คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 4th: วนิลาเชค
4th
cooked
เช้าวันจันทร์คือวันที่หลายคนเกลียด
คางามิ ไทกะ เองก็เช่นกัน...ต้องตื่นแต่เช้ามาโรงเรียนเพื่อพยายามยัดเยียดวิชาความรู้ที่ดูจะเกินสมองของตัวเองเข้าหัว
แล้วไหนจะอาการปวดบั้นท้ายสุดจะทานทนเนื่องจากการนั่งบนเก้าอี้ไม้แข็งๆติดต่อกันนานถึง
4 ชั่วโมงนี่อีกล่ะ....
นรกแตกสิ้นดี
คางามิไม่ใช่คนฉลาดหรือเก่งได้ขนาดนั้น
จริงๆชีวิตเขานอกจากบาสกับการทำอาหารก็ดูจะไม่มีอะไรเลยจริงๆ
ถึงเขาจะพูดภาษาอังกฤษได้คล่องปรื๋อ แต่จะให้มาตี Tense หรือทำข้อสอบ
Error นี่มันก็ไม่เข้าที
คางามิเลยได้คะแนนภาษาอังกฤษแค่พอผ่านแบบไม่อดสูมาตลอด แบบนี้หรือเปล่าที่เรียกว่าถนัดในด้านปฏิบัติมากกว่าทฤษฎี.
มาโรงเรียนวันจันทร์
คาบแรกก็เจอกับวิชาฟิสิกส์ตั้งแต่เช้า คางามิจำไม่ได้แล้วว่าเขาเคยชอบวิชาฟิสิกส์ตอนเรียน Grade ที่เท่าไหร่ตอนอยู่อเมริกา
เพราะวิชาฟิสิกส์ที่นู่นกับที่นี่ต่างกันลิบลับ แล้วไหนจะวิชาเคมีในคาบต่อมาที่คางามิเคยภูมิใจว่าตนได้ท็อปนักท็อปหนาตอนอยู่ที่เมืองนอกอีกล่ะ
ไหงพอมาอยู่ที่ญี่ปุ่นกลับกลายเป็นว่าไอ้ความรู้ที่เขาเรียนมามันแทบไม่ถึงครึ่งที่จะได้ใช้ที่นี่เลย!
อยากย้อนกลับไปที่อเมริกาเสียตอนนี้ให้มันรู้แล้วรู้รอด...
.
.
กว่าจะถึงคาบพักในตอนเที่ยง
คางามิก็แทบจะสลบตายคาโต๊ะเสียตรงนั้น ดังนั้นเมื่อเสียงออดดังขึ้นเมื่อหมดเวลา
คางามิจึงเป็นหนึ่งในหลายๆคนในห้องที่เก็บของลงกระเป๋าโดยไม่ต้องรอฟังเสียงครูบอกให้เลิกชั้นเรียนก่อนด้วยซ้ำ
“คุโรโกะ ไปกินข้าวกัน”
หันไปส่งยิ้มกว้างให้คู่หูที่ตอนนี้กำลังอ่านหนังสือนวนิยายเล่มเล็กในมืออยู่
“ไม่ล่ะครับ ผมไม่หิว”
น้ำเสียงราบเรียบของเด็กหนุ่มผู้จืดจางตอบกลับมา
ขณะที่มือขาวซีดอีกข้างพลิกหน้าหนังสือช้าๆ
“โถ่ คุโรโกะ
นี่นายยังไม่หายโกรธกันเรื่องนั้นอีกหรือไง” คางามิอยากจะร้องไห้
ทำไมเพื่อนรักของเขาถึงได้จงใจเมินกันได้ขนาดนี้นะ
ทั้งๆที่เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้อีกฝ่ายโกรธแท้ๆ
“ผมไม่ได้โกรธ...” ในที่สุดดวงตาสีฟ้าอ่อนก็ยอมละจากหนังสือในมือเข้าของขึ้นมาสบกับดวงตาเว้าวอนของผู้ถาม
ก่อนที่จะรีบตวัดสายตาหนีไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว
“ผมก็แค่...น้อยใจ
คางามิคุงนิดหน่อยล่ะมั้งครับ” ท้ายประโยคถูกเอ่ยออกมาแผ่วเบาก่อนที่จะกลับไปสนใจหนังสือในมือต่อทิ้งให้คางามินั่งทำหน้าเหวออยู่คนเดียว
.
