ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 4/1 เดินหน้าจีบ
บทที่ 4 เดินหน้าจีบ
“มี้ว่าคุณลุงใจดีเขาจะมาบ้านเราอีกไหมคะ”
“คงไม่แล้วแหละ”
แววตาเด็กน้อยเศร้าสลดที่ได้ยินคำตอบแบบนั้น พิตะวันเองก็ไม่คิดว่าลูกสาวจะติดใจอะไรกับคนที่เพิ่งไป และเธอไม่รู้เลยว่าคำตอบที่ให้ลูกสาวไปนั้นผิดมหันต์
เพราะหลังจากนั้นในทุก ๆ วันที่เธอไปส่งข้าวกล่องให้กับศรันย์ก็มักจะพบเจอกับหน้าของเพื่อนเจ้าของบ้านเป็นประจำ
หากเจ้าตัวที่แสดงออกมามีความสนใจก็ไม่ได้รุกหนักอะไรมากไปกว่าการทักทายเอ่ยแซวหรือส่วนใหญ่ก็จะเล่นกับลูกสาวของเธอเสียมากกว่า
ถึงกระนั้นพิตะวันก็พยายามทำตัวให้เป็นปกติและดำเนินชีวิตประจำวันไปเช่นเดิม แม้ว่าจะได้ยินชื่อของเขาหลุดผ่านหูบ่อยครั้งจนรบกวนจิตใจเธอก็ตาม
“ห้ามปีนบันไดอีกเข้าใจไหมคะ?” พิตะวันบอกเสียงเข้มพลางยกนิ้วชี้ขึ้นคาดโทษลูกสาวที่กำลังทำตัวเจียมเนื้อเจียมตัวยอมรับผิด
“ค่ะ”
“งดขนมอีกสองห่อ”
“โห มี้ขาทำไมครั้งก่อนแค่ห่อเดียว แล้วทำไมครั้งนี้สองล่ะคะ” เด็กหญิงที่ห่วงกินยอมไม่ได้เริ่มโต้แย้งและโอดครวญ
ซึ่งนอกจากคนเป็นแม่จะไม่ใจอ่อนยังลงโทษหนักกว่าเก่า
“สองห่อไม่พอ งดยาวไปสองอาทิตย์เลยค่ะ”
เด็กหญิงได้ยินเข้าดวงตากลมก็พลันเบิกกว้าง ส่ายหน้าเป็นการใหญ่ แต่มารดาก็ไม่ลดหย่อน
“เป็นลมแปบ” บอกพลางก็เอนหลังทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างคนหมดเรี่ยวแรง
พิตะวันได้แต่อมยิ้มกับท่าทางเหล่านั้น
“มี้ใจร้ายมากค่ะขอบอก”
“มี้ไม่ได้ใจร้ายแต่มี้รักหนู เราตกลงกันแล้วว่าห้ามปีนบันไดในทุกกรณีแล้วดูนี่สิเห็นไหม เจ็บจนได้ทั้งที่มี้พร่ำบอกอยู่” พิตะวันอธิบายพลางชี้นิ้วไปที่แผลบนหัวเข่า
“ก็ลูกโป่งลอยขึ้นไปนี่คะ”
“มี้บอกแล้วไงคะ ถ้ามี้ยุ่งอยู่เจ้าขาก็ต้องรอ ต้องรู้จักรอ”
“มี้อ่าดุมากค่ะ คุณลุงใจดีไม่เห็นจะดุแถมให้อมยิ้มมาอีกต่างหาก อุ๊บ”
ดวงตาใสแป๋วกระพริบถี่ ๆ เมื่อเผลอพูดถึงความลับออกไปอีกแล้ว เด็กหญิงพิลาศรักษ์จึงค่อย ๆ ขยับกายลุกขึ้นแล้วถอยห่างมารดาทันใด ถึงกระนั้นก็ยังมีสายตาดุส่งตามมา
“อมยิ้มงั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นขนมก็….”
