คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 01:00
เวลาที่หายไป
ใครสักคน
“คงจะมีรักจริงรออยู่ที่ดินแดนใดสักแห่ง
คงมีใครสักคนรออยู่ตรงนั้น
คงมีความหมายใดซ่อนอยู่ในการรอคอยที่แสนนาน
คงจะมีสักวันฉันคงได้เจอ
ข้ามขอบฟ้าหรือขุนเขา ข้ามแผ่นน้ำทะเลกว้างใหญ่
แต่ฉันจะไปหาเธอ
จะขอรวมคำว่ารักเหล่านี้ ทวีความหมายและคุณค่า
จะขอเอามามอบไว้ให้เธอผู้เดียว
คงจะมีรักจริงรออยู่ ที่ดินแดนใดสักแห่ง... ”
“ยายมุขทางนี้”
เพียงเดือนพยายามตะโกนเรียกเพื่อนสาวที่เดินเข้ามาในสนามบินภูเก็ต เพื่อนเธอเป็นสาวชาวเหนือ แต่ร่างที่สูงเพรียวกับผิวสีแทนและดวงตาคมโตคู่นั้น ทำให้เธอกลมกลืนกับสาวใต้ได้อย่างลงตัว
“ยายมุขจะไปไหน ฉันอยู่นี่” เพียงเดินพยายามตะโกนเรียกประกายมุขที่เดินเหม่อโดยไม่เห็นเธอ เพียงเดือนทนไม่ไหวเห็นทีตะโกนอยู่อย่างนี้คงไม่ได้การ เธอจึงกระโดดข้ามรั้วเหล็กไปคว้าตัวเพื่อนสาวทันที
“เฮ้ย ! ยายเดือนแกทำอะไรของแกวะ ตกใจหมดเลย”
“ไม่ตกใจได้ไงล่ะ ก็เล่นเหม่อซะ ฉันร้องเรียกซะจนคอแหบคอแห้งแล้ว”
“เออ โทษทีพอดีฟังเพลงเพลินไปหน่อย มันอินอะ”
“เพลงของ crescendo เพลงเดิม ๆ ของแกอีกละสิ ช่างมันเถอะ ไปเถอะ แล้วนี่แกบอกแม่แกว่าไง เค้าถึงยอมให้มา”
“เออ
ฉันก็บอกแม่ไปตามตรงไงว่าเจ้านายให้เปลี่ยนมาทำงานที่สาขาใหม่”
“บอกแค่เนี่ย แม่แกให้มาเหรอ ที่เมื่อก่อนฉันชวนแกมาบ้านฉัน ให้ตายแม่แกก็ไม่ให้แกมาเหยียบภูเก็ตเด็ดขาด แกบอกแม่แกจริง ๆ เหรอหรือว่าหนีมา”
“ฉันไม่ใช่เด็กจะได้หนีออกจากบ้าน ฉันแค่บอกแม่ว่าไปศึกษางานสามเดือนที่ออสเตเรียนะ
“ว่าไงนะ ตายดีนะที่แม่แกไม่โทรมาหาฉัน ว่าแต่ภูเก็ตใกล้กว่าออสเตเรียอีก ทำไมแม่แกไม่ให้มาหรือว่าแม่แกกลัวสึนามิ”
“คงงั้นมั้ง เพราะแต่ไหนแต่ไรมาแม่ไม่ยอมให้เห็นทะเลเลย ข่าวสึนามิ รายการท่องเที่ยว วาดรูปอะไรที่เกี่ยวกับทะเล แม่สั่งห้ามหมด ฉันเลยต้องแอบมา”
“นี่แม่แกกลัวสึนามิขนาดนั้นเลยเหรอ”
“คงงั้นมั้ง เห็นว่าคนตายเยอะ แม่คงเห็นภาพแล้วกลัว แต่สึนามิมันไม่มาแล้วละผ่านไปตั้งนานแล้ว แม่นะแม่กลัวอยู่ได้”
“นั้นสิ...ไปเหอะแม่แกคงห่วงลูกสาวมากกว่าละมั้ง ไปเถอะพักที่ห้องพักฉัน ห้องพักฉันนะอยู่ไม่ไกลจากริมทะเลรับรองแกชอบแน่”
“คราวนี้ละ ฉันจะได้เห็นทะเลสักที อยากรู้ว่าทะเลจะสวยขนาดไหน”
ประกายมุขยิ้มร่า ภาพท้องทะเลที่วาดฝันไว้จะได้เห็นก็คราวนี้แหละ
“โอ้ย !”