.
.
วันนี้คางามิห่อข้าวมาเอง
เป็นข้าวผัดอเมริกันสไตล์บ้านๆแต่รสชาติก็จัดว่าพอตัวอยู่ ตอนแรกว่าจะชวนคุโรโกะไปกินข้าวด้วยกันบนดาดฟ้าซึ่งเป็นสถานที่ประจำแต่เพราะอีกฝ่ายยังคงให้ความสนใจแก่หนังสือในมืออยู่แบบนี้คางามิก็จำใจที่จะต้องแกะข้าวกล่องของตนขึ้นทานภายในห้องเรียนเงียบๆ
ดวงตาสีแดงเหลือบไปมองใต้โต๊ะเรียนของตนที่มีกระติกน้ำแบบพกพาวางไว้ในส่วนที่ลึกที่สุด...วนิลาเชคที่ตั้งใจว่าจะทำมาให้คุโรโกะ.
.
.
อาหารเที่ยงหมดลงอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึง
5 นาที คางามิหยิบขวดน้ำเปล่าของตนขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ๆก่อนจะเก็บกล่องอาหารลงกระเป๋าให้เรียบร้อย
ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งว่าจะทำอะไรต่อจากนี้ดีจนในที่สุดมือกร้านก็ค้นกระเป๋าอีกรอบและหยิบหนังสือเรียนสำหรับวิชาประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นที่จะเรียนในคาบต่อไปมาอ่าน
คางามิค้นพบว่าเวลาที่คนเราไม่สบายใจเรื่องอะไรสักเรื่อง
การอ่านหนังสือที่น่าเบื่อมากๆอย่างหนังสือเรียน...กลับทำให้ความรู้ไหลเข้าสมองมากกว่าที่คิด...อาจเพราะเขาพยายามเพ่งสมาธิกับหนังสือมากกว่าปกติเพื่อให้ลืมความรู้สึกที่ไม่สบายใจในตอนนี้ก็เป็นได้
.
.
.
คุโรโกะยังไม่พูดกับคางามิซักคำตั้งแต่พักเที่ยง
แม้แต่ตอนเข้าชมรมก็ยังคงไรซึ่งบทสนทนา...พวกเขายังคงพาสลูกให้กันเหมือนเดิม
เล่นเข้าขากันเหมือนเดิม หากแต่ไร้ซึ่งรอยยิ้มและคำพูด และถ้าคางามิจับสัมผัสไม่ผิด
เขาคิดว่าคุโรโกะกำลังใช้สายตาความกดดันใส่เขาเรื่อยๆเมื่อมีโอกาส แม้จะไม่ได้เอ่ยออกมาเป็นคำพูดแต่น่าแปลกที่คางามิสามารถแปลความหมายของมันออก
-คุณอยากจะให้มันเลวร้ายยิ่งไปกว่านี้หรือเปล่าครับ
คางามิคุง-
เหมือนการท้าทายเงียบๆในเชิงลึก
เหมือนกับว่าคู่หูของเขากำลังจะบอกเป็นนัยๆว่าหากไม่รีบมาง้อตนจะต้องเสียใจไปตลอดชาติยังไงอย่างนั้น...กดดัน , ไล่ต้อน...หากไม่ยอมทำตาม...จะต้องได้รับโทษ.
