ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่อง ดินแดนแห้งหุบเขา

    ลำดับตอนที่ #1 : ดินแดนแห่งหุบเขา

    • อัปเดตล่าสุด 22 มี.ค. 49


    เรื่อง  ดินแดนแห้งหุบเขา

       ในเช้าวันหนึ่ง  ณ ที่แห่งหนึ่ง  ณ เมืองแห่งหนึ่ง  เมืองในที่นี้มีชื่อเมืองว่า"นาคราง"  เป็นเมืองที่มีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างยิ่งทั้ง  พืชพรรณธัญญาหาร  สัตว์ป่าป่าเป็นต้น  มีประชากรที่ขยันขันแข็ง  ซื่อตรง  ซื่อสัตย์  อดทน  มีน้ำใจ  มีความเมตตา  มีนิสัยที่เป็นมิตรไมตรี  และขาดไม่ได้ก็คือมีความจริงใจ  ประชาชนที่อาศัยอยู่ ณ เมืองนี้เรียกได้เลยว่า  เป็นเมืองแห่งสวรรค์  เพราะว่าจะมีอาหารตลอดทั้งปี  และไม่ดินแดนที่แห้งแล้ง  เป็นต้น  ทุก ๆ ปีจะมีประชากรจากดินแดนอื่นหลังไหลเข้ามาเป็นจำนวนมากทุกปี  และกษัตริย์ในเมืองนี้ก็เป็นกษัตริย์ที่มีความโอบอ้อมอารีเมตตา  ทำให้ประกรให้ความนับถือเป็นอย่างมาก  แต่ในยามรบกษัตริย์องค์นี้ก็มีเป็นที่ตัดสินใจที่เด็ดขาดแต่ไม่เลือดเย็น   แต่สงคราม ณ เมืองแห่งนี้บอกได้เลยว่าแถบจะไม่มีให้เห็นเลย  และพระมเหสีได้ประสูต  พระโอรส  พระองค์หนึ่งพระมเหสีได้นำ   พระโอรสไปฝากเลี้ยงไว้กับ  ฤๅษีตนหนึ่ง  ฤๅษีตนนี้  ชื่อว่า  สิงห์  ท่านฤๅษีสิงห์เลยตั้งชื่อพระโอรสว่า  อานนท์   แล้วต่อมาอามอนได้เรียนรู้วิชาจาก  ท่านฤๅษีสิงห์  จงจบหลักสูตรขั้นสูงสุด หรือขั้นสุดยอด ตอนที่เรียนจบ  อานนท์  อายุก็ประมาน 16 ปี  กว่าๆ อานนท์ก็เลยขอลาท่านฤๅษีกลับเมือง  “นาคราง“
    เพื่อที่จะไปพบกับท่านแม่  แต่... 
    ตอนที่  อานนท์กลับไปนั้นเหตุการณ์ที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนครับก็ได้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน...  ในทันใดนั้นเองพอเข้ากลับมาบ้านเกิดของเขา...
    เขา...  กลับเห็นการเปลี่ยนแปลงของเมืองอย่างมากมายฮะครับ  รูปแบบการปกครองก็เปลี่ยนไปด้วยกลายเป็นเมืองที่มีความทันสมัย  และมีความเจริญเป็นอย่างมาก  อานนท์มองได้สักพักใหญ่  เขาก็ตกใจว่ามันเป็นไปได้ไง  เมืองมีความสวยงามมาก  มองไปทางในก็พบแต่ธรรมชาติทั้งนั้น  (อันนี้ผมไมรู้ว่าตอนเด็ก ๆ เขาเคยเห็นเมืองแบบนี้อะป่าว  หรือว่าตอนเด็ก ๆ เข้าจำไม่ได้ก็ไม่รู้นะครับ)  และเมื่อเข้าอาศัยอยู่ในเมืองนี้อายุได้  22 ปี เข้าก็ออกไป  ผจญภัยในป่าใหญ่ อานนท์ได้ออกเดินทางไปในป่าพร้อมด้วยทหารองอัคร กว่า  300 คน แต่นี้น้อยมากเมื่อเทียบกับกองกำลังของพ่อ  อานนท์  อามอนก็ออกเที่ยวป่าอย่างมีความสุข  แต่ใยความสุขของเขากำลังมีความลึกลับบางอย่างที่เขาไม่เคยเห็นแฝงอยู่ในป่านี้  