ประกายมุขเซไปเล็กน้อยเมื่อชนเข้ากับชายหนุ่มร่างสูง ผิวคล้ำ ดวงตาเขาดุดันจนน่ากลัว
“ขอโทษครับ” เขาตอบประกายมุขสั้น ๆ แค่สบตาประกายมุขก็รู้สึก เหมือนมีอะไรบางอย่างที่สะกิดต่อมความรู้สึกของเธอ หรือเป็นเพราะดวงตาที่ดุของเขา ทำให้ใคร ๆ ที่เห็นต้องเกรงกลัว
“มีอะไรเหรอยายมุข” เพียงเดือนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ เอ่ยถามเมื่อเห็นประกายมุขนิ่งเงียบ
“อ๋อ เปล่า ขอโทษค่ะ” ประกายมุขพูดแค่นั้นแล้วเดินจากไป
ชายหนุ่มมองประกายมุขที่เดินจากไปโดยไม่ใส่ใจ ก่อนจะหยิบสิ่งของบางอย่างออกมาจากกระเป๋า
“คำทำนายบอกว่าเธอจะมาในวันนี้ ฉันจะต้องตามเธอมาล้างแค้นให้ได้ ดาริกา”
“ถึงสักที ยายมุขมาเหนื่อย ๆ แกนอนก่อนละกัน เดี๋ยวฉันไปทำอะไรให้กิน”
“เออดีมาก เพื่อนที่ดีต้องเป็นแบบแกนี่แหละ รีบ ๆ ไปทำซะฉันจะนอนรอกิน”
“เออ นิสัยแกตั้งแต่อยู่ที่มหา’ลัยไม่เคยเปลี่ยนเลย แต่ถ้าหลับเพลินฉันไม่ปลุกไปกินนะโว้ย”
“เออรับรอง ห้าว ไม่หลับ” ประกายมุขตอบพร้อมกับหาววอดเพราะความเหนื่อยจาการนั่งเครื่อง
มานาน เธอหยิบสร้อยแฟชั่นที่สวมไว้ขึ้นมาดูเวลา แล้วสายตาเธอก็ค่อย ๆ พร่าเลือน
“สวย สวยมาก” ประกายมุขอุทานอย่างแปลกใจ ในขณะที่ยืนอยู่บนเรือยอตช์และมองไปยังเบื้องหน้า เธอพบกับเกาะสูงใหญ่กลางท้องทะเล ไม่มีพื้นทรายให้เหยียบย้ำ แต่ที่ทำให้ประกายมุขอุทานอย่างแปลกใจเพราะเกาะแห่งนี้กำลังส่องแสงสว่างไสว เหนือเกาะมีดวงดาวนับร้อยพันเกาะกลุ่มลอยตัวอยู่ยอดเกาะกำลังสาดแสงสว่างไสวลงมา ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ประกายมุขเหมือนตกในภวังค์จนอยากเอื้อมมือไปสัมผัสเกาะแห่งนี้
“อีกนิดเดียว” ประกายมุขอุทานและพยายามเอื้อมมือคว้า ยิ่งพยายามเหมือนมันจะยิ่งไกล จนเธอต้องปีนไปตรงขอบเรือ
“ใกล้แล้ว” ประกายมุขยังไม่ละความพยายามจนกระทั้ง
“ว้าย” ประกายมุขมีความรู้สึกเหมือนตัวเองตกไปในเหวไหนสักแห่งก่อนจะสะดุ้งตื่นพร้อมเสียงเพียงเดือน
“กรี๊ด ยายมุข”
“เป็นอะไรยายเดือนร้องซะลั่นบ้าน”
“ก็แกดิเอาอะไร มาแขวนคอไว้ ฉันเห็นแสงสว่างมาจากคอแก”
ประกายมุขคว้าสร้อยที่สวมมาดู มันเป็นสร้อยนาฬิกาแฟชั่นทำจากทองเหลือง จี้ของมันเป็นวงกลมขนาดใหญ่ ตรงกลางนูนขึ้นเป็นรูปหัวใจ ตกแต่งด้วยลายอักษรภาษาคล้ายภาษายาวี
