ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เวลาที่หายไป…ใครสักคน

    ลำดับตอนที่ #1 : 01:00

    • อัปเดตล่าสุด 21 มี.ค. 54


    เวลาที่หายไปใครสักคน


     

    “คงจะมีรักจริงรออยู่ที่ดินแดนใดสักแห่ง
    คงมีใครสักคนรออยู่ตรงนั้น
    คงมีความหมายใดซ่อนอยู่ในการรอคอยที่แสนนาน
    คงจะมีสักวันฉันคงได้เจอ

    ข้ามขอบฟ้าหรือขุนเขา ข้ามแผ่นน้ำทะเลกว้างใหญ่
    แต่ฉันจะไปหาเธอ
    จะขอรวมคำว่ารักเหล่านี้ ทวีความหมายและคุณค่า
    จะขอเอามามอบไว้ให้เธอผู้เดียว
    คงจะมีรักจริงรออยู่ ที่ดินแดนใดสักแห่ง...

     

     

                    ยายมุขทางนี้”

    เพียงเดือนพยายามตะโกนเรียกเพื่อนสาวที่เดินเข้ามาในสนามบินภูเก็ต เพื่อนเธอเป็นสาวชาวเหนือ แต่ร่างที่สูงเพรียวกับผิวสีแทนและดวงตาคมโตคู่นั้น ทำให้เธอกลมกลืนกับสาวใต้ได้อย่างลงตัว

    “ยายมุขจะไปไหน ฉันอยู่นี่” เพียงเดินพยายามตะโกนเรียกประกายมุขที่เดินเหม่อโดยไม่เห็นเธอ  เพียงเดือนทนไม่ไหวเห็นทีตะโกนอยู่อย่างนี้คงไม่ได้การ เธอจึงกระโดดข้ามรั้วเหล็กไปคว้าตัวเพื่อนสาวทันที

                    เฮ้ย ! ยายเดือนแกทำอะไรของแกวะ ตกใจหมดเลย”

              ไม่ตกใจได้ไงล่ะ ก็เล่นเหม่อซะ ฉันร้องเรียกซะจนคอแหบคอแห้งแล้ว”

                    เออ โทษทีพอดีฟังเพลงเพลินไปหน่อย มันอินอะ”

                    เพลงของ crescendo เพลงเดิม ๆ ของแกอีกละสิ ช่างมันเถอะ ไปเถอะ แล้วนี่แกบอกแม่แกว่าไง เค้าถึงยอมให้มา”

              เออฉันก็บอกแม่ไปตามตรงไงว่าเจ้านายให้เปลี่ยนมาทำงานที่สาขาใหม่”

                    “บอกแค่เนี่ย แม่แกให้มาเหรอ ที่เมื่อก่อนฉันชวนแกมาบ้านฉัน ให้ตายแม่แกก็ไม่ให้แกมาเหยียบภูเก็ตเด็ดขาด แกบอกแม่แกจริง ๆ เหรอหรือว่าหนีมา”

                    “ฉันไม่ใช่เด็กจะได้หนีออกจากบ้าน ฉันแค่บอกแม่ว่าไปศึกษางานสามเดือนที่ออสเตเรียนะ

              ว่าไงนะ ตายดีนะที่แม่แกไม่โทรมาหาฉัน ว่าแต่ภูเก็ตใกล้กว่าออสเตเรียอีก ทำไมแม่แกไม่ให้มาหรือว่าแม่แกกลัวสึนามิ”

              คงงั้นมั้ง เพราะแต่ไหนแต่ไรมาแม่ไม่ยอมให้เห็นทะเลเลย ข่าวสึนามิ รายการท่องเที่ยว วาดรูปอะไรที่เกี่ยวกับทะเล แม่สั่งห้ามหมด ฉันเลยต้องแอบมา”

    นี่แม่แกกลัวสึนามิขนาดนั้นเลยเหรอ”

    คงงั้นมั้ง เห็นว่าคนตายเยอะ แม่คงเห็นภาพแล้วกลัว แต่สึนามิมันไม่มาแล้วละผ่านไปตั้งนานแล้ว แม่นะแม่กลัวอยู่ได้”

                    นั้นสิ...ไปเหอะแม่แกคงห่วงลูกสาวมากกว่าละมั้ง ไปเถอะพักที่ห้องพักฉัน ห้องพักฉันนะอยู่ไม่ไกลจากริมทะเลรับรองแกชอบแน่”

                    คราวนี้ละ ฉันจะได้เห็นทะเลสักที อยากรู้ว่าทะเลจะสวยขนาดไหน”

     ประกายมุขยิ้มร่า ภาพท้องทะเลที่วาดฝันไว้จะได้เห็นก็คราวนี้แหละ

                    โอ้ย ! 

