ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 3/2 เจอกันอีกครั้ง
"แต่คุณ…คุณไม่ใช่ลูกค้า ไม่ใช่แล้วคุณรู้ได้ยังไง?” ริมฝีปากบางพ่นคำถามระรัวจนแทบฟังไม่ทัน “หรือว่าคุณจะเป็นคนร้าย!?”
พิตะวันรีบกอดลูกสาวแล้วขยับถอยห่างเมื่อคิดว่าคนตรงหน้าเป็นพวกมิจฉาชีพมาแอบอ้าง สายตาคู่สวยแสดงว่าหวาดระแวงและเริ่มมองหาตัวช่วยจนพ่อเลี้ยงภูพิงค์ที่ขำอยู่ก่อนหน้าถึงกับต้องรีบยกมือห้ามแล้วอธิบายให้กระจ่างกว่าเดิมก่อนที่ตัวเองจะกลายเป็นโจร
“เดี๋ยวก่อนนะ ใจเย็น ๆ นี่บัตร”
พิตะวันกล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะยื่นมือไปรับแม้ว่าจะคุ้นเคยกับกระดาษตรงหน้า ระหว่างที่เธอกำลังตัดสินใจว่ายื่นไปรับมาดีไหม ชายตรงหน้าก็ยื่นมาสุดแขนจนเธอได้เห็นเต็มตาพร้อมด้วยน้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น
“ผมเป็นเพื่อนของศรันย์”
“เพื่อนพี่ศรันย์”
พิตะวันเพ่งพิจารณาความเป็นไปได้ด้วยความระแวดระวัง
“ครับ เพื่อนศรันย์”
ภูพิงค์ย้ำชัด ๆ อีกครั้งให้ร่างเล็กได้มั่นใจถ้ายังไม่เชื่อ อีกนิดเขาอาจจะเดินกลับไปรถเพื่อเอาบัตรประชาชนหรือไม่ก็โทรหาศรันย์ให้ช่วยยืนยัน ดีหน่อยที่ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นเพราะใบหน้าสวยค่อย ๆ พยักหน้าเชื่อและอมยิ้มเอียงอายมาให้
“คุณรอสักครู่นะคะ ไปค่ะเจ้าขาเข้าบ้านพร้อมมี้ มี้จะไปเอาข้าวให้คุณเอ่อคุณเขา"
พิตะวันเมื่อรู้ว่าระแวงเกินเหตุก็อายชายหนุ่มตรงหน้าจนพูดติด ๆ ขัด ๆ เขาคงคิดว่าเธอเป็นพวกกระต่ายตื่นตูมไปแล้วแหละมั้งดูได้จากรอยยิ้มและนัยน์ตาล้อเลียน
“เจ้าขาขออยู่กับคุณลุงก่อนได้ไหมคะ?” เด็กหญิงส่งสายตาเว้าวอนให้ดูน่าเห็นใจ
พิตะวันอยากจะห้ามแต่เพราะลูกสาวเพิ่งการร้องไห้มาจึงไม่กล้าหักหาญความรู้สึกและถ้าเดาไม่ผิดแม่หนูน้อยคงอยากทำความรู้จักเพื่อนใหม่ถึงจะเป็นเพื่อนที่ตัวโตกว่าไปหลายปี พิลาศรักษ์เป็นเด็กมีมนุษยสัมพันธ์ดีแตกต่างกับเธอที่ไม่ใกล้เคียงเลย ไม่เคยพูดคุยหรือทักทายใครที่ไม่รู้จัก
“ผมช่วยดูให้”
คำยืนยันนั้นทำให้พิตะวันไม่มีทางเลือกคงต้องยอมตามใจ ร่างบางจึงลุกขึ้นเดินผ่านเข้าบ้านไปปล่อยให้ลูกสาวได้อยู่ตามคำขอ
ภูพิงค์มองตามแผ่นหลังบางที่หายวับไปจนสุดสายตาก่อนจะต้องเบนสายตากลับมามองแม่หนูน้อยที่ส่งยิ้มแป้นแล้นมาให้
“หนูชื่อเจ้าขาค่ะ เด็กหญิงพิลาศรักษ์ พีระกุล ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณลุง” คำแนะนำตัวและมารยาทอันงดงามของเด็กหญิงทำให้พ่อเลี้ยงภูพิงค์นึกชื่นชมแต่พอได้ฟังคำสรรพนามเรียกแทนตัวเขาถึงกับสะดุดหู
“คุณลุงเลยอย่างนั้นเหรอ?”
