
“เฮ้ย.....มินซอกกกก” เสียงทุ้มๆประหลาดๆที่ผมคุ้นๆเรียกผมมาจากข้างหลัง พอหันไปดูก็เจอกับเพื่อนตัวสูงรูปหล่อหน้ามึนยืนโบกมือหยอยๆมาทางผมประมาณว่าฉันอยู่ทางนี้นะ อืม... ประหลาดตั้งแต่เปิดตัวเลยนะ คริส....
“นายเลิกตะโกนแบบนี้เถอะคริส อายเค้าว่ะครับ” ผมรีบพูดกับคริสทันทีที่ถึงตัวเพื่อนตัวสูงของผม ซึ่งดูเหมือนว่ามันไม่เข้าใจอะไรเลยเพราะทันทีที่ผมพูดจบมันก็...
“เฮ้ยยย ลู่หานนนนนนน” ตะโกนเรียกลู่หานอีกรอบ เมิงไม่ฟังตูเลย TT ซึ่งพอหันไปดูลู่หานรูมเมทผมที่พึ่งเดินลงมาถึงหน้าหอก็หัวเราะชอบใจที่คริสทำแบบนี้ ลู่หานรู้ดีว่าผมเป็นคนไม่ชอบตกเป็นเป้าสายตาใคร และตอนนี้พวกนักเรียนที่เดินผ่านหน้าหอก็เริ่มมองมาทางพวกเราแล้วด้วย.. (มองความหล่อของคริสอ่ะดิ )
มันเป็นกิจวัตรที่คริสเพื่อนหน้าหล่อแสนมึนคนนี้มารอไปโรงเรียนพร้อมผมกับลู่หานทุกวัน คริสกับลู่หานเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนมาจากจีนเข้ามาเรียนที่นี่ตอนม.ปลาย ส่วนผมเองพึ่งย้ายมาเรียนที่นี่และเป็นรูมเมทกับลู่หาน คริสไม่ยอมอยู่หอเดียวกับลู่หานเพราะพวกเค้าคิดว่าจะไม่ได้ฝึกภาษาถ้าอยู่ด้วยกัน ซึ่งตอนที่ผมย้ายมาเมืองนี้เห็นประกาศตามหารูมเมทของลู่หานพอดีเลยได้อยู่ด้วยกันและสนิทกันมาถึงทุกวันนี้ ส่วนคริสไปเป็นรูมเมทกับใครนี่ผมก็ไม่เคยเห็นหน้าซักทีหรอก ลึกลับจริงๆ
“อ๊ะ! เซฮุน” ลู่หานชะงักเล็กๆเมื่อเห็นคนที่ตัวเองเพ้อถึงเมื่อคืนยืนรออยู่หน้าโรงเรียน ผมหันไปดูก็เห็นเพื่อนตัวเองยิ้มเขินๆไปให้รุ่นน้องตัวสูง(กว่าผม)ที่กำลังเดินมาหา
“ลู่หานฮยอง คิดถึงจังเลย” ไอ้เด็กหน้าอ่อนเซฮุนมาถึงก็กระแทะและโลมเพื่อนผมทันที ผมที่ทนฟังไม่ได้ก็เบือนหน้าหนีไปเจอคริสที่ทำหน้าพะอืดพะอมไม่ต่างกัน
“นี่ นายมีรุ่นพี่ให้คิดถึงคนเดียวรึไงกัน ทักทายเพื่อนพี่ด้วยสิมันเสียมารยาทนะ” ลู่หานก้มหน้าก้มตาพูดเร็วๆจนลิ้นพันกันเพราะเขินไอเด็กนั่น
“ไม่ล่ะ พวกแกคิดถึงกันเองเถอะ ฉันจะอ้วก ไปกันเถอะมินซอก” คริสเป็นคนพูดแทรกขึ้นมาแล้วลากผมออกไปจากตรงนั้น ซึ่งภาพสุดท้ายที่เห็นก่อนจะหันหลังตามคริสมาคือเซฮุนกำลังจูงมือลู่หาน..
ไม่ควรรู้สึกแบบนี้นะแต่...
โมโหแปลกๆ...
เอามือของนายออกไปจากลู่หานเดี๋ยวนี้นะ...
