ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] First Kris First Kiss (Kris x Suho)

    ลำดับตอนที่ #3 : CHAPTER 2

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.ย. 55


    CHAPTER 2

     

     

     

     

    คิมจุนมยอนไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถมองหน้าใครได้อีกแล้ว...

     

     

     

    เจ้าของร่างบอบบางได้แต่เดินตัวลีบ จุดนี้จากที่ตัวผอมอยู่แล้ว ก็เลยยิ่งเพียวบางดูเหมือนไม้ขีดไฟเข้าไปใหญ่ สองแขนแกว่งไวประสานกับเรียวขาทั้งคู่ที่ก้าวฉับ ที่สำคัญคือเอาแต่ก้มหน้าก้มตาจนมองเห็นแต่พื้นคอนกรีตสีหม่นๆ

     

     

    เขารีบ ...รีบเหมือนกำลังหนี ...แต่ก็ไม่รู้ว่าหนีอะไรอยู่เหมือนกัน

     

     

    จุนมยอนได้ยินเรื่องของตัวเองดังขึ้นซ้ำๆ ในจำนวนนี้มีทั้งคนที่พูดถูกและก็พูดผิด แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ...ถึงแม้ว่ามันจะผิดเขาก็ไม่มีน้ำหน้าไปแก้ต่างให้ใครต่อใครฟังว่าความจริงมันเป็นเช่นไร...

     

     

    ตอนนี้แค่เดินให้เร็วที่สุดเพื่อผ่านพ้นสายตาหลากหลายคู่ รวมทั้งหลีกเลี่ยงที่จะฟังเรื่องที่มันกระทบตัวเขาในแง่ที่ไม่ค่อยดีเท่าไรให้พ้นไปซะมันก็แย่มากอยู่แล้ว

     

     

    ไม่รู้ว่าแบคฮยอนคิดอะไรอยู่ ...แต่สำหรับตัวเขาเองตอนนั้นก็คงจะอยู่รอฟังเหตุผลของเพื่อนตนไม่ไหว เขาปล่อยเสื้อที่มือกำไว้และรีบวิ่งหนีออกมาแทบจะทันที ทั้งที่มีแบคฮยอนเป็นที่ยึดเหนี่ยว ใช้เป็นเกราะกำบังหนึ่งเดียว ที่สำคัญก็ไม่ใช่ว่าจะไม่แสดงอาการอะไรออกไปเลย จุนมยอนบอกผ่านการกระทำหลายๆอย่างออกไปในตอนนั้นว่าเขากังวลมากเพียงใดกับสิ่งที่แบคฮยอนกำลังคิดหรือแม้จะกระทำไปบ้างแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ...แบคฮยอนกลับยังรุดหน้า ...เหมือนไม่ได้ใส่ใจความรู้สึกของเขาเลย

     

     

    คิดได้ยังกัน...

     

     

     

    ไปขอให้หมอนั่นชดใช้เขาด้วยการให้มาเป็นแฟนกันนี่นะ!

     

     

     

    จุนมยอนไม่ได้ต้องการแบบนั้นเสียหน่อย

     

     

     

    สำหรับจุนมยอนแล้ว ...ที่เดียวที่พอจะหลบหน้าใครต่อใครให้พ้นก็เห็นจะมีแต่หอพักของเขา ...แต่หลังจากดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือ คนตัวเล็กก็พบว่าตัวเองยังกลับเข้าห้องไปตอนนี้ไม่ได้ ในช่วงเวลานี้เขาไม่ควรทะเล่อทะล่ากลับเข้าไปเพราะถ้าพลาดขึ้นมามันก็ยิ่งจะเป็นการฝังตัวเขาเองให้ดิ่งลึกลงไปในผืนดินยิ่งเข้าไปอีก

     

     

    เขาก็เลยเลือกมาที่หอสมุด อย่างน้อยที่นี่ก็เสียงดังไม่ได้ เขาอาจจะรู้ว่ามีคนซุบซิบนินทา โดยที่สังเกตได้จากท่าทางและเสียงดังขึ้นหึ่งๆไม่ต่างอะไรกับการมีแมลงบินอยู่ข้างหู แต่มันก็ดีกว่าที่อื่นๆหน่อยตรงที่จะไม่ได้ยินเรื่องราวพวกนั้นชัดถ้อยชัดคำนัก

