ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] First Kris First Kiss (Kris x Suho)

    ลำดับตอนที่ #22 : CHAPTER 20

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 617
      1
      7 พ.ค. 56

    CHAPTER 20

     

     

     

     

     

    แบคฮยอนเพิ่งมา... มาถึงก็พุ่งเข้าฟาดไคที่ไหล่อย่างแรง

     

    “โทษฐานที่ไม่รอ” ว่าแล้วก็ค้อนขวับใส่คนที่กำลังร้องโอดโอย เพราะแรงที่แบคฮยอนลงน้ำหนักลงมาไม่ได้เบาเลย

     

    “กูเจ็บนะแบค”

     

    “อะไรนะ! จะเอาอีกที” ว่าแล้วก็เงื้อมือขึ้นอีก เห็นอย่างนั้นไคก็รีบเอื้อมมือไปจับแขนจุนมยอนเพื่อฟ้องทันที

     

    “ดูมันดิ่ ...เพราะไอ้นิสัยก้าวร้าวแบบนี้ไงถึงได้ไม่มีใครกล้าเข้ามาจีบ”

     

    แบคฮยอนสวนกลับมาอย่างรวดเร็ว

     

    “มีเว้ย! แต่กูไม่เอาเองต่างหาก” แบคฮยอนหน้าตาน่ารักไม่หยอก แต่ที่ไม่มีใครแบบคนอื่นเขาสักที คงเพราะไอ้นิสัยดุเยี่ยงหมาพันธุ์ร็อดไวเล่อร์ผสมพิตบลู ลองไม่ถูกใจตั้งแต่คำแรกที่พูด ก็ไม่ได้มีโอกาสจะสานสัมพันธ์อะไรต่อ มีแต่จะกัดจนเหวอะ

     

    “แล้วทำไมต้องรอคนมาจีบด้วย หล่อๆอย่างกูเนี่ยต้องไปจีบเขาถึงจะถูกว่ะไค” ดูท่าทางเขย่งเท้าเถียงไคเข้า นักเลงซะไม่มี จุนมยอนแอบขำในความสัมพันธ์ของเพื่อนตนเองที่แลดูจะไม่ค่อยร่องรอยกันเสียเท่าไรด้วยความสุข

     

    ระหว่างแบคฮยอนกับไค...

    มักจะลงเอยแบบนี้ทุกทีสิน่า~

     

    “อ๋อเหรอ...แล้วไมมึงไม่จีบวะ” ไคถามเหมือนจะเอาคำตอบ แต่แล้วนัยน์ตาก็กลับฉายประกายเจ้าเล่ห์ขึ้นมาวาววับ

     

    “เอ๋...หรือความจริงแล้วมึงแอบชอบกู”

     

    “พ่อมึงสิ” คราวนี้ไม่พ้นมือคนตัวเล็ก ไคที่พยายามหลบฟึ่บเข้าหลังเตียงคนไข้ โดนตบเข้าที่กลางกบาลจนเกิดเสียงดังลั่น

     

    “โอ๊ยยย กูจะสามารถทำอะไรมึงได้บ้างมั้ย” คนที่เพิ่งยืดตัวขึ้นมายืนตรง ยกมือขึ้นมาลูบหัวตัวเองป่อยๆ อย่างว่า...ไคไม่เคยจะเอาชนะแบคฮยอนได้เลย ไม่ว่าจะทั้งคำพูดหรือว่าการกระทำ

     

    “สิ่งเดียวที่มึงทำได้คือหยุดกวนตีนกู” พูดแค่นั้นก่อนจะเดินผ่านตัวไคไปที่โต๊ะข้างหัวเตียงแล้ววางถุงอาหาร อีกทั้งขนมและผลไม้ลงบนนั้น เบื้องหลังมีเพียงจุนมยอนที่เห็นว่าไคทำหน้าอย่างไรหลังจากแบคฮยอนหันหลังให้ พร้อมทั้งถลึงตาพูดคำว่า ไม่ ใส่หลังแบคฮยอนโดยไม่ออกเสียง