แต่ป่านี้ก็ให้สมญานามว่า ป่าพิศวงศ์    ป่าป่าพิศวงศ์ ตอนกลางวันมันจะมีพวก นก สิงห์สาราสัตว์ที่มีจำนวนมากมาก  แต่ในการเดินทางครั้งนี้ เข้าไม่ได้มาเพียงชมสิ่งที่เป็นธรรมชาติเพียงอย่างเดียว  เขามาเพื่อล่าสัตว์โดยเฉพาะ  (คุณอาจจะสงสัยว่าไม่มีนายพรานมาด้วยเหรอ มีครับ) อานนท์เห็นกวางเรนเดียที่เดินอยู่บนอากาศเขา ได้ง้างธนูแล้วทำาท่าจะยิงนายพรานผู้หนึ่งก็เข้ามาขัดจังหวะทำให้กวางตัวนั้นวันหนีไป 
     อานนท์  โกรธมากเลยสั่งให้ทหารของเขาจับนายตัวนายพรานไว้ 
    แต่นายพราน ก็บอกว่า  ไอ้หนูแก่จะยิงกว้างทำไมวะ 
    อานนท์ก็ตอบสวนไปเลย  เรามาเพื่อต้องการล่าสัตว์เพราะมันเป็นความสุขของเรา 
    นายพราน  เลยบอกต่อไปว่าถ้าเองยิ่งสัตว์ในป่านี้พวกเองจะได้พบกับการศูนย์เสียอันยิ่งใหญ่   
                     เองลองคิดให้ดีนะ
    อานนท์  ตอบในป่านี้คงจะมีอาธัญด้วยเหรอนายพราน 
    นายพราน  ก็ตอบไปว่าถ้าเองไม่เชื่อเองก็อย่าลบหลู่ก็แล้วกัน  ข้าขอเตือนเองไว้ 
    นายพราน  พูดต่อไปว่าถ้ามาล่าสัตว์อย่างเดียว  ข้าขอแนะนำว่าป่าแห่งนี้ไม่เหมาะกับเองและพัก
                     พวกหรอก
    ท่านนายพรานในป่านี้มีอะไรที่น่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ  กองกำลังทหารของเราก็มิใช่น้อยนะ  นายพรานก็เลยตอบไปว่าในป่านี้มีสิ่งที่ลี้ลับทั้งมองเห็นและไม่มองเห็น  ทันใดนั้นนายพรานก็หายตัวไปอย่าลึกลับและซับซ้อนปล่อยให้  อานนท์ งง  และทันใดนั้นได้ยินเสียงร้องของทหารกลุ่มหนึ่งเลยวิ่งมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น  ทหารของเขาถูกกับดักประมาน 100 คน   มีกำดักหลากหลายชิดบ้างคนถึงกับเสียชีวิตเลยที่เดียว   บางคนก็เสียเลือดมาก    เหลือชีวิตรอดที่มีร่างกายคบ 32 เพียง 30 คนเองครับ  และทหารส่วนหนึ่งก็วิ่งหายไปกับเงามืด นี้เป็นแค่จุดเริ่มต้นของการผจญภัยยิ่งเข้าเขาไปในป่านี้ลึกเท่าไรยิ่งอันตรายขึ้นทุกฝีก้าว  ตอนนี้พวกเขาเลือกองกำลังเพียง  240 คนเท่านั้น  พอเดินทางลึกเข้าไปบางคนก็ล้มตายหายตายจากันหลาย  บางคนก็พลัดหลงบ้าง  พอตกกลางคืน  ป่านี้ก็เงียบสงบมีแต่เสียงทหารที่สนทนากันอย่างมีความสุข  บางคนพอนอนหลับก็ฝันร้าย  และการฝันร้ายทำให้บ้างส่งบางอยางกระชากวิญญาณของเขาไป  และพอรุ่งเช้าไม่มีใครรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยังไงและเหตุใดได้เกิดขึ้น  (ทำให้ทหารฝันหนีดีฟ่อนัดเหนี่ยน)ไม่มีกำลังใจในการเดินทาง  แต่ตอนนี้อามอนถึงขันวิกฤตแล้วว่าสิ่งที่เกิดนั้น  นายพรานได้บอกเอาไว้แล้ว  ทหารของเขาที่ร่วมเดินทางด้วยเหลือเกือบ 100 คน  (ผมลืมบอกไปพวกเขาแบกอาวุธแบบว่าครบมือเลยอะครับ  เป็นอาวุธที่ทันสมัยทั้งนั้น) พอหัวรุ่งวันที่ 5 มีอานนท์ก็พาทหารที่เหลือไปล่าสัตว์ ในป่าพิศวงศ์  ที่นี้เขาเห็นช้างเม้มมอสอานนท์และทหารก็ล้อมช้างเม้มอสเอาไว้  แล้วอานนท์ก็สั่งให้ทหารระดมยิงช้างเม้มมอสตัวนั้นทำให้มันต้องจบชีวิตลง  แต่เรื่องไม่ได้จบเพียงแค่นี้นะสิที่พวกสัตว์ในป่า แล้วก็ผู้รักษาป่า แล้วก็มีทหารกลุ่มหนึ่งเป็นกลุ่มคนโบราณแต่อาวุธสุดทันสมัยประมาณ 1,000  เข้ามาโจมตีด้วยปืน  M16 ยิงปะทะกันอย่างดุเดือดไม่ต้องบอกเลยว่าเลือกตาแถบจะกระเด็นเลยที่เดียวครับ (ไม่ต้องบอกก็รู้นะครับว่าฝ่ายใดจะชนะ)  คือฝ่ายกลุ่มคนผู้ชนะครับ  และได้จับ   อานนท์กับทหารอีกประมาน 4-5คน พวกมันจับพวกของอามอน มัดมือ  ปิดตา  ปิดตา  (แต่ไม่ปิดหูครับ ผมไม่รู้ว่าทำไมไม่ปิดหูด้วยอะครับ)  พวกนี้ได้พาพวกของอานนท์ไปเมืองล่องหนครับ  พวกเขาพาอานนท์ไปขังไว้ในห้องใต้ดิน  เมืองนี้เป็นเมืองที่มีความพิเศษคือเป็นเมืองที่มีหุบเขาลอมรอบมีทางเข้า  หน้า-หลัง  สองทาง  เมืองนี้คนธรรมดาจะมองไม่เห็นครับ  เลยได้สมญานามว่า  เมืองล่องหน ครับ  อยู่ท่ามกลางหุบเขามีแม่น้ำลอมรอบ  มีความอุดมสมบูรณ์พอสมควร  และเมื่อยามฝนและพายุเบาๆจึงจะมีสายรุ่งลอมรอบถึง 7 สายด้วยกัน  แต่ 7ปีจึงจะมีให้เห็นสักครั้งนึง  แต่ผู้ที่เห็นก็มีแต่คนในเมืองนั้นอย่างเดียวแล้ว  ชาวเมืองนี้เรียกว่า  สายรุ่ง 7 สีเมื่อเกิดปรากฏการนี้ขึ้นชาวเมืองได้จัดงานเลี้ยงฉลองขึ้นเป็นปรำทุก 7 ปี  แล้วก็ชาวเมืองนี้จะเป็นเมืองที่มีผู้คนเป็นหนุ่มเป็นสาว  และพวกเขาได้มีพระราชาเป็นหนุ่มอีกเช่น  อาจเป็นไปได้จากดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์เกิดขึ้นพร้อมกับสายรุ่ง 7 สี  เมืองเมื่อใครเข้ามาล่าสัตว์ทำร้ายสัตว์หรือว่าลุกลำเข้าอานาเขตของพวกเขาเขาจะจับตัวมาเพื่อทำพิธีสังเวยแก่สัตว์กินเนื้อทั้งหายในป่า  สวนคนที่เสียชีวิตในป่า นกที่อยู่ในป่าจะมีกิน   และจะวันสังเวยที่มีชื่อว่า  วันวาเลนไทน์ ซึ่งพวกเขานับถือวันนี้ว่าเป็นวันแห่งการศูนย์เสียของผู้ที่บุกรุกจะจัดงานนี้ขึ้นก็ต่อเมื่อจับผู้ที่บุกรุก  มาสังเวยภายใน 14 วัน มีสายลับของอานนท์ที่ขี่ม้าตามมาห่าง ๆ ทราบว่า  อานนท์ถูกจับอยู่ในเมืองล่องหน  เลยขี่ม้าเร็วไปบอก พ่อของอานนท์ เลยสั่งเตรียมทหาร กว่า 55,050นาย  มีแยกประเภท คือ   ทหารม้า(ดาบ) 1,000นาย ทหารม้า(ปืน) 1,000นาย ทหารม้า(หอก)1,000นาย   นักธนู  5,000นาย  นักเม่นปืน  5,000นาย  ทหารราบ  20,000นาย รถทหารพร้อมทหารและอาวุธ  500คัน   12,000นาย  พยาบาล  5000นาย  หน่วยรบพิเศษ 50,000นาย  สุดยอดทหาร  50นาย 