    ประกายมุขเซไปเล็กน้อยเมื่อชนเข้ากับชายหนุ่มร่างสูง ผิวคล้ำ ดวงตาเขาดุดันจนน่ากลัว

                    ขอโทษครับ” เขาตอบประกายมุขสั้น ๆ แค่สบตาประกายมุขก็รู้สึก เหมือนมีอะไรบางอย่างที่สะกิดต่อมความรู้สึกของเธอ หรือเป็นเพราะดวงตาที่ดุของเขา ทำให้ใคร ๆ ที่เห็นต้องเกรงกลัว 

                    มีอะไรเหรอยายมุข” เพียงเดือนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ เอ่ยถามเมื่อเห็นประกายมุขนิ่งเงียบ

                    อ๋อ เปล่า ขอโทษค่ะ” ประกายมุขพูดแค่นั้นแล้วเดินจากไป

              ชายหนุ่มมองประกายมุขที่เดินจากไปโดยไม่ใส่ใจ ก่อนจะหยิบสิ่งของบางอย่างออกมาจากกระเป๋า

                    คำทำนายบอกว่าเธอจะมาในวันนี้ ฉันจะต้องตามเธอมาล้างแค้นให้ได้ ดาริกา”

     

    ………………………………………………………………………………………………………………

                   

    ถึงสักที ยายมุขมาเหนื่อย ๆ แกนอนก่อนละกัน เดี๋ยวฉันไปทำอะไรให้กิน”

                    เออดีมาก เพื่อนที่ดีต้องเป็นแบบแกนี่แหละ รีบ ๆ ไปทำซะฉันจะนอนรอกิน”

              เออ นิสัยแกตั้งแต่อยู่ที่มหา’ลัยไม่เคยเปลี่ยนเลย แต่ถ้าหลับเพลินฉันไม่ปลุกไปกินนะโว้ย”

                    เออรับรอง ห้าว ไม่หลับ” ประกายมุขตอบพร้อมกับหาววอดเพราะความเหนื่อยจาการนั่งเครื่อง

    มานาน เธอหยิบสร้อยแฟชั่นที่สวมไว้ขึ้นมาดูเวลา แล้วสายตาเธอก็ค่อย ๆ พร่าเลือน

     

                    สวย สวยมาก” ประกายมุขอุทานอย่างแปลกใจ ในขณะที่ยืนอยู่บนเรือยอตช์และมองไปยังเบื้องหน้า เธอพบกับเกาะสูงใหญ่กลางท้องทะเล ไม่มีพื้นทรายให้เหยียบย้ำ แต่ที่ทำให้ประกายมุขอุทานอย่างแปลกใจเพราะเกาะแห่งนี้กำลังส่องแสงสว่างไสว เหนือเกาะมีดวงดาวนับร้อยพันเกาะกลุ่มลอยตัวอยู่ยอดเกาะกำลังสาดแสงสว่างไสวลงมา ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก  ประกายมุขเหมือนตกในภวังค์จนอยากเอื้อมมือไปสัมผัสเกาะแห่งนี้

    “อีกนิดเดียว” ประกายมุขอุทานและพยายามเอื้อมมือคว้า ยิ่งพยายามเหมือนมันจะยิ่งไกล จนเธอต้องปีนไปตรงขอบเรือ

    “ใกล้แล้ว” ประกายมุขยังไม่ละความพยายามจนกระทั้ง

    “ว้าย” ประกายมุขมีความรู้สึกเหมือนตัวเองตกไปในเหวไหนสักแห่งก่อนจะสะดุ้งตื่นพร้อมเสียงเพียงเดือน

                    กรี๊ด ยายมุข”

                    เป็นอะไรยายเดือนร้องซะลั่นบ้าน”

