คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 3rd: แกงกะหรี่
3rd
cooked
‘ใส่หัวใจลงไปในอาหาร? นี่แกกำลังเล่นลิ้นอะไรอยู่กันแน่’
‘ฉันไม่ได้เล่นลิ้น’
‘ถ้านายไม่พอใจกับอาหารของฉันก็พูดมาตรงๆเลยเถอะไม่ต้องอ้อมค้อม!!’
‘ใช่ ฉันไม่พอใจ!
เพราะอาหารสองมื้อนี้นายไม่ได้ตั้งใจทำมันเลยสักนิด!!!’
……………………………………………………………………………………………………………………….
เสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอตามฟุตบาตข้างอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ในสวนสาธารณะยามเช้าสางที่มีผู้คนบางตา
คางามิวิ่งไปเรื่อยๆโดยที่ไม่ได้นับจำนวนรอบ
ขาทั้งสองข้างยังคงลงเท้าสลับกันต่อเนื่องด้วยความเร็วคงที่
รู้สึกเย็นชื้นทุกครั้งที่สายลมอ่อนๆไหลผ่านร่างที่ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ...คางามิรู้สึกเย็นวาบที่ใบหน้าบริเวณสีข้างแก้ม
ดวงตาของเขาพร่ามัวไปชั่วขณะเมื่อมีม่านน้ำใสบดบังดวงตาของตน.
แล้วเด็กหนุ่มก็หยุดชะงักกิจกรรมการวิ่งมาราธอนของตนไปชั่วขณะ
ยกแขนขึ้นกวาดเช็ดบริเวณใบหน้าลวกๆ
เพื่อที่จะเริ่มออกวิ่งอีกครั้งด้วยสปีดที่เท่าเดิม...
.
.
.
‘ฟังนะไทกะ อาหารน่ะต่อให้อร่อยแค่ไหน
แต่ถ้าเราไม่ตั้งใจทำล่ะก็...คนกินเขาก็ไม่มีความสุขหรอก’
.
.
.
ร่างของ
คางามิ ไทกะ เอซหนึ่งเดียวแห่งทีมเซย์รินขณะนี้หอบจนตัวโยนหลังจากวิ่งเฉียดตายเข้ามาในโรงยิมที่โค้ชริโกะนัดไว้
ทันแบบฉิวเฉียด...แต่ก็ไม่พ้นโดนฝ่ามือมหาประลัยของโค้ชฟาดอยู่ดี
โทษฐานที่มาคนสุดท้าย
“คราวหลังจะไม่ทำอีกแล้วครับ!!!”
เป็นเสียงของคางามิเองที่ดังก้องโรงยิม
.
.
เพราะว่าเพิ่งจะชนะศึกวินเทอร์คัพมาได้ไม่นาน
แต่พวกเราทีมเซย์รินยังหวังที่จะชนะศึกอินเตอร์ไฮด์ครั้งใหม่ในปีหน้า
การซ้อมจึงยังคงถูกจัดไว้ในช่วงเวลาที่ต่อเนื่องแม้ว่าจะเป็นช่วงวันหยุดก็ตามที
พวกเขาแบ่งทีมกันคนละครึ่งและให้แข่งกันเองไปเรื่อยๆเพื่อปรับทักษะและฝึกการเล่นให้เข้าขากันไปในตัว
“คางามิคุง!”
คุโรโกะพาสลูกมาทางคางามิอย่างเต็มกำลัง
ซึ่งเจ้าตัวก็สามารถรับได้อย่างทันท่วงที และจัดการจบเกมทีมฝั่งตนเองด้วย -ลูกชู้ต3แต้ม- ในที่สุด เรียกเสียงฮือฮาจากทุกคนในทีมได้เป็นอย่างดี
ชายหนุ่มผมแดงเดินออกมาจากสนามทันทีเพื่อไปค้นกระเป๋าหยิบเอาขวดน้ำเกลือแร่ออกมาดื่มโดยไม่ลืมที่จะโยนอีกขวดให้คู่หูของตน
คางามิเหนื่อยเอาการเหมือนกันเมื่อต้องแข่งกับคนในทีมตัวเองแบบนี้ทั้งๆที่เพิ่งจะไปวิ่งไล่เหงื่อมาหมาดๆ
แม้จะไม่ถึงขั้นหมดสภาพแต่ก็จัดว่าหนักหนาเอาการอยู่ ตอนนี้ร่างกายของเขาเสียน้ำไปมากชนิดที่ว่าเอาเสื้อมาบิดๆคงได้น้ำออกมาเป็นแก้ว.