    พ่อของ อานนท์  กล่าวว่า  ให้นำกองกำลังไปที่เมืองล่องหนแล้วนำตัวลูกชายของอั้วกลับมาให้ได้   และได้ออกเดินทางจากเมือง”นาคราง” ไปยังเมืองล่องหน  ใน 3-4วันแรกก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น   และนายพรานก็ออกมาปรากฏตัวอีกครั้งหนึ่งแล้วได้คุยกับ นานมี ซึ่งเป็นหัวหน้าคุมกองทัพมา  และนายพรานได้ถามว่าจะไปช่วยพ่อหนุ่มเหรอ   ที่ชื่อว่า อานนท์ นะเหรอ  นานมีก็ตอบกลับว่าใช่แล้วครับแล้วท่านพอจะรู้ใหมว่า  หัวหน้าของข้านะถูกจับไปไว้ที่ไหน  ข้าก็พอรู้ว่าถูกจับไว้ที่เมืองล่องหน คนที่เข้าไปในนั้นได้ต้องเป็นคนที่อาศัยอยู่ในเมืองนั้นเท่านั้น   แล้วท่านมีวิธีอื่นไหมครับ  วิธีอื่นก็มีนะแต่มันต้องใช้เวลาในการตามหาดอกดาหลา 7 สี  แต่มันอยู่บนเทือกเข้าลงกามีความสูงประมาน 5,000เมตร  นายพรานเลยบอกว่าให้คัดเลือกทหารที่มีความแข็งแรงที่สุดมา 30คน  แล้วทหารที่เหลือก็ตั้ง  เค็มที่นี้ไปก่อนเราใช้เวลาเพียง 2วันให้รออยู่ที่นี้เคลื่อนย้ายกองกำลังไปใหนเด็ดขาด  แล้วนายพรานกับ นานมี ก็เดินทาไปตามหาดอกดาหลาที่เทือกเขาลงกา  พวกเข้าเดินขึ้นเขาตอนแรกอย่างสบายสบาย  แต่ยิ่งใกล้ถึง  ดอกดาหลาเท่าไรมีอุปสรรคมากมายนัก   บางคนทนไม่ไหวก็ขาดใจตายเสียก่อน  บางคนก็พลาดท่าตกเขา  แต่เมือเห็นดอกดาหลาที่อยู่บนเทือกเขา แผ่นดินก็ไหวอย่างรุนแรงก็มีก้อนหินยักกลิ้งมาทางนานมี  และหัวหน้าทั้งสองคนหลบพ้นก้อนหินนิดเดียว ตอนเดินทางนายพรานก็ได้เล่าให้ฟังว่าถ้าเราตัดต้นดาหลา 7สีได้ อีก 10ปี มันจะมีอีกครั้งมีอุปสรรค์มากมายหลายประการเกินคำบรรยาย  พอเขาเดินขึ้นไปถึงบนก็พบกับมังกรน้ำแข็งตัวหนึ่ง กับมังกรไฟ  พวกเขาเห็นมังกรทั้งสองตัวเลย  กราดยิ่งด้วยปืน  SK แต่กระปืนนี้ไม่ระเคืองผิวหนังมันเลย  ก็เปลี่ยนมาใช้  m16 ยิ่งกระหน่ำไปที่มังกรไฟ  พวกเขายิ่งไปที่ปีกปรากฏว่าได้ผลมั่งกรบินขึ้นไม่ได้แล้วแต่มันก็ยังคงพ้นไฟใส่พวกเขา  เขาก็หลบแล้วที่นี้ทั้งยิ่งกระหน่ำไปที่หัวของมังกรไฟ  มังกรไฟถึงกับอึ้งตาค้างแล้วก็มานตาก็ค่อย ๆ ๆปิดลงนอนลงอย่างช้าๆ ๆ ๆ  แล้วก็ตายอย่างนาสงสาร  ตอนมังกรล้มแผนดินตรงนั้นถล่มลงไปเห็นซากโครงกระดูกของมนุษย์และเป็นจำนวนมาก  นานมีเลยเอยขึ้นว่า  (โอ๋จอร์จเราจะกลายเป็นศพแบบนี้ใหมเนี่ย)  นายพรานก็บอกว่า  ตอนนี้จอร์จก็น่าจะตกเป็นศพมันแล้วละมั่ง  แล้วนานมีก็เอยพูดกับมังกรอีกตัวว่า  "แม่ไม่ว่าทำตัวอย่างนี้" มังกรตัวนั้นก็ส่งสายตาแห่งความรักมาที่ นานมี นานมีตกใจมาก  นายพรานก็บอกว่า  ขนาดมังกรยังตกหลุมรักเลยนะเนี่ยแก่เสน่ห์แรงไม่เบาเลย  แล้วพวกของ นานมีก็ยิ่งมังกรตัวนั้นด้วยปืน  RPG  พวกเขาแล่งที่หัวของมัน   