“มันเป็นสร้อยที่แม่กับพ่อฉันออกแบบและให้ช่างทำให้ฉันเป็นของขวัญวันเกิดนะ”
“อื้อหือ สมกับเป็นลูกสาวศิลปินจริง ๆ แม่แกออกแบบมาสวยอย่างกะสร้อยแฟนซีในเทพนิยายเลย มีแสงสว่างออกมาด้วย”
“บ้าแสงอะไร แกตาฟาดแล้ว มันก็สร้อยแฟชั่นธรรมดาแหละ ฉันนะชอบตรงหัวใจที่เป็นนาฬิกานี่แหละ บางครั้งดูแล้วมันทำให้ฉันเหงา ๆ ยังไงไม่รู้”
“คิดมากเกี่ยวกับเวลาที่หายไปอีกละซิ แต่ฉันเห็นแสงจากสร้อยแกจริง ๆนะ”
“บ้าเหรอ แต่ฉันว่าฉันได้กลิ่น ”
“นั่นไง แกรู้สึกถึงความแปลกแล้วใช่ไหมละ บอกมาสิว่าแกได้กลิ่นยังไง”
“ใช่ฉันได้กลิ่น กลิ่นเหมือนปลาไหม้”
“นั้นไงว่าแล้ว ฮะอะไรนะ โอ้ยตาย น้องปลาของแม่” เพียงเดือนวิ่งไปหลังครัวอย่างรีบเร่ง
“ตายแล้วน้องปลาซ๊อคโกแลตของแม่” เพียงเดือนบ่นอยู่หลังครัว ประกายมุขหัวเราะอย่าขำ ๆ ก่อนจะหยิบสร้อยซึ่งเป็นของขวัญวันเกิดขึ้นมา
“ใส่ไว้ ของขวัญวันเกิด”
“ห้ามถอดเด็ดขาดนะลูก”
เสียงพ่อกับแม่บอกเธอในวันที่ให้สร้อยเธอมาทั้งที่วันเกิดของเธออีกตั้งสามเดือนข้างหน้า
“แม่นี่เห่อจริง ๆ ดูดิจี่อันใหญ่อย่างกะสร้อยเทพนิยายจริง ๆ แหละ” ประกายมุขพูดเบา ๆ พร้อมกับลูบจี้นาฬิกาอย่างแผ่วเบา
« « « « « «
เหนือสุดขอบท้องทะเล เกาะสูงใหญ่ที่ลอยตัวกลางน้ำ ไม่มีพื้นทรายให้เหยียบย้ำ แต่กลับมีคน ๆ หนึ่งที่ยืนอยู่เหนือเกาะแห่งนี้ เขามองไปยังเกาะเบื้องหน้าที่ไกลออกไปจากที่เขาอยู่
“ดาว...เธอกลับมาแล้ว...แรงอธิฐานของพี่ไม่สามารถให้เธอจดจำฝันได้เมื่อยามเธอตื่น แต่พี่จะทำให้เธอจำทุกอย่างให้ได้ ด้วยตัวพี่เอง เธอต้องจำให้ได้ว่าพี่คือนัตตีคนที่รักเธอ”
หนุ่มร่างสูงสมส่วนผิวคล้ำ ตาคมโต ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวซีด ขาดเป็นรูเล็ก ๆ ตรงหน้าอก กับกางเกงเลสีครีมเก่า ๆ ต่างกับดวงตาเขาที่ดูสดใสและมีความหวัง หลังจากที่ปล่อยให้มันเศร้าหมองอยู่กับการรอคอยมานานนับหลายปี เขาเฝ้าภาวนาให้เจอเธอแต่เมื่อเขาได้พบกับเธอ ทุกอย่างที่เป็นในตอนนี้ มันช่างต่างกัน การรอคอยที่แสนนาน เหมือนจะหมดความหวัง ไม่มีอะไรที่จะทำได้มากไปกว่าการเฝ้ามอง ชายหนุ่มหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด น้ำตาที่ไม่มีชีวิตไหลเปื้อนแก้ม แล้วร่างของเขาก็เลือนหายไปภายในพริบตา
“สวัสดีค่ะ ดิฉันประกายมุขค่ะ”
