ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 3/3 เจอกันอีกครั้ง
น้ำเสียงที่ฟังดูเศร้าจนภูพิงค์รู้สึกผิดหนักกว่าเดิมและเมื่อได้คำตอบจากเด็กน้อยก็คิดได้ว่าเขาไม่ควรถามออกไปเลยตั้งแต่แรก แววตาของเด็กหญิงตรงหน้าดูเหงาหงอยจากที่ตอนแรกเปล่งประกายร่าเริง คนเป็นผู้ใหญ่ทำอะไรไม่ถูกจึงมีแต่ความเงียบที่เข้ามาปกคลุม
จังหวะเดียวกันนั้นพิตะวันก็เดินออกมาพร้อมถุงผ้าสีขาวที่บรรจุกล่องอาหารอยู่ด้านใน
ภูพิงค์ลุกขึ้นเต็มความสูงรับเอามา
“ฉันแถมไปให้คุณด้วย เพื่อเป็นการตอบแทนที่ช่วยเจ้าขาไว้ ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ”
“ครับ”
น้ำเสียงทุ้มตอบรับสั้น ๆ แม้จะอยากพูดคุยต่อ แต่เพราะเขาได้ตั้งคำถามที่รังแกความรู้สึกของลูกสาวเจ้าของบ้านไป ทำให้ภูพิงค์ไม่กล้าจะหยอดหรือจีบสาวสวยที่เขาหมายปองตั้งแต่แรกเห็น ขอกลับไปตั้งหลักก่อน
ชายหนุ่มคิดอย่างนั้น ภูพิงค์เตรียมหมุนตัวเดินกลับเช่นเดียวกับพิตะวันและลูก
“ไปค่ะเจ้าขา เข้าบ้านกัน เอ๊ะ!” ฝ่ามือน้อย ๆ ที่รั้งนิ้วก้อยเอาไว้ ทำให้พิตะวันต้องเลิกคิ้วสงสัยและมองหน้าของลูกสาวว่าต้องการอะไรถึงไม่ยอมเดินเข้าบ้าน
“มี้ตะวันขา คุณลุงเขามีเลือดออกค่ะ” เสียงใสบอกกับมารดาพลางชี้ไปที่ผู้ใหญ่ตัวโต
พิตะวันเห็นมาตั้งแต่ต้น เพียงแต่ไม่อยากชวนคนตรงหน้าเข้าบ้านจะมองว่าใจดำก็ได้แต่เธออาศัยอยู่กับลูกแค่สองคน แม้ว่าเขาจะเป็นคนมีน้ำใจแต่พิตะวันก็คิดมาก ตอนนี้จึงได้แต่สับสนว่าควรจะทำเช่นไร
ภูพิงค์เองก็ทันได้ยินมันทำให้เขาอมยิ้มอกอมา เขากลับคิดไปว่าคนตัวเล็กอาจจะไม่อยากคุยกับเขาแล้วเสียอีก
“เดี๋ยวคุณลุงก็กลับไปทำแผลที่บ้านได้”
“แต่คุณลุงเขาช่วยหนูไว้นะคะ”
ถ้าเธอยังดื้อดึงแน่นอนว่าจะกลายเป็นคนแล้งน้ำใจและดูนิสัยแย่
ท้ายที่สุด……..