     

    ซึ่งนั่นก็หมายความว่า...ไม่ว่าจะยังไงไคก็จะไม่หยุดกวนตีนแบคฮยอน ...ไม่มีทางอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นเรื่องที่ทั้งสามคนที่เป็นเพื่อนกันมาเกือบครึ่งชีวิตล้วนรู้ดี

     

    จุนมยอนได้แต่ยิ้มขำ แล้วส่งมือไปตีที่ตัวไคเบาๆ เชิงอยากจะปราม

     

    “เออนี่ ...กินโจ๊กหมูแล้วกันเนอะ ฉันซื้อแบบสำเร็จรูปมา เวฟมาให้ละ” ชะโงกหน้ามาพูดพลางก็เอาชามโจ๊กที่ว่าออกมาจากถุง ดึงพลาสติกหุ้มช้อนออกพร้อมทั้งหย่อนลงไปในถ้วย

     

    “คริสน่ะฝากให้ฉันซื้อข้าวเข้ามาให้นายด้วย เห็นว่ามีเรื่องด่วนที่เอก เขาก็เลยโทรหาฉันให้จัดการหาของกินให้นาย เนี่ยก็ซื้อมาทั้งขนมทั้งผลไม้เต็มไปหมดเลย ตัวเล็กๆแบบนายนี่จะซัดหมดมั้ย”

     

    “ฉันกิน” คนพูดกลับไม่ใช่จุนมยอนแต่เป็นไค ที่ไม่ได้ทำเพียงแค่พูด เพื่อนผิวเข้มหมุนตัวกลับเพียงครึ่งเดียวก็เจอกับของที่แบคฮยอนซื้อมาวางอยู่เต็มโต๊ะ

     

    “เจ๋อ” ว่ายิ้มๆด้วยความหมั่นไส้แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น ร่างเล็กจัดแจงวางอาหารลงบนโต๊ะกินข้าวที่เพิ่งจะกางขึ้นมา ปล่อยให้ไคคุ้ยถุงของกิน พอได้ของกินถูกใจหมอนั่นก็ไม่ได้สนใจอะไรเพื่อนอีก ไคเดินไปนั่งลงบนโซฟา นั่งไขว้ห้าวกินสบายใจเฉิบ

     

    แบคฮยอนหันไปมองไคอย่างหยามเหยียดทีหนึ่ง ก่อนจะหันกลับมาพยักหน้ากับจุนมยอนอย่างรู้กัน

    โถดำ ...มึงเห็นแก่กินจังนะ~

     

    “นี่แหละน้าข้อดีของการมีแฟน” แทนที่จะหันไปต่อว่าไค แต่แบคฮยอนกลับจัดแจงอาหารให้เพื่อนตัวเล็กที่ขาข้างหนึ่งยังใช้การไม่ได้อย่างขะมักเขม้น แถมยังแซวเพื่อนตัวเล็กให้อายสักหน่อย “มีคนคอยเป็นห่วงเป็นใยตลอดเวลา ชักจะอยากมีขึ้นมาบ้างแล้วสิ”

     

    “แหม...แค่เป็นห่วงไม่ต้องถึงมือแฟนก็ได้มั้ง ...แค่เพื่อนก็พอมั้ง ถามกูเนี่ยห่วงมึงฉิบหาย”

     

    “คุยกับจุนมยอนอยู่ มึงไม่ต้องเสือก!” แบคฮยอนหันไปแว้ดใส่ไคแทบจะทันที

     

    “เบค่อนอ่า...ไม่เห็นต้องไปว่าไคขนาดนั้นเลย” เสียงอ่อนเสียงหวานของจุนมยอนทำให้แบคฮยอนยิ่งชักสีหน้าเข้าไปใหญ่

     

    “เออจริงๆ มึงอ่ะปากเสีย”

     