“สวัสดีครับ ผมพนาผมได้เห็นงานในงานนิทรรศการกาลสวนดอกไม้ที่เชียงใหม่แล้ว คุณจัดงานได้สวยมาก ทั้งฉาก สถานที่ ทุกอย่างลงตัว จนทางศูนย์การท่องเที่ยวแห่งประเทศต้องชื่นชมในผลงานของคุณ คราวนี้ทางศูนย์การท่องเที่ยวฝั่งอันดามันจะจัดนิทรรศการโปรโมทการท่องเที่ยวฝั่งอันดามัน ผมจึงให้คุณมาดูแลโปรเจคนี้ เงินเดือนคุณก็จะได้มากกว่าสาขาย่อยที่คุณทำ”
“ขอบคุณบอร์ดที่ให้โอกาส แต่มุขยังกังวนอยู่ ตรงที่มุขไม่มีความรู้เกี่ยวกับฝั่งอันดามันเลย เพิ่งได้ลงมาใต้ครั้งแรกก็คราวนี้”
“ไม่เป็นไร ผมเชื่อในฝีมือคุณและมีผู้ช่วยให้คุณสองคนนั่นคือยัยเดือนและอีกคนเขาเป็นช่างภาพตั้งแต่เล็ก เรื่องเกี่ยวกับอันดามัน เขารู้ดีพรุ่งนี้ผมจะแนะนำให้รู้จัก หน้าที่ของคุณคือออกแบบงานทุกอย่างให้ดีที่สุด งานนี้จะเริ่มอีกสามเดือนข้างหน้า งานนี้เป็นงานระดับอาเซียนคุณคงไม่ทำให้ทางการท่องเที่ยวผิดหวัง”
“ค่ะ รับรองว่ามุขจะไม่ทำให้บอร์ดผิดหวัง”
“ตั้งแต่นี้ต่อไป คุณพักกับเพียงเดือนเลยละกันที่นี้มีที่พักสำหรับพนักงานทุกคน หรือคุณจะพักคนเดียวก็ได้”
“ขอบคุณค่ะ แต่มุขขอพักกับเดือนดีกว่า”
“บอร์ดค่ะ ไม่ต้องห่วงค่ะใกล้ทะเลแบบนี้ยัยนี่ชอบ”
“ผมดีใจที่คุณชอบ แต่ถ้ามัวแต่เที่ยวผมก็ไล่คุณออกได้เหมือนกันนะครับ”
“รับรองค่ะ ดิฉันจะไม่อู้แบบยัยเดือนเด็ดขาด”
“เฮ้ย! ยายมุขอย่ามั่วนิ่มดิ”
“คุณมุขไม่มั่วนิ่มหรอกเพราะผมรู้จักคุณดี เพียงเดือน”
“บอร์ดก็”
“มุขขอตัวก่อนนะค่ะ ไว้เริ่มงานเมื่อไรมุขจะขยันเต็มที่”
“ครับ! ออแล้วพรุ่งนี้ 11 โมงผมจะแนะนำให้รู้จักผู้ช่วยอีกคน”
“ค่ะ” ประกายมุขตอบรับก่อนเดินจากไปกับเพียงเดือน พนามองประกายมุขเชื่อมัน งานโปรโมทการท่องเที่ยวระดับอาเซียนประการมุขต้องทำมันได้ดี”
“เป็นไงทะเลสวยมั้ย เมื่อวานไม่มีเวลาพาแกลงริมหาดเลย วันนี้พอจะมีเวลาเลยพาแกเดินอ้อมมาทางนี้ ว้าวนั่นมีปูลมด้วย ฉันจะจับแกให้ได้เลย”
ประกายมุขมองเพียงเดือนที่วิ่งจับปูลมไปด้านหน้า เธอสูดลมเข้าปอดลึก ๆ เพื่อสัมผัสบรรยากาศที่ไม่เคยเจอ
“นี่เหรอทะเล” สายลมพัดแผ่วเบา เย็นสบาย ทำให้ประกายมุขหยุดเดินตามเพียงเดือน
“ตรงนี่คือชายหาด แล้วท้องทะเลล่ะเป็นยังไง” ประกายมุขรำพึง ยืนมองคลื่นที่ซัดสาดมายังชายหาด แล้วเหม่อมองไปยังท้องทะเลกว้างไกล ประกายมุขหลับตาสูดลมหายใจลึก ๆ เพื่อรับเสียงสายลมและเสียงคลื่น เข้าไปในส่วนลึกของความทรงจำ