เมื่อคุโรโกะพาสลูกมาให้เขาอีกครั้ง
มันแรงเสียจนฝ่ามือทั้งสองรู้สึกเจ็บ
รู้ตัวเลยว่าตนเผลอแสดงสีหน้าออกไปเพราะสายตาของทุกคนที่มองมาทางเขาดูจะตื่นตกใจไม่น้อย
คางามิกำลังยืนอยู่กลางสนาม หากทว่าสายตาของเขากำลังมองไปที่แป้นชู้ต
พลันหูก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของบรรดารุ่นพี่ที่วิ่งมาล้อมหน้า
ทุกคนยแขนขึ้นพร้อมกันคางามิจากการใช้ลูกชู้ต3แต้มที่เดี๋ยวนี้เขามักจะใช้บ่อย
หากแต่เด็กหนุ่มกลับขว้างลูกบาสไปด้านหลัง
พร้อมกระโดดถอยหลังตามลูกบาสไป เอื้อมมือปัดลูกสีส้มๆให้เปลี่ยนทิศไปหาคุโรโกะก่อนจะวิ่งด้วยความเร็วติดสปีดระดับใหม่ที่ตนไปซุ่มฝึกมาไปที่แป้นภายในเวลาไม่ถึงเสี้ยววิ
และเมื่อคุโรโกะหาจังหวะพาสลูกมาทางเขาได้อีกครั้ง
คางามิก็กระโดดขึ้นไปด้วยแรงทั้งหมดเท่าที่มี
เป็นการกระโดดที่สูงที่สุดในการเล่นบาสของเขาเลยก็ว่าได้ ขาทั้งสองเหมือนจะถึงห่วงใต้แป้นอยู่รอมร่อและคางามิถือลูกเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง....
-3-2-1-
Kagami’s
Dunk!!!
.ลูกดั้งค์ลูกแรกในรอบสองสัปดาห์ของคางามิ
ไทกะทำให้เสียงโห่ร้องของสมาชิกทุกคนในเซย์รินดังก้องไปทั่วโรงยิมขนาดกลางนี้.
ดวงตาสีแดงของเจ้าของแต้มเมื่อครู่หันไปมองหน้าคู่หูเงามายาของตนที่กำลังส่งยิ้มมาให้จากบริเวณกลางสนาม
เป็นจุดเดียวกับที่ใช้ในการส่งลูกให้เขาเมื่อครู่
“ผมดีใจที่เห็นคุณดั้งค์ลูกอีกครั้งนะครับ
คางามิคุง”
“ฉันก็ดีใจ ที่นายเป็นเงาให้ฉัน
ขอบคุณนะคุโรโกะ”
.
.
.
มาจิเบอเกอร์วันนี้ยังคงมีสองร่างเจ้าประจำนั่งประจำตำแหน่งที่โต๊ะเดิม
คางามิยังคงเลือกที่จะกลับไปทำอาหารกินเองที่บ้านโดยอ้างว่าวัตถุดิบที่ซื้อไว้เมื่อวานยังไม่หมด
จึงขอมานั่งเฉยๆดื่มน้ำเปล่าเล่นขณะรอให้คุโรโกะดูดวนิลาเช็คแก้วของตนไปเงียบๆ
คางามิหยิบการบ้านวิชาชีววิทยาออกมาจากกระเป๋าเปิดอ่านโจทย์คร่าวๆแล้วอดที่จะขมวดคิ้วเบาๆไม่ได้
ทำไมมันถึงยากขนาดนี้นะ... คิดได้ดังนั้นก็เก็บหนังสือลงเพื่อที่จะจ้องหน้าเพื่อนร่วมโต๊ะฝั่งตรงข้าม
“ฉันขอโทษจริงๆที่เมื่อวานไม่ได้ส่งข้อความบอกนายตามที่นายขอไว้
พอถึงห้องฉันก็ทำอาหารกิน อาบน้ำ แล้วก็นอนเลย สารภาพเลยว่าลืมไปเสียสนิท”
คางามิเริ่มเปิดประเด็น
“ครับ แล้วไงต่อ”
ดวงตาสีฟ้าอ่อนตวัดมามองเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตวัดกลับไปมองนอกหน้าต่างต่อ
“ฉันขอโทษที่เมินนายทั้งวัน
แถมยังไม่รีบมาปรับความเข้าใจด้วย ฉันมันโง่งี่เง่าเอง” คางามิพูดรัวเร็ว
“แล้วไงต่อครับ”
คราวนี้คุโรโกะหันมาจ้องคางามิเขม็ง
“เอ่อ...ฉันนึกไม่ออกแล้ว”
ว่าจบก็เกาหัวแกรกๆเพราะเขาคิดไม่ออกแล้วจริงๆว่ายังมีเรื่องไหนที่ทำให้อีกฝ่ายโกรธได้อีก
“คุณต้องพูดว่า –จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก- สิครับ”
คุโรโกะยังคงถือไพ่เหนือกว่าฉีกยิ้มเล็กๆดูแล้วน่าหมั่นไส้
“เอาใหญ่เลยนะแก เออ ฉันจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก”
ท้ายเสียงสะบัดแต่ก็ยอมแต่โดยดี
“ขอบคุณมากครับ คางามิคุง” คุโรโกะคลี่ยิ้มกว้างในที่สุด
ขณะที่คางามิเองก็ลอบถอนหายใจออกมาเงียบๆ
.
