ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] First Kris First Kiss (Kris x Suho)

    ลำดับตอนที่ #25 : CHAPTER 23

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 499
      1
      12 ก.ย. 56

    CHAPTER 23

     

     

     


     

    เมื่อไรก็ตามที่ความรักจบลง...เรื่องที่คนทั่วไปสนใจมักจะเป็นการหาคนผิด

     

    และจุนมยอนก็ไม่ได้ต้องการให้มันเป็นแบบนั้น...

     

     

    จุนมยอนไปเรียนตามปกติ หลังจากสองวันที่หยุดไปเนื่องจากไปโรงพยาบาลเพราะเฝือกที่ใส่เพื่อด้ามข้อกระดูกที่หักให้สมานนั้นเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน เท่านั้นยังไม่พอ คนตัวเล็กยังได้หวัดมาเป็นของแถมอีกต่างหาก กระนั้นนอกจากอาการหวัดกับขาที่หุ้มด้วยเฝือกจุนมยอนก็ไม่ได้แสดงอาการอื่นๆที่บอกว่านอกจากร่างกายที่ดูจะไม่แข็งแรงเอาเสียเลยแล้วนั้น อันที่จริงข้างในใจนั้นอ่อนแอถึงขั้นล่มสลายยิ่งกว่า และที่มันดำเนินไปในรูปแบบนี้เพราะเขาใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อไม่อยากให้ใครถามถึง จุนมยอนยังไม่ได้เตรียมคำตอบไว้สำหรับเรื่องนี้เลย

     

    “จุนมยอน”

     

    นั่งจ้องตัวอักษรในพ็อกเกตบุ๊คนิ่งนาน เข้าใจแล้วกับการที่ใครต่อใครมักจะบอกว่าช่วงเวลาที่เลวร้ายมักจะผ่านไปอย่างเชื่องช้าเสมอ โดยที่มีอยู่ไม่กี่อย่างที่จะทำ อยู่คนเดียวจมอยู่กับความคิด ครั้งแล้วครั้งเล่าที่อยู่ๆน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว  

     

    “จุนมยอน” เสียงที่คุ้นเคยกับสัมผัสที่แตะเข้าที่แขนทำเขาถึงกับสะดุ้ง เป็นอีกครั้งที่อยู่ๆน้ำตาก็รินไหลจนต้องยกมือขึ้นมาเช็ด สบตาคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก่อนจะรีบหลบ คนตัวบางได้แต่ภาวนาให้สองคนที่ตอนนี้อาจจะกำลังหันไปมองหน้ากันเพื่อถามซึ่งกันและกันในสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาไม่ทันเห็น แต่ก็รู้ดีว่าคงไม่ทันแล้ว ทั้งไคและแบคฮยอนคงจะเห็นน้ำตาที่หลั่งออกมาจากดวงตาเขาเข้าให้แล้ว

     

    “เป็นอะไรหรือเปล่า...พวกเราเรียกนายตั้งนานแล้ว” แบคฮยอนถามด้วยความเป็นห่วง ถึงลำบากใจที่จะตอบ แต่แล้วจุนมยอนก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากค่อยๆคลี่ยิ้มที่ดูไม่เป็นธรรมชาติส่งคืนไปให้ แล้วตอบไปในคำตอบที่รู้ว่ายังไงคนฟังอย่างเพื่อนสนิทของเขาทั้งสองคนคงไม่มีทางเชื่อ

     

    “เปล่า...” แบคฮยอนย่นหัวคิ้ว เอียงคอมองอย่างจับผิด “ที่ไม่ได้ยินคงเพราะ...ฉ...ฉันอ่านนิยายเพลินไปหน่อย”

     

    “นายคงจะอินน่าดูน้ำตาถึงได้ไหลออกมาอย่างนั้น”

     

    จุนมยอนหลบตาเพื่อนก่อนพยักหน้ารับ ทำทีเป็นเปิดหน้าถัดไปทั้งที่ความจริงเขายังไม่ได้อ่านหน้าที่กางเปิดอยู่แม้แต่บรรทัดเดียว

     