                    ก็แกดิเอาอะไร มาแขวนคอไว้ ฉันเห็นแสงสว่างมาจากคอแก”

                    ประกายมุขคว้าสร้อยที่สวมมาดู มันเป็นสร้อยนาฬิกาแฟชั่นทำจากทองเหลือง จี้ของมันเป็นวงกลมขนาดใหญ่ ตรงกลางนูนขึ้นเป็นรูปหัวใจ ตกแต่งด้วยลายอักษรภาษาคล้ายภาษายาวี

                    มันเป็นสร้อยที่แม่กับพ่อฉันออกแบบและให้ช่างทำให้ฉันเป็นของขวัญวันเกิดนะ

                    อื้อหือ สมกับเป็นลูกสาวศิลปินจริง ๆ แม่แกออกแบบมาสวยอย่างกะสร้อยแฟนซีในเทพนิยายเลย มีแสงสว่างออกมาด้วย

                    บ้าแสงอะไร แกตาฟาดแล้ว มันก็สร้อยแฟชั่นธรรมดาแหละ ฉันนะชอบตรงหัวใจที่เป็นนาฬิกานี่แหละ บางครั้งดูแล้วมันทำให้ฉันเหงา ๆ ยังไงไม่รู้

                    คิดมากเกี่ยวกับเวลาที่หายไปอีกละซิ แต่ฉันเห็นแสงจากสร้อยแกจริง ๆนะ

                    บ้าเหรอ แต่ฉันว่าฉันได้กลิ่น ”

                    นั่นไง แกรู้สึกถึงความแปลกแล้วใช่ไหมละ บอกมาสิว่าแกได้กลิ่นยังไง”

                    ใช่ฉันได้กลิ่น กลิ่นเหมือนปลาไหม้”

                    นั้นไงว่าแล้ว ฮะอะไรนะ โอ้ยตาย น้องปลาของแม่” เพียงเดือนวิ่งไปหลังครัวอย่างรีบเร่ง

    “ตายแล้วน้องปลาซ๊อคโกแลตของแม่” เพียงเดือนบ่นอยู่หลังครัว ประกายมุขหัวเราะอย่าขำ ๆ ก่อนจะหยิบสร้อยซึ่งเป็นของขวัญวันเกิดขึ้นมา

    “ใส่ไว้ ของขวัญวันเกิด”

    “ห้ามถอดเด็ดขาดนะลูก”

    เสียงพ่อกับแม่บอกเธอในวันที่ให้สร้อยเธอมาทั้งที่วันเกิดของเธออีกตั้งสามเดือนข้างหน้า

                    แม่นี่เห่อจริง ๆ ดูดิจี่อันใหญ่อย่างกะสร้อยเทพนิยายจริง ๆ แหละ” ประกายมุขพูดเบา ๆ พร้อมกับลูบจี้นาฬิกาอย่างแผ่วเบา

     

                    «            «            «            «           «            «

     

                    เหนือสุดขอบท้องทะเล เกาะสูงใหญ่ที่ลอยตัวกลางน้ำ ไม่มีพื้นทรายให้เหยียบย้ำ แต่กลับมีคน  ๆ หนึ่งที่ยืนอยู่เหนือเกาะแห่งนี้  เขามองไปยังเกาะเบื้องหน้าที่ไกลออกไปจากที่เขาอยู่

    ดาว...เธอกลับมาแล้ว...แรงอธิฐานของพี่ไม่สามารถให้เธอจดจำฝันได้เมื่อยามเธอตื่น แต่พี่จะทำให้เธอจำทุกอย่างให้ได้ ด้วยตัวพี่เอง เธอต้องจำให้ได้ว่าพี่คือนัตตีคนที่รักเธอ”  

    หนุ่มร่างสูงสมส่วนผิวคล้ำ ตาคมโต ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวซีด ขาดเป็นรูเล็ก ๆ ตรงหน้าอก กับกางเกงเลสีครีมเก่า ๆ ต่างกับดวงตาเขาที่ดูสดใสและมีความหวัง หลังจากที่ปล่อยให้มันเศร้าหมองอยู่กับการรอคอยมานานนับหลายปี เขาเฝ้าภาวนาให้เจอเธอแต่เมื่อเขาได้พบกับเธอ ทุกอย่างที่เป็นในตอนนี้  มันช่างต่างกัน การรอคอยที่แสนนาน เหมือนจะหมดความหวัง ไม่มีอะไรที่จะทำได้มากไปกว่าการเฝ้ามอง  ชายหนุ่มหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด น้ำตาที่ไม่มีชีวิตไหลเปื้อนแก้ม แล้วร่างของเขาก็เลือนหายไปภายในพริบตา

