ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] First Kris First Kiss (Kris x Suho)

    ลำดับตอนที่ #6 : CHAPTER 5

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.12K
      5
      7 ต.ค. 55

    CHAPTER 5

     

     

     

    กว่าสิบห้านาทีที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม พฤติกรรมเดียวคือการเคาะนิ้วมือลงบนโต๊ะเขียนหนังสือ เขากำลังใช้ความคิดอย่างสบายอารมณ์ ไม่ได้จริงจังหนักหน่วงจนทำให้ปวดหัวอะไร ในตอนที่คิดไปพลางก็นึกขำไปพลาง ดวงหน้าหล่อเหลาก้มหน้าลงเพียงนิดพร้อมทั้งหัวเราะกับตัวเองออกมาเบาๆเป็นระยะๆ

     

     

    ทำไมต้องหนี...?

     

     

    นั่นคือคำถามที่เขายังหาคำตอบไม่ได้...

     

    แต่ก็นะ ...จะให้มีคำตอบให้ได้ในชั่วพริบตาได้ยังไงล่ะ ก็ในเมื่อคำถามยังเป็นอะไรที่เพิ่งตั้งขึ้นมาเดี๋ยวนี้เองนี่นา

     

     

     

     

     

    คริสเจอเหตุการณ์คล้ายๆกันนี้บ่อยครั้ง ที่ผ่านมาก็ไม่ได้ใส่ใจแม้จะสัมผัสได้ถึงความประหลาดอยู่บ้างก็ไม่ได้ทำให้เขาเอาใจไปฝักใฝ่นัก เพราะโดยนิสัยเขาก็ไม่ได้เป็นคนที่อยากจะชอบยุ่งสนใจหรือเอาชีวิตไปเกี่ยวข้องกับใครอยู่แล้ว

     

     

    ระยะเวลาที่ผ่านมาคริสมักจะเห็นว่ามีอะไรแวบๆอยู่ที่ปลายหางตาและมันก็เกิดขึ้นแทบจะทุกเวลาที่เขากลับถึงห้อง ชายหนุ่มเกือบจะสรุปไปแล้วด้วยซ้ำว่ามันเป็นอะไรบางอย่างที่เหนือกฏเกณฑ์ของธรรมชาติ ลองนึกดูว่าถ้าเขาดันเกิดเป็นคนที่เชื่อในเรื่องพวกนี้ ก็คงจะช็อคตายกันไปถึงวันละหลายๆรอบและอาจจะอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้เลย

     

     

    โชคดีที่ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาไม่ได้มีความเชื่อในเรื่องลี้ลับอยู่แล้วก็เลยคิดว่าต้องเป็นคนนั่นแหละ พอคิดแบบนั้นแล้วก็เลยไม่ได้นึกสนใจอะไรไง...

     

     

    แต่ว่า ...ตอนนี้คงเป็นเรื่องที่ไม่สนไม่ได้แล้วมั้ง...

     

     

    “ไอ้หยา”

     

     

    คิดอะไรเพลินไปหน่อย ในตอนที่นึกเรื่องที่ตัวเองจะต้องทำได้เขาถึงกับสะดุ้งเผลออุทานออกมา ไม่ได้ว่าเกือบลืมแต่คริสลืมไปแล้วจริงๆว่าตัวเองมีเรียนต่อ ไม่ใช่การเรียนในหลักสูตรแต่เป็นเรียนพิเศษเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาษาเกาหลีนี่แหละ

     

     

    ความจริงคริสสื่อสารภาษาเกาหลีได้มาตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้ว แม่ของเขาเป็นชาวเกาหลี เขาเรียนรู้ที่จะพูดอยู่บ่อยๆ แต่กรณีของการเขียน การอ่าน หลักการใช้ยุบยิบมากมายนั้นเป็นปัญหากับเขาอยู่มากโข เขาไม่รู้อะไรสักแต่ว่าจะพูด และแม่ก็ไม่ได้สอนในเรื่องพวกนั้น เพราะตอนเด็กๆเขามีหน้าที่เรียนในโรงเรียนอย่างเดียว พอกลับถึงบ้านก็ค่อยชวนแม่คุยด้วยภาษาของแม่

     

     