“โอ้ย” ประกายมุขอุทานเธอรู้สึกปวดจี๊ดที่สมองอย่างกะทันหัน เมื่อค่อย ๆ ลืมตาเธอมองเห็นภาพเกาะ เกาะหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป มันเลือนลางจนแทบมองไม่เห็น วูบนั้นเหมือนมีอะไรบางอย่างสะกดให้ประกายมุขอยากไปที่เกาะนั้น แม้ว่ามันจะดูไกลไปถึงอีกฝั่งของขอบทะเลตาม ประกายมุขก้าวลงไปในชายหาดอย่างช้า ๆ น้ำทะเลที่ซัดสาดมาที่ปลายเท้าทำให้ประกายมุขสะดุ้งเล็กน้อย
เหมือนไม่ใช่ครั้งแรก เธอคิด ยิ่งเดินลงไปในท้องทะเลยิ่งรู้สึกคุ้นเคย จนกระทั้งตัวเธอจมไปครึ่งตัว ความรู้สึกเจ็บแปลบที่สมองแล่นเข้ามาสู่โสตประสาท เธอเห็นภาพลาง ๆ ของคนที่กำลังเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน แค่แวบเดียวเท่านั้น แค่แวบเดียวแล้วภาพก็เลือนหายไป แต่ความเจ็บปวดที่สมองกลับมากขึ้น ประกายมุขร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่จะล้มลงไปน้ำทะเล
“ยายมุข” เพียงเดือนที่เดินย้อนกลับมาหาเพื่อนรีบวิ่งลงไปช่วยประกายมุขทันที
“มุข มุข” เพียงเดือนร้องเรียกเพื่อนสาวด้วยความห่วงใย ประกายมุขลืมตาอย่างช้า ๆ และมองเหน้าเพื่อนสาว
“เดือน ฉัน ปวดหัว” ประกายมุขพูดแค่นั้นแล้วหลับไปอีก
“โถ่เอ้ย! ยัยมุขอย่าเป็นอะไรนะมุข” เพียงเดือนพูดแค่นั้นแล้วประครองเพื่อนไปที่พักทันที
“มุขไม่ใช่ดาว...ไม่สิ...พี่จำเธอได้ ดาวพี่จำเธอได้”
นัตตีได้แต่พร่ำเพ้อ มองภาพประกายมุขอยู่ไกลๆ เหมือนขนาดนี้ไม่มีทางที่เขาจะจำคนผิด คนที่เขารัก และรอคอยมานาน เขาจะลืมได้อย่างไร แต่ทำไมดาวต้องทำตัวเป็นคนอื่นขนาดนี้
“ค่อยยังชั่วยังยายมุข ยังเจ็บมากมั้ย” เพียงเดือนถามด้วยความห่วงใยในขณะที่ยื่นผ้าอุ่น ๆ มาให้เพื่อนสาว”
“ดีขึ้นแล้วละ แต่ยังปวดอยู่นิด ๆ แล้วนี่แกแบกฉันมาเหรอ”
“ก็เออดิ ตัวหนักอย่างกะช้าง ดีนะที่ไม่ไกลจากบ้านพักเท่าไหร่ไม่งั้นได้นอนตากยุงริมหาดนั้นแน่ นึกยังไงถึงได้เดินลงไปในน้ำไม่บอกไม่กล่าวกันเลย”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเดินไปได้ไง รู้สึกตัวก็ตอนปวดจี๊ดที่สมอง”
“เฮ้ย! หรือว่าแกจะโดนผีทะเลลากลงไป แกถึงได้ปวดจี๊ดที่สมองนะ”
“จะบ้ารึไง เพี้ยนไปใหญ่แล้ว ที่ฉันปวดนะคงเป็นเพราะอุบัติเหตุเมื่อสี่ปีก่อน”