    “เงียบไปเลยไค กูไม่ตอบโต้มึงละ เห็นแก่จุนมยอนหรอกนะ” จัดอาหารให้จุนมยอนเสร็จพอดี ร่างเล็กได้หันกลับมาบอกกับจุนมยอนจริงจัง “นายอ่ะ...ก็กินซะ”

     

    จุนมยอนมองหน้าแบคฮยอนด้วยดวงตาบ้องแบ๊วก่อนจะโค้งตัวเข้าหาชามโจ๊ก

     

    “อ่า... น่ากินจัง ขอบใจนะเบค่อน” เงยหน้าขึ้นเพื่อนที่ยืนอยู่สูงเหนือหัวอีกที ฉีกยิ้มกว้างจนดวงตาโค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว แบคฮยอนที่เห็นจึงอดที่จะเอื้อมมือไปจับศีรษะโยกไปโยกมาด้วยความเอ็นดูไม่ได้

     

    “กินเองได้เนอะ” จุนมยอนฉีกยิ้มอีกทีแล้วจึงชูมือขึ้นพลางสะบัดไปมา

     

    “นี่ไงมือไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย” เห็นแบบนี้ก็ยิ้มขำให้กับท่าทางของจุนมยอน

     

    “สดใสจริงนะ”

     

    “แน่ล่ะ...ก็แฟนมาเยี่ยมแต่เช้านี่” ทั้งจุนมยอนกับแบคฮยอนหันขวับไปที่คนพูดทันที ไคที่เพิ่งเงยหน้าขึ้นมาจากการแกะถุงขนมเมื่อเห็นดวงตาสองคู่ที่มองมาด้วยความแปลกใจถึงกับงง

     

    “ทำไม...ฉันพูดอะไรผิดเหรอ”

     

    “เปล๊า” ความจริงแบคฮยอนก็คิดว่ามันผิดนั่นแหละ อย่างไอ้ดำนี่นะจะเห็นดีเห็นงามด้วย ...มันจะมีทางเป็นไปได้เหรอ หรือคงถึงเวลาแล้วที่มันเริ่มจะสำเนียกตัวเองได้บ้างแล้วว่าไม่มีทางที่จุนมยอนจะเลือกรัก ยิ่งคู่แข่งอย่างคริสเนี่ยมันคงไม่มีวันทัดเทียมได้ อีกฝ่ายแลดูจะเหนือกว่าในทุกๆด้านเลยด้วยซ้ำ

     

    ถ้าคิดได้แบบนั้นได้เร็วๆก็ดีนะไค...

    จะได้เลิกทุรนทุรายจะเป็นจะตายทุกข์ร้อนเป็นบ้าเป็นหลังอยู่คนเดียวอย่างที่ผ่านมาสักทีเพราะเท่าที่เห็นก็ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไรเลย

     

    ปลงได้...จะเป็นผลดีต่อตัวเอง ...เพราะถึงยังไงจุนมยอนคงไม่เลือกที่จะหันมารักได้อยู่ดี คิดง่ายๆนะ รู้จักกันมาตั้งนานขนาดเนี้ย ถ้าคนมันนึกจะรักก็คงรักกันมาตั้งนานแล้ว

     

    “เอ้อ...แต่จริงๆแล้ว...การมีแฟนมันก็มีข้อเสียอยู่เหมือนกันนะ หากว่ามีศัตรูหัวใจ นึกๆดูแล้วแม่งก็แค้นว่ะ” ทั้งจุนมยอนที่กินโจ๊ก และไคที่นั่งกินขนมอยู่ข้างหลังเงยหน้าขึ้นมองแบคฮยอนทันที

     

    ไอ้รัก...แล้วมีศัตรูน่ะเข้าใจ ...แต่ที่เพิ่มแค้นเข้าไปด้วยน่ะ เกี่ยวอะไรกัน แล้วเกี่ยวอะไรโดยตรงกับแบคฮยอนงั้นเหรอ มีอะไรเกี่ยวกับแบคฮยอนที่ทั้งไคและจุนมยอนไม่รู้ด้วยเหรอ