    “เมื่อวานคริสโทรหาฉัน” ไม่ใช่เพียงแค่จุนมยอนที่หยุดนิ่ง แต่ไคเองก็หันหน้าไปมองคนที่นั่งอยู่เคียงข้างฉับพลันเช่นเดียวกัน “เขาบอกว่าติดต่อนายไม่ได้เลย โทรไปก็ปิดเครื่องตลอด ฉันก็เลยลองโทรดูบ้างก็พบว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ ทีนี้ก็เลยลองโทรไปถามข่าวจากพี่ซีวอนก็บอกแค่ว่านายเป็นหวัด ฉันก็เลยไม่ได้ห่วงอะไร แต่กับคริสนี่สิ น้ำเสียงหมอนั่นดูกระวนกระวายน่าดู พวกนายไม่ได้คุยกันเลยเหรอ?...มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า?”

     

    จุนมยอนไม่รู้จะตอบเพื่อนออกไปว่าอย่างไร เขากลัวคำถามที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่เขาบอกออกไปว่าได้บอกเลิกคริสไปแล้ว จะบอกเพื่อนได้อย่างไรว่าอันที่จริงแล้วคริสมีเขาเป็นแฟนก็เพื่อที่จะกีดกันความรู้สึกที่ลู่ฮานมีต่อตนให้ออกห่าง

     

    หากรู้...แบคฮยอนคงไม่ยอม...โกรธเป็นฝืนเป็นไฟและต้องเอาเรื่องอีกฝ่ายให้ได้ ที่สำคัญ...คริสจะถูกมองเป็นคนไม่ดีขนาดไหนหากเขาพูดถึงสิ่งที่ตัวเองได้ยินก่อนที่จะบอกยกเลิกความสัมพันธ์ที่เขาใฝ่หามาตลอดหลังจากเจอคริส

     

    “ค...คริสได้พูดอะไรอีกมั้ย” จุนมยอนเข้าใจว่าคริสคงยังไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้เอ่ยขอยุติความสัมพันธ์ที่นับวันก็จะยิ่งลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ เพราะวินาทีนั้นจุนมยอนไม่ได้เอ่ยถึงเหตุผล ที่ทำก็เพียงแค่การเดินจากมาเฉยๆ

     

    ปล่อยให้คริสไม่รู้ถึงการต้องการจากลาของเขาเกิดขึ้นเพราะอะไรดีกว่าการที่จะไปพูดอะไรแล้วทำให้อีกฝ่ายรู้สึกผิด หรือไม่ก็อีกทางหนึ่ง นั่นก็คือการป้องกันไม่ให้เครื่องมืออย่างเขาดูน่าสมเพชเกินไปหากวันใดวันหนึ่งเกิดไม่ได้จำเป็นต่อไปแล้ว การจากออกมาก่อนน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเขาในเวลานี้แล้ว

     

    “ก็....ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากบอกว่าอยากเจอนาย ฉันก็เลยบอกให้มาหาพวกเราที่นี่” ดวงตารีมองลงไปที่หน้าปัดนาฬิกาข้อมือก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง “เดี๋ยวก็น่าจะมาแล้ว คริสบอกว่าวันนี้มีเรียนถึงแค่เที่ยง”

     

    “ต...แต่ว่าฉันไม่มีอะไรจะคุยกับเขา” แค่พูดไม่พอ จุนมยอนรวบข้าวของบนโต๊ะที่เป็นของตัวเองลงกระเป๋าด้วยท่าทางเลิกลั่กรีบร้อน แต่ก็ถูกดักเอาไว้ได้ก่อนโดยแบคฮยอน

     

    “นี่มันไม่ปกติแล้วจุนมยอน หลบหน้าคริสทำไม ทะเลาะอะไรกันเหรอ? บอกกันได้มั้ย? พวกเราเป็นห่วงนายนะ” มองสบตาแล้วก็พบว่าแบคฮยอนไม่ได้รู้อะไรมาก่อนจริงๆ

     