คริสลากผมจนมาถึงห้องเรียน มีแค่คริสกับผมที่เรียนห้องเดียว ส่วนลู่หานนั้นเรียนอีกห้องนึง ผมกับคริสนั่งอยู่ในทำเลทองของห้องคือมุมในสุดหลังห้องติดหน้าต่าง ซึ่งคริสนั่งข้างหลังผม (ลองเป็นคริสนั่งข้างหน้าผมสิบังทุกอย่างมิดแน่)
“น่าหมั่นไส้ว่ะ” คริสพูดขึ้นมาให้ผมได้ยินทันทีที่นั่งลง จนผมต้องหันกลับไปฟังว่าคริสจะพูดอะไรต่อ คริสที่เห็นผมหันไปหาก็มองหน้าผมอย่างหงุดหงิด
“นายหมายถึงใคร ลู่หานกับเซฮุน?” ผมส่งคำถามที่ดูโง่เง่ามากไปให้คริส เพราะยังไงผมต้องได้รับคำตอบว่า ใช่ อยู่แล้ว
“เออดิ เซ็งจะตายอยู่แล้ว” คริสพูดจบก็ฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะเรียนเหมือนหนีความจริงอะไรบางอย่าง สีหน้าเพื่อนผมตอนนี้ดูไม่ได้เลย....
เป็นความจริงที่ว่าคริสรักลู่หาน
รักแบบที่ไม่ใช่แบบเพื่อน
และไม่เคยได้บอกมาตลอด6ปี..
เพราะคำว่า “เพื่อนกัน”
เรื่องนี้ลู่หานไปไม่เคยรู้ หรือเอะใจเลยแม้แต่น้อย ตอนผมรู้จากปากคริสทีแรกก็ช็อคไปเหมือนกัน แต่คริสก็เป็นคนพูดเองอย่างนั้นจริงๆ
“นี่มินซอก”
“หื้ม?” ผมออกเสียงตอบเบาๆเมื่อได้ยินเสียงคริสพูดขึ้นมา
“นายว่า ถ้าฉันบอกความจริงก็ลู่หาน มันจะเป็นยังไง..” คริสถามขึ้นมาโดยไม่มองหน้าผม ผมไม่รู้จะตอบเพื่อนตัวเองยังไงดี
เพราะมันรู้สึกแปลกๆ
แบบเมื่อคืนอีกแล้ว
เหมือนตอนที่ลู่หานบอกชอบเซฮุน
ทำไมนะผมควรจะยินดีสิ...
อย่างน้อยๆถ้าลู่หานคบกับคริสมันก็ดีกว่าคบกับคนอื่นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?
นี่มันแปลกเกินไปแล้วนะ....หรืออาจจะแค่อิจฉาที่ลู่หานมีคนมาชอบเยอะๆกัน?
ใช่สิ.. ต้องใช่แน่ๆ
ผมส่ายหัวไล่ความคิดบ้าบอติงต๊องออกจากหัวตัวเองเล็กน้อย และดูเหมือนคริสก็ไม่ได้ต้องการคำตอบอะไรจากผมจริงจังผมก็เลยเงียบไปเหมือนกันเพื่ออยู่กับความคิดของตัวเอง..
พักเที่ยง
“เฮ้ ฮยองๆ” ผมได้ยินเสียงเรียกเบาๆมาจากข้างหลัง หันไปก็เจอกับรุ่นน้องตัวเล็กน่ารักอยู่สองคนข้างหลังผมระหว่างทางเดินไปโรงอาหาร
“ไงคยองซู แบคฮยอน” ผมทักไปยิ้มๆ เป็นเรื่องปกติแล้วล่ะมั้งที่พักหลังๆผมเจอสองคนนี้บ่อยๆตอนจะไปกินข้าว
“วันนี้มาคนเดียวเหรอครับ คริสฮยองล่ะ?” แบคฮยอนถามด้วยน้ำเสียงอยากรู้อยากเห็นเพราะปกติถ้าเจอผมที่ไหนต้องมีคริสที่นั่น เพราะยังไงผมก็เป็นเพื่อนไม่กี่คนที่คริสมี
“เลิกเรียนแล้วก็เห็นรีบออกไปหาลู่หานนะ คงไปรับมากินด้วยกันมั้ง” ผมตอบไปเดินไปโรงอาหารไปด้วย คงเพราะเรื่องเมื่อเช้าทำให้คริสอยู่เฉยๆล่ะนะ และด้วยเหตุผมอะไรไม่รู้ผมรู้สึก.... หงุดหงิด สงสัยจะเพราะเพื่อนทิ้ง....ให้มากินข้าวคนเดียวมั้ง
“อ่า ฮยอง..ไม่เป็นไรนะฮะ” คยองซูคงเห็นผมเงียบๆไปเลยสะกิดถามผม ซึ่งพอผมหันไปก็ต้องหัวเราะเบาๆที่เห็นคยองซูทำหน้าเหรอหราตาเหลือกใส่ผม คงตกใจที่เห็นผมเงียบๆเพราะปกติผมออกจะร่าเริงกับเด็กพวกนี้จะตายไป
“แสดงว่าวันนี้ฮยองว่างสิครับ งั้นไปกินข้าวกับพวกผมนะ” แบคฮยอนที่เห็นผมอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้วออกปากชวน
“ได้สิฮยองเป็นซาลาเปาเน่าแล้วล่ะวันนี้ ไม่มีใครต้องการแล้ว ฮ่าๆๆๆ” ผมพูดหัวเราะอารมณ์ดีไปกับเด็กๆ แต่ทันใดนั้น..