     

     

    “ลู่ฮานเขาจะรู้มั้ยวะ ว่าการตัดสินใจทำอะไรแบบนั้นมันพลาดมหันต์เลยล่ะ” ทั้งจุนมยอนและไคต่างก็งง แต่ที่ดูจะหนักกว่าเพื่อนก็เป็นคนผิวเข้มที่นั่งอยู่ข้างหลังนั่นแหละ แค่มีชื่อของลู่ฮานเข้ามาเกี่ยวข้องคิ้วก็พันกันยุ่งไปหมด

     

    “ลู่ฮานทำอะไร” ไคถึงกับลุกเดินมาเอาคำตอบที่แบคฮยอน

     

    “แต่จริงๆนะ ...คริสดูเป็นห่วงนายมากเลยอ่ะจุนมยอน น้ำเสียงตอนที่คุยกับฉันฟังดูเอาเรื่องมาก คราวนี้ลู่ฮานก็คงจะได้รับบทเรียนจากสิ่งตัวเองทำบ้างล่ะ” เชื่อว่าสองคนที่ได้ฟังไม่น่าจะเข้าใจในสิ่งที่แบคฮยอนกำลังบอก

     

    “ตกลงว่าลู่ฮานทำอะไร” ตอนแรกก็ทำเป็นมองข้ามไคไป แต่รอบนี้แบคฮยอนที่โดนซ้ำชักจะเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาหน่อยๆแล้ว

     

    “ก็ทำจุนมยอนขาหักนี่ไงล่ะ ไง...ทำไมจะเข้าข้างฝั่งนู้นหรือไง รู้นะว่ามึงก็ชอบคุยกับเขาน่ะ” ได้ยินชัดเจนแล้วถึงกับอึ้ง คราวนี้เรื่องลามไปถึงหูคริสแล้วด้วยสิ

     

     

    “เบค่อน...นายกำลังเข้าใจผิดนะ เรื่องที่ฉันตกลงมาน่ะ มันเป็นอุบัติเหตุ ฉันซุ่มซ่ามเองต่างหาก”

     

    “ได้ไงล่ะ ใครเขาก็ดูออกว่าที่ลู่ฮานมาที่นี่ก็เพื่อจะมาตามคริส แต่จะด้วยเหตุผลอะไรก็เหอะ ใครๆเขาก็เม้าท์กันว่าฝั่งนั้นเขาไม่ชอบนาย ไม่พอใจ ที่จู่ๆนายก็เกิดคบกับคริส นี่เขาก็พูดกันไปทั่วที่ว่านายตกลงมาเพราะลู่ฮานเกลียดนาย เขาก็เลยแก้แค้นด้วยการทำให้นายเจ็บ”

     

    “มันไม่ใช่แบบนั้นเลยนะ...ฉันซุ่มซ่าม ไม่ระวังก็เลยพลาดตกลงมาเองต่างหาก”

     

    “นายจะเป็นคนดีไปถึงไหน ถึงขั้นนี้ก็ยังจะปกป้องเขาอีกเหรอ เขาน่ะจงใจจะทำให้นายกับคริสผิดใจกันตลอดดูไม่ออกเลยเหรอจุนมยอน”

     

    “ฉันไม่ได้ปกป้องเขา ฉันแค่พูดในสิ่งที่ถูกต้อง ลองมองในมุมกลับกันดูสิ ว่าถ้าเขาไม่ได้ทำแล้วตกเป็นจำเลยสังคมน่ะมันจะแย่ขนาดไหน”

     

    แบคฮยอนฟังมากขึ้น เขากำลังคล้อยตามในสิ่งที่จุนมยอนพูด แต่ถ้าลู่ฮานไม่ได้ทำจริงๆ ทำไมใครต่อใครเขาถึงได้พูดกันถึงได้ขนาดนั้น

     

    “ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ได้ดีเท่ากับฉันกับลู่ฮานหรอกนะ”

     

    “...”