.
.
หลังออกจากมาจิเบอเกอร์คางามิตามคุโรโกะมาซื้อหนังสือออกใหม่ด้วยกัน
แต่จริงๆเพราะมันเป็นทางกลับหอพักเขาด้วยนั่นแหละ
ผนวกกับคางามิโดนโค้ชริโกะขู่มาหยกๆว่าถ้าเขายังคงสอบตกเยอะขนาดนี้อยู่ล่ะก็จะถอดเขาออกจากชมรม
เขาเลยตัดสินใจว่ายังไงการสอบครั้งต่อไปก็ขอให้เขาผ่านแบบเฉียดเส้นบ้างก็ยังดี
ร้านหนังสือที่พวกเขาเข้าเป็นร้านหนังสือเจ้าประจำของคุโรโกเลย
เป็นร้านหนังสือขนาดกลางไม่ใหญ่และเล็กมากนัก ทั้งร้านตกแต่งด้วยการทาสีพาสเทลอ่อน
ให้ความรู้สึกหวานละมุนและอบอุ่นไปในคราวเดียวกัน
ตั้งแต่เดินเข้าร้านกลิ่นหนังสือและหน้ากระดาษก็รายล้อมรอบตัวของคางามิ
กลิ่นของเครื่องปรับอากาศและหน้ากระดาษให้ความลงตัวกันอย่างน่าประหลาดใจ ภายในมีหนังสือแบ่งเป็นชั้นเป็นหมวดหมู่อย่างเป็นระเบียบ
ชนิดที่ว่าแม้จะเพิ่งเคยมาครั้งแรกก็ไม่มีทางหลง
คุโรโกะขอตัวเดินไปดูไลท์โนเวลเล่มใหม่ที่อีกฝ่ายบอกว่าน่าจะส่งมาถึงร้านวันนี้พอดี
ขณะที่คางามิเดินไปทางโซนหหนังสืออ่านเสริมรายวิชาต่างๆ จัดการเปิดอ่านคร่าวๆแหละจงใจเลือกเล่มที่เล็ก
เนื้อหาสั้น และอ่านเข้าใจง่ายที่สุดติดกลับมาวิชาละหนึ่งเล่ม
เผลออีกทีหนังสือของคางามิก็ปาไปแล้ว5เล่ม เขาตัดสินใจเลือกซื้อเฉพาะหนังสือที่ใช้ความจำและความเข้าใจง่ายๆที่ไม่น่าเกินความสามารถของตน
คือฟิสิกส์ภาคทฤษฎี เคมี ชีวะ
ภาษาอังกฤษภาคทฤษฎี
และภาษาญี่ปุ่น เด็กหนุ่มไม่รอช้าหอบกองหนังสือไปชำระเงินที่เคาเตอร์ทันที แอบเหลือบเห็นพวงแก้มแดงๆของพนักงานสาวประจำเครื่องคิดเงินที่ตอนนี้กำลังคิดเงินค่าหนังสือให้เขาอยู่แต่คางามิก็ไม่คิดจะใส่ใจอยู่ดี
เสียงเครื่องคิดเงินยังคงทำงานต่อไปจนครบทุกเล่ม
สาวเจ้าถึงได้เงยหน้าขึ้นมามองหน้าคางามิอีกครั้งพร้อมพวงแก้มแดงปลั่ง
“ค คุณลูกค้าคะ คือว่ายอดเหลืออีกแค่ 500 เยนก็จะสามารถรับบัตรสมาชิกสำหรับใช้ลดหย่อนค่าหนังสือในครั้งต่อไปได้น่ะค่ะ
ถ้าสนใจล่ะก็สามารถเลือกหนังสือราคามากกว่าหรือเท่ากับ 500 เยนมาได้อีกเล่มนะคะ”