     …………………………………………………………

    สวัสดีค่ะ ดิฉันประกายมุขค่ะ”

    สวัสดีครับ ผมพนาผมได้เห็นงานในงานนิทรรศการกาลสวนดอกไม้ที่เชียงใหม่แล้ว คุณจัดงานได้สวยมาก ทั้งฉาก สถานที่ ทุกอย่างลงตัว จนทางศูนย์การท่องเที่ยวแห่งประเทศต้องชื่นชมในผลงานของคุณ คราวนี้ทางศูนย์การท่องเที่ยวฝั่งอันดามันจะจัดนิทรรศการโปรโมทการท่องเที่ยวฝั่งอันดามัน ผมจึงให้คุณมาดูแลโปรเจคนี้ เงินเดือนคุณก็จะได้มากกว่าสาขาย่อยที่คุณทำ”

    ขอบคุณบอร์ดที่ให้โอกาส แต่มุขยังกังวนอยู่ ตรงที่มุขไม่มีความรู้เกี่ยวกับฝั่งอันดามันเลย เพิ่งได้ลงมาใต้ครั้งแรกก็คราวนี้”

    “ไม่เป็นไร ผมเชื่อในฝีมือคุณและมีผู้ช่วยให้คุณสองคนนั่นคือยัยเดือนและอีกคนเขาเป็นช่างภาพตั้งแต่เล็ก เรื่องเกี่ยวกับอันดามัน เขารู้ดีพรุ่งนี้ผมจะแนะนำให้รู้จัก หน้าที่ของคุณคือออกแบบงานทุกอย่างให้ดีที่สุด งานนี้จะเริ่มอีกสามเดือนข้างหน้า งานนี้เป็นงานระดับอาเซียนคุณคงไม่ทำให้ทางการท่องเที่ยวผิดหวัง”

    “ค่ะ รับรองว่ามุขจะไม่ทำให้บอร์ดผิดหวัง”

    ตั้งแต่นี้ต่อไป คุณพักกับเพียงเดือนเลยละกันที่นี้มีที่พักสำหรับพนักงานทุกคน หรือคุณจะพักคนเดียวก็ได้”

    ขอบคุณค่ะ แต่มุขขอพักกับเดือนดีกว่า”

    บอร์ดค่ะ ไม่ต้องห่วงค่ะใกล้ทะเลแบบนี้ยัยนี่ชอบ”

    ผมดีใจที่คุณชอบ แต่ถ้ามัวแต่เที่ยวผมก็ไล่คุณออกได้เหมือนกันนะครับ”

    รับรองค่ะ ดิฉันจะไม่อู้แบบยัยเดือนเด็ดขาด”

    เฮ้ย! ยายมุขอย่ามั่วนิ่มดิ”

    คุณมุขไม่มั่วนิ่มหรอกเพราะผมรู้จักคุณดี เพียงเดือน”

    บอร์ดก็”

     มุขขอตัวก่อนนะค่ะ ไว้เริ่มงานเมื่อไรมุขจะขยันเต็มที่”

    ครับ! ออแล้วพรุ่งนี้ 11 โมงผมจะแนะนำให้รู้จักผู้ช่วยอีกคน”

    “ค่ะ” ประกายมุขตอบรับก่อนเดินจากไปกับเพียงเดือน พนามองประกายมุขเชื่อมัน งานโปรโมทการท่องเที่ยวระดับอาเซียนประการมุขต้องทำมันได้ดี”

     

    เป็นไงทะเลสวยมั้ย เมื่อวานไม่มีเวลาพาแกลงริมหาดเลย วันนี้พอจะมีเวลาเลยพาแกเดินอ้อมมาทางนี้ ว้าวนั่นมีปูลมด้วย ฉันจะจับแกให้ได้เลย”

    ประกายมุขมองเพียงเดือนที่วิ่งจับปูลมไปด้านหน้า เธอสูดลมเข้าปอดลึก ๆ เพื่อสัมผัสบรรยากาศที่ไม่เคยเจอ