     

    “เชื่อฉัน” จุนมยอนยื่นมือไปจับมือแบคฮยอนให้เชื่อมั่นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความผิดพลาดในชีวิตของเขาเองไม่ได้เกี่ยวกับคนอื่น คนตัวเล็กไม่เลือกที่จะเล่าเรื่องที่ลู่ฮานจงใจทำให้เขาต้องปีนขึ้นไปบนนั้นด้วย เพราะถ้าบอก แบคฮยอนก็คิดว่านั่นเป็นเจตนาส่วนหนึ่งและคงไม่ยอมลงให้ง่ายๆ

     

    “แล้วถ้าเขาไม่ได้ทำ...แล้วคริสล่ะ ตอนบอกออกไปตอนที่คริสโทรหา เขาดูโมโหจริงๆนะ หมอนั่นดูจะไม่พอใจเอามากๆเลย” ชั่ววินาทีแบคฮยอนก็รู้สึกได้ถึงลมที่พัดผ่านตัว .

     

    ทั้งจุนมยอนและแบคฮยอนต่างก็มองตามคนที่เพิ่งจะวิ่งพร้อมทั้งเอาโทรศัพท์แนบหู พวกเขาไม่รู้ว่าไคกำลังรีบไปไหน กำลังจะอ้าปากถาม แต่กลับได้ยินเสียงของไคดังขึ้นมาก่อนที่จะพ้นบานประตูห้องพักผู้ป่วยออกไป คาดว่าหมอนั่นกำลังพูดกับปลายสายที่เพิ่งจะกดรับโทรศัพท์

     

     

    “นายอยู่ที่ไหนน่ะลู่ฮาน!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ชายหนุ่มเร่งฝีเท้าอยู่ท่ามกลางแสงแดดที่แผดเผา ทันทีที่ได้ยินผ่านโทรศัพท์ว่าอยู่ที่ไหน ไคก็รีบมุ่งไปหาลู่ฮานทันที มือหนายกขึ้นมาปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นบนหน้าผากทิ้ง อากาศร้อนแต่ไคย่อมรู้ดีว่าภายในใจของเขานั้นร้อนรุ่มกว่า

     

    คริสคงจะต้องรีบมาเจอลู่ฮานเพื่อต่อขานในสิ่งที่คนที่มีใบหน้าราวกับตุ๊กตากระเบื้องทำ แล้วถ้าความเลวร้ายนั้นเป็นสิ่งที่เจ้าตัวไม่ได้ทำแต่อาจจะเกิดจากความหมั่นไส้หรืออะไรก็ตามแต่ของคนที่อิจฉาหรือเพียงต้องการจะใส่ร้าย เขา...คนที่รู้ว่าความจริงแล้วมันเป็นยังไงจะสามารถอยู่เฉยๆให้คนที่บริสุทธิ์ต้องได้รับการประณามโดยที่มองดูอยู่นิ่งๆเฉยๆไม่ทำอะไรเลยได้อย่างไรกัน

     

    ถึงไม่ใช่เขา...ไคก็เชื่อว่าจุนมยอนก็คงจะทำในสิ่งเดียวกันหากว่าจุนมยอนไม่ได้เจ็บจนไม่สามารถไปไหนมาไหนได้อย่างตอนนี้

     

     

    เขาไม่ได้มาเพื่อจะปกป้องคนผิด ...แต่ไคมาเพื่อรักษาศักดิ์ศรีให้ลู่ฮานต่างหาก

     

     

    ตอนแรก ไคไม่รู้ว่าลู่ฮานมาทำอะไรที่สนามบอล คนที่ไม่ชอบเจอแสงแดด กลัวว่าผิวจะเสียหากได้รับรังสียูวีมากเกินไป ว่าย้ำกระแนะกระแหนทุกครั้งเวลาที่เห็นสีผิวคล้ำๆของเขาจะมาเดินเตร็ดเตร่แถวสถานที่กลางแจ้งแบบนี้ทำไม