     

     

    จะว่าไปในความรู้สึกเขา ...เรื่องซุบซิบมันเป็นแค่องค์ประกอบที่ประกอบขึ้นมาเพื่อเพิ่มความรำคาญให้เพียงเล็กน้อยก็เท่านั้น มันไม่ได้มีผลต่อจิตใจของเขามากเท่าไรนักหรอก

     

     

    แต่ที่ต้องหลีกเลี่ยงจากสังคมหรือผู้คน เพียงเพราะว่าเขาก็แค่รู้สึกไม่อยากมองหน้าใคร เขาไม่รู้จะมองด้วยแววตาแบบไหน แล้วถ้าเจอสายตาที่มองมานับกว่าสิบอารมณ์เขาเองก็ไม่รู้จักวิธีรับมือ รวมทั้งไม่รู้ว่าควรจะโต้ตอบกลับไปอย่างไรได้บ้าง

     

     

     

    มัน...รู้สึกอับอาย ...และเข้าตาจนจริงๆ

     

     

    ยิ่งกับคริสด้วยแล้ว ...เขายิ่งไม่รู้ว่าจะมองหน้าฝ่ายนั้นได้ยังไง ...

     

     

     

    แต่ก็...

     

     

    บ้าแล้ว คิดมากน่า ...ความจริงเท่าที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยกล้ามองหน้าฝ่ายนั้นอยู่แล้วนี่นา

     

     

     

    “ฮือออ” จุนมยอนเอาศีรษะทุ่มลงไปกับโต๊ะ อยากจะร้องไห้ออกมาเพื่อเป็นการระบายเสียให้ได้เลยจริงเชียว

     

     

    ร่างเล็กเลือกนั่งลงในที่นั่งเดี่ยวกั้นคอกอยู่แถวๆคลังเก็บหนังสือ ที่ตรงนี้ก็เลยไม่ได้มีผู้คนเดินพลุกพล่านเหมือนที่โต๊ะนั่งอ่านหนังสือที่ตั้งเรียงรายอยู่ตรงริมทางเดินเสียเท่าไร

     

     

    ตอนนี้ก็ได้แต่หวังว่าสิ่งแวดล้อมและบรรยากาศรอบกายน่าจะช่วยให้เขาสงบจิตสงบใจและลดความรู้สึกต่างๆมากมายทีตีขึ้นมาให้ลดลงไปได้บ้าง ...ไม่มากก็น้อยล่ะ

     

     

    นิ่งไปจนดูเหมือนคนหลับ แต่ไม่ว่าปฏิกิริยาภายนอกจะเป็นยังไง ในหัวใจก็ยังคงเต้นโครมครามอยู่เหมือนเดิม มันเต้นในจังหวะพีคที่สุดตั้งแต่ตอนจูบ สองตาที่เบิกโตในขณะที่ริมฝีปากถูกบดเบียดก็ทำให้เขาสามารถมองเห็นได้ชัดว่าบุคคลตรงหน้าเขาคือใคร

     

     

    แล้วมันก็...

     

     

    จุนมยอนเขยื้อนให้ศีรษะห่างออกมา เปลี่ยนเป็นใช้หัวดันกับขอบโต๊ะแทนหลังจากที่ก่อนหน้านี้เขาได้แนบทั้งใบหน้านาบสนิทลงไปกับโต๊ะไม้

     

     

    ก็ปากเขามันถูกสัมผัสไปแล้วนี่ ...ไวเท่าความคิด มือยกขึ้นมาแตะริมฝีปากที่เบะจนดูไม่ได้ ทว่าสุดท้ายกลับทำได้แค่ถอนหายใจออกมาอยู่เหมือนเดิม

     

     

    “ฮือออ” งอแงซ้ำอีก แต่ก็ได้แรงสั่นที่เกิดขึ้นในกระเป๋ากางเกงที่มันกำลังดึงความสนใจของเขาไป จุนมยอนพอจะเดาออกอยู่หรอกว่าหน้าจอโทรศัพท์ที่กำลังจะหยิบขึ้นมาจะปรากฏชื่อของใคร กระนั้นก็ต้องหยิบมันออกมาดูเพื่อความแน่ใจ

     

     

    KAI

     

     