มือกร้านสีน้ำผึ้งอีกข้างยกขึ้นเสยผมตัวเองลวกๆไล่หยดเหงื่อให้ออกจากบริเวณเชิงผมได้ส่วนหนึ่ง
ก่อนจะกระพือเสื้อขึ้นลงหวังให้ลมแทรกผ่านเข้าไประบายความร้อนได้บ้าง
“คางามิคุง ขอคุยด้วยหน่อยสิ”
ดวงตาสีแดงสดตวัดไปตามเสียงเรียกของโค้ชสาวที่มายืนอยู่ข้างๆกัน
ก่อนจะตอบรับด้วยคำพูดสุภาพ “ครับโค้ช”
“คางามิคุงช่วงนี้ดูแปลกๆไปนะ
มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า?”
น้ำเสียงหวานใสแสดงความเป็นห่วงออกมาชัดเจน
หากแต่คำพูดที่หลุดออกมาทำเอาคางามิถึงกับสะดุ้ง
เสตาหลบสายตาที่เหมือนกับจะมองเขาได้แบบทะลุปรุโปร่งของผู้หญิงคนนี้
“ผมฟอร์มตกสินะครับ..”
เด็กหนุ่มตัวโย่งก้มหน้านิ่ง ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตา
“เปล่าหรอก
แค่...รู้สึกว่าคางามิคุงไม่ร่าเริงเหมือนเดิมน่ะ”
สาวเจ้าเว้นวรรคไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ “ก็นายไม่ได้ทำตัวเป็น –บากะงามิ-
มาได้ตั้งอาทิตย์กว่าแล้วนี่นา”
คางามิเลิกคิ้ว
กำลังจะอ้าปากแย้งหากหว่าก็ถูกดักคอไว้ด้วยเสียงใสๆเสียก่อน
“ยังไงตราบใดที่มันไม่กระทบการซ้อมมากฉันจะทำเป็นปล่อยๆไปก่อนละกัน
แต่ถ้ามีเรื่องอะไรไม่สบายใจจริงๆ พวกเราก็พร้อมรับฟังนะคางามิคุง”
โค้ชสาวคลี่ยิ้มหวาน
“ยังไงพวกเราก็คือทีมเดียวกันนะครับ
คางามิคุง” คุโรโกะที่อยู่มานานแล้วแต่เพิ่งจะมีบทเอ่ยแทรกเพื่อแสดงถึงการมีอยู่ของตน
ทำเอาทั้งคางามิและริโกะขวัญผวาไปตามๆกัน พลันดวงตาสีแดงสดเหลือบไปเห็นเจ้าเบอร์สองจะคลานออกมาจากกระเป๋าเป้ของคุโรโกะแล้ววิ่งเข้ามาหาตน
ขายาวๆจึงไม่รอช้าที่จะโกยแนบไปจากบริเวณนั้นทันที.
เสียงร้องโหยหวนของบุรุษผู้กลัวหมา(น้อย)และเสียงหัวเราะของทุกคนในทีมเซย์รินดังก้องไปทั่วโรงยิมขนาดกลาง
เด็กหนุ่มนาม คางามิ ไทกะ วิ่งวนเป็นวงกลมหนีเจ้านิโกว หมาน้อยน่ารักที่วิ่งตามด้วยสี่ขาเล็กๆของมันอย่างไม่ย่อท้อ...
การออกกำลังกายแบบสุดโต่งผนวกกับความกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจอันมีสาเหตุมาจากเจ้าหมาน้อยทำให้คางามิเหนื่อย ไอ้เวรคุโรโกะ!
เสียงหัวเราะของทุกคนในทีมยิ่งทำให้คางามิอยากร้องไห้
อย่าให้ถึงทีเขาบ้างละกัน!
*แต่โดยภาพรวมแล้ว...คางามิ ไทกะกำลังมีความสุข*
.
.
.
.