    คริสคิดถึงแม่ ...เพราะในตอนนี้แม่ไม่ได้อยู่กับเขาแล้ว ที่เลือกเรียนแลกเปลี่ยนที่นี่ก็เพราะอยากมาลองเรียนรู้ใช้ชีวิตสังคมในแบบเดียวกับที่แม่เขาเคยใช้

     

     

    และแม่คงจะภูมิใจในตัวเขามากถึงมากที่สุด ถ้าเขาลุกจากเก้าอี้ในห้องพร้อมทั้งย้ายตัวเองออกไปเรียนได้แล้ว

     

     

    หัวเราะ ...ตอนนี้เขาถึงกับหัวเราะเยาะตัวเอง ใจของเขามันไม่ได้จดจ่ออยู่กับสิ่งที่สมควรจะพึงระลึกไว้เสมอเลยว่าต้องทำ

     

     

    คริสลุกขึ้นกดเครื่องมือสื่อสารในมือ ไล่ดูหมายเลขที่บันทึกแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอีกจนได้ ก็สัญลักษณ์แปลกๆที่ไม่ได้เมมเป็นชื่อคนนั่นมีที่ไหนล่ะ จะมีก็แต่เบอร์ที่ไอ้เจ้าตัวกระเปี๊ยกทับหน้าคนนั้นพิมพ์มันเอาไว้ให้เขา

     

     

     

    ที่เหลือ ...ชื่อที่บันทึกคือส่วนของเขาที่ต้องรับผิดชอบเองแล้วล่ะ

     

     

    แล้วคริสก็ดันบันทึกไปว่า

     

     

     ...

     

     

     

    มีเพียงแค่จุดสามจุดเท่านั้น

     

     

    ก็คริสไม่รู้ชื่อนี่และถ้าต้องให้ใส่คำจำกัดความลงไปก็ไม่รู้ว่าจะเลือกอะไรดี

     

     

     

    ตอนนี้เขายังไม่รู้เลยว่าควรจะทำยังไงกับมันดี เพราะอยู่ๆข้อเสนอก็ถูกปาใส่หน้า ตอนนั้นเขาคิดเพียงว่าถ้าเดินตามเกมนี้ อาจจะช่วยให้ลู่ฮานถอยห่างออกไปจากเขา การพูดต่อหน้าสาธารณชนคงเป็นการช่วยกระจายข่าวได้ดี ปล่อยให้ทุกคนเข้าใจไปแบบนั้นแค่นั้นก็จบแล้ว...

     

     

    เพียงแค่นั้น ...ลู่ฮานก็เก็ทแล้วว่าเขามีแฟน...

     

     

    แล้วก็คงไม่มาป้วนเปี้ยนกวนใจกันอีก ...มันคือความคิดของคริสเท่านั้น แต่ถ้าในมุมมองของลู่ฮานแล้วล่ะก็... คริสก็ไม่มีทางรู้เหมือนกันว่าฝ่ายนั้นจะคิดหรือว่าทำยังไง

     

     

    คนอย่างลู่ฮานเป็นพวกประเภทผีเข้าผีออกและเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้เลย ลูกบ้ายิ่งเยอะจนเขาไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าเวลาไหนบ้างที่หมอนั่นจะแผลงฤทธิ์หรือเวลาไหนบ้างที่คลื่นลมจะนิ่งสงบน่ะ

     

     

    ในขณะที่เดินไปตามทางเดิน มือหนาก็พลอยกดโทรศัพท์ไปด้วย ตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมาเมนูข้อความไม่เคยทำให้เขารู้สึกยุ่งยากลำบากใจเท่านี้มาก่อน คริสกำลังพิมพ์ๆลบๆข้อความอยู่อย่างนั้นไม่ต่ำกว่าสิบรอบแล้ว

     

     

    ชั่งใจอยู่ชั่วครู่หนึ่ง เม้มริมฝีปากครุ่นคิดแล้วสุดท้ายก็ตัดสินใจ ...รวมทั้งไม่น่าเชื่อว่าเขาได้กดส่งข้อความนั้นไปแล้วจริงๆ

     

     

    ซึ่งผู้รับก็คือ

     

     

    ...