“คุณเชิญเข้าไปในบ้านก่อนก็ได้ค่ะ”
“ครับ แต่ถ้าลำบากใจ”
“เชิญเถอะค่ะ ก่อนที่ฉันจะเป็นคนใจร้ายในสายตาลูกสาว” เธอพูดความในใจออกไปตรง ๆ
“ครับ” ภูพิงค์ไม่ฏิเสธคำชวนของเจ้าของบ้าน และยังส่งยิ้มเล็กเป็นการขอบคุณไปให้แม่หนูน้อยตัวอวบกลม
สุดท้ายแขกที่ไม่ได้รับเชิญก็ได้เข้ามานั่งอยู่ในบ้าน ภูพิงค์อาศัยช่วงจังหวะที่สองแม่ลูกพยายามช่วยกันดูแผลมองสำรวจโดยรอบ นอกจากตัวบ้านที่ดูกว้างขวางก็ยังมีเฟอร์นิเจอร์ราคาไม่ใช่ถูก ๆ วางเรียงเป็นระเบียบแต่นอกเหนือจากนั้นก็แทบไม่มีอะไรเลยที่บ่งบอกถึงสมาชิกในครอบครัวคนอื่น ๆ
“อ๊ะ!!” ภูพิงค์เผลออุทานออกมาเสียงหลงเมื่อแอลกอฮอล์โดนแผล
“คุณลุงเจ็บเหรอคะ?” เด็กหญิงพิลาศรักษ์เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เด็กน้อยแสดงออกทางสีหน้าเหมือนจะเจ็บแทนและเสียวยามที่เห็นเลือดในสำลี
“เปล่าหรอก ตกใจน่ะ” ความจริงก็คือเจ็บนิดหน่อยแต่โตมาขนาดนี้และอยู่ต่อหน้าสาวสวย คนอย่างพ่อเลี้ยงภูพิงค์ต้องรักษาภาพลักษณ์
“มี้ขาเป่าด้วยสิคะ”
พิตะวันอยากจะหาอะไรใส่ปากเล็ก ๆ ที่เจื้อยแจ้วเสียจริง แต่เพราะเลี้ยงมากับมือจึงได้แต่กัดฟันตีสีหน้านิ่ง ๆ แล้วก้มลงเป่าบริเวณแผลที่เพิ่งใส่ยาไป
ลมร้อนที่สัมผัสบนท่อนแขนทำให้ภูพิงค์ร้อนๆ หนาวๆ ความจริงก็หวั่นไหวต่อสัมผัสและความใกล้ชิดได้กลิ่นหอมเย้ายวนมาตั้งแต่แรกแต่เขาก็พยายามอดทน
ไม่คิดเลยว่าตอนนี้มันจะอาการหนักเพราะบางสิ่งบางอย่างมันกำลังร้อนรุม เขารีบหันหน้าหนีไปดูอย่างอื่นที่ไม่ใช่ใบหน้างดงาม เธอเป็นผู้หญิงสวยที่มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามเป็นที่สุด โดยเฉพาะดวงตาคู่หวานแม้ในบางครั้งภูพิงค์จะรู้สึกว่ามันแฝงมาด้วยความเศร้าแต่เขาก็รู้สึกว่าน่าค้นหา
การทำแผลเสร็จสิ้นในเวลาต่อมาและก็ถึงเวลาที่ต้องโบกมือลาอย่างจริงจัง
พิตะวันส่งแขกถึงหน้าบ้านตามคำเรียกร้องของลูกสาวคนดีคนเดิม รถยนต์เคลื่อนออกไปลับสายตาพร้อมกับความรู้สึกวูบไหวที่เกิดขึ้นในอกข้างซ้ายของหญิงสาวเธอจำเขาได้แล้วว่าคือคนคนเดียวกันกับที่ช่วยกดลิฟท์
แรกเริ่มไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากช่วยแต่การที่จู่จู่จะมีผู้ชายแปลกหน้าโผล่มาต่อให้เป็นเพื่อนของลูกค้าขาประจำอย่างอาจารย์ศรันย์ พิตะวันก็ยังคงระวังตามประสาผู้หญิงตัวคนเดียวและปิดกั้นโอกาสของหัวใจที่จะได้ทำความรู้จักกับใคร เธอพอจะมองเห็นแววตาพึงพอใจของชายหนุ่มแต่เธอเลือกที่จะทำเป็นเฉยเมยเก็บซ่อนทั้งที่รู้สึกว่าตัวเองใจเต้นโครมครามกว่าครั้งไหน ๆ กับความบังเอิญที่เกิดขึ้น
.
.
.
.