“ซาลาเปาเน่าอะไรกันฮะมินซอก” เสียงลู่หานดัวโกรธๆมาจากข้างหลังผม ผมสามคนก็หันหลังกลับไปดู เจอลู่หานยืนขมวดคิ้วแก้มพองเพราะโมโหอะไรซักอย่างอยู่โดยมีคริสและ..แน่นอนไอ้เด็กเซฮุนยืนเป็นแบ็คกราว และลู่หานยิ่งเดินเข้ามาใกล้ผมอีกเพราะผมไม่ได้พูดอะไร
“ทำไมนายพูดเหมือนพวกฉันทิ้งนายอย่างนั้นล่ะฮะ” ลู่หานยังพูดต่อไป และด้วยความน้อยใจอะไรบางอย่างกับความรู้สึกแปลกๆตั้งแต่เมื่อคืนจนมาถึงวันนี้ทำให้ผมตอบกลับไปด้วยเสียงเย็นๆ
“ถ้านายไม่ได้ทิ้งฉันแล้วทำไมฉันต้องเดินลงมาคนเดียวกับเด็กพวกนี้ล่ะ”
“ก็ ก็.... ก็แล้วทำไมนายมาหาฉันพร้อมกันกับคริสล่ะ ไม่งั้นเราก็ได้ลงมาพร้อมกันแล้วนะ” ลู่หานเหมือนกำลังนึกคำแก้ตัว ซึ่งไม่ทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นมาเลยซักนิด
“อ้อ... งั้นฉันผิดสินะ ฉันขอโทษด้วยแล้วกันที่ไม่ได้รอมาพร้อมกันกับนายแล้วก็...คนของนาย” ไม่รู้ผีบ้าอะไรเข้าสิงที่ทำให้ผมทำเสียงเย็นชาขนาดนั้นใส่ลู่หาน และเพราะคริสทำท่าเหมือนจะพูดอะไรผมก็เลยจูงมือคยองซูและแบคฮยอนที่ยืนหน้าเหวออยู่ตรงนั้นออกไปซื้อข้าวมากิน นี่มันวันอะไรโว้ยยยย หงุดหงิด...