“ค่ะคุณลุงใจดี”
“ฉันชื่อภูพิงค์”
“คุณลุงใจดีชื่อภูพิงค์”
“ขอบใจ”
เด็กหญิงพิลาศรักษ์ยิ้มแป้นไม่รู้เลยว่าความจริงแล้ว ผู้ใหญ่นั้นกำลังประชดอยู่ เพราะเขาไม่อาจเปลี่ยนใจคำว่าลุงได้
“คุณลุงอยู่บ้านหลังไหนคะ คุณลุงมีเด็กหรือเปล่าที่บ้าน?” เด็กหญิงพิลาศรักษ์ชวนคุย
“เด็ก? ไม่มีหรอกฉันยังไม่มีลูก”
“ว้าแย่จัง”
“ทำไม?”
“ก็อยากจะมีเพื่อนเล่น ที่นี่มีสมาชิกน้อยค่ะแล้วจะไปเล่นบ้านคนอื่นก็ไม่ได้”
“สมาชิกน้อยนี่กี่คน” มันเป็นคำถามที่เขาอยากรู้คำตอบลึก ๆ การไม่คาดหวังก็เท่ากับไม่ผิดหวัง เขาอยากให้เด็กน้อยตรงหน้าเป็นเพียงหลานหรืออะไรก็ได้ที่ทำให้เขามีโอกาสสานสัมพันธ์ ความคิดไม่ดีเริ่มครอบงำ
“ขอนับก่อนนะคะ”
มืออวบเต่งตึงทั้งสองข้างกางนิ้วออกแล้วเริ่มนับ โดยที่มีภูพิงค์รอลุ้นแต่ยิ่งนับเขาก็ยิ่งคิดว่ามันเยอะเกินไปจนต้องมองหน้าคนนับอีกครั้ง รอยยิ้มตรงมุมปากเล็กสีชมพูทำให้เขารู้ว่าคงจะแกล้ง
“สรุปว่ามีสมาชิกกี่คนเห็นบอกว่าน้อยแต่นิ้วไม่พอแล้วนิ”
“สองคนถ้วนค่ะ มีเจ้าขา มีมามี้ มีเจ้าขาแล้วก็มี้ นับกี่ทีก็เท่าเดิม หมดแล้วค่ะบ๋อแบ๋”
“งือ?” คิ้วเข้มบนใบหน้าหล่อเลิกขึ้นด้วยความสงสัยหนัก จนต้องถามต่อเพื่อให้ได้คำตอบที่กระจ่างกว่าเดิม “แล้วคนอื่น.. อย่างเช่นพ่อ?”
“พ่อเหรอคะ ทำไมใคร ๆ ก็ถามแบบนี้” รอยยิ้มที่เคยสดใสเศร้าสลดลง มันทำให้ภูพิงค์รู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก หรือเขาไม่ควรหลอกถามเด็ก
“ฉันขอโทษ”
เสียงทุ้มเอ่ยออกไปพร้อมกับฝ่ามือวางเอาไว้บนศีรษะ ปกติมันไม่ใช่ตัวเขาเลยที่ต้องมาห่วงใยความรู้สึกเด็กแบบนี้ เพราะเขาไม่เคยมีญาติหรือพี่น้องที่เป็นเด็ก จึงไม่รู้วิธีปฏิบัติตัวและคงไม่ชอบหากจะมางอแงใส่แต่เพราะเด็กน้อยตรงหน้ามีแววตาที่ดึงดูดทำให้ภูพิงค์นึกใส่ใจ
“พ่อของเจ้าขาเสียแล้วค่ะ ซ่อมไม่ได้ จะซื้อใหม่ก็ไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง เจ้าขาก็เลยเป็นเด็กไม่มีพ่อที่ทุกคนชอบถามว่าพ่อไปไหนเหมือนที่คุณลุงถาม”
.
.
.
.
สงสารหนูเจ้าขา พ่อของน้องซ่อมไม่ได้
ภูพิงค์ถามอะไรไม่ดูตาม้าตาเรือเล๊ยยย!