“ไอ้โรคโรคคนแก่ อันไซเม่อ อะนะ”
“ฉันแค่ความจำเสื่อม ไม่ได้แก่ยะยัยเดือน ช่างเถอะฉันไม่อยากจำอะไรได้อยู่แล้ว บางทีอดีตมันอาจไม่สำคัญกับฉัน”
“ไม่แน่นะโว้ยอดีตอาจจะมีอะไรดี ๆ ที่แกไม่เคยรู้ แต่อย่าไปจดจำเลยก็ดีเดี๋ยวแกจะปวดหัวมาอีก”
“อืม แกช่วยหยิบยาในกระเป๋าให้ฉันทีละกัน ฉันขอกินยาแล้วนอนพักดีกว่า”
“เออแกกินยาแล้วนอนพัก ฉันจะไปหาอะไรมาให้กิน”
“ก็ต้องแหงหรอก แกคงไม่ปล่อยให้คนป่วยอย่างฉันออกไปเองหรอกนะ”
“ยะ ไว้หายเมื่อไหร่แกต้องเป็นคนไปซื้อและเลี้ยงข้าวฉันด้วย”
“เออ รีบ ๆ ไป กระเพราะฉันรออยู่”
“นี่มันเป็นเพื่อนหรือแม่วะ เออ ๆ นอนดี ๆ อย่าหนีไปลงน้ำอีกละ คราวนี้ไม่ช่วยนะโว้ย”
“เออ คุณเพื่อนสุดที่รัก” ประกายมุขยิ้มมองเพียงเดือนเดินออกไป เพื่อนคนนี้เธอรักมากจริง ๆ
สายลมแรงจากด้านนอกพัดผ่านหน้าต่าง เข้ามาปะทะกับใบหน้าสวยคมที่นอนหลับอยู่ ประกายมุขไม่รู้เลยว่าข้าง ๆ กายเธอนั้นมีใครแอบตามเธอมาตั้งนานแล้ว เขานั่งมองเธออยู่
“ดาวเธอคือดาวจริง ๆ เกิดอะไรขึ้นกับเธอในวันนั้น รู้มั้ยว่าพี่รอแต่เธอมาตลอด เธอจำพี่ได้มั้ยดาว จำได้มั้ย”
‘พี่นัตตี พี่รอดาวอยู่ที่นี่นะ สัญญานะว่าจะรอ ดาวจะออกไปหาใครมาช่วยพี่เอง’
เสียงสุดท้ายของดาวเด่นยังก้องอยู่ในโสตประสาทนัตตีจำมันได้ดี และยังคงเฝ้ารอเธออยู่ แต่ว่านานเท่าไรแล้ว เธอก็ไม่เคยกลับมา จนกระทั้งวันนี้ วันที่เธอมา เธอกลับลืมและทำตัวเป็นใครอีกคน
นัตตีเอือมมือจะไปลูบไล้แก้มของประกายมุข แต่มันก็กลายเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่านแก้มเธอเท่านั้น
“เดือนกลับมาแล้วเหรอ” ประกายมุขกล่าวทั้ง ๆ ที่ยังไม่ลืมตา
“......” ไม่มีเสียงตอบ ประกายมุขลืมตาขึ้นมา นัตตีเห็นดังนั้น รีบหลบหลังตู้ทันที จังหวะเดียวกับที่สายลมแรงพัดเข้ามาในห้อง
“ไม่ใช่เดือนแล้วใครมาสัมผัสแก้มฉัน สงสัยจะเป็นลม ท่าทางฝนจะตก” ประกายมุขลุกขึ้นจากที่นอนแล้วไปปิดหน้าต่างทันที
“นี่เธอรู้สึกถึงสัมผัสของพี่เหรอดาว” นัตตีกล่าวอย่างมีหวังอยากจะจะก้าวออกไปกอดเธอสักครั้งแต่ว่า เขาก็เผลอทำบางอย่างตกลงมา
เพล้ง! เสียงแก้วที่หล่นลงพื้นทำให้ประกายมุขที่กำลังเอื้อมไปปิดหน้าต่าง ต้องรีบเดินไปดู ทั้ง ๆ ที่นัตตียืนอยู่ตรงนั้นด้วย แต่เธอกับผ่านร่างของเขาไปราวกับลม