    หน้าจอที่มีแสงสว่างวาบปรากฏชื่อนั้น เขารู้ดี ...ว่าแม้จะเป็นเบอร์ของไค แต่เสียงที่จะได้ยินหลังจากกดรับสายยังไงเสียก็คงไม่พ้นเสียงของแบคฮยอนอยู่ดี

     

     

     

    ไม่รับหรอก ...ก็เขาน่ะกำลังรู้สึกเคืองแบคฮยอนอยู่หน่อยๆนี่นา

     

     

    กดตัดสายไปเลยแบบไม่ไยดี แล้วก็ตั้งใจมองดูเวลาที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของหน้าจอเครื่องมือสื่อสาร ตาทั้งคู่ของเขาเบิกโพลง จุนมยอนรีบดึงศีรษะออกห่างจากโต๊ะ แผ่นหลังก็เลยกระแทกพนักเก้าอี้ดังอึกและเกือบจะต้องหงายท้องตึงด้วย

     

     

    ว่าแล้ว ...ว่าแล้วว่าต้องลืมอะไรบางอย่าง!

     

     

    ร่างบางลุกพรวดพราดจากเก้าอี้ทันที เขาเดินสวนกลับไปจากเส้นทางที่ใช้เดินมา เกือบจะชั่วโมงแล้ว ...อาจารย์คงสอนไปจนเกือบจะชั่วโมงแล้ว แย่จริงจัง ...เขาไม่น่าลืมว่าตัวเองโดนแบคฮยอนลากออกมาตั้งแต่ยังไม่ถึงเวลาเรียน เขาควรจะตรงไปยังห้องเรียนมากกว่าที่จะมาหาที่หลบและเอาความคิดไปหมกมุ่นกับเรื่องไร้สาระ

     

     

     

    ก้าวเท้าอย่างเร่งรีบ พอพ้นออกจากหอสมุด ร่างหลุดออกมาจากประตูเลื่อนอัตโนมัติเพียงแค่สองก้าว เขาก็พบกับอุปสรรคใหญ่

     

     

     

    เขาไม่ได้เงยหน้าขึ้น มองเพียงระดับสายตาก็พบไหล่ไล่สายตากลับเข้ามาในรัศมีของใบหน้าก็พบเข้ากับแผ่นหน้าอก แต่จุนมยอนเองก็รีบเกินกว่าจะสนใจ ทีนี้จึงก้มหน้าลงไปอีก แล้วตั้งใจว่าจะเบี่ยงไปสักทางเพื่อให้พ้นร่างของใครอีกคนที่ดันเป็นสิ่งกีดขวางเส้นทางเดินของเขาไปเสียแล้ว

     

     

    พอแยกเท้าไปทางขวา ฝ่ายคนที่อยู่ตรงข้ามกันนั้นก็กลับก้าวเท้าซ้าย ในตอนที่ยังไปไหนไม่ได้ เขาจึงตัดสินใจอีกรอบว่าจะก้าวไปในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับคราวที่แล้ว แต่ก็เหมือนเดิมอีก ที่อีกฝ่ายดันใจตรงกัน มันก็เลยกลายเป็นว่าขวางกันไปกันมาจนไม่ได้ไปไหนกันสักที

     

     

    คนตัวเล็กเงยหน้าอยากจะโค้งตัวให้พร้อมทั้งอาจจะขอโทษอย่างเก้อเขินแล้วก็ขอทางไป ทว่าในวินาทีที่เห็นใบหน้านั้นชัดเจนจริงๆ เขาก็แทบอยากก้มหน้าลงมองพื้นในแบบที่ไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมาอีกเลย...

     

     

    จุนมยอนก่นด่าตัวเองในใจ เขาควรจะหันหลังและเดินหนีไปตั้งแต่เห็นแจ็กเก็ตเบสบอลตัวนี้แล้วซ้ำ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะจำไม่ได้ว่าคริสใส่เสื้อตัวไหน แล้วทำไมถึงยัง....

     

     

     

    วันนี้มันเป็นวันอะไรกันแน่นะ ...

