คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
เเสงจันทร์ส่องกระทบผืนมหาสมุทร ส่องประกายระยิบระยับสู้เเสงจากเเท่งหินที่ประดับอยู่ทั่วทั้งเมือง เผยให้เห็นสถาปัตยกรรมที่เเม้จะไม่ใช่เเนวเดียวกันเเต่กลับลงตัวอย่างน่าประหลาด
เเม้เวลาจะล่วงเลยจนดึกดื่น ผู้คนก็ยังเดินกันขวักไขว่เต็มริมหาด ร้านค้าร้านอาหารยังคงเปิดทำการเต็มสองฝั่งทางเดิน
“เชิญเลยจ้า หมึกย่างอร่อยๆ ย่างสดๆเลยจ้า!”
“เครื่องดื่มเย็นๆครับ เครื่องดื่มเย็นๆ เฮ้ พี่ชายรับเครื่องดื่มหน่อยมั้ย ทางร้านมีที่ให้พี่ชายกับคุณเเฟนด้วยนะ มีนักร้องร้องเพลงเพราะๆให้ฟัง เอ้า จะรีบไปไหนละพี่!”
เสียงพ่อค้าเเม่ขายเเข่งกันร้องเรียกเหล่าหญิงชายให้มาดูสินค้าเเละบริกาาของตนเซ็งเเซ่
ผู้คนต่างพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
เเต่ขณะเดียวกัน ภายในมุมมืดของตัวอาคารห่างจากโซนหาด
ชายวัยกลางคนในสภาพสะบักสะบอมปักดาบลงพื้นค้ำยันตนเอง สายตาจับจ้องไปยังกลุ่มคนนับสิบที่กำลังใช้ท่อนเหล็กฟาดใส่หลังพรรคพวกของเขาอย่างไร้ปราณี
“พวกเเก...ไม่รู้หรือไงว่ากำลังเล่นกับใคร” เขากัดฟันพูดด้วยความเจ็บใจที่ไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือพวกพ้องที่กำลังกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
หนึ่งในนั้นชะงักมือ หันมามองเขาด้วยสายตาเอาเรื่อง
“ถ้าหมายถึงไอ้ตระกูลที่เเกภูมิใจนักหนานั่นละก็...” มันถุยบุหรี่ลงพื้น ชี้ท่อนเหล็กที่มีเลือดสดๆเปื้อนมาทางเขา
ไอประหลาดคล้ายควันสีม่วงขุ่นค่อยๆเเผ่ออกมาจากใต้ผ้าคลุมห่อหุ้มท่อนเหล็ก เห็นดังนั้นเขาจึงต้องรีบตั้งดาบขึ้นมาในท่าเตรียมพร้อม
“ไอ้พวกขี้ข้ารองตีนกษัตริย์จอมปลอม มีอะไรที่พวกข้าต้องกลัวเล่า!” มันกระทืบเท้าพุ่งตรงมาหาเขา ชายวัยกลางคนรีบเหวี่ยงดาบออกไปอย่างร้อนรน เเต่ทันทีที่คมดาบกระทบท่อนเหล็ก ดาบในมือก็พลันเเตกกระจายทันที ก่อน มือหยาบกร้านจะพุ่งคว้าศีรษะของเขากระเเทกลงพื้นดังตึง!
“อ้าก!”