    นี่เหรอทะเล” สายลมพัดแผ่วเบา เย็นสบาย ทำให้ประกายมุขหยุดเดินตามเพียงเดือน

    “ตรงนี่คือชายหาด แล้วท้องทะเลล่ะเป็นยังไง” ประกายมุขรำพึง ยืนมองคลื่นที่ซัดสาดมายังชายหาด แล้วเหม่อมองไปยังท้องทะเลกว้างไกล ประกายมุขหลับตาสูดลมหายใจลึก ๆ เพื่อรับเสียงสายลมและเสียงคลื่น เข้าไปในส่วนลึกของความทรงจำ

    “โอ้ยประกายมุขอุทานเธอรู้สึกปวดจี๊ดที่สมองอย่างกะทันหัน เมื่อค่อย ๆ ลืมตาเธอมองเห็นภาพเกาะ เกาะหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป มันเลือนลางจนแทบมองไม่เห็น วูบนั้นเหมือนมีอะไรบางอย่างสะกดให้ประกายมุขอยากไปที่เกาะนั้น แม้ว่ามันจะดูไกลไปถึงอีกฝั่งของขอบทะเลตาม  ประกายมุขก้าวลงไปในชายหาดอย่างช้า ๆ น้ำทะเลที่ซัดสาดมาที่ปลายเท้าทำให้ประกายมุขสะดุ้งเล็กน้อย

    เหมือนไม่ใช่ครั้งแรก เธอคิด ยิ่งเดินลงไปในท้องทะเลยิ่งรู้สึกคุ้นเคย จนกระทั้งตัวเธอจมไปครึ่งตัว ความรู้สึกเจ็บแปลบที่สมองแล่นเข้ามาสู่โสตประสาท เธอเห็นภาพลาง ๆ ของคนที่กำลังเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน แค่แวบเดียวเท่านั้น แค่แวบเดียวแล้วภาพก็เลือนหายไป แต่ความเจ็บปวดที่สมองกลับมากขึ้น ประกายมุขร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่จะล้มลงไปน้ำทะเล

    ยายมุข” เพียงเดือนที่เดินย้อนกลับมาหาเพื่อนรีบวิ่งลงไปช่วยประกายมุขทันที

    มุข มุข” เพียงเดือนร้องเรียกเพื่อนสาวด้วยความห่วงใย ประกายมุขลืมตาอย่างช้า ๆ และมองเหน้าเพื่อนสาว

    “เดือน ฉัน ปวดหัว” ประกายมุขพูดแค่นั้นแล้วหลับไปอีก

    “โถ่เอ้ย! ยัยมุขอย่าเป็นอะไรนะมุข”  เพียงเดือนพูดแค่นั้นแล้วประครองเพื่อนไปที่พักทันที

    “มุขไม่ใช่ดาว...ไม่สิ...พี่จำเธอได้  ดาวพี่จำเธอได้”

    นัตตีได้แต่พร่ำเพ้อ มองภาพประกายมุขอยู่ไกลๆ เหมือนขนาดนี้ไม่มีทางที่เขาจะจำคนผิด คนที่เขารัก และรอคอยมานาน เขาจะลืมได้อย่างไร แต่ทำไมดาวต้องทำตัวเป็นคนอื่นขนาดนี้

    “ค่อยยังชั่วยังยายมุข ยังเจ็บมากมั้ย” เพียงเดือนถามด้วยความห่วงใยในขณะที่ยื่นผ้าอุ่น ๆ มาให้เพื่อนสาว”

    “ดีขึ้นแล้วละ แต่ยังปวดอยู่นิด ๆ แล้วนี่แกแบกฉันมาเหรอ”

    “ก็เออดิ ตัวหนักอย่างกะช้าง ดีนะที่ไม่ไกลจากบ้านพักเท่าไหร่ไม่งั้นได้นอนตากยุงริมหาดนั้นแน่ นึกยังไงถึงได้เดินลงไปในน้ำไม่บอกไม่กล่าวกันเลย”

    “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเดินไปได้ไง รู้สึกตัวก็ตอนปวดจี๊ดที่สมอง”