     

     

     

    ภายในเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง ...เขาเจอคริสไปแล้วถึงสามครั้ง ...มิหนำซ้ำแต่ละเหตุการณ์ยังเป็นอะไรที่ไม่เคยคาดถึงเลยด้วยซ้ำ เพราะอย่างนี้ด้วยมั้งเขาก็เลยไม่รู้ว่าควรจะรับมือยังไง

     

     

     

    ตอนนี้ยังไม่มีปฏิกิริยาใดเพิ่มขึ้นหลังจากเขาพบว่าใครกันที่อยู่ตรงหน้า จุนมยอนกลืนน้ำลายลงคอราวกับว่าเรื่องที่ตนเองได้ตัดสินใจและกำลังจะทำเป็นเรื่องน่าหนักใจ ทั้งที่ความเป็นจริงเขาก็แค่มีความคิดที่จะเดินออกไปให้พ้นออกจากคนคนนี้เท่านั้น

     

     

    ก้มหน้าและพยายามเดินตัวลีบจากไปอย่างเงียบๆ ร่างกายของเขาสั่นไปหมด ดวงตาลอกแลกและกำลังภาวนาว่าให้อย่ามีอะไรที่มากไปกว่าการที่เขาเดินแยกออกมาอย่างนี้

     

     

    แต่ก็ดูเหมือนว่า ...จุนมยอนจะทำได้แค่ภาวนาเพียงเท่านั้นเมื่อเขายังไม่ทันไปไหนได้ไกลและพ้นจากระยะอันตรายเลย เหตุการณ์ที่ไม่น่าคาดฝันก็เกิดขึ้น

     

     

    “ตัวเล็ก”

     

     

    ขาสองข้างของเขาหยุดชะงักในวินาทีที่ได้ยินบางคำ ...และจุนมยอนก็มั่นใจว่านั่นคือน้ำเสียงของคริส หากแต่เขายังไม่ค่อยมั่นใจว่า ตัวเล็กนั่นจะหมายถึงเขาหรือเปล่า...

     

     

     

    ตอนนี้จุนมยอนก็ทำได้แค่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

     

     

     

    “ตัวเล็ก” อีกครั้ง ...และน้ำเสียงก็ย้ำชัดถ้อยชัดคำราวกับจะเรียกเขาจริงๆ หัวใจยิ่งเต้นระรัว และจุนมยอนเองก็เป็นคนซื่อตรงเกินกว่าจะเมินเฉยต่อใครสักที่มีท่าทีว่าอยากจะคุยกับเขา

     

     

    หรือถ้าไม่... ก็ควรจะต้องหันกลับไปดูให้แน่ใจสักหน่อยแล้วกัน

     

     

     

    จุนมยอนหันกลับไปทั้งตัวด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ เขาเห็นใบหน้าของคริสชัดเจน ยิ่งในตอนที่สบตาลมหายใจของเขาก็ยิ่งกระตุก มีบางอย่างบอกกับเขาว่า ...เขาต้องไม่ไหวแน่ๆ สมองมันตื่อและกำลังหมุนติ้วไปด้วยในเวลาเดียวกัน

     

     

     

     

    “แล้วคืนนี้ฉันจะโทรไปคุยด้วยนะ”

     

     

     

    แค่ประโยคเดียวเท่านั้นจุนมยอน กลับฝังจุนมยอนเสียจนมิดผืนดิน

     

     

     

     

    อึ้งไปเลย ...ดวงตาเห็นแค่ภาพของคริสที่เดินห่างออกไปแต่ก็เป็นอะไรที่พร่าเบลอมากสำหรับเขา คนตัวเล็กกรอกตากำลังพยายามทบทวนเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น

     

     

     

    นี่มันเรื่องอะไรกัน...

     

     

     

    ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนจุนมยอนแทบไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะใช่ความจริง...

     

     

    ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะเบค่อนคนเดียว

     

     

    เบค่อน!! ...จุนมยอนได้แต่คาดโทษเพื่อนตัวเองในใจในยามที่ตระหนักได้ว่าใครเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการกับเรื่องราวทั้งหมด

     

     

    ในตอนนั้นเองห็เลยหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงด้วยมืออันสั่นเทา สติของเขาหลุดลอยและกว่าจะรวบรวมสมาธิให้ทำตามอย่างที่ต้องการได้ ก็ต้องพาร่างกายอันอ่อนยวบยาบให้ลงไปนั่งอยู่ทรงตัวอยู่บนม้านั่งริมทางเดิน

     

     

    กดลงไปบนหมายเลขหนึ่งในแป้นพิมพ์แล้วก็กดปุ่มโทรออกเลย เพราะแน่นอนว่า เบอร์ของพยอนแบคฮยอนเป็นเบอร์ที่เขาตั้งโทรด่วนเอาไว้อยู่แล้ว