     

    แต่แล้วก็มากระจ่าง ตอนประโยคสุดท้ายที่บอกกับเขาก่อนจะวางสายนั่นแหละว่ามารอเจอ...คริส

     

    เห็นตั้งแต่ระยะไกลๆ กลางลู่วิ่งสีแดง ไคพบว่าคริสและลู่ฮานยืนอยู่ตรงนั้น ไกลมากจนไม่ได้ยินในสิ่งที่คนสองคนนั้นพูด แต่ดูจากลักษณะท่าทาง  การใส่มือไม้ที่ดูใส่อารมณ์ของทั้งสองฝ่ายคาดว่าเรื่องที่คุยกันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก

     

    สาวเท้าเข้าไปใกล้ด้วยใจถี่ระรัวจนอยู่ในระยะที่พอฟังได้ยิน ไคก็หยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น เชื่อว่าไม่ใครสักคนที่ทันได้สังเกตเห็นเขาแม้ว่าตรงบริเวณที่ยืนอยู่ กลางฝุ่นของดินแดงที่ลอยคว้างขึ้นมาจากแรงลมและเป็นพื้นที่โล่งแจ้งไม่ได้มีอะไรบดบังตัวตนของเขา

     

    แต่ทว่าคนที่ใช้อารมณ์และดูเหมือนว่ากำลังทะเลาะกันคงไม่มีเวลามาสังเกตหรือสนใจอะไรรอบข้าง

     

     

    “เลว! ฉันผิดหวังในตัวนายจริงๆ”

     

    “ฉันก็บอกว่าฉันไม่ได้ทำนายจะเอาอะไรอีก!

     

    “ฟังฉันนะ ถึงนายจะทำหรือไม่ได้ทำฉันก็ไม่มีวันที่จะชอบนายแบบนั้นได้ มันไม่มีประโยชน์อะไรหรอกถึงว่าใครคนนั้นเขาจะตายไป จะบอกให้ก็ได้นะว่าฉันถึงขนาดไปคว้าจุนมยอนมาจูบหรือไม่จำเป็นต้องเป็นจุนมยอนหรอกนะ ใครก็ได้ที่ยืนอยู่ตรงนั้นวินาทีนั้น ฉันจะให้นายเห็นจะจะ อยากจะให้นายทำได้อย่างที่ปากพูดว่าถ้านายเห็น เห็นว่าฉันจูบกับใครสักคนแล้วนายจะเลิกยุ่งกับชีวิตฉันอีก ทีนี้รู้แล้วใช่มั้ยว่าเพราะอะไร! มันเพราะฉันอยากให้นายเลิกตื๊อและเดินออกไปจากชีวิตฉันสักที ฉันรำคาญ รำคาญนายที่สุดเลยเข้าใจมั้ย!! ” คริสพูดด้วยน้ำเสียงกรรโชก

     

    “นายพูดอะไรน่ะอู๋ฟาน ...นายจะบอกว่าความจริงนายไม่ได้เป็นแฟนกับจุนมยอนอย่างที่บอกฉันตอนแรก และที่จูบจุนมยอนไปตอนนั้น เพียงเพราะอยากให้ฉันเลิกยุ่งกับนายแค่นั้นน่ะเหรอ” ลู่ฮานน้ำตาคลอ คำพูดจากคริสไม่อาจสรุปไปทางไหนได้เลย นอกจากเสียจากคำว่าไม่รัก และไม่เคยรัก อาจตรงกันข้ามเลยคือเกลียด

     

    “ใช่!! ...สำนึกไว้ซะนะ ว่าที่ฉันทำทุกอย่าง ทำทุกทางเพราะเบื่อ เซ็ง รำคาญ หรืออะไรก็ตามแต่ที่มันให้ความหมายว่าแย่ ความรู้สึกพวกนั้นของฉันมันเกิดขึ้นเฉพาะแต่กับนายจำใส่ใจไว้ซะ!!