    “เฮ้ย! หรือว่าแกจะโดนผีทะเลลากลงไป แกถึงได้ปวดจี๊ดที่สมองนะ”

    “จะบ้ารึไง เพี้ยนไปใหญ่แล้ว ที่ฉันปวดนะคงเป็นเพราะอุบัติเหตุเมื่อสี่ปีก่อน”

    “ไอ้โรคโรคคนแก่ อันไซเม่อ อะนะ”

    “ฉันแค่ความจำเสื่อม ไม่ได้แก่ยะยัยเดือน ช่างเถอะฉันไม่อยากจำอะไรได้อยู่แล้ว บางทีอดีตมันอาจไม่สำคัญกับฉัน”

    “ไม่แน่นะโว้ยอดีตอาจจะมีอะไรดี ๆ ที่แกไม่เคยรู้ แต่อย่าไปจดจำเลยก็ดีเดี๋ยวแกจะปวดหัวมาอีก”

    “อืม แกช่วยหยิบยาในกระเป๋าให้ฉันทีละกัน ฉันขอกินยาแล้วนอนพักดีกว่า”

    “เออแกกินยาแล้วนอนพัก ฉันจะไปหาอะไรมาให้กิน”

    “ก็ต้องแหงหรอก แกคงไม่ปล่อยให้คนป่วยอย่างฉันออกไปเองหรอกนะ”

    “ยะ ไว้หายเมื่อไหร่แกต้องเป็นคนไปซื้อและเลี้ยงข้าวฉันด้วย”

    “เออ รีบ ๆ ไป กระเพราะฉันรออยู่”

    “นี่มันเป็นเพื่อนหรือแม่วะ เออ ๆ นอนดี ๆ อย่าหนีไปลงน้ำอีกละ คราวนี้ไม่ช่วยนะโว้ย”

    “เออ คุณเพื่อนสุดที่รัก” ประกายมุขยิ้มมองเพียงเดือนเดินออกไป เพื่อนคนนี้เธอรักมากจริง ๆ

     

    สายลมแรงจากด้านนอกพัดผ่านหน้าต่าง เข้ามาปะทะกับใบหน้าสวยคมที่นอนหลับอยู่ ประกายมุขไม่รู้เลยว่าข้าง ๆ กายเธอนั้นมีใครแอบตามเธอมาตั้งนานแล้ว เขานั่งมองเธออยู่

    “ดาวเธอคือดาวจริง ๆ เกิดอะไรขึ้นกับเธอในวันนั้น รู้มั้ยว่าพี่รอแต่เธอมาตลอด เธอจำพี่ได้มั้ยดาว จำได้มั้ย”

    พี่นัตตี พี่รอดาวอยู่ที่นี่นะ สัญญานะว่าจะรอ ดาวจะออกไปหาใครมาช่วยพี่เอง

    เสียงสุดท้ายของดาวเด่นยังก้องอยู่ในโสตประสาทนัตตีจำมันได้ดี และยังคงเฝ้ารอเธออยู่ แต่ว่านานเท่าไรแล้ว เธอก็ไม่เคยกลับมา จนกระทั้งวันนี้ วันที่เธอมา เธอกลับลืมและทำตัวเป็นใครอีกคน

    นัตตีเอือมมือจะไปลูบไล้แก้มของประกายมุข แต่มันก็กลายเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่านแก้มเธอเท่านั้น

    “เดือนกลับมาแล้วเหรอ” ประกายมุขกล่าวทั้ง ๆ ที่ยังไม่ลืมตา

    “......” ไม่มีเสียงตอบ ประกายมุขลืมตาขึ้นมา นัตตีเห็นดังนั้น รีบหลบหลังตู้ทันที  จังหวะเดียวกับที่สายลมแรงพัดเข้ามาในห้อง

    “ไม่ใช่เดือนแล้วใครมาสัมผัสแก้มฉัน สงสัยจะเป็นลม ท่าทางฝนจะตก” ประกายมุขลุกขึ้นจากที่นอนแล้วไปปิดหน้าต่างทันที

    “นี่เธอรู้สึกถึงสัมผัสของพี่เหรอดาว”  นัตตีกล่าวอย่างมีหวังอยากจะจะก้าวออกไปกอดเธอสักครั้งแต่ว่า เขาก็เผลอทำบางอย่างตกลงมา