พ่อกับแม่ของหนูเจ้าขาเป็นใครมีเฉลยแน่นอนค่า ไม่นานเกินรอ
เพิ่งเริ่มต้นเองอยากให้รี้ดรอลุ้นกันนะค่า อย่าเพิ่งเทไรท์น่าาาา มองตาปริบ ๆ แล้ว
อย่าลืมกดหัวใจ+เพิ่มเข้าชั้นจะได้ไม่พลาดการอัพเดต
คอมเม้นท์กันเข้ามาเยอะ ๆ น่าา เดี๋ยวไรท์จะมาต่อให้อีกหนึ่งตอน ขอบคุณค่า
พิตะวันรีบกอดลูกสาวแล้วขยับถอยห่างเมื่อคิดว่าคนตรงหน้าเป็นพวกมิจฉาชีพมาแอบอ้าง สายตาคู่สวยแสดงว่าหวาดระแวงและเริ่มมองหาตัวช่วยจนพ่อเลี้ยงภูพิงค์ที่ขำอยู่ก่อนหน้าถึงกับต้องรีบยกมือห้ามแล้วอธิบายให้กระจ่างกว่าเดิมก่อนที่ตัวเองจะกลายเป็นโจร
“เดี๋ยวก่อนนะ ใจเย็น ๆ นี่บัตร”
พิตะวันกล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะยื่นมือไปรับแม้ว่าจะคุ้นเคยกับกระดาษตรงหน้า ระหว่างที่เธอกำลังตัดสินใจว่ายื่นไปรับมาดีไหม ชายตรงหน้าก็ยื่นมาสุดแขนจนเธอได้เห็นเต็มตาพร้อมด้วยน้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น
“ผมเป็นเพื่อนของศรันย์”
“เพื่อนพี่ศรันย์”
พิตะวันเพ่งพิจารณาความเป็นไปได้ด้วยความระแวดระวัง
“ครับ เพื่อนศรันย์”
ภูพิงค์ย้ำชัด ๆ อีกครั้งให้ร่างเล็กได้มั่นใจถ้ายังไม่เชื่อ อีกนิดเขาอาจจะเดินกลับไปรถเพื่อเอาบัตรประชาชนหรือไม่ก็โทรหาศรันย์ให้ช่วยยืนยัน ดีหน่อยที่ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นเพราะใบหน้าสวยค่อย ๆ พยักหน้าเชื่อและอมยิ้มเอียงอายมาให้
“คุณรอสักครู่นะคะ ไปค่ะเจ้าขาเข้าบ้านพร้อมมี้ มี้จะไปเอาข้าวให้คุณเอ่อคุณเขา"
พิตะวันเมื่อรู้ว่าระแวงเกินเหตุก็อายชายหนุ่มตรงหน้าจนพูดติด ๆ ขัด ๆ เขาคงคิดว่าเธอเป็นพวกกระต่ายตื่นตูมไปแล้วแหละมั้งดูได้จากรอยยิ้มและนัยน์ตาล้อเลียน
“เจ้าขาขออยู่กับคุณลุงก่อนได้ไหมคะ?” เด็กหญิงส่งสายตาเว้าวอนให้ดูน่าเห็นใจ
พิตะวันอยากจะห้ามแต่เพราะลูกสาวเพิ่งการร้องไห้มาจึงไม่กล้าหักหาญความรู้สึกและถ้าเดาไม่ผิดแม่หนูน้อยคงอยากทำความรู้จักเพื่อนใหม่ถึงจะเป็นเพื่อนที่ตัวโตกว่าไปหลายปี พิลาศรักษ์เป็นเด็กมีมนุษยสัมพันธ์ดีแตกต่างกับเธอที่ไม่ใกล้เคียงเลย ไม่เคยพูดคุยหรือทักทายใครที่ไม่รู้จัก
“ผมช่วยดูให้”
คำยืนยันนั้นทำให้พิตะวันไม่มีทางเลือกคงต้องยอมตามใจ ร่างบางจึงลุกขึ้นเดินผ่านเข้าบ้านไปปล่อยให้ลูกสาวได้อยู่ตามคำขอ
ภูพิงค์มองตามแผ่นหลังบางที่หายวับไปจนสุดสายตาก่อนจะต้องเบนสายตากลับมามองแม่หนูน้อยที่ส่งยิ้มแป้นแล้นมาให้
“หนูชื่อเจ้าขาค่ะ เด็กหญิงพิลาศรักษ์ พีระกุล ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณลุง” คำแนะนำตัวและมารยาทอันงดงามของเด็กหญิงทำให้พ่อเลี้ยงภูพิงค์นึกชื่นชมแต่พอได้ฟังคำสรรพนามเรียกแทนตัวเขาถึงกับสะดุดหู
“คุณลุงเลยอย่างนั้นเหรอ?”