คางามิพยักหน้าเข้าใจบอกให้เจ้าหล่อนรอเขาสักครู่
ก่อนจะก้าวขายาวๆไปยังโซนหนังสือเพื่อหยิบหนังสือที่ตนต้องการและกลับมาภายในเวลาไม่ถึง
3 นาที
มือหนาวางหนังสือเล่มเล็กทว่าหนาที่ว่าลงบนเคาเตอร์ตรงหน้าพนักงานสาวอีกครั้งเพื่อที่เจ้าหล่อนจะได้คิดเงินเพิ่ม
หน้าปกสีน้ำเงินเข้มของหนังสือเล่มนั้นยังคงสะท้อนสู่นัยน์ตาสีแดงเข้ม....- Life of Pi –
สัมผัสแผ่วเบาสัมผัสที่แขนข้างขวาและเมื่อเด็กหนุ่มหันไป
คุโรโกะยื่นไลท์โนเวลของตนมาตรงหน้าพร้อมกับส่งเงินมาให้พร้อมเลยเสร็จสรรพ เหมือนจะบอกเป็นกลายๆว่าให้จ่ายเงินพร้อมกันเลย
คางามิรับเงินและหนังสือจากอีกฝ่ายมาและยื่นมันให้กับสาวตรงเคาเตอร์อีกครั้ง
ทว่าคราวนี้ดวงหน้าของเจ้าหล่อนไม่ได้แดงเพราะเขินอายเหมือนตอนแรกแต่กลับมีสีหน้าเจื่อนๆแทน
คางามิอาจไม่รู้
ว่าสายตาของเจ้าหล่อนกำลังจับจ้องอยู่ที่แขนอีกข้างของคางามิที่ไม่ได้กำลังยื่นหนังสือมาให้เธอ....แขนข้างขวาที่โดนแขนซ้ายของเด็กหนุ่มผมฟ้าคนข้างๆกำลังกอดแน่นอยู่
ดวงตาสีฟ้าอ่อนจ้องมาที่เธอเขม็งพร้อมสายตาที่เหมือนกับจะแทนคำพูดที่อีกฝ่ายต้องการจะพูดได้ทุกคำ.
-คนๆนี้ไม่ใช่ของคุณหรอกนะครับ-
.
.
.
คางามิกลับถึงห้องเร็วกว่าเมื่อวานอยู่มากโข
เขาบรรจงวางหนังสือไว้บนโซฟาหน้าทีวีลวกๆแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดส่งข้อความตามสัญญาที่ได้ให้ได้อย่างรวดเร็วเพราะกลัวจะโดนอีกฝ่ายโกรธแบบวันนี้อีก
ถึงห้องแล้วกำลังจะไปหุงข้าว
อย่าลืมการบ้านภาษาญี่ปุ่นพรุ่งนี้ขอลอกด้วย – Kagami Taiga (17.40)
เขาพับฝาโทรศัพท์ให้ปิดลง
โยนเครื่องแดงๆของมันลงบนโซฟาตัวเดียวกับที่วางหนังสือก่อนจะรีบจ้ำอ้าวเข้าครัว
จัดการตวงข้าวสำหรับการหุงพอแค่มื้อเย็นสำหรับตน
ทว่ายังไม่ทันได้ตวงถ้วยที่สองเสียงเคาะประตูแรงๆหน้าห้องก็ดังขึ้น
พร้อมเสียงยานคางที่แม้จะฟังไม่ชัดก็รู้เลยว่าใครมันมา
“เออโว้ย!! กำลังจะไป
เลิกเคาะได้แล้วอาโฮ่มิเนะ!!!”
.
.
.
“ข้าวหน้าเนื้อ!”
“แกงกะหรี่!”