“ไม่งดแล้วนะคะ เดี๋ยวเจ้าขาจะรีบไปเอาอมยิ้มมาให้มี้ค่ะ” พูดเสร็จก็รีบใส่เกียร์วิ่งไปเอาอมยิ้มทันที
พิตะวันไม่อยากจะเชื่อเลย เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ลูกสาวของเธอที่กล้าฝืนคำสั่งแต่หญิงสาวพาลโยนความผิดไปให้ผู้ใหญ่ด้วย
เธอที่พยายามไม่คิดถึงเขา แต่เหมือนว่าเขากลับยิ่งสร้างความใกล้ชิดเข้ามา
แม้ไม่ใช่เข้าหาเธอโดยตรงแต่การผูกมิตรกับพิลาศรักษ์เป็นอะไรที่ยากจะปฏิเสธและห้ามไม่ให้ลูกสาวพูดถึง
ทุกวันนี้ลูกสาวสุดที่รักเรียกหา คุณลุงใจดี มากกว่าจะเรียกชื่อเธอด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าถูกอกถูกใจอะไรกันตอนไหนหนักหนาถึงทำเหมือนว่ารู้จักกันมาหลายปี
ดูเหมือนว่าลบเขาจากความคิดมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะที่เธอเป็นอยู่ไม่ได้ต่างจากคิดถึงเขาสักนิด หญิงสาวสะบัดศีรษะแรง ๆ ไปมาแล้วเลือกจะเปิดทีวีค้นหาซีรีย์ดูเพื่อให้หัวใจเลิกว้าวุ่น
ทางด้านคนที่พิตะวันไม่อยากคิดถึงตอนนี้กำลังฝันหวานอยู่ ชายหนุ่มกำลังเพ้อเหมือนวัยรุ่นแรกรักไม่มีผิด
นับจากวันที่ได้รู้ว่าพิตะวันเป็นซิงเกิลมัมและมั่นใจว่าเธอไม่มีใคร ภูพิงค์ก็มารบกวนเพื่อนสนิทอย่างศรันย์เกือบทุกวัน เพราะจะได้เห็นใบหน้าสวย ๆ ของพิตะวันที่มาส่งอาหาร
เขาไม่สนเรื่องของการผ่านมือชายมาก่อน เพราะรู้สึกชื่นชมเธอเสียมากกว่าที่เข้มแข็งและยืนหยัดอยู่ได้
ถึงจะเป็นคนโสดลูกหนึ่งแต่ถ้าไม่มีเจ้าของมันก็น่าค้นหา แม้ว่าดูเธอจะระแวดระวังเขามากเสียมากกว่าจะยอมให้จีบก็ตามแต่ ภูพิงค์ถ้าลองได้ถูกใจเขาก็ไม่มีวันยอมแพ้จนกว่าจะได้มาครอบครอง
อีกอย่างแม่หนูน้อยนัยต์ตาใสแจ๋วก็น่าเอ็นดูเหลือเกิน เขาชอบความสดใสและไร้เดียงสา ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ชอบเด็ก มารู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นคุณลุงใจดีคนสนิทไปแล้ว
จนเพื่อนอย่างศรันย์หัวเราะขำขันกับสิ่งที่เขากระทำ ยามคิดถึงเด็กหญิงพิลาศรักษ์ขึ้นมาก็เกิดคำถามขึ้นในใจของภูพิงค์ตลอด ทำไมเขาถึงเป็นลูกคนเดียวนะ ทำไมแม่ไม่มีน้องให้เขาสักคน เมื่อก่อนเขาจะเหงาเหมือนแม่หนูน้อยตัวอวบหรือเปล่าก็ไม่รู้
คำถามที่ก่อตัวขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดศีรษะทำให้ภูพิงค์ต้องควานหายาที่เขามักจะพกติดตัวไว้สม่ำเสมอเอาเข้าปากและดื่มน้ำตามอย่างรวดเร็ว