หนูเจ้าขาชงเก่งมากลูกกก
คุณแม่ยังสาวจะทนได้ไหมน้อ ฝากติดตาม
ตอนต่อไปด้วยค่า
อย่าลืมกดหัวใจ+เพิ่มเข้าชั้นไว้นะคะ
คอมเม้น=กำลังใจ
จังหวะเดียวกันนั้นพิตะวันก็เดินออกมาพร้อมถุงผ้าสีขาวที่บรรจุกล่องอาหารอยู่ด้านใน
ภูพิงค์ลุกขึ้นเต็มความสูงรับเอามา
“ฉันแถมไปให้คุณด้วย เพื่อเป็นการตอบแทนที่ช่วยเจ้าขาไว้ ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ”
“ครับ”
น้ำเสียงทุ้มตอบรับสั้น ๆ แม้จะอยากพูดคุยต่อ แต่เพราะเขาได้ตั้งคำถามที่รังแกความรู้สึกของลูกสาวเจ้าของบ้านไป ทำให้ภูพิงค์ไม่กล้าจะหยอดหรือจีบสาวสวยที่เขาหมายปองตั้งแต่แรกเห็น ขอกลับไปตั้งหลักก่อน
ชายหนุ่มคิดอย่างนั้น ภูพิงค์เตรียมหมุนตัวเดินกลับเช่นเดียวกับพิตะวันและลูก
“ไปค่ะเจ้าขา เข้าบ้านกัน เอ๊ะ!” ฝ่ามือน้อย ๆ ที่รั้งนิ้วก้อยเอาไว้ ทำให้พิตะวันต้องเลิกคิ้วสงสัยและมองหน้าของลูกสาวว่าต้องการอะไรถึงไม่ยอมเดินเข้าบ้าน
“มี้ตะวันขา คุณลุงเขามีเลือดออกค่ะ” เสียงใสบอกกับมารดาพลางชี้ไปที่ผู้ใหญ่ตัวโต
พิตะวันเห็นมาตั้งแต่ต้น เพียงแต่ไม่อยากชวนคนตรงหน้าเข้าบ้านจะมองว่าใจดำก็ได้แต่เธออาศัยอยู่กับลูกแค่สองคน แม้ว่าเขาจะเป็นคนมีน้ำใจแต่พิตะวันก็คิดมาก ตอนนี้จึงได้แต่สับสนว่าควรจะทำเช่นไร
ภูพิงค์เองก็ทันได้ยินมันทำให้เขาอมยิ้มอกอมา เขากลับคิดไปว่าคนตัวเล็กอาจจะไม่อยากคุยกับเขาแล้วเสียอีก
“เดี๋ยวคุณลุงก็กลับไปทำแผลที่บ้านได้”
“แต่คุณลุงเขาช่วยหนูไว้นะคะ”
ถ้าเธอยังดื้อดึงแน่นอนว่าจะกลายเป็นคนแล้งน้ำใจและดูนิสัยแย่
ท้ายที่สุด……..