    น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าผลัดกันรินไหลออกจาดวงตาทั้งสองข้าง จุนมยอนเจ็บปวดเหลือเกินและเชื่อได้แน่ว่าในยามที่มองหน้ากันอยู่แบบนี้แบคฮยอนคงรับรู้ ร่างบางเดินอ้อมโต๊ะที่ขั้นกลางระหว่างพวกเขาเพื่อเข้าไปสวมกอด สองวันที่ผ่านมาจุนมยอนเหงาเหลือเกิน หัวใจของเขาโดดเดี่ยวอยู่ท่ามกลางคลื่นทะเลแห่งความเศร้าที่สาดซัดอย่างไม่มีวันหยุด ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาจนถึงวันนี้จุนมยอนต้องการแค่ใครสักคน แค่สักคนที่อ้าแขนรับเขาเข้าไปในอ้อมกอดในช่วงเวลาที่อ่อนแอที่สุด และครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่แบคฮยอนคือคนนั้น

     

    “ฉันเลิกกับเขาแล้ว....ฉันพูดเองว่าจะเลิกกับคริส” แบคฮยอนที่กอดเพื่อนเอาไว้ถึงกับอ้าปากค้างหันไปมองหน้ากันกับไค ก่อนจะตระหนักได้ว่าควรรวบรวมสติและพูดอะไรสักอย่างกับเพื่อนที่กำลังเสียใจ

     

    “ยังไม่พร้อมจะเจอเขาใช่มั้ย....งั้นก็ไปที่อื่นกันก่อน” ส่งสายตาสั่งให้ไคเก็บของทั้งหมดที่อยู่บนโต๊ะ ในขณะที่ตัวเองใช้แขนโอบเพื่อนพร้อมทั้งพาเดินออกไปจากตรงนี้

     

    พอเห็นความซึมเศร้าของเพื่อนอย่างจุนมยอนที่ไม่ได้พบเห็นได้บ่อย พอเจอเข้าไปคราวนี้ทั้งสองคนก็เลยถึงกับทำตัวไม่ถูก ทั้งไคและก็แบคฮยอนไม่กล้าจะยิงคำถามอะไรออกไปเลย ทำได้แค่นั่งเป็นเพื่อน จนกระทั่งส่งจุนมยอนขึ้นรถไปกับพี่ซีวอน

     

    หลังจากจุนมยอนลับตาไป เพื่อนทั้งสองก็ต่างพร้อมใจกันถอนหายใจ

     

    “เฮ้อออออ”

     

    แบคฮยอนจิปากก่อนจะหันไปเคาะกะโหลกไค “มึงไม่คิดจะพูดอะไรบ้างเลยหรือวะ!

     

    “โว้ยยย” นี่ก็ไม่ยอมเหมือนกันทำท่าเหมือนจะต่อยคืนด้วยซ้ำ “อึดอัดจะตายชัก กูจะไปรู้ได้ไงว่าพูดคำไหนไปแล้วจะไม่ไปทำร้ายใจให้จุนมยอนเจ็บช้ำ กูไม่กล้านี่ กลัวจุนมยอนจะยิ่งเจ็บ”

     

    “เออ...กูก็เหมือนกัน...แล้วทำไงล่ะทีนี้ เกิดเรื่องอะไรขึ้นวะเนี่ย สรุปว่าต้องตรัสรู้เองหรือไง” แบคฮยอนเริ่มหวีดร้องอีกครั้งไม่พอ รอบนี้ยังขยี้ผมตัวเองเสียจนทรงผิดเพี้ยน

     

    ผิดกลับอีกคนที่ทำแค่นิ่งไป ไม่ได้มีท่าทางเป็นหมาบ้า ไคกำลังคิดว่าจะใช่เรื่องเดียวกับที่เขารู้แต่ไม่ได้บอกกับจุนมยอนเพราะกลัวว่าเพื่อนจะเจ็บปวดนั่นมั้ย แต่จะใช่หรือไม่ใช่ จุนมยอนจะรู้เรื่องนั้นหรือไม่รู้ ไคก็คิดว่าจุนมยอนทำถูกแล้วที่ยอมปล่อยมือออกมาจากความไม่จริงใจ อาจจะทรมานมากหน่อยในช่วงแรก แต่พอเวลาผ่านไปมันก็คงจะรู้สึกดีขึ้นได้เอง