     

     

     

     

    จุนมยอนในชุดนอนลายตารางเล็กสีพื้นอ่อนๆกำลังนั่งงมโข่งอยู่กับเทนส์ ร่างบางกำลังคิดว่าทำไมมันถึงได้มีเยอะมากมายมหาศาลขนาดนี้ก็ไม่รู้ เขารู้สึกปวดหนึบที่สมองจนถึงขั้นต้องดึงแว่นสายตาออกแล้วยกมือขึ้นไปนวดขมับตัวเอง

     

     

    ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าเขาสายตาสั้น คนเดียวที่จู้จี้จุกจิกคอยสั่งว่าเขาต้องทำอย่างนู้นอย่างนี้นะก็เห็นจะมีแต่พี่ชายคนเดียวเท่านั้นแหละ คอนแทคเลนส์ก็ถูกเจ้ากี้เจ้าการให้ใส่ เนื่องด้วยห่วงบุคลิกภาพของเขา กระนั้นจุนมยอนกับพี่ชายก็กลับแตกต่างกันมากอยู่ดี พี่ซีวอนมักรู้ว่าอะไรดีสำหรับตัวเองและก็คิดว่าสิ่งนั้นมันจะดีสำหรับเขาไปด้วย แม้จะว่าอย่างนั้นก็เถอะ แต่บางสิ่งบางอย่างมันกลับไม่ได้เหมาะสมกับเขาเลย

     

     

    แต่ด้วยความเป็นคนหัวอ่อนและไม่เคยคิดที่จะต่อต้านอะไรอยู่แล้ว จุนมยอนก็เลยได้แต่เออออตาม และไม่ว่าจะความสบายใจของใครก็ตามเขาก็ยินดีเสมอ...

     

     

    “อ่า ...ครับ”

     

     

    กินแล้ว ...อาบน้ำแล้วเรียบร้อยเหลืออ่านหนังสือหลังจากนั้นก็นอนอย่างเดียวมือบางหยิบแว่นสายตาที่วางไว้บนโต๊ะก่อนหน้านี้ขึ้นมาสวม เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาที่อยู่สูงขึ้นไปบนผนังตรงหน้า

     

     

    ตอนนี้ ...เพิ่งจะทุ่มนิดๆ

     

     

    แต่ก็ถือว่าปกติแหละ เพราะหลังกลับถึงห้อง จุนมยอนก็จัดการกับตัวเองให้เสร็จสรรพเรียบร้อยทันที เรียบร้อยชนิดที่เรียกว่าพร้อมนอนเลย เหมือนเป็นการเตือนตัวเองกลายๆว่าหลังจากนี้เขาจะไม่โผล่หน้าออกไปไหนอีกแล้ว

     

     

    จะให้ออกไปยังไง ...ก็มันสุ่มเสี่ยงนี่นา...

     

     

    “อ่า ...ฮยองจะมาเหรอ? โอเค...ยังไงก็ได้ครับ โทรมาแล้วกันนะ อ่า...หวัดดีครับ” จุนมยอนกดตัดสายจากพี่ชาย พี่ซีวอนก็โทรมาเป็นกิจวัตรแบบนี้แทบจะทุกวันก็เลยไม่ได้มีหัวข้อสนทนาจะคุยอะไรกันมากมายนอกจากคำถามจุกจิกว่าเขาทำนู่นนั่นนี่หรือลืมอะไรมั้ยเทือกนั้น

     

     

    หลังจากวางสายเขาก็พบว่าหน้าจอเตือนว่ามีข้อความเข้า ความจริงจุนมยอนได้ยินเสียงติ้ดแทรกเตือนเข้ามาตั้งแต่ตอนคุยโทรศัพท์กับพี่ซีวอนแล้ว

     

     

     

    ในตอนที่ยังไม่ได้เปิดข้อความอ่านเขาก็รู้สึกแปลกใจแล้ว เพราะเบอร์ที่แสดงขึ้นมาเขาไม่ได้เมมเอาไว้ในเครื่อง มันเป็นเบอร์ของใครก็ไม่รู้

     

     

     

    แต่พอเปิดอ่านข้อความเท่านั้นแหละจุนมยอนก็ยิ่งต้องขมวดคิ้วมองมันแน่นยิ่งขึ้นไปอีก เพราะในเนื้อความไม่ได้บอกอะไรเลยนอกจาก...

     

     

    อันยอง

     

     

    สวัสดีเนี่ยนะ ?