     

     

     

     

     

     

     

    “เบค่อน ...ไปหาฉันที่ห้องหน่อย!” น้ำเสียงออกจะหวัดๆไม่เหมือนทุกที จุนมยอนไม่รอฟังคำตอบที่จะให้กลับมาเลย เพียงพูดในจุดประสงค์ที่ตัวเองต้องการเสร็จ นิ้วเรียวก็กดตัดสายทันที

     

     

     

     

     

     

    มุ่งตรงกลับไปที่หอพัก จุนมยอนคงลืมไปเสียสนิทแล้วว่าจุดประสงค์เดิมของเขานั้นคืออะไร และกลายเป็นว่าจุนมยอนคนขยันรวมทั้งใช้ชีวิตแต่อยู่ในกรอบได้โดดเรียนเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์ไปแล้ว

     

     

    พอไปถึงเขาก็พบว่าแบคฮยอนนั่งรออยู่ที่ม้านั่งใต้หอพัก สองตาพอเห็นไอ้เจ้าเพื่อนตัวดีนั่งยิ้มแป้นส่งมาให้เขาก็หน้าบู้ใส่มันซะเลย ให้มันรู้ซะบ้างว่าจุนมยอนก็ไม่พอใจอะไรเป็นเหมือนกันนะ

     

     

    สาวเท้าเดินเข้าไปใกล้และแบคฮยอนก็ลุกเดินเข้ามาหาเขาเช่นกัน

     

     

    “ไคล่ะ?” แม้จะเคืองเพื่อนอยู่ แต่ก็อดใส่ใจไถ่ถามหาคนที่สมควรจะอยู่ตรงนี้ด้วยไม่ได้เลย ถ้าจะเกลียดตัวเองก็ตรงนี้แหละ จุนมยอนจะโกรธจะไม่พอใจใครได้สักกี่น้ำกันเชียว

     

     

    “กลับไปนอนร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่ที่บ้านแล้วละมั้ง” แบคฮยอนพูดทีเล่นทีจริง เห็นแบบนั้นจุนมยอนก็เกิดอาการหมั่นไส้ขึ้นมาทันที

     

     

     

    แบคฮยอนนะ ...ทำผิดแล้วยัง...

     

     

     

    “ยังมีหน้าจะมาพูดเล่นอีก” จุนมยอนทำปากคว่ำพลางเชิดหน้าใส่

     

     

     

    เห็นอาการพวกนั้นแบคฮยอนก็จับแขนพร้อมเอาหน้าเข้าไปไถเลยด้วยพร้อมกัน “ฮื้อออ โกรธเหรอ? งอนเหรอ? ไม่พอใจเหรอ? เป็นไรอ่า ...ขอโทษน้า” หมาน้อยยู่ปากทำหน้าตาน่าสงสารหมายจะให้เพื่อนเห็นใจ

     

     

     

    พอเห็นแบบนั้น ...ก็ทุกที จุนมยอนก็อดที่จะใจอ่อนให้ไม่ได้

     

     

    “แต่นายก็ไม่น่า...” ให้เบอร์ฉันไป...

     

     

    พูดต่อไม่ได้จริงๆ เพราะประโยคที่จะโพลงออกต่อไปมันจะต้องย้อนกลับมาทำร้ายเขาได้แหงๆ ก็แบคฮยอนน่ะยังไม่รู้สักหน่อยว่าเขาเจอกับคริสแล้ว มิหนำซ้ำฝ่ายนั้นยังบอกชัดเจนว่าจะโทรหาเขา

     

     

    ขืนบอกออกไป นอกจากจะไม่สลดกับเรื่องที่ก่อแล้วพยอนแบคฮยอนก็คงมีเรื่องสนุกล้อเลียนเขาเพิ่มขึ้นอีกแน่ๆ

     

     

    ก็ในตอนนี้แบคฮยอนน่าจะสำนึกได้แค่เรื่องที่เอ่ยปากให้คริสรับผิดชอบด้วยการเป็นแฟนกับเขาเท่านั้น ส่วนเรื่องเบอร์ก็คงกะให้ตัวเขาเจอแจ็กพอตเอง ถ้าโทรมาก็ดี รวมทั้งอาจจะแค่รอให้ฝ่ายเขาไปคิดบัญชีทีหลังแต่ถ้าไม่โทรมาก็ปล่อยผ่านไปก็น่าจะแค่นั้น...