คางามินั่งมองคุโรโกะดูดเครื่องดื่มกลิ่นวนิลาด้วยสายตาเนือยๆ
เพราะอีกฝ่ายขอไว้ว่าจะแวะร้านมาจิเบอร์เกอร์ในตอนเย็น
ถ้าเป็นปกติคางามิคงไม่รีรอที่จะสั่งเบอร์เกอร์เซ็ตยักมานั่งสวาปามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่เพราะวันนี้เจ้าตัววางแผนไว้แล้วว่าจะไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ตมาทำอาหารเอง
เมนูเบอร์เกอร์ชุดใหญ่จึงเป็นอันยกเลิกและกลายเป็นว่าต้องมานั่งมองเพื่อนผู้จืดจางดูดน้ำแทน
เด็กหนุ่มร่างสูงเปิดปากหาวหวอดหนึ่ง
ในใจอยากจะฟุบหลับลงไปกับโต๊ะเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่ยังไม่ทันที่ศีรษะจะทันได้สัมผัสกับขอบโต๊ะเสียงวางแก้ววนิลาเชคที่หมดเกลี้ยงก็เรียกสายตาของคางามิขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
“จะสั่งอะไรเพิ่มอีกไหมล่ะ?”
คางามิถาม
“ไม่ล่ะครับ”
คุโรโกะหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดปากของตนก่อนจะเรียกคิดเงินเสร็จสรรพ
หลังจากนั้นพวกเขาจึงเดินไปต่อที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อที่คางามิจะได้ซื้อของเข้าบ้านและคุโรโกะเองก็จะได้ซื้อของให้แม่
พวกเขาเดินเข็นรถคู่กันไปเรื่อยๆตามบล็อคต่างๆของห้าง ค่อยๆหยิบค่อยๆจับของลงรถเข็นอย่างไม่รีบร้อนหากทว่าคล่องแคล่ว
จนในที่สุดของในส่วนของคางามิก็เกือบครบ จะเหลือก็แต่พวกผักนิดหน่อยสำหรับทำแกงกะหรี่ที่จะเป็นมื้อเย็นวันนี้
เมื่อมาถึงโซนขายผัก คางามิหยิบถุงพลาสติกมาใส่ผักที่ต้องการแล้วใส่ลงรถเข็นอย่างรวดเร็ว
เริ่มจากหอมหัวใหญ่ที่แห้งและไม่มีส่วนนิ่ม แครอทสีส้มผิวเรียบและขั้วยังเป็นสีเขียว
สุดท้ายคือมันฝรั่งที่มีสีเหลืององและเนื้อแน่น
หันไปมองข้างๆเจอเพื่อนตัวเล็กที่ตอนนี้กำลังจ้องเขาตาไม่กะพริบอยู่ก็ถึงกับผงะ
“คางามิคุงดูจะรู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับการทำอาหารเลยนะครับ
ใครสอนหรือครับ?”
คนถูกเอ่ยถามเม้มปากก้มลงมองของในรถเข็นอย่างชั่งใจครู่หนึ่ง
“แม่เป็นคนสอนน่ะ”
คนผมฟ้าเลิกคิ้วเมื่อเขาพูดจบ
ดูจะตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยินคำตอบที่คาดไม่ถึง
“ที่ฉันเริ่มทำอาหารก็เพราะแม่นี่แหละ
จำได้ว่าเลยล่ะว่าตอนทำครั้งแรกมันรสชาติห่วยขนาดไหน ฮ่ะๆ”
ดวงตาสีแดงจับจ้องไปที่ภาพของพ่อแม่ลูกที่เดินซื้ออาหารสดอยู่ในโซนใกล้ๆ
“ตอนนั้นไม่ว่าแม่จะสอนยังไง
ฉันก็ไม่สามารถทำอาหารได้อร่อยเสียที แค่กินได้ก็บุญแล้วในตอนนั้น” - อาหารจานแรกที่ทำคือไข่เจียว จำได้ว่าไหม้ไปกว่าครึ่งแผ่น-