     

     

    จุนมยอนไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าการที่อีกฝ่ายคงส่งมาผิดเบอร์ แต่แล้วจู่ๆอีกความคิดก็แทรกขึ้นมา แล้วถ้าฝ่ายนั้นส่งมาถูกล่ะ การทำแบบนี้หมายความว่ายังไงกัน

     

     

    ว่าแล้วก็ส่งกลับไปถามซักหน่อยดีกว่า...

     

     

    “ส่งผิดหรือเปล่าครับ?” เสียงหวานพึมพำ เขากำลังพิมพ์ข้อความลงไปตามอย่างที่ปากพรั่งพรู แล้วก็คิดว่าส่งไปถามแค่นี้ก็คงจะพอแล้วมั้ง

     

     

     

    จุนมยอนวางโทรศัพท์ไว้ตรงหน้าด้วยใจระทึก เขาไม่รู้ว่าหัวใจจะเต้นแรงขนาดนี้ทำไม รู้แต่ว่าตอนนี้เขาไม่สามารถเอาใจไปจดจ่ออยู่กับเทนส์ภาษาอังกฤษอย่างที่สมควรจะทำได้อีกแล้ว

     

     

     

    ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นโทรศัพท์ของเขาก็สั่นด้วยสัญญาณเตือนสั้นๆ และมันก็ทำให้จุนมยอนรับรู้ได้ทันทีว่านั่นคือข้อความ

     

     

    มือบางรีบหยิบมนขึ้นมา จนเริ่มไม่แน่ใจตัวเองว่าก่อนหน้านี้เขาจะวางมันไว้ทำไมก็ไม่รู้ ในเมื่อจดจ่อรอคอยมันเสียขนาดนี้

     

     

    ครั้งนี้พอเปิดข้อความอ่านจริงๆ จุนมยอนก็รู้สึกร้อนๆขึ้นมาที่บริเวณใบหน้าทันที

     

     

    นายใช่แฟนฉันหรือเปล่าล่ะ ถ้าใช่ ...ก็ไม่ได้ส่งผิดคนหรอก

     

     

    บ...บ้า!

     

     

    แฟนเฟินอะไรกัน ...จุนมยอนอาจจะหน้าแดงเถือกเป็นลูกตำลึงอยู่ตอนนี้ เจ้าตัวถึงได้มุดหน้าลงกับมือถือกลัวว่าใครจะเห็น

     

     

    ตายจริง ...จุนมยอน นายอยู่คนเดียวนะใครเขาจะเห็นกันล่ะ

     

     

    นี่ถ้าแบคฮยอนนั่งอยู่ตรงนี้จะต้องล้อเขาตายแหง

     

     

    เขาแอบคิดไปแล้วว่าเจ้าของข้อความพวกนี้คือ ...คริส จุนมยอนจำเรื่องราวเมื่อตอนกลางวันได้ รวมทั้งฝังใจไปแล้วว่าคริสบอกกับเขาในตอนนั้นอย่างไร และการที่คริสพูดแบบนั้นก็คงจะตีความหมายอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากว่าฝ่ายนั้นมีเบอร์ของเขา

     

     

    เหตุการณ์ตอนนี้มันประจวบเหมาะ ที่มีหนึ่งเบอร์แปลกๆส่งข้อความเข้ามา แล้วไหนจะข้อความที่ถ้าตีความหมายเข้าข้างตัวเองก็ค่อนข้างชัดเจนว่าเจ้าของตัวอักษรพวกนั้นก็น่าจะเป็นคริส

     

     

    จุนมยอนก็ไม่ได้อยากจะเข้าข้างตัวเองขนาดนั้นหรอกนะ แต่เพราะว่าในหัวของเขามันมีแต่เรื่องของคนคนนั้นต่างหาก มันก็เลยพาลทำให้นึกออกได้แค่เรื่องเดียว ในตอนนี้ใบหน้าก็เลยร้อนผ่าวๆ แล้วยิ่งในส่วนของก้อนเนื้อขนาดเท่ากำปั้นที่อยู่ภายในอกนี่คงไม่ต้องพูดถึงมันเต้นตึกจนเขาไม่แน่ใจว่ามันจะใช่หัวใจก้อนเดียวก้อนเดิมกับที่อยู่กับเขามาตลอดในช่วงชีวิตที่ผ่านแน่หรือเปล่า

     

     

    เม้มริมฝีปากอย่างสะท้านอาย ทันทีที่ลิ้นรับรสจุนมยอนก็ยังสามารถรู้สึกได้ว่ารสจูบที่ฝ่ายนั้นได้ฝากเอาไว้ให้มันยังคงตราตรึงและก็เชื่อแน่ว่าไม่ว่าจะผ่านไปอีกเนิ่นนานเท่าไรเขาก็คงจะไม่มีวันลบลืมมันได้แน่เช่นกัน

     

     

    เขาควรตอบ ...หรือไม่ตอบกลับไปดี...?