แสบไม่ไหวเลย หนูเจ้าขา แม่ตะวันบอกหัวจะปวด
อย่าลืมกดหัวใจ+เพิ่มเข้าชั้นไว้ให้ด้วยนะคะ
คอมเม้นท์ = กำลังใจรออ่านค่า ไรท์อ่านของทุกคนเลยแต่อาจจะไม่ได้ตอบกลับ ขอบคุณไว้ตรงนี้ค่า
“มี้ว่าคุณลุงใจดีเขาจะมาบ้านเราอีกไหมคะ”
“คงไม่แล้วแหละ”
แววตาเด็กน้อยเศร้าสลดที่ได้ยินคำตอบแบบนั้น พิตะวันเองก็ไม่คิดว่าลูกสาวจะติดใจอะไรกับคนที่เพิ่งไป และเธอไม่รู้เลยว่าคำตอบที่ให้ลูกสาวไปนั้นผิดมหันต์
เพราะหลังจากนั้นในทุก ๆ วันที่เธอไปส่งข้าวกล่องให้กับศรันย์ก็มักจะพบเจอกับหน้าของเพื่อนเจ้าของบ้านเป็นประจำ
หากเจ้าตัวที่แสดงออกมามีความสนใจก็ไม่ได้รุกหนักอะไรมากไปกว่าการทักทายเอ่ยแซวหรือส่วนใหญ่ก็จะเล่นกับลูกสาวของเธอเสียมากกว่า
ถึงกระนั้นพิตะวันก็พยายามทำตัวให้เป็นปกติและดำเนินชีวิตประจำวันไปเช่นเดิม แม้ว่าจะได้ยินชื่อของเขาหลุดผ่านหูบ่อยครั้งจนรบกวนจิตใจเธอก็ตาม
“ห้ามปีนบันไดอีกเข้าใจไหมคะ?” พิตะวันบอกเสียงเข้มพลางยกนิ้วชี้ขึ้นคาดโทษลูกสาวที่กำลังทำตัวเจียมเนื้อเจียมตัวยอมรับผิด
“ค่ะ”
“งดขนมอีกสองห่อ”
“โห มี้ขาทำไมครั้งก่อนแค่ห่อเดียว แล้วทำไมครั้งนี้สองล่ะคะ” เด็กหญิงที่ห่วงกินยอมไม่ได้เริ่มโต้แย้งและโอดครวญ
ซึ่งนอกจากคนเป็นแม่จะไม่ใจอ่อนยังลงโทษหนักกว่าเก่า
“สองห่อไม่พอ งดยาวไปสองอาทิตย์เลยค่ะ”
เด็กหญิงได้ยินเข้าดวงตากลมก็พลันเบิกกว้าง ส่ายหน้าเป็นการใหญ่ แต่มารดาก็ไม่ลดหย่อน
“เป็นลมแปบ” บอกพลางก็เอนหลังทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างคนหมดเรี่ยวแรง
พิตะวันได้แต่อมยิ้มกับท่าทางเหล่านั้น
“มี้ใจร้ายมากค่ะขอบอก”
“มี้ไม่ได้ใจร้ายแต่มี้รักหนู เราตกลงกันแล้วว่าห้ามปีนบันไดในทุกกรณีแล้วดูนี่สิเห็นไหม เจ็บจนได้ทั้งที่มี้พร่ำบอกอยู่” พิตะวันอธิบายพลางชี้นิ้วไปที่แผลบนหัวเข่า
“ก็ลูกโป่งลอยขึ้นไปนี่คะ”
“มี้บอกแล้วไงคะ ถ้ามี้ยุ่งอยู่เจ้าขาก็ต้องรอ ต้องรู้จักรอ”
“มี้อ่าดุมากค่ะ คุณลุงใจดีไม่เห็นจะดุแถมให้อมยิ้มมาอีกต่างหาก อุ๊บ”
ดวงตาใสแป๋วกระพริบถี่ ๆ เมื่อเผลอพูดถึงความลับออกไปอีกแล้ว เด็กหญิงพิลาศรักษ์จึงค่อย ๆ ขยับกายลุกขึ้นแล้วถอยห่างมารดาทันใด ถึงกระนั้นก็ยังมีสายตาดุส่งตามมา
“อมยิ้มงั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นขนมก็….”