“หมะ มินซอกฮยอง โกรธลู่หานฮยองเหรอครับ” คยองซูผู้ใสซื่อถามขึ้นมากล้าๆกลัวๆระหว่างที่พวกเรากำลังกินข้าว โดยมีแบคฮยอนทีมองอย่างระวังมาทางผมด้วย
อืม... ผมจะตอบว่าไงดีล่ะ หงุดหงิด เซ็ง น้อยใจ โกรธ ไม่รู้สิ มันหัวเสียแปลกๆ
“อืม ปกติน่ะ” เพราะเด็กสองคนนี้มองผมเพื่อเอาคำตอบอย่างเอาเป็นเอาตายผมเลยรีบตัดบทไป และผมสรุปเอาเองว่าอารมณ์ทั้งหมดนั่นคือกำลังโกรธ
“แปลกนะ ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นมินซอกจะโกรธใคร” อี้ชิง เพื่อนผมที่อยู่ห้องเดียวกันวางถาดอาหารแล้วนั่งลงข้างๆผมแล้วหลิ่วตามองผมเป็นสัญญาณบอกว่าเมื่อกี้เป็นเขาเองที่พูดและต้องการคำอธิบายจากผม
อี้ชิงเป็นเพื่อนที่จะเรียกว่าสนิทก็สนิทไม่สนิทก็ไม่สนิท อี้ชิงเป็นคนเฟรนลี่มากอย่างที่นี่ก็มาร่วมโต๊ะกินข้าวชาวบ้านโดยที่ไม่ถามอะไรซักคำ ทำเอาคยองซูกับแบคฮยอนเหวอไปเลยทีเดียว ซึ่งนั่นทำให้ผมต้องรีบแนะนำเพื่อนตัวเองให้คยองซูและแบคฮยอนรู้จักก่อนที่เด็กพวกนี้จะเอาไปนินทาว่ารุ่นพี่มันไม่มีมารยาท
“เอ่อ นี่จางอี้ชิงเป็นเพื่อนพี่เป็นเด็กแลกเปลี่ยนที่มาชุดเดียวกับคริส อี้ชิงนี่โดคยองซู กับพยอนแบคฮยอนนะเป็นรุ่นน้องเรา” ผมแนะนำให้ทั้งสองฝ่ายรู้จักกัน ซึ่งอี้ชิงดูสนใจคยองซูเป็นพิเศษ
“คยองซูนี่ใช่น้องคนที่มาที่ชมรมพร้อมจงอินทุกวันๆใช่มั้ย?” อี้ชิงดูจะคุ้นหน้าคยองซูเลยถามขึ้นมา
“คะ ครับ ใช่ครับ พี่จำผมได้...” คยองซูดูตกใจที่มีคนจำได้ และถ้าผมมองไม่ผิดคยองซูหน้าแดง
“พี่จำเด็กของจงอินมันได้ทุกคนแหล่ะ” อี้ชิงยิ้มแยกเขี้ยวร้ายกาจใส่คยองซู ซึ่งตอนนั้นแบคฮยอนที่นั่งเฉยๆมาตั้งแต่ทีแรกก็หลุดขำออกมาทำให้คยองซูหน้าหงิกขึ้นมาทั้นที
“ว่าแต่นายเถอะมินซอก โกรธอะไรกับคริสกับลู่หาน ทำไมแยกกันนั่งคนละโต๊ะแบบนี้” อี้ชิงพยักพเยิดไปอีกฝั่งของโรงอาหารที่มีพวกลู่หานนั่งอยู่
“แล้วเดี๋ยวนี้นายต้องมาแส่เรื่องชาวบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ” ด้วยความที่ผมสนิทกับอี้ชิงและไม่อยากให้เหตุผล ผมเลยพูดแบบนั้นใส่อี้ชิง
“โอ๊ย...ต่อให้ไม่ต้องชอบแส่นะมินซอกก็ต้องอยากรู้ นาย คริสกับลู่หานน่ะตัวติดกันอย่างกับอะไร อยู่ดีๆแยกกันนั่งแบบนี้เป็นใครก็ต้องสงสัยนะ” อี้ชิงพูดขึ้นมาอย่างรำคาญ บ่งบอกว่าอยากได้คำตอบมาก นี่อะไรมันจะสำคัญขนาดนั้น
“ก็เพื่อนโกรธกัน ธรรมดา” ผมยักไหล่เบาๆ เพื่อบอกว่ามันเล็กน้อยไม่ต้องเป็นห่วง
“แต่จะไม่เป็นไรจริงๆหรอวะมินซอกเมื่อกี้ฉันเห็นนะที่นายยืนทะเลาะกันที่ทางเข้าโรงอาหาร พอนายเดินออกมานะ ลู่หานทำตาแดงๆเมื่อจะร้องไห้ด้วยนะเว้ย” อี้ชิงเล่า
“นายตาฝาดแล้วอี้ชิง ใครที่ไหนจะร้องไห้ด้วยเรื่องแค่นี้กัน” ผมตอบอี้ชิงไปแบบนั้น
แต่ในความเป็นจริงแล้ว
ใจผมกระตุกวูบทันทีที่ได้ยินว่าลู่หานร้องไห้ หมอนั่นเป็นอะไรรึเปล่า เพราะผมรึเปล่าผมคิดอยู่แต่แบบนั้น มันเป็นห่วงและกังวลใจ และไม่รู้มันผิดมั้ยที่มุมนึงของความรู้สึกผมดีใจ...
ดีใจที่ลู่หานแคร์ผม...
ความคิดเห็น