     

     

    มาถึงขั้นนี้แล้ว ...แม้จะกลัวๆกล้าๆแต่จุนมยอนก็อยากจะลองเสี่ยงดู มันคงดีกว่าที่ปล่อยทิ้งเอาไว้ให้มันตุ๊มๆต่อมๆในหัวใจอยู่แบบนี้ เพราะถ้ามันจะตายเขาก็อยากจะตายไปทีเดียวเลยให้รู้แล้วรู้กันไปเลย

     

     

    เอาน่ะ ...

     

     

    ว่าแล้วก็กดตอบข้อความที่อ่านค้างเอาไว้ แต่พิมพ์ไปได้ไม่เท่าไรก็ลบ ...ลังเลใจอยู่อย่างนั้นนานนับหลายนาที จนในที่สุดฝ่ายตรงข้ามอาจจะอดรนทนไมไหว ถึงกลับส่งข้อความซ้ำมาอีกครั้ง และโทรศัพท์ที่สั่นในมือก็ทำให้จุนมยอนตกใจจนถึงขั้นแทบจะโยนมันทิ้งไป

     

     

    จากที่เคยขวัญอ่อนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว วินาทีนี้เจออะไรสะกิดนิดสะกิดหน่อยเขาก็พร้อมใจที่จะหงายท้องตึงได้ทุกเมื่อ

     

     

     

    สูดหายใจเข้าลึกๆทำใจดีสู้เสือ แต่หลังจากที่กดเปิดข้อความเขาก็ดันหลับตาปี๋ จุนมยอนอยู่ในท่าทางที่สองมือกำโทรศัพท์แน่นสองตาปิดปี๋ไปสักระยะใหญ่ๆ กว่าจะเปิดเปลือกตาขึ้นได้ก็หลังจากที่บังคับลมหายใจให้ผ่อนเข้าออกได้เบาลงหน่อย

     

     

    ว่าแต่ ...คุณแฟนชื่ออะไรเหรอครับ?

     

     

    จุนมยอนน้ำตาแทบไหล เขาจะร้องไห้จริงๆแล้วนะ

     

     

     

    ไม่รู้ว่าจะใช่คริสจริงๆหรือเปล่า แต่ถึงจะใช่หรือไม่ใช่ในตอนนี้มันก็ไม่เป็นผลดีต่อทั้งตัวและหัวใจของเขาเลยไง ไม่ว่าจะใครก็ตามที่คิดแกล้งหรือจงใจทำอะไรกับเขาแบบนี้ก็ขอให้เลิกเถอะ

     

     

    จุนมยอนไม่ไหวจริงๆ

     

     

     

    เสี้ยววินาทีก็ก็กดตัวเลขบางปุ่มพร้อมทั้งกดโทรออกไปในทันที

     

     

    เสียงสัญญาณที่ดังขึ้นตามปกติหนึ่งครั้งก็แล้วสองครั้งก็แล้วทำให้จุนมยอนร้อนใจได้อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แต่แค่เพียงแค่สามตู๊ดเท่านั้นก่อนฝ่ายที่เขาจงใจโทรไปหาจะกดรับ มันกลับทำให้จุนมยอนรู้สึกว่ามันนานเกินไปได้เสียนี่

     

     

    “เบค่อนอ่า”

     

     

     

    “ฮื้ออออออ” เสียงงุ้งงิ้งครวญครางกรอกผ่านเครื่องมือสื่อสารไป จุนมยอนแทบจะเอาตัวเองลงไปขดตัวอยู่ใต้โต๊ะด้วยซ้ำ

     

     

    “นายให้เบอร์เขาไปใช่มั้ย ...? ให้ไปใช่มั้ย ฮือออออ” ในที่สุดน้ำตาของเขาก็ร่วงหยดลงมาจริงๆ จุนมยอนยกแขนขึ้นปาดน้ำตา ก่อนจะพูดตอบกลับเพื่อนไปด้วยน้ำเสียงฟืดฟาดเป็นอาการแสดงออกไปอย่างหนึ่งเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ว่าเขาร้องไห้แล้ว

     

     

    “คริสไง...”