“ก็บอกแล้วไงวะว่าส่วนผสมที่จะทำแกงกะหรี่มันหมด!!”
“ก็ไปซื้อสิวะ
บากะงามิ!!!”
คางามิอยากจะยันตีนใส่ไอ้เว-หน้าดำตรงหน้าเสียเหลือเกิน
มีอย่างที่ไหนบุกเข้าห้องคนอื่นพร้อมสั่งให้ทำแกงกะหรี่ให้ตนทานทั้งๆตัวเองก็เป็นแค่แขกแท้ๆ
“ฟังนะอาโอมิเนะ
แกงกะหรี่น่ะถ้านายอยากกินเอาไว้เสาร์อาทิตย์ได้หรือเปล่า
ฉันมีโอกาสไปซุปเปอร์มาร์เก็ตช่วงวันหยุดอยู่แล้ว ยังไงนายค่อยกินตอนนั้นก็ได้นี่”
พยายามใช้ไม้อ่อนเข้าช่วยเพราะดูท่าว่าการโวยวายแข่งกันนั้นนอกจากจะไม่ช่วยแล้วยังสร้างความรำคาญให้แก่ห้องข้างๆ
“ชิ..ก็ได้” อาโอมิเนะยอมลงให้ในที่สุด
“งั้นนายนั่งรอตรงนี้แหละ”
คางามิคว้าผ้ากันเปื้อนลายสก็อตสีน้ำเงินมาสวม หันหลังทำท่าว่าจะเดินเข้าครัวหากทว่าก็ต้องหันกลับมามองคนที่จู่ๆก็ลุกขึ้นเดินตามหลังเขามาแบบงงๆ
“อะไรของนาย?”
คางามิเลิกคิ้ว
“ฉันอยากช่วย”
สิ้นคำตอบของอาโอมิเนะ ไดกิ....คางามิจินตนาการได้ถึงลางร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นกับห้องครัวของเขาได้เลย นึกโทษตัวเองที่เมื่อเช้าดันตื่นทันมาดูรายการดวงเด็ดอาโฮ่อาสะที่เจ้ามิโดริมะอะไรนั่นเคยพูดถึงแล้วแท้ๆแต่ก็ยังไม่เชื่อคำทำนาย...
-ดวงของคนราศีสิงห์วันนี้ให้ระวังแขกที่ชอบมาเยี่ยมบ้านไว้ให้ดีนะคะ
เขาผู้นั้นจะเป็นคนที่นำมาซึ่งความเดือดร้อนและวุ่นวายแน่นอนค่ะ-
TBC
................................................................................................
จบท้ายด้วยหนังสือที่คางามิหยิบไปค่ะ
รูปนี้เป็นของพี่ทิพย์ค่ะ พี่เขารีวิวหนังสือภาษาอังกฤษเยอะมากอ่ะ ฟฟฟฟฟฟ ขอยื้มมาใช้นะคะ ยังไงใครสนใจอยากอ่านรีวิวพี่เขาสามารถติดตามได้ที่ลิ้ง LIFE OF PI นะคะ
เรื่องนี้เราเดาว่าหลายคนคงจะเคยดูหนังกัน เป็นเรื่องของเด็กชายติดอยู่บนเรือชูชีพกับเสือกลางทะเลค่ะ ต้องหาทางขึ้นฝั่งทั้งยังต้องระวังเสือกินตัวเองอีก ตอนจบเรื่องนี้เราประทับใจมาก นิยายสนุกแล้วนะพอมาทำเป็นหนังก็อลังการงานสร้างมาก คางามิเลือกเล่มนี้เพราะมีเหตุผลค่ะ ซึ่งเราจะยังไม่เอ่ยถึง....ตอนนี้ก็รู้แค่ว่าคางามิเลือกเล่มนี้เพราะมีสามสาเหตุละกันเนาะ
1. -----
2. เป็นนวนิยายภาษาอังกฤษที่คางามิอ่านได้คล่องกว่าภาษาญี่ปุ่นค่ะ
3. หน้าปกเป็นสีน้ำเงิน ....(เกี่ยว?)
วนิลาเชคน่าทานมากค่ะ....Bepine <3
ความคิดเห็น