“จุ๊ๆ น่าเสียดาย เเกไม่มีโอกาสได้เห็น ว่าตระกูลที่เเกเทิดทูนจะถูกพวกข้าเผาให้วอดยังไง ฮ่าฮ่าฮ่า!” มันกระชากหัวเขาขึ้นมา บังคับให้มองดูเหล่าพรรคพวกถูกท่อนเหล็กฟาดไปมาจนเเขนขาผิดรูป เสียงร้องโหยหวนดังก้องไปทั้งตรอกปนเสียงหัวเราะอันน่ารังเกียจของพวกคนโฉด
ชายกลางคนขบฟันดังกรอด น้ำตาที่ไม่ควรไหลออกมาจากดวงตาบุรุษกำลังอาบเเก้ม ก่อนน้ำใสๆจะค่อยๆเเปรเปลี่ยนเป็นสีเเดงเข้มเหมือนเส้นเลือดในดวงตาทั้งสองข้างที่กำลังปูดโปนอย่างน่าขนลุก
“ไอ้พวกหมาข้างถนน พวกเเกมันเเค่เเมลงในหลืบที่รอวันท่านสิงหราชจะจับพวกเจ้าถลกหนังเเล้วสับเป็นชิ้นๆเท่านั้น วิญญาณของพวกเเกจะถูกไฟนรกของท่านสิงหราชเเผดเผาไม่เหลือเเม้เเต่เถ้า!!!” เขาคำรามออกไปอย่างเดือดดาล เเต่มันกลับผิวปากออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน ก่อนจะเรียกพวกของมันมาล็อกร่างของชายที่กำลังบ้าคลั่งให้ลุกขึ้น
ไอประหลาดเเผ่ปกคลุมท่อนเหล็กอีกครั้ง เเต่ครั้งนี้มันเเปรสภาพท่อนเหล็กให้กลายเป็นหอกเรืองเเสง
มันเเสยะยิ้ม ราวกับรอยยิ้มของปีศาจร้ายจากนรก
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะส่งมันตามไปเร็วๆนี้”
ฉึก!!!
.....
ปัง!
ชายร่างใหญ่บึกบึนอย่างกับกอริลล่าผลักประตูไม้ กระทืบเท้าเข้ามาในห้องด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
“นี่มันรอบที่ห้าเเล้วนะครับ!!!” ชายคนนั้นตบโต๊ะเสียงดังจนคิดว่าโต๊ะไม้สลักอย่างดีจะเเหลกคามือเขาไปเเล้ว
“ขอเพียงท่านสั่งมาคำเดียว ขอเวลาเพียงสามวัน ข้าจะพามันมาคุกเข่าต่อหน้าท่านโดยไม่มีเเขนขาเลยคอยดู!”
“สงบสติอารมณ์ก่อนเถิดท่านทองคำ” ชายหนุ่มท่าทางสุภาพก้าวเท้าออกมาจากมุมมืด ใบหน้าอ่อนเยาว์เเต่ดวงตาคมกริบดุจพญาเหยี่ยวทำทองคำรู้สึกเกรงๆชายผู้นี้อยู่
“พวกเราทำอย่างงั้นได้ที่ไหนกันครับ” สิตาถอนหายใจบอก เเต่เพลิงอารมณ์ของทองคำยังคงคุกรุ่น
“พวกมันเป็นฝ่ายหาเรื่องก่อนนะ จะปล่อยให้พวกมันเข่นฆ่าคนของเราไปอย่างนี้เหรอ!!!”
สิตาถอนหายใจ เขาก็เห็นด้วยที่ว่าควรรีบกำจัดปัญหาเเต่เรื่องนี้ควรไตร่ตรองให้รอบคอบ ไม่งั้นผลที่ตามมาอาจจะร้ายเเรงกว่าก็ได้
”พวกมันลงมือรวดเร็วไม่เหลือร่องรอยหลักฐานอะไรเลย ท่านก็รู้ดีนี่หากทำอะไรโดยพลการ ผลจะเป็นเช่นไร”
“ก็ไปล่าตัวพวกมันมาทรมาณให้พวกมันสารภาพก็ได้นี่!!!”
“พอเเล้ว” เสียงทรงอำนาจดังขึ้นสยบทั้งสองได้ฉงัด
เก้าอี้หลังโต๊ะค่อยๆหมุนหันมาหาทั้งสอง เเสงจากดวงจันทร์ลอดผ่านหน้าต่างกระทบเรือนผมสีบลอนด