     

     

     

    “ม่ายยยย ไม่ได้โทรมาแต่มาเป็นข้อความ แต่ฉันยังไม่รู้เลยว่าใช่จริงๆหรือเปล่าแต่คิดว่าน่าจะใช่จุนมยอนรับฟังน้ำเสียงซักไซ้ของแบคฮยอนแล้วก็อดที่จะเบะปากใส่ไม่ได้

     

     

    “เอ้อๆๆ....เล่าก็ได้ ก็เจอกับเขาตั้งแต่ช่วงบ่ายๆแล้วอ่ะ อยู่ๆคริสก็บอกว่าจะโทรหาฉัน แล้วยังไงล่ะเบค่อน ...เขาจะไปเอาเบอร์ฉันมาจากไหนโดยที่ความจริงก็ไม่ได้นึกอยากได้ซะหน่อยนอกจากนายจะเป็นคนยัดใส่มือเขาไปน่ะ”

     

     

     

    “โอ๊ยยย ฉันอยากได้คนช่วยนะไม่ใช่มาซ้ำเติมกัน ไม่คุยกับนายแล่ว”

     

     

     

    งอน...

     

     

    แล้วก็ดันกดสายตัวช่วยเพียงหนึ่งเดียวทิ้งไปแล้วจริงๆ

     

     

     

    เอาวะ ...

     

     

    ขอแน่ใจหน่อยแล้วกันว่าใช่คริสจริงๆหรือเปล่า...

     

     

     

    จุนมยอนจะได้รู้ว่าถึงเวลาที่ควรจะฝังตัวเองได้แล้วหรือยัง...?

     

     

     

    ไม่ใช่นะ ...ผมยังไม่มีแฟนซะหน่อย คุณอย่ามาขี้ตู่

     

     

     

    จุนมยอนทวนข้อความที่มือตัวเองพิมพ์ในใจและก็คิดว่ามันคงไม่ได้ดูง๊องแง๊งก่อนไปหรอกเนอะ ตัดสินใจได้ภายในเสี้ยววินาทีก็ส่งโต้ตอบกลับไปเลย

     

     

    รอเพียงไม่นานโทรศัพท์ก็สั่นงือขึ้นมาในมือ

     

     

    มีสิ ก็นายน่ะแฟนฉัน

     

     

    ไม่ใครก็ใครเถอะ เจอประโยคแบบนี้เข้าไปแม้จะไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งก็คงจะเขินจนแทบแทรกแผ่นดินเหมือนแหละ

     

     

     

    ในขณะที่ปล่อยตัวปล่อยใจลอยคว้างไปกับสิ่งที่ปรากฏ โทรศัพท์ของเขาก็สั่นติดต่อกันหลายครั้ง จุนมยอนไม่ได้เปิดดูในทันทีรอจนกว่าแน่ใจว่ามันคงจะไม่มีอะไรส่งเขามาอีก

     

     

    เราจูบกันไปแล้ว

     

     

     

    ปฏิเสธไม่ได้แล้วสินะว่าไม่ใช่คริส

     

     

     

    อีกอย่างฉันก็รับปากเพื่อนนายไปแล้วด้วย

     

     

     

    แล้วไง ...จะบอกว่าต้องรับผิดชอบคำพูดของตัวเองเหรอ

     

     

    อย่าเลย ...เพราะไม่ว่าสิ่งที่คริสทำจะจริงจังหรือไม่สุดท้ายมันก็ทำร้ายเขาให้ต้องเป็นบ้าตายอยู่ดี

     

     

     

    เริ่มต้นมันอาจจะดูแปลกไปสักหน่อย

     

     

     

    จุนมยอนไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงไม่ยอมพิมพ์รวบยอดให้มันเป็นข้อความเดียวกันไปเลย ตอนนี้เขาลุ้นจนแทบจะหายใจไม่ทันแล้วนะ แล้วยิ่งในตอนที่ได้อ่านข้อความถัดมา ก็ทำให้เยายิ่งรู้สึกว่าอยากจะทำให้ปาดคอคนตัวสูงกว่ายิ่งนัก

     

     

     

    แต่....