     

    น้ำตาหยดลงมาจากดวงตาคู่สวยของลู่ฮาน หัวใจชาหนึบ ร่างกายแข็งทื่อจนไม่คิดว่าจะสามารถกระดุกกระดิกได้อีกต่อไป

     

    “อู๋ฟาน...” เขาอยากจะบอกว่าเขาไม่ได้ทำ อยากจะพูดอะไรที่มันมากมายกว่านั้น แต่คนที่น้ำตานองหน้ากลับเอ่ยได้แค่ชื่อ ลู่ฮานไม่ได้เป็นคนทำให้จุนมยอนต้องเจ็บตัว ใจเขาไม่ได้ใจดำขนาดนั้น

     

    ทำไม...ทำไมกันคนที่คิดว่าน่าจะรู้จักตัวเขาดีที่สุดถึงไม่รู้เลยว่าเขาไม่น่าจะเป็นคนที่ทำอะไรร้ายกาจแบบนั้นได้

     

     

    ลู่ฮานเสียใจ...

     

     

    “กลับบ้านนายไปซะ แล้วอย่ากลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก”

     

     

     

     

    เปรี้ยง!

     

     

     

    หมัดหนักๆถูกเหวี่ยงเข้าที่ใบหน้าหล่อเหลาของคนตัวสูง คริสลงไปกองกับพื้นดินแดงทันที คนที่ได้ฝากกำปั้นไว้ให้เป็นของที่ระลึกยืนจังก้ากำหมัดสองข้างจนเห็นเส้นเลือดขึ้นปูดนูนตามลำแขน บนใบหน้านั้นถมึงทึง ขบกรามแน่นด้วยความโกรธ

     

    “หมัดเมื่อกี้สำหรับจุนมยอนเพื่อนกู ...ถามมึงคำเดียว ...ล้อเล่นกับความรู้สึกคนแม่งสนุกมากหรือไง!!” ร่างสูงของไคโน้มตัวลง หนึ่งมือดึงเข้าที่คอเสื้อแล้วออกแรงดึงขึ้นมา เขาจ้องใบหน้าของคนที่มีเลือดซิบที่มุมปาก หอบหายใจแรงด้วยความโมโห

     

    ที่สุดก็ปล่อยหมัดที่สองเข้าไปที่จุดเดิมจนคริสหน้าหงาย ก่อนจะปล่อยมือออกจากเสื้อนั้นไคก็ผลักให้อีกฝ่ายลงไปนอนตึงที่พื้นอย่างเดิม

     

     

    “และ...หมัดนี้สำหรับลู่ฮาน” หลังจากลุกขึ้นยืนอย่างเดิม ไคก็ถอยหลังไปแล้วคว้าแขนลู่ฮานพลางลากออกไปด้วยกัน

     

     

    “ไป...ลู่ฮาน”

     

     

    แต่ก็ยังไม่วายจะหันมามองคนที่ดันร่างตัวเองขึ้นมาแล้วเช็ดเลือดที่เกิดจากแผลฉีก ไคชี้หน้าคนที่เขาเพิ่งซัดหมอบอย่างเอาเรื่อง

     

     

    “ไอ้เหี้ย!

     

     

     

     

    TBC…

     

    เข้มข้นขึ้นอีกนิด

    รู้สึกว่าน้องดำเราหล่อจุงเบย~ แอร๊

    พักยกมาไคลู่กันก่อนเถอะ 555555

    ได้ข่าวว่าคริสโฮเมิงแทบจะยังไม่เคยหวานกันเลย 55555

    ดราม่าเข้าซะแล้วรอบนี้ กว่าจะพาเข้ามาถึงตรงนี้ผ่านไปตั้งหลายตอนแน่ะ 5555

    ไรเต้อเวิ่นเว้อ เรื่อยเปื่อยได้อีก

    ไม่รู้จะทอล์คอะไรอีกละ อ่านให้สุขใจกันเถอะ

    อิอิอิอิ

     

    ขอบคุณค่า~~

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×