“ปิดหน้าต่างแล้ว ทำไมยังหล่นมาอีก ยัยเดือนจะหวงเปล่าวะเนี่ย” ประกายมุขเก็บเศษแก้ว พรางบ่นไปด้วย
“ทำไม ดาวถึงไม่เห็นพี่ละ” นัตตีพยายามรวบรวมพลังและนั่งลงตรงหน้าประกายมุขและ
พยายามที่จะเก็บเศษแก้วที่หล่นอยู่ที่พื้น หน้าแปลกที่มันกลายเป็นแค่ความว่างเปล่า เขาสัมผัสมันไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคนทำมันตกลงมาเอง
“โอ้ย” ประกายมุขร้องออกมาเบา ๆ เมื่อเศษแก้วบาดเข้าไปที่นิ้วของเธอ
“เลือด” นัตตีอุทานออกมาด้วยความตกใจพยายามคว้ามือประกายมุขมาดู แต่ไม่สามารถจะสัมผัสเธอได้ เขามองหน้าประกายมุข ตอนนี้ประกายมุขดูเหมือนตกใจ เมื่อมองไปที่นิ้วของตัวเอง เลือดยังไหลไม่ยอมหยุด มือของเธอสั่น เหมือนเธอกำลังคิดอะไรบางอย่าง
‘ไม่’ เธอได้ยินเสียงตะโกนดังก้องอยู่ในหู ปนกับเสียงร้องไห้ แต่นึกภาพเท่าไรก็นึกไม่ออก มือเธอยังคงสั่น นี่เธอคงจะเพ้อไปแล้ว น้ำตาของเธอค่อย ๆ ไหลริน บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไม เลือดที่มือยังคงไหลแต่เธอไม่ได้เจ็บเลยสักนิด
“ดาว ตกใจเหรอ พี่ขอดูได้ไหม” นัตตีไม่ละความพยายามเขาจะคว้ามือประกายมุขมาดู แต่ไม่สำเร็จ
“โถ่เว้ย” นัตตีสบถออกมา เบา ๆ นี่เขาทำอะไรไม่ได้เลยใช่ไหม เขาคงต้องไปตั้งหลักหาคำตอบ มันต้องมีทางให้ขาสัมผัสเธอได้ ต้องมีทางที่เธอจะได้เห็นเขา ต้องมีทาง
“มุข แกปิดหน้าต่างทำไมเนี่ย อึดอัดตายเลย” เสียงเพียงเดือนที่บ่นมาจากด้านนอกพร้อมกับร่างของนัตตีที่เลือนหายไปในพริบตา
“มุขแกเป็นอะไร” เพียงเดือนรีบทิ้งของที่ซื้อมาพร้อมวิ่งไปหาประกายมุขที่นั่งร้องไห้มองนิ้วของตัวเอง
“กลับมาแล้วเหรอยัยมุข แจกันแกหล่นมาแตกแต่
”
“ช่างมันเถอะแจกันเนี่ยฉันซื้อมาจากตลาดท้ายรถ แค่ไม่กี่บาทเอง ทำไมแกต้องร้องด้วย มือแกเจ็บมากเลยเหรอ แกเจ็บมากใช่ไหม”
“ฉันร้องไห้เหรอ” ประกายมุขที่เหมือนเพิ่งรู้สึกตัว ถามเพื่อนสาวด้วยความสงสัย
“ไอ้บ้า ตัวเองร้องยังไม่รู้ นี่แกเจ็บมากขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ออ เปล่า เดือนฉันรู้สึกยังไงก็ไม่รู้เมื่อมองเห็นเลือด”
“นี่เค้าเรียกว่าตกใจนะสิ”
“แต่ว่ามัน...” ประกายมุขอึดอัดพูดไม่ออก อาการมันเหงา ๆ ไม่เหมือนตกใจสักนิด
“นี่แกอย่าคิดมากเลย ไปทำแผลก่อน แล้วนี่ปิดหน้าต่างจนมืดไปอีกอึดอัดตาย”
“ฉันเห็นว่าลมมันแรงนะ”