     

     

     

    ฮือออ ....แค่นี้ก็ยังจะส่งมานี่นะ

     

     

     

    ถ้าเราช่วยกันความสัมพันธ์ของเราก็น่าจะไปได้สวย

     

     

     

    ช่วยอะไร....

     

     

    จะให้ช่วยอะไรล่ะ...

     

     

     

     

    เหลือเพียงหนึ่งข้อความที่ยังไม่ได้อ่าน เพราะแบบนี้ก็เลยทำให้จุนมยอนชั่งใจอยู่นานกว่าจะทำใจจนสุดท้ายก็ยอมเปิดอ่านมัน

     

     

     

    ตัวเล็ก ก่อนอื่นคงต้องบอกชื่อมาก่อน เพราะไม่งั้นฉันคงได้เรียกนายว่าตัวเล็กตลอดไปเลยแน่ๆ

     

     

     

     

    คิมจุนมยอนตัวแข็งทื่อ เพราะว่ามันเป็นคำถามที่รอคำตอบสินะ ฝ่ายคริสถึงได้เงียบไปเลยแบบนี้ ทว่าสำหรับเจ้าตัวเล็กแล้ว เพียงแค่คำเดียวว่า ตัวเล็กมันก็ทำให้เขาระเบิดบึ้มได้เลยล่ะ

     

     

    ฮื้ออออออ

     

     

    เอาไงดี...

     

     

    มือไม้มันสั่นไปหมด คือไม่ว่าจะตัดสินใจไปทางไหนมันก็ดูเป็นทางที่เลวร้ายสำหรับเขาทั้งนั้น ยิ่งถ้าทำเป็นมองไม่เห็น ไม่ตอบเลยอีกฝ่ายจะหาว่าเขารังเกียจหรือเปล่า บอกตามตรงว่าเขาไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยนะตรงกันข้ามเลยล่ะสิไม่ว่า...

     

     

    หรือถ้าตอบ...

     

     

    อย่างจุนมยอนคนซื่อตรงก็คงจะตอบในรูปแบบเดียวคือ...

     

     

     

    จุนมยอน

     

     

     

    กดส่งข้อความไปแล้ว ...คิมจุนมยอนได้ตอบกลับไปแล้วจริงๆ สิ้นสุดแค่นั้นคนตัวเล็กก็กดปิดโทรศัพท์หนีไปเลยทันที เขาวิ่งไปที่เตียงเอาหน้าคว่ำลงไปกับหมอนก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงทั้งที่ยังไม่ได้ถอดสลิปเปอร์ออกจากเท้าด้วยซ้ำ

     

     

     

    เขาตัวเล็กมานานเท่าไรแล้วนะ

     

     

     

     

    เขาเคยอ่านเจอในหนังสือว่าถ้าเราแอบชอบใครสักคนตัวเราก็จะเล็กมากๆ แต่ในทิศทางตรงกันข้ามสำหรับคนที่เราไปชอบเขานั้นก็จะตัวโตขึ้นเรื่อยๆ

     

     

     

     

    จุนมยอนรู้สึกแบบนั้นมาตลอดตั้งแต่เริ่มต้นแอบมองคริส  เขารู้สึกว่าตัวเขาเล็กลงเรื่อยๆ

     

     

     

    เรื่อยๆ

     

     

     

    และ...

     

     

     

    เรื่อยๆ

     

     

     

     

    ยิ่งในตอนนี้เขายิ่งแทบไม่รู้ว่าตัวเองมีตัวตนในตอนที่ตัวเองมองเห็นแต่คริสเต็มหัวใจ

     

     

     

     

    นี่เขาชอบอีกฝ่ายมากถึงขนาดนี้เชียวเหรอ...?

     

     

     

    TBC…

     

    --------------------------

     

    มาต่อแล้น ...รู้สึกว่าไม่เคยยาวได้ใจรวมทั้งเนื้อเรื่องยังกระดึ๊บๆ

    แง่ววว จะได้อยู่ตามกันนานๆไง ก๊ากกกก

    จุนมยอนไปชอบพระเอกเราได้ยังไงก็ยังเป็นปริศนาเน้อ

    บางทีคนเรามันก็รู้แค่ว่าชอบไม่ชอบแค่นั้นอ่ะ 555555 (จะสื่ออะไร)

    ง่วงมาก ไปก่อนร้าวว~

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×