“คุณเชิญเข้าไปในบ้านก่อนก็ได้ค่ะ”
“ครับ แต่ถ้าลำบากใจ”
“เชิญเถอะค่ะ ก่อนที่ฉันจะเป็นคนใจร้ายในสายตาลูกสาว” เธอพูดความในใจออกไปตรง ๆ
“ครับ” ภูพิงค์ไม่ฏิเสธคำชวนของเจ้าของบ้าน และยังส่งยิ้มเล็กเป็นการขอบคุณไปให้แม่หนูน้อยตัวอวบกลม
สุดท้ายแขกที่ไม่ได้รับเชิญก็ได้เข้ามานั่งอยู่ในบ้าน ภูพิงค์อาศัยช่วงจังหวะที่สองแม่ลูกพยายามช่วยกันดูแผลมองสำรวจโดยรอบ นอกจากตัวบ้านที่ดูกว้างขวางก็ยังมีเฟอร์นิเจอร์ราคาไม่ใช่ถูก ๆ วางเรียงเป็นระเบียบแต่นอกเหนือจากนั้นก็แทบไม่มีอะไรเลยที่บ่งบอกถึงสมาชิกในครอบครัวคนอื่น ๆ
“อ๊ะ!!” ภูพิงค์เผลออุทานออกมาเสียงหลงเมื่อแอลกอฮอล์โดนแผล
“คุณลุงเจ็บเหรอคะ?” เด็กหญิงพิลาศรักษ์เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เด็กน้อยแสดงออกทางสีหน้าเหมือนจะเจ็บแทนและเสียวยามที่เห็นเลือดในสำลี
“เปล่าหรอก ตกใจน่ะ” ความจริงก็คือเจ็บนิดหน่อยแต่โตมาขนาดนี้และอยู่ต่อหน้าสาวสวย คนอย่างพ่อเลี้ยงภูพิงค์ต้องรักษาภาพลักษณ์
“มี้ขาเป่าด้วยสิคะ”
พิตะวันอยากจะหาอะไรใส่ปากเล็ก ๆ ที่เจื้อยแจ้วเสียจริง แต่เพราะเลี้ยงมากับมือจึงได้แต่กัดฟันตีสีหน้านิ่ง ๆ แล้วก้มลงเป่าบริเวณแผลที่เพิ่งใส่ยาไป
ลมร้อนที่สัมผัสบนท่อนแขนทำให้ภูพิงค์ร้อนๆ หนาวๆ ความจริงก็หวั่นไหวต่อสัมผัสและความใกล้ชิดได้กลิ่นหอมเย้ายวนมาตั้งแต่แรกแต่เขาก็พยายามอดทน
ไม่คิดเลยว่าตอนนี้มันจะอาการหนักเพราะบางสิ่งบางอย่างมันกำลังร้อนรุม เขารีบหันหน้าหนีไปดูอย่างอื่นที่ไม่ใช่ใบหน้างดงาม เธอเป็นผู้หญิงสวยที่มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามเป็นที่สุด โดยเฉพาะดวงตาคู่หวานแม้ในบางครั้งภูพิงค์จะรู้สึกว่ามันแฝงมาด้วยความเศร้าแต่เขาก็รู้สึกว่าน่าค้นหา
การทำแผลเสร็จสิ้นในเวลาต่อมาและก็ถึงเวลาที่ต้องโบกมือลาอย่างจริงจัง
พิตะวันส่งแขกถึงหน้าบ้านตามคำเรียกร้องของลูกสาวคนดีคนเดิม รถยนต์เคลื่อนออกไปลับสายตาพร้อมกับความรู้สึกวูบไหวที่เกิดขึ้นในอกข้างซ้ายของหญิงสาวเธอจำเขาได้แล้วว่าคือคนคนเดียวกันกับที่ช่วยกดลิฟท์
แรกเริ่มไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากช่วยแต่การที่จู่จู่จะมีผู้ชายแปลกหน้าโผล่มาต่อให้เป็นเพื่อนของลูกค้าขาประจำอย่างอาจารย์ศรันย์ พิตะวันก็ยังคงระวังตามประสาผู้หญิงตัวคนเดียวและปิดกั้นโอกาสของหัวใจที่จะได้ทำความรู้จักกับใคร เธอพอจะมองเห็นแววตาพึงพอใจของชายหนุ่มแต่เธอเลือกที่จะทำเป็นเฉยเมยเก็บซ่อนทั้งที่รู้สึกว่าตัวเองใจเต้นโครมครามกว่าครั้งไหน ๆ กับความบังเอิญที่เกิดขึ้น
.
.
.
.
หนูเจ้าขาชงเก่งมากลูกกก
คุณแม่ยังสาวจะทนได้ไหมน้อ ฝากติดตาม
ตอนต่อไปด้วยค่า
อย่าลืมกดหัวใจ+เพิ่มเข้าชั้นไว้นะคะ
คอมเม้น=กำลังใจ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น