    เพล้ง! เสียงแก้วที่หล่นลงพื้นทำให้ประกายมุขที่กำลังเอื้อมไปปิดหน้าต่าง ต้องรีบเดินไปดู ทั้ง ๆ ที่นัตตียืนอยู่ตรงนั้นด้วย แต่เธอกับผ่านร่างของเขาไปราวกับลม

     “ปิดหน้าต่างแล้ว ทำไมยังหล่นมาอีก ยัยเดือนจะหวงเปล่าวะเนี่ย” ประกายมุขเก็บเศษแก้ว พรางบ่นไปด้วย

    “ทำไม ดาวถึงไม่เห็นพี่ละ” นัตตีพยายามรวบรวมพลังและนั่งลงตรงหน้าประกายมุขและ

    พยายามที่จะเก็บเศษแก้วที่หล่นอยู่ที่พื้น หน้าแปลกที่มันกลายเป็นแค่ความว่างเปล่า เขาสัมผัสมันไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคนทำมันตกลงมาเอง

                    โอ้ยประกายมุขร้องออกมาเบา ๆ เมื่อเศษแก้วบาดเข้าไปที่นิ้วของเธอ

                    เลือดนัตตีอุทานออกมาด้วยความตกใจพยายามคว้ามือประกายมุขมาดู แต่ไม่สามารถจะสัมผัสเธอได้ เขามองหน้าประกายมุข ตอนนี้ประกายมุขดูเหมือนตกใจ เมื่อมองไปที่นิ้วของตัวเอง เลือดยังไหลไม่ยอมหยุด มือของเธอสั่น เหมือนเธอกำลังคิดอะไรบางอย่าง

                    ไม่เธอได้ยินเสียงตะโกนดังก้องอยู่ในหู ปนกับเสียงร้องไห้ แต่นึกภาพเท่าไรก็นึกไม่ออก มือเธอยังคงสั่น นี่เธอคงจะเพ้อไปแล้ว น้ำตาของเธอค่อย ๆ ไหลริน บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไม เลือดที่มือยังคงไหลแต่เธอไม่ได้เจ็บเลยสักนิด

                    ดาว ตกใจเหรอ พี่ขอดูได้ไหมนัตตีไม่ละความพยายามเขาจะคว้ามือประกายมุขมาดู แต่ไม่สำเร็จ

                     โถ่เว้ยนัตตีสบถออกมา เบา ๆ นี่เขาทำอะไรไม่ได้เลยใช่ไหม เขาคงต้องไปตั้งหลักหาคำตอบ มันต้องมีทางให้ขาสัมผัสเธอได้ ต้องมีทางที่เธอจะได้เห็นเขา ต้องมีทาง

                    “มุข แกปิดหน้าต่างทำไมเนี่ย อึดอัดตายเลย” เสียงเพียงเดือนที่บ่นมาจากด้านนอกพร้อมกับร่างของนัตตีที่เลือนหายไปในพริบตา

                    มุขแกเป็นอะไรเพียงเดือนรีบทิ้งของที่ซื้อมาพร้อมวิ่งไปหาประกายมุขที่นั่งร้องไห้มองนิ้วของตัวเอง

                    “กลับมาแล้วเหรอยัยมุข แจกันแกหล่นมาแตกแต่…”

                    “ช่างมันเถอะแจกันเนี่ยฉันซื้อมาจากตลาดท้ายรถ แค่ไม่กี่บาทเอง ทำไมแกต้องร้องด้วย มือแกเจ็บมากเลยเหรอ แกเจ็บมากใช่ไหม

                    ฉันร้องไห้เหรอ  ประกายมุขที่เหมือนเพิ่งรู้สึกตัว ถามเพื่อนสาวด้วยความสงสัย

                    ไอ้บ้า ตัวเองร้องยังไม่รู้ นี่แกเจ็บมากขนาดนั้นเลยเหรอ

                    ออ เปล่า เดือนฉันรู้สึกยังไงก็ไม่รู้เมื่อมองเห็นเลือด

                    นี่เค้าเรียกว่าตกใจนะสิ

                    แต่ว่ามัน...ประกายมุขอึดอัดพูดไม่ออก อาการมันเหงา ๆ ไม่เหมือนตกใจสักนิด

                    นี่แกอย่าคิดมากเลย ไปทำแผลก่อน แล้วนี่ปิดหน้าต่างจนมืดไปอีกอึดอัดตาย

                    “ฉันเห็นว่าลมมันแรงนะ”