     

     

     

    แต่สำหรับจุนมยอนแล้วมันไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิ!

     

     

     

    “อืม ...ช่างมันเถอะ”

     

     

    ที่เหลือคงเป็นปัญหาที่เขาต้องแก้เองแล้วล่ะมั้ง คิดไม่ตกได้แค่นั้นก็เดินคอตกห่างจากเพื่อนไปทันที ร่างบอบบางเดินตรงไปยังบันไดอย่างไร้เรี่ยวแรงและแบคฮยอนก็เดินตามมา

     

     

    “จุนมยอนอ่า”

     

     

     

    “เบค่อน ...ช่างมัน ฉันไม่เป็นไร” โบกมือปัดให้คนข้างๆแบบขอไปที

     

     

     

    “นายโอเคนะ?”

     

     

    “อื้ม”

     

     

    “งั้นก็ดีละ” แบคฮยอนไม่พูดอะไรนอกจากเดินมองแผ่นหลังของเพื่อนที่อยู่สูงขึ้นไป จุนมยอนเดินขึ้นบันไดด้วยลักษณะที่ต้วมเตี้ยมกว่าปกติจริงๆ

     

     

    อยู่ๆแบคฮยอนเริ่มเอื้อนเอ่ยในเรื่องที่ตนเองแปลกใจสงสัยบ้าง

     

     

    “ฉันคิดว่านายจะกลับมาที่ห้องแล้วซะอีกก็เลยมาหา แต่แล้วพอถามคุณป้าข้างล่างเขาก็บอกว่ายังไม่เห็นนายกลับเข้ามาเลย”

     

     

     

    “อือ ...ก็จะให้ฉันกลับมาได้ยัง...” ทว่ายังคงพูดออกไปอย่างอ่อนแรงไม่ทันได้จบประโยค

     

     

    เฮ้ย!

     

     

     

    คนตัวเล็กยืดตัวตรงยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู แล้วก็แทบอยากจะวิ่งลงบันไดพรวดพราดหนีออกไปซะให้รู้แล้วรู้รอด กระนั้นก็เกือบจะถึงที่หมายอยู่แล้ว เพราะเพียงก้าวข้ามไปอีกแค่บันไดขั้นเดียวก็จะถึงชั้นที่มีห้องของเขาตั้งอยู่แล้ว

     

     

    และแบคฮยอนที่เดินขึ้นมาถึงสี่ชั้นก็ไม่มีทางยอมให้เพื่อนตนทำอย่างนั้นได้แน่ แขนเล็กจับตัวจุนมยอนที่กำลังจะวิ่งลงไปพร้อมทั้งกอดไว้ในอ้อมแขนทันที ด้วยอาการทั้งที่งงงวยและไม่เข้าใจ

     

     

     

    “จะไปไหน!

     

     

     

    “คริส!” จุนมยอนเอ่ยชื่อนั้นออกมาหน้าตาตื่นรวมทั้งดิ้นไปด้วยหมายจะให้หลุดจากเงื้อมือเพื่อน

     

     

     

    “อะไร? ใจเย็น”

     

     

     

    “คริสอาจจะอยู่ในห้อง หรืออาจจะเพิ่งเข้ามา หรืออาจจะกำลังจะออกไปก็ได้ตอนนี้ นายก็รู้ว่าเขาไม่รู้ว่าฉัน ...ไม่รู้ว่าเราอยู่ห้องติดกัน ถ้าเป็นก่อนหน้านี้มันก็คงไม่เป็นอะไรใช่มั้ย ...? แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่... ฉันไม่อยากเจอเขา ฉันทำอะไรไม่ถูก ยิ่งตอนนี้ที่นาย...” จุนมยอนรู้สึกเจ็บใจที่จะพูด ร่างเล็กหยุดดิ้นในอ้อมแขนของเพื่อนก้มหน้าลงและพยายามควบคุมสติที่กระเจิงกระเจิงของตัวเอง

     

     

     

    แบคฮยอนใช้แววตาที่อ่อนลงมองคนในอ้อมแขน ในตอนนี้ที่จุนมยอนไม่ได้ดิ้นรนอะไรอีกเขาจึงค่อยๆคลายมือที่รัดแน่นออก แล้วมันก็อดไม่ได้เลยจริงๆที่จะยิ้มออกมา