ลูกปืน RPG (มันสโลอยูนะ)  ยิ่งไปลูกปืนไปอย่างช้า ๆ ๆแล้วก็ปั้งเข้าที่หัว  แรงระเบิดของลูกปืนที่ไปกระทบกับหัวของมังกรทำให้ ส่วนหัวของมังกรถึงกับแหลกกระจายเลยที่เดียว  แล้วร่างของมังกรก็ตกลงมาจากเทือกเขาร่างที่ตกด้วยความสูงขนาดเนี่ยคงทำให้ศพของมันแหลกละเอียดแน่นอน  แล้วนานมีก็เข้าไปเพื่อที่จะตัดดอกดาหลา  นายพรานบอกว่ามันน่าจะมีอะไรสักอย่างนะท่าน นานมี  นายพรานหยิบไม้อันหนึ่งแล้วลองโยนไปที่ข้างหน้าของท่านนานมี ปรากฏว่าเขาสั่นสะเทือนแล้วก็มีแสงพุ่งขึ้นมาพร้อมกับสาวสวย  ตัวข้านั้นชื่อนารี  มีหน้าที่เฝ้าดอกดาหลา 7 สี  นารี  ข้าขอถามเจ้าว่าเจ้าต้องการอะไรบอกข้ามา 1  อย่าง  นานมีก็บอกว่าข้าต้องการดอดดาหลา  นารี  เป็นเสมือนนางฟ้า  มีหน้าตาสวยงามมากเกินกว่ามนุษย์อย่างพวกเรานัก  พอนารีบรรดารสิ่งที่เขาขอสำเห็จแล้วนารีก็จากไปจนไม่รู้ว่าจะพบนางอีกเมื่อใด  แล้ว
    นายพราน  ชี้ให้เห็นว่าที่มีหุบเขาลอมรอบนั้นแหละเมืองล่องหน
    นานมี  ถามว่าไม่เห็นเมือที่ว่าเลย
    นายพราน  บอกว่าก็มันเป็นเมืองล่องหนนะสิเราจึงมองไม่เห็น
    แล้วพวกเขาก็กลับลงมาจากเขาแล้วก็ไปจุดที่ทหารของเขาพักอยู่  พอลงมาข้างล่างสุดของเทือกเขา  เขานั้นก็หายไปกับตา  แล้วก็มีพวกประสงร้ายมาลักลอบยิ่ง   ยิงกับไปหลบกันมากตายกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา  ตอนนี้นานมีกับพวกอีก 10 คนได้กลับไปไปที่ฐานทัพ พอกลับไปถึงนานมี ได้ถามว่า  เออนายพรานแล้วดอกดาหลา 7 สีเข้าใช้ยังไงละ
    นายพรานตอบว่า  นำมาคั้นเป็นน้ำแล้วก็ให้ลืมตาในน้ำดอกดาหลานั้น 
    นานมี  แต่จะใหวเหรอทหารเราทหารของเรามีเป็นหมื่น
    นายพราน  บอกว่าถ้ามีคนเห็นคนเดียวก็น้ำทางเราเข้าไปได้แล้ว
    นานมี  จริงด้วย  เออว่าแต่ว่าแล้วเมืองล่องหนไปทางใหนละ
    นายพราน  ก็เดินทางทิศเหนือประมาน 10กิโลเมตร ก็ถึงแล้ว
    แล้วพวกเขาก็ออกเดินทางแล้วพวกเขาก็ออกเดินทางทหารของเขาได้เดินไปเหยียบกับดักเข้า  แต่พวกเขาก็ยังออกเดินทางพอเดินทางไปได้สัก 3-4วัน ก็เห็นเมืองล่องหนแต่ตอนไปถึงมันมืดพอดีเข้าตั้งเค็มห่างจากเมืองล่องหน  พอสมควรแล้วตั้งเวรยามไว้ทั่วเค็มที่พัก  แล้วก็สลับเวรยามกัน พอตอนเช้ากองกำลังที่มาจากเมืองล่องหน  ได้มาลักลอบยิ่งทหารแล้วที่นี้ทั้งสองกำลังนี้ก็ประทะกันมีคนบาดเจ็บล้มตายมิใช่น้อย  ทหารของเมืองล่องหนตายหมดแล้วนานมีก็นำกองกำลังที่เหลือไปบุกเมืองล่องหน  แต่หารู้ใหมว่าที่หน้าเมืองล่องหนมีกับดักที่อันตรายอยู่หน้าเมืองด้วย

    (ไม่แน่ใจครับว่าผมแต่งออกแนวใหนกันแน่ครับ)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×