“พอแม่เสีย
ฉันก็เป็นบ้าเป็นหลังอยู่คนเดียว เวลาว่างก็เข้าครัวฝึกทำอาหาร
ตอนนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตฉันคงจะเป็นบาสกับการทำอาหารล่ะมั้ง” - เลิกเรียนเสร็จก็เล่นบาส
กลับถึงบ้านก็เอาแต่เข้าครัวทำอาหารรอพ่อ
“ไปๆมาๆ
อาหารที่ฉันทำก็กลายเป็นอาหารที่หลายคนมองว่าอร่อยขึ้นมาเสียดื้อๆ...แต่ล่าสุดก็เพิ่งโดนเจ้าอาโฮ่มิเนะนั่นวิจารณ์มาว่าอาหารของฉันมันไร้ความตั้งใจ
ให้ตายเถอะ เล่นเอาเสียเซลฟ์ไปเลยแฮะ” หลุบสายตากลับมามองข้างของเต็มรถเข็น
แวบหนึ่งที่เผลอคิดถึงใบหน้าดำๆกวนอวัยวะเบื้องล่างของคนบางคนจนเผลอบ่นออกไปจนได้
-ถ้าได้เจอหมอนั่นอีกก็คงดี...จะได้ทำอาหารแก้มือเสียหน่อย-
“จริงๆแล้วอาโอมิเนะคุงน่ะ
เขาเป็นห่วงคางามิคุงนะครับ”
คุโรโกะที่เงียบไปนานเอ่ยขึ้นก่อนจะยิ้มจางๆให้แสงคนปัจจุบันของตนที่ตอนนี้ทำหน้าตาเหรอหราอยู่
“เขาอาจจะพูดจาเราะร้ายไปบ้าง
แต่เขาก็เจตนาดีนะครับ” คุโรโกะรอดูท่าทีของคางามิก่อนจะพูดต่อ “ที่พวกบุกไปบ้านของคางามิคุงเมื่อวาน
จริงๆแล้วมันไม่ได้มีสาเหตุแค่เพราะอาโอมิเนะคุงอยากกินไก่เทอริยากิหรอกนะครับ”
ริมฝีปากบางสวยอมยิ้มพร้อมกับดวงตาที่พราวระยับ
“สาเหตุทั้งหมดน่ะ...ก็เพราะคางามิคุงต่างหากล่ะ”
.
.
.
คางามิมาถึงหอพักตัวเองก็เกือบจะทุ่มนึงเข้าให้แล้ว
ทั้งๆที่รีบจ่ายเงินแล้วรีบเดินมาโดยลืมแม้กระทั่งบอกลาคุโรโกะอย่างทุกที
มารู้ตัวอีกทีเขาก็เดินมาตั้งไกลแล้วเนี่ยแหละเลยต้องส่งข้อความไปขอโทษขอโพยอีกฝ่ายกันยกใหญ่
ขอโทษจริงๆนะคุโรโกะ
พอดีฉันรีบกลับเลยไม่ได้อยู่รอนาย หวังว่านายไม่ได้โกรธกันนะ –Kagami Taiga (18.56)
ผมเข้าใจครับคางามิคุง
ไม่ได้โกรธคุณหรอก ซุปเปอร์มาร์เก็ตมันไกลจากหอพักคุณนี่นา ยังไงถึงบ้านแล้วก็ส่งข้อความมาบอกผมด้วยนะครับ –Kuroko Tetsuya (19.01)
ส่งข้อความเสร็จคางามิก็มาถึงบันไดขึ้นห้องพอดี
เขาก้าวขาขั้นบันได้ทีละสองขั้นด้วยความรีบร้อนเพราะเสียงร้องครวญของกะเพราะเขามันดังโครกครากน่าเวทนาจริงๆ
“ก้าวขึ้นบันไดทีละสองขั้นแบบนั้นระวังจะตกบันไดตายเข้าสักวัน”
น้ำเสียงยียวนของคนที่แม้จะไม่ค่อยได้เจอแต่กลับเป็นเสียงที่คางามิจำได้ดีดังขึ้นมาจากบริเวณเหนือหัว
เขารีบเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะขมวดคิ้วน้อยๆเมื่อสิ่งที่ตนตนคิดนั้นถูกต้อง
“มาทำห่*อะไรที่นี่
อาโอมิเนะ ไดกิ”
ตอนนี้คางามิ
ไทกะโมโหหิวเกินกว่าจะมาพูดจาดีๆกับใครทั้งสิ้น และยิ่งคนนั้นเป็นอาโอมิเนะ
ไดกิด้วยแล้ว สุนัขในปากก็ยิ่งไม่จำเป็นต้องล่ามโซ่ไว้ให้เปลืองแรง