“ลมแรงตรงไหนฉันเดินมามันก็พัดมาปกติ แล้วนี้ปิดหน้าต่างแล้วก็ไม่ดูให้ดี”
เพียงเดือนพูดพร้อมกับยื่นสร้อยให้ประกายมุข
“สร้อยฉันนี่นา ไปอยู่ที่แกได้ไง” ประกายมุขพูดแล้วรับสร้อยคืนมาจากเพียงเดือน
“ก็แกทำหล่นไว้นอกหน้าต่างนั่น ดีนะที่ฉันกลับมาเห็น ไม่งั้นหายไปแล้ว”
“อืมขอบใจนะ” ประกายมุขพูดพร้อมกับยื่นมือให้เพียงเดือนทำแผลให้
“แกนี่ซุ้มซ่ามเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนเลยนะ ยายมุข” ประกายมุขอมยิ้มมองเพียงเดือนที่ทำแผลให้ และบ่นถึงเธอไม่ยอมหยุด ครั้งแรกที่เธอเจอเพียงเดือนที่เชียงใหม่ก็เป็นแบบนี้ แม่ของเขาฝากให้มาเรียนศิลปะกับอาจารย์ที่เชียงใหม่ หลังจากที่เธอเจออุบัติเหตุตกเขา จนจำอะไรไม่ได้ เพื่อนคนแรกที่เธอรู้จักก็คือเพียงเดือนที่เป็นคนสอนให้ประกายมุขเรียนรู้อะไร หลาย ๆ อย่างและมักบ่นไปด้วยทุกครั้งที่ประกายมุขไม่รู้จักอะไรเลย ไม่รู้แม้กระทั้งตัวเองเป็นใคร เกิดวันไหน ชอบอะไร และอยากจะทำอะไร บ้านของตัวเองก็ยังจำทางกลับไม่ได้ ทั้งที่แม่บอกเขาว่าเขาอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็ก แต่เขากลับไม่คุ้นเคยและจำมันไม่ได้เลยสักนิด และเมื่อเรียนจบและเพียงเดือนย้ายมาทำงานที่ภูเก็ต เธอจึงดิ้นรนที่จะมาหาเพื่อนคนนี้ให้ได้ เพราะเธอรู้แล้วว่าชีวิตนี้เธอขาดเพื่อนคนนี้ไม่ได้จริง ๆ ประกายมุขมองเพียงเดือนยิ้มๆ เพื่อนคนนี้ถ้าให้ตายแทนได้เธอยอม
“ไหนคำทำนายบอกว่านังเด็กนั้นจะกลับมาเร็ว ๆ นี้ละ ฉันไปรอมันทุกวันทำไมยังไม่เจอ”
ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง คมเข้ม เจ้าของสายตาดุดันที่ประกายมุขเจอเมื่อเช้าพูดขึ้นกับลูกน้องที่จ้างมาเป็นพิเศษ
“เหมือนมีอะไรบางอย่างพรางตาเราไว้ครับคุณ ปารัมภ์” ชายแก่ ไว้หนวดเครารุงรังพูดขึ้น
“โว้ย แล้วชาตินี้จะเจอมั้ย ฉันจะรู้มั้ยว่ามันอยู่ที่ไหน ไปตามหามันให้เจอไป”
ชายหนุ่มตะคอกเสียงดังปัดข้าวของบนโต๊ะลงมาแตกกระจาย
“ไม่นานครับนายจะต้องรู้” ชายผู้เป็นลูกน้องตอบและรีบวิ่งออกไปพร้อมลูกสมุนสองสามคน
“พ่อครับ รอก่อนนะครับไม่นานผมจะหามันมาถอนคำสาปนี้ให้ได้” ปารัมภ์พูดกับชายที่นอนนิ่งเป็นเจ้าชายนิททาพ่อส่งเขาไปเรียนต่างประเทศแค่ 5 ปีกลับมาอีกที พ่อของเขาก็กลายเป็นเจ้าชายนินทาโดยไม่รู้สาเหตุ
ความคิดเห็น