     

    “มึงช่วยกูคิดหน่อยดิวะ” เห็นท่าทางนิ่งขรึมจนน่าหมั่นไส้ก็ทำให้แบคฮยอนนึกอยากเขกกบาลบื้อๆของไคเสียอีกที

     

    “กูกำลังคิดอยู่ว่ามันอาจจะดีแล้ว”

     

     

    “ดีแล้วเชี่ยอะไรอะ ...นี่จุนมยอนแอบชอบคริสมาตลอด จนในที่สุดก็ได้คบเป็นแฟน นั่นมันเหมือนฝันของเพื่อนเลยนะเว้ย มึงคิดว่ามันจะเป็นยังไง จุนมยอนจะยังโอเคอยู่มั้ย...หากว่าอยู่ๆมันก็พังลง.... อ๋อ...นี่อย่าบอกนะว่ามึงยังไม่เลิกหวังในตัวจุนมยอนอีกล่ะห้ะ!

     

    “แล้วถ้าความจริงแล้วมันไม่ได้จริงใจกับจุนมยอนเพื่อนเราล่ะ มันคบกับจุนมยอนเพียงแค่ต้องการจะตบตาใครบางคน มึงล่ะ...ยังจะโอเคอยู่มั้ย?” ไคเชิดหน้าถาม แม้จะหวังดีกับจุนมยอนแค่ไหน แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะบอกในเรื่องที่รู้มาพร้อมกับลู่ฮาน เหตุผลเดียวที่ไคไม่บอกใครในเรื่องนั้นเพราะเขาไม่อยากเห็นจุนมยอนเสียใจ แต่เมื่อถึงเวลานี้แล้วการปิดบังต่อไปคงไม่จำเป็น

                                                                                                   

    “มึงพูดเรื่องอะไร” แต่ก็ยังชั่งใจว่าจะบอกหรือไม่บอกกับคนที่คนที่แทบจะเป็นด้านมืดทั้งหมดของจุนมยอน หากว่าจุนมยอนไม่โกรธในเรื่องที่สมควรจะโกรธ ไม่เกลียดในเรื่องที่สมควรจะเกลียด นิ่งเฉยในเรื่องที่ไม่สมควรจะนิ่งเฉย แบคฮยอนก็จะทำในสิ่งๆนั้นแทนแทบทั้งหมด

     

    “สัญญาก่อนว่าหลังจากฟังจบแล้วมึงต้องใจเย็นนะ ...กูทำทุกอย่าง อย่างที่กูคิดว่ามึงจะทำหลังจากรู้เรื่องที่จะเล่าแทนหมดแล้ว” นั่นคือการต่อยหน้าหล่อๆของมัน จนเกิดเรื่องเกิดราวที่มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าอะไรเป็นต้นเหตุแห่งการทำร้ายร่างกายนั้น

     

    “เรื่องอะไร”

     

    “สัญญาก่อน” ที่ยังไม่ตอบรับออกไปทันทีเพราะแบคฮยอนยังไม่ค่อยเชื่อมั่นในตัวเองมากนัก แต่ก็เพื่อทราบก็ต้องเออออไปก่อน โดยที่ไคไม่เห็นว่าพยอนแบคฮยอนตัวแสบได้ไขว้สองนิ้วซ่อนไว้ข้างหลัง

     

    “เออ...สัญญาก็ได้ จะบอกได้หรือยัง”

     

    ตัวไคเองก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อแบคฮยอนเท่าไรว่าหมอนั่นจะระงับใจตัวเองได้หลังจากที่ได้ฟังเรื่องที่เขากำลังจะบอก คนที่ผิวคล้ำกว่าสูดลมหายใจเข้าลึกอีกครั้งก่อนเล่า

     

    “กูได้ยินมากับหู วันที่มันคุยกับลู่ฮาน มันบอกว่าที่มันคบกับจุนมยอนก็เพราะอยากให้ลู่ฮานเข้าใจไปแบบนั้น และที่จูบก็เพราะต้องการให้ลู่ฮานเห็น ทั้งหมด...ก็เพื่อที่จะให้ลู่ฮานเลิกยุ่งกับมัน ไม่ได้มีความจริงใจอะไรให้จุนมยอนเลยสักนิด ทนฟังยังไม่ทันจบกูก็ต่อยปากมัน” พูดถึงตรงนี้ก็ยังเห็นวี่แววแห่งอารมณ์โมโหที่ยังคงกรุ่นอยู่

     

    “ไม่อยากจะเชื่อ...”