“นั่นผงแกงกะหรี่นี่
นายกำลังจะทำแกงกะหรี่ใช่หรือเปล่า? เอ้าเร็ว! รีบขึ้นมาซะสิ”
หน้าตาของคนตัวดำยังคงยียวนกวนประสาทเช่นเดิมแถมยังจงใจเปลี่ยนเรื่องหน้าด้านๆยิ่งทำให้คางามิอารมณ์เสีย
แต่เพราะตอนนี้สวัสดิภาพของพยาธิในท้องสำคัญกว่าเขาจึงเลือกที่จะเลิกต่อปากต่อคำและเดินขึ้นบันไดไปยืนข้างอีกฝ่ายโดยไม่บ่น
“สรุปคือนายจะมาฝากท้องอีกแล้วสินะ”
จัดการยัดถุงจากซุปเปอร์มาร์เก็ตใส่มืออีกฝ่ายเพื่อที่จะหยิบกุญแจจากกระเป๋ากางเกงด้านขวามาไขประตูห้อง
เปิดกว้างเรียกให้อีกคนเดินเข้ามา
“จะให้เอาของวางไว้ที่ห้องครัวหรือว่าบนโต๊ะกินข้าว?” อาโอมิเนะที่เดินเข้าส่วนของห้องรับแขกไปก่อนเพราะเจ้าตัวใช้ยุทธวิธีการสะบัดรองเท้ากองระนาดกับพื้นเอ่ยถามเจ้าของห้องที่ตอนนี้กำลังง่วนกับเชือกรองเท้าอยู่
คางามิที่กำลังถอดรองเท้าเงยหน้าขึ้นมามองผิวเข้มแบบงงๆเพราะเมื่อครู่ฟังคำถามไม่ทัน
“โทษที เมื่อกี๊นายถามว่าอะไรนะ?”
“ฉันถามว่าจะให้เอาของวางไว้ที่ห้องครัวหรือว่าบนโต๊ะกินข้าว”
อาโอมิเนะทำหน้าเหม็นเบื่อ
“ไว้ตรงโต๊ะกินข้าวนั่นแหละ เดี๋ยวฉันจะจัดของเอง”
คางามิที่ถอดรองเท้าเสร็จเรียบร้อยแล้วลุกขึ้นเดินไปเปิดทีวีให้อีกคนก่อนจะรุนหลังร่างที่โตไม่ต่างกับตัวเองไปนั่งแหมะบนโซฟารับแขกตัวเขื่องแล้วพูดเสริม
“นั่งดูทีวีเงียบๆรอฉันทำอาหารตรงนี้แหละ”
.
.
ไม่ถึงชั่วโมง
แกงกะหรี่ร้อนๆราดบนข้าวสวยที่เพิ่งหุงเสร็จใหม่ๆก็ถูกจัดวางบนโต๊ะ และถูกจัดการโดยคนสองคนจนหมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่ถึง
15 นาที
ไม่แน่ใจว่าสาเหตุมาจากความหิวไส้กิ่วหรือเพราะอาหารมันอร่อยจริงๆกันแน่
อาโอมิเนะเป็นคนแย่งจานของคางามิไปเก็บ
แถมยังลอยชายล้างจานชามให้เขาแบบหน้าตาเฉย
พอจะเดินเข้าไปช่วยก็มักจะมีเสียงคำรามในลำคอเหมือนหมาไม่มีผิด คิดแล้วก็สยอง. ผนวกกับที่คางามิจนปัญญาจะห้ามจึงได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามอำเภอใจ
คอยบอกตำแหน่งของที่เก็บจานกับอุปกรณ์งานครัวให้อีกฝ่าย และภาวนาในใจลึกๆไม่ให้อีกฝ่ายทำลายล้างห้องครัวของเขา.
กว่าอาโอมิเนะจะล้างจานกับเช็ดจานเสร็จก็ปาไปแล้วสองทุ่มกว่า...
คางามิปฏิญาณเลยว่า เขาจะไม่ให้อาโอมิเนะล้างจานอีก
เพราะนอกจากจะเปลืองน้ำประปาโดยใช่เหตุแล้วยังเปลืองเวลาอีกต่างหาก.
เพราะวันนี้คือวันอาทิตย์ซึ่งพรุ่งนี้นักเรียนทุกคนต้องไปโรงเรียน
อาโอมิเนะจึงต้องรีบกลับบ้านโดยมีคางามิมายืนรอแท็กซี่เป็นเพื่อน อาจเพราะอากาศในเวลากลางคืนที่ค่อนข้างหนาวทำให้พวกเขายืนชิดกันทั้งๆที่มีที่ให้ยืนตั้งมากมาย...