“ไม่งดแล้วนะคะ เดี๋ยวเจ้าขาจะรีบไปเอาอมยิ้มมาให้มี้ค่ะ” พูดเสร็จก็รีบใส่เกียร์วิ่งไปเอาอมยิ้มทันที
พิตะวันไม่อยากจะเชื่อเลย เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ลูกสาวของเธอที่กล้าฝืนคำสั่งแต่หญิงสาวพาลโยนความผิดไปให้ผู้ใหญ่ด้วย
เธอที่พยายามไม่คิดถึงเขา แต่เหมือนว่าเขากลับยิ่งสร้างความใกล้ชิดเข้ามา
แม้ไม่ใช่เข้าหาเธอโดยตรงแต่การผูกมิตรกับพิลาศรักษ์เป็นอะไรที่ยากจะปฏิเสธและห้ามไม่ให้ลูกสาวพูดถึง
ทุกวันนี้ลูกสาวสุดที่รักเรียกหา คุณลุงใจดี มากกว่าจะเรียกชื่อเธอด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าถูกอกถูกใจอะไรกันตอนไหนหนักหนาถึงทำเหมือนว่ารู้จักกันมาหลายปี
ดูเหมือนว่าลบเขาจากความคิดมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะที่เธอเป็นอยู่ไม่ได้ต่างจากคิดถึงเขาสักนิด หญิงสาวสะบัดศีรษะแรง ๆ ไปมาแล้วเลือกจะเปิดทีวีค้นหาซีรีย์ดูเพื่อให้หัวใจเลิกว้าวุ่น
ทางด้านคนที่พิตะวันไม่อยากคิดถึงตอนนี้กำลังฝันหวานอยู่ ชายหนุ่มกำลังเพ้อเหมือนวัยรุ่นแรกรักไม่มีผิด
นับจากวันที่ได้รู้ว่าพิตะวันเป็นซิงเกิลมัมและมั่นใจว่าเธอไม่มีใคร ภูพิงค์ก็มารบกวนเพื่อนสนิทอย่างศรันย์เกือบทุกวัน เพราะจะได้เห็นใบหน้าสวย ๆ ของพิตะวันที่มาส่งอาหาร
เขาไม่สนเรื่องของการผ่านมือชายมาก่อน เพราะรู้สึกชื่นชมเธอเสียมากกว่าที่เข้มแข็งและยืนหยัดอยู่ได้
ถึงจะเป็นคนโสดลูกหนึ่งแต่ถ้าไม่มีเจ้าของมันก็น่าค้นหา แม้ว่าดูเธอจะระแวดระวังเขามากเสียมากกว่าจะยอมให้จีบก็ตามแต่ ภูพิงค์ถ้าลองได้ถูกใจเขาก็ไม่มีวันยอมแพ้จนกว่าจะได้มาครอบครอง
อีกอย่างแม่หนูน้อยนัยต์ตาใสแจ๋วก็น่าเอ็นดูเหลือเกิน เขาชอบความสดใสและไร้เดียงสา ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ชอบเด็ก มารู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นคุณลุงใจดีคนสนิทไปแล้ว
จนเพื่อนอย่างศรันย์หัวเราะขำขันกับสิ่งที่เขากระทำ ยามคิดถึงเด็กหญิงพิลาศรักษ์ขึ้นมาก็เกิดคำถามขึ้นในใจของภูพิงค์ตลอด ทำไมเขาถึงเป็นลูกคนเดียวนะ ทำไมแม่ไม่มีน้องให้เขาสักคน เมื่อก่อนเขาจะเหงาเหมือนแม่หนูน้อยตัวอวบหรือเปล่าก็ไม่รู้
คำถามที่ก่อตัวขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดศีรษะทำให้ภูพิงค์ต้องควานหายาที่เขามักจะพกติดตัวไว้สม่ำเสมอเอาเข้าปากและดื่มน้ำตามอย่างรวดเร็ว
แสบไม่ไหวเลย หนูเจ้าขา แม่ตะวันบอกหัวจะปวด
อย่าลืมกดหัวใจ+เพิ่มเข้าชั้นไว้ให้ด้วยนะคะ
คอมเม้นท์ = กำลังใจรออ่านค่า ไรท์อ่านของทุกคนเลยแต่อาจจะไม่ได้ตอบกลับ ขอบคุณไว้ตรงนี้ค่า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น