     

     

     

    “ชอบเขามากขนาดนี้?” น้ำเสียงเชิดๆบอกกลายๆว่ามันคือคำถาม กระนั้นสิ่งที่จุนมยอนรับฟังไปแล้วดันกลับให้ความรู้สึกเหมือนถูกล้อเสียมากกว่า

     

     

    “หึหึ ...ถ้าชอบเขามากขนาดนี้ ...สิ่งที่นายควรทำคือขอบคุณฉันมากกว่านะจุนมยอน” ถึงต้องนี้คนตัวเล็กก็แทบอยากจะร้องไห้ออกมาจริงๆ

     

     

     

    “ฉันไม่น่าพลาด ไว้ใจจนเล่าทุกอย่างให้นายฟังเลย ฮือออ” เห็นท่าทางงอแงแล้วแบคฮยอนก็อดที่จะยื่นมือไปยีผมเพื่อนไม่ได้

     

     

     

    “เอาน่า ...คราวนี้แบคฮยอนก็เลยฉวยเข้าที่แขนของเพื่อนตนไปเหอะ!” ว่าแล้วก็ฉุดให้เดินตามไป

     

     

     

    “ฮื้อออ” แต่ดูท่าว่าตอนนี้จุนมยอนอยากจะร้องไห้ท่าเดียวเลย

     

     

     

    ด้วยความทุลักทุเล แต่แบคฮยอนก็สามารถพาเพื่อนตัวเองมาหยุดอยู่หน้าห้องได้ จุนมยอนมองซ้ายมองขวาพอเห็นว่าทางสะดวกก็รีบหยิบคีย์การ์ดออกมาเสียบอย่างฉับพลันรวดเร็ว ทว่ายังไม่ทันได้เปิดประตูเข้าไป ก็หันไปมองแบคฮยอน ...และก็รู้สึกไม่ดีเลยเพราะอยู่ๆเขาก้เกิดสังหรณ์ใจว่าแบคฮยอนกำลังคิดจะทำอะไรพิเรนๆอีกแล้ว

     

     

     

    “เบค่อน อย่า!

     

     

     

    ไม่ทันแบคฮยอนเสียแล้ว...

     

     

     

    มือเล็กกำเป็นกำปั้นทุบป้าบๆเข้าไปที่บานประตูที่อยู่ข้างๆห้องเขา...

     

     

     

    และจะไม่อะไรเลย ...ถ้านั่นไม่ใช่ห้องของ คริส

     

     

     

    ฮือออออ

     

     

     

    พยอนแบคฮยอน ถ้าจะทำแบบนี้เลิกคบกันเลยเหอะ!

     

     

     

     

     

    ความลับที่เก็บมาตั้งนานว่าเขากับคริสเป็นเพื่อนบ้านกันจะมาเปิดเผยตอนนี้ไม่ได้ ...

     

     

     

    ไม่ได้จริงๆนะ

     

     

     

    เบค่อนนิสัยไม่ดี ...ไม่เคยรักเขาจริงอย่างปากพูด เพราะถ้าเพื่อนคนนี้รักเขาจริงๆจะไม่มีวันกระทำอะไรกับเขาแบบนี้

     

     

     

     

    หนี ...ตอนนี้มีเพียงคำเดียวเท่านั้นที่เด้งขึ้นในสมอง จุนมยอนผลักบานประตูห้องสุดแรงเกิดแต่แล้วก็ต้องเปลี่ยนเป็นกลืนน้ำลายก้อนใหญ่ลงคอเข้าไปแทน

     

     

     

    เมื่อ...

     

     

     

    เสียง ...เสียงหนึ่งกำลังหยุดการกระทำทั้งหมดของเขาได้เสียสนิท

     

     

     

     

    “พวกนายกำลังทำอะไรกันน่ะ”

     

     

     

     

    TBC…

     

     

     

    -------------

     

     

    ความจริงแล้วจุนมยอนแอบชอบพี่คริสอยู่แล้วนั่นเอง

    เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้เบค่อนเค้าล่ะ ฮี่~

    แล้วใครมาจะใช่เฮียหรือเปล่าน้า ?

    ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่า ปั่นเรื่องนี้เพลินชริงๆล่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×