คางามิสังเกตว่าอาโอมิเนะยืนชิดขากับเขามาก
เหมือนแมวเลยแฮะ...เป็นเพราะหมอนี่มีสัญชาตญาณแบบเสือดำด้วยรึเปล่านะ
เมื่อรถแท็กซี่มาจอดตรงหน้า อาโอมิเนะหันมาหาเขาก่อนจะคลี่ยิ้มแบบที่คางามิเพิ่งจะเคยได้เห็น
เป็นรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้มแสยะหรือกวนอวัยวะเบื้องล่างเหมือนอย่างทุกที
แวบหนึ่งที่คางามิเผลอคิด
ว่าจริงๆแล้วอาโอมิเนะ ไดกิ ก็ไม่ได้เลวร้าย
“ฉันดีใจที่นายเริ่มกลับมาเป็น-บากะงามิ-แบบเดิมแล้วนะ ถึงจะไม่ทั้งหมดก็เถอะ
บอกตามตรงเลยว่าแกตอนซึมๆอึนๆนี่มันไม่เหมือนแกเลยว่ะ ฮ่าๆๆ” อาโอมิเนะพูดทิ้งท้ายก่อนจะวิ่งปรู้ดขึ้นรถแท็กซี่โดยมีเสียงด่าทอสาปแช่งของคางามิตามหลัง
โอเค...เขาขอถอนคำพูด
-ผู้ชายชื่อ อาโอมิเนะ ไดกิ ไม่มีทางหลุดออกจากบัญชีหนังหมาของเขาได้-
TBC.
………………………………………………………………………………………………………………
ใช้เวลาเขียนนานแฮะ
ถถถถถ เราสัญญาว่าถ้าคอมเมนต์ครบ 13
เราจะมาแต่งต่อ
ซึ่งก็ครบเร็วกว่าที่คิดแฮะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
ตอนแรกทุกคนสงสัยกันมากเลยว่าอาโฮ่ใช่ตัวจริงไหม? – คือในสายตาเราเราคิดว่าอาโฮ่มันไม่ได้โฮ่เสมอไปนะ
อันนี้ก็แล้วแต่จะคิดเนาะ ยังไงก็ลองมาเจออาโฮ่เวอร์ชั่นนี้ดูนะคะ อาจจะดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาบ้าง
T^T
พล็อตของเรื่องเป็นการแก้ปมทีละปมค่ะ
คนที่ติดตามผลงานบีไพน์จะรู้นิสัยเลยว่าบีไพน์ชอบแต่งฟิคแบบที่ทิ้งปมไว้ตอนต้นเรื่องเยอะๆแล้วค่อยๆคลายปมทีละปมไปเรื่อยๆ
เราเข้าใจนะถ้าใครอ่านตอนที่สองของเราแล้วจะงง เราเข้าใจค่ะ
เราเองถ้าไม่ใช่คนแต่งเองก็จะงง แต่ขอร้องให้ตามอ่านไปเรื่อยๆก่อนนะคะ
แล้วปมมันจะค่อยๆเผยออกมาเอง
ตอนนี้เราทิ้งคีย์เวิร์ดไว้เยอะมากกกกกค่ะ
คือแบบถ้าอ่านเจอคีย์เวิร์ดแล้วคิดตามล่ะก็คุณจะเริ่มเดาทางออกแล้วล่ะ ยังไงถ้ายังไม่เข้าใจก็ไม่ต้องซีเรียสค่ะ
มีเฉลยแน่นอน แต่คงไม่ใช่ตอนใกล้ๆนี้เพราะเรากะจะเฉลยตอนกลางๆเรื่อง-หรือไม่ก็ท้ายเรื่อง
หวังว่าทุกคนจะไม่เบื่อไปก่อน
และหวังว่าทุกคนจะเอ็นจอยรีดดิ้งกับฟิคของบีไพน์นะคะ
ปล.ยังไม่ได้ตรวจคำผิด...อีกแล้ว
แกงกะหรี่ของคางามิ รสชาติจะเป็นยังไงนะ หิวจังเลย...-ฺBEPINE
ความคิดเห็น