     

    “กูได้ยินมาเต็มสองหู ลู่ฮานก็ได้ยิน”

     

    แบคฮยอนยืนตาลอยเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรในเรื่องนี้เสียเท่าไรจนไคนึกโล่งใจที่แบคฮยอนของไม่ขึ้น  “ไค...มึงต่อยหน้ามันฝั่งไหน ซ้ายหรือขวา?”

     

    “มึงถามกูทำไม”

     

    “กูจะไปต่อยหน้ามันอีกฝั่งหนึ่ง!” แบคฮยอนกำหมัดเดินลิ่วไปทันที

     

    “เฮ้ยยย ไหนมึงสัญญากับกูแล้วไงแบคฮยอน!!” ไควิ่งตามไปแทบไม่ทัน แบคฮยอนวิ่งกลับมาทางหอสมุดที่เขาได้บอกให้คริสมาหาหากต้องการพบจุนมยอน และเขาก็เจอเข้ากับเป้าหมายที่ระหว่างทางพอดี

     

    “มึง....มึง....” ไคได้ยินเสียงคล้ายหมาที่กำลังขู่คู่กรณีดังฮึ่มๆ ภาพที่เห็นคือแบคฮยอนเข้าไปคว้าแขนของคนที่สูงกว่าตัวเองเกินกว่าสิบเซนติเมตร ในขณะที่เงื้อมือกำลังจะต่อยก็ถูกหยุดเอาไว้มือที่เป็นดังโซ่ตรวนที่รัดไว้แน่นจนทำให้ต้องหันไปจ้องเขม็ง

     

    “ปล่อย!!

     

    “นี่มันเรื่องอะไรกัน” เป็นคนที่มากับคริสและเป็นคนเดียวที่จับแขนของแบคฮยอนเอาไว้ที่ถามขึ้น

     

    “กูบอกมึงแล้วไงว่าให้ใจเย็นๆ ถึงทำให้ร่างกายมันเจ็บก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก” คนตัวเล็กที่สุดในนั้นหอบหายใจแรง หลังจากฟังคำของไค แบคฮยอนพยายามข่มใจแต่ก็ไม่ลดละที่จะจ้องด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยเปลวไฟที่ลุกโชนอยู่นั้น หลังจากสงบสติอารมณ์ตัวเองได้เพียงน้อยนิดแล้ว คนตัวเล็กก็ออกคำสั่งด้วยเสียงต่ำอีกครั้ง

     

    “ปล่อย....” แต่อีกคนก็ยังไม่ปล่อยมือออกจากแขน “หรือจะให้ฉันต่อยนายแทน” เงื้อมือขึ้นมาอีกข้าง หมายจะทำอย่างที่ว่าจริงๆ

     

    “ปล่อยมันเหอะชานยอล” ไคพยักหน้าบอกว่าให้เชื่อได้ เพียงเสี้ยววินาทีแขนของแบคฮยอนก็เป็นอิสระดวงตาเฉียวมองคนที่กำรอบแขนของเขาจนขึ้นรอยแดงอย่างคาดโทษเอาไว้ก่อน จะเปลี่ยนเป้าหมายมาที่คนที่เขาต้องการจะพบทีแรก

     

    “ต่อไปนี้นายไม่ต้องมายุ่งกับเพื่อนฉันอีก”

     

    “นายพูดเรื่องอะไรน่ะแบคฮยอน” ยิ่งฟังคริสก็ยิ่งไม่เข้าใจในเรื่องที่แบคฮยอนพูด

     