“ค่ะคุณลุงใจดี”
“ฉันชื่อภูพิงค์”
“คุณลุงใจดีชื่อภูพิงค์”
“ขอบใจ”
เด็กหญิงพิลาศรักษ์ยิ้มแป้นไม่รู้เลยว่าความจริงแล้ว ผู้ใหญ่นั้นกำลังประชดอยู่ เพราะเขาไม่อาจเปลี่ยนใจคำว่าลุงได้
“คุณลุงอยู่บ้านหลังไหนคะ คุณลุงมีเด็กหรือเปล่าที่บ้าน?” เด็กหญิงพิลาศรักษ์ชวนคุย
“เด็ก? ไม่มีหรอกฉันยังไม่มีลูก”
“ว้าแย่จัง”
“ทำไม?”
“ก็อยากจะมีเพื่อนเล่น ที่นี่มีสมาชิกน้อยค่ะแล้วจะไปเล่นบ้านคนอื่นก็ไม่ได้”
“สมาชิกน้อยนี่กี่คน” มันเป็นคำถามที่เขาอยากรู้คำตอบลึก ๆ การไม่คาดหวังก็เท่ากับไม่ผิดหวัง เขาอยากให้เด็กน้อยตรงหน้าเป็นเพียงหลานหรืออะไรก็ได้ที่ทำให้เขามีโอกาสสานสัมพันธ์ ความคิดไม่ดีเริ่มครอบงำ
“ขอนับก่อนนะคะ”
มืออวบเต่งตึงทั้งสองข้างกางนิ้วออกแล้วเริ่มนับ โดยที่มีภูพิงค์รอลุ้นแต่ยิ่งนับเขาก็ยิ่งคิดว่ามันเยอะเกินไปจนต้องมองหน้าคนนับอีกครั้ง รอยยิ้มตรงมุมปากเล็กสีชมพูทำให้เขารู้ว่าคงจะแกล้ง
“สรุปว่ามีสมาชิกกี่คนเห็นบอกว่าน้อยแต่นิ้วไม่พอแล้วนิ”
“สองคนถ้วนค่ะ มีเจ้าขา มีมามี้ มีเจ้าขาแล้วก็มี้ นับกี่ทีก็เท่าเดิม หมดแล้วค่ะบ๋อแบ๋”
“งือ?” คิ้วเข้มบนใบหน้าหล่อเลิกขึ้นด้วยความสงสัยหนัก จนต้องถามต่อเพื่อให้ได้คำตอบที่กระจ่างกว่าเดิม “แล้วคนอื่น.. อย่างเช่นพ่อ?”
“พ่อเหรอคะ ทำไมใคร ๆ ก็ถามแบบนี้” รอยยิ้มที่เคยสดใสเศร้าสลดลง มันทำให้ภูพิงค์รู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก หรือเขาไม่ควรหลอกถามเด็ก
“ฉันขอโทษ”
เสียงทุ้มเอ่ยออกไปพร้อมกับฝ่ามือวางเอาไว้บนศีรษะ ปกติมันไม่ใช่ตัวเขาเลยที่ต้องมาห่วงใยความรู้สึกเด็กแบบนี้ เพราะเขาไม่เคยมีญาติหรือพี่น้องที่เป็นเด็ก จึงไม่รู้วิธีปฏิบัติตัวและคงไม่ชอบหากจะมางอแงใส่แต่เพราะเด็กน้อยตรงหน้ามีแววตาที่ดึงดูดทำให้ภูพิงค์นึกใส่ใจ
“พ่อของเจ้าขาเสียแล้วค่ะ ซ่อมไม่ได้ จะซื้อใหม่ก็ไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง เจ้าขาก็เลยเป็นเด็กไม่มีพ่อที่ทุกคนชอบถามว่าพ่อไปไหนเหมือนที่คุณลุงถาม”
.
.
.
.
สงสารหนูเจ้าขา พ่อของน้องซ่อมไม่ได้
ภูพิงค์ถามอะไรไม่ดูตาม้าตาเรือเล๊ยยย!
พ่อกับแม่ของหนูเจ้าขาเป็นใครมีเฉลยแน่นอนค่า ไม่นานเกินรอ
เพิ่งเริ่มต้นเองอยากให้รี้ดรอลุ้นกันนะค่า อย่าเพิ่งเทไรท์น่าาาา มองตาปริบ ๆ แล้ว
อย่าลืมกดหัวใจ+เพิ่มเข้าชั้นจะได้ไม่พลาดการอัพเดต
คอมเม้นท์กันเข้ามาเยอะ ๆ น่าา เดี๋ยวไรท์จะมาต่อให้อีกหนึ่งตอน ขอบคุณค่า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น