                    “ลมแรงตรงไหนฉันเดินมามันก็พัดมาปกติ แล้วนี้ปิดหน้าต่างแล้วก็ไม่ดูให้ดี”

    เพียงเดือนพูดพร้อมกับยื่นสร้อยให้ประกายมุข

                    “สร้อยฉันนี่นา ไปอยู่ที่แกได้ไง” ประกายมุขพูดแล้วรับสร้อยคืนมาจากเพียงเดือน

                    “ก็แกทำหล่นไว้นอกหน้าต่างนั่น ดีนะที่ฉันกลับมาเห็น ไม่งั้นหายไปแล้ว”

                    “อืมขอบใจนะประกายมุขพูดพร้อมกับยื่นมือให้เพียงเดือนทำแผลให้

                    “แกนี่ซุ้มซ่ามเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนเลยนะ ยายมุขประกายมุขอมยิ้มมองเพียงเดือนที่ทำแผลให้ และบ่นถึงเธอไม่ยอมหยุด ครั้งแรกที่เธอเจอเพียงเดือนที่เชียงใหม่ก็เป็นแบบนี้ แม่ของเขาฝากให้มาเรียนศิลปะกับอาจารย์ที่เชียงใหม่ หลังจากที่เธอเจออุบัติเหตุตกเขา จนจำอะไรไม่ได้ เพื่อนคนแรกที่เธอรู้จักก็คือเพียงเดือนที่เป็นคนสอนให้ประกายมุขเรียนรู้อะไร หลาย ๆ อย่างและมักบ่นไปด้วยทุกครั้งที่ประกายมุขไม่รู้จักอะไรเลย ไม่รู้แม้กระทั้งตัวเองเป็นใคร เกิดวันไหน  ชอบอะไร  และอยากจะทำอะไร บ้านของตัวเองก็ยังจำทางกลับไม่ได้ ทั้งที่แม่บอกเขาว่าเขาอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็ก แต่เขากลับไม่คุ้นเคยและจำมันไม่ได้เลยสักนิด และเมื่อเรียนจบและเพียงเดือนย้ายมาทำงานที่ภูเก็ต เธอจึงดิ้นรนที่จะมาหาเพื่อนคนนี้ให้ได้ เพราะเธอรู้แล้วว่าชีวิตนี้เธอขาดเพื่อนคนนี้ไม่ได้จริง ๆ ประกายมุขมองเพียงเดือนยิ้มๆ เพื่อนคนนี้ถ้าให้ตายแทนได้เธอยอม

     

                    ไหนคำทำนายบอกว่านังเด็กนั้นจะกลับมาเร็ว ๆ นี้ละ ฉันไปรอมันทุกวันทำไมยังไม่เจอ”

     ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง คมเข้ม เจ้าของสายตาดุดันที่ประกายมุขเจอเมื่อเช้าพูดขึ้นกับลูกน้องที่จ้างมาเป็นพิเศษ

                    “เหมือนมีอะไรบางอย่างพรางตาเราไว้ครับคุณ ปารัมภ์ชายแก่ ไว้หนวดเครารุงรังพูดขึ้น

                    “โว้ย แล้วชาตินี้จะเจอมั้ย ฉันจะรู้มั้ยว่ามันอยู่ที่ไหน ไปตามหามันให้เจอไป”

    ชายหนุ่มตะคอกเสียงดังปัดข้าวของบนโต๊ะลงมาแตกกระจาย

                    “ไม่นานครับนายจะต้องรู้ชายผู้เป็นลูกน้องตอบและรีบวิ่งออกไปพร้อมลูกสมุนสองสามคน

                    พ่อครับ รอก่อนนะครับไม่นานผมจะหามันมาถอนคำสาปนี้ให้ได้ปารัมภ์พูดกับชายที่นอนนิ่งเป็นเจ้าชายนิททาพ่อส่งเขาไปเรียนต่างประเทศแค่ 5 ปีกลับมาอีกที พ่อของเขาก็กลายเป็นเจ้าชายนินทาโดยไม่รู้สาเหตุ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×