    “ที่ผ่านมา ...ฉันผิดเองที่ไว้ใจนายมากเกินไป แถมยังเป็นต้นเหตุที่ทำให้เรื่องระหว่างนายกับจุนมยอนเริ่มต้นขึ้นอีก ฉันจะไม่โทษนายเพราะสิ่งที่ฉันทำมันดันไปเข้าทางนายพอดี” ตั้งแต่วันนั้นที่จุนมยอนโดนดึงเข้าไปจูบ เป็นวันเดียวกับที่แบคฮยอนขอให้คริสรับผิดชอบด้วยการเป็นแฟน พอนึกถึงตรงนี้ แบคฮยอนรู้สึกผิดเต็มประตู เป็นเขาเองที่ลากจุนมยอนเข้าไปในเกมที่เขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ตอนไหน

     

    “เอาเป็นว่าต่อไปนี้ระหว่างนายกับจุนมยอนไม่มีอะไรที่ข้องเกี่ยวกันอีก” จะไม่พูดอะไรอีกแล้ว อย่างที่ไคว่าถึงต่อยไปก็ไม่มีประโยชน์ ถึงจะว่าไปก็เท่านั้น เขารู้...แบคฮยอนรู้...เพราะไคคงเป็นคนที่ทำแบบนั้นมาก่อน ที่เขาควรจะทำ คือทำสิ่งที่ไคคงยังไม่ได้ทำนั่นคือขอร้องให้ยุติเรื่องทั้งหมดไว้เพียงเท่านี้เพื่อให้เพื่อนของเขาได้ใช้เวลาหลังจากนี้เพื่อเยียวยาหัวใจ

     

    “ขอร้องเถอะนะ...ไม่ต้องตามหาเพื่อจะคุยอะไรกับจุนมยอนอีกแล้ว จบก็คือจบ” แบคฮยอนคว้าแขนของไคเอาไว้ก่อนจะฉุดให้เดินตาม แต่เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดเท้าเอาไว้

     

    “ขอโทษ...” คริสพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิดจริงๆ “ถ้าเป็นเรื่องนั้นฉันขอโทษจริงๆ” เวลาทุกคู่ที่มองสบกันในเวลานี้ล้วนรู้ดีว่าเรื่องที่ว่านั้นคืออะไร

     

    “ไม่ต้อง...หลังจากนี้หากนายอยากจะเจอเพื่อบอกกับจุนมยอนด้วยคำนั้น ก็ขอให้กลืนคำนั้นคืนลงคอไปเถอะ เพราะฉันจะพูดมันแทนนายเอง ฉันผิดเองจริงๆ” แบคฮยอนได้พูดทุกอย่างชัดเจนแล้ว และหวังว่าเรื่องราวทั้งหมดจะจบลงที่ตรงนี้จริงๆ จะไม่มีคริสที่มาพร้อมหรืออยู่ด้วยกับจุนมยอนอีกต่อไป

     

    แบคฮยอนและไคเดินหันหลังกลับไปพร้อมกันอีกครั้ง

     

     

    “แล้วถ้าฉันจะบอกว่าฉันชอบเพื่อนนายจริงๆ”

     

     

     

    สุดท้ายจริงๆกลับเป็นไคที่หยุดเดินต่อแม้แบคฮยอนจะยังดึงรั้งให้ไปต่อด้วยกันแค่ไหนก็ตาม ดวงตาคมกริบหันไปสบตาคริสที่พยายามอย่างยิ่งที่จะเปิดเผยถึงความจริงใจแกมวิงวอนลึกๆ

     

     

    “ความจริงใจของนายมันถูกกลบด้วยเรื่องหลอกลวงจนไม่เหลืออะไรจะให้เชื่ออีกแล้ว”

     

     

     

     

    และแม้ตอนนี้จะมีความเป็นไปได้ที่คริสอาจจะรู้สึกชอบจุนมยอนเหมือนอย่างที่พูดจริงๆ

     

     

    ทั้งไคและแบคฮยอนก็คงจะไม่ทำอะไรอีกต่อไป

     

    เพราะคริสก็คงจะได้บทเรียนจากการกระทำของตัวเองอย่างสมน้ำสมเนื้อแน่นอน

     

     

     

     

    TBC…

     

     

    ดราม่ากันอย่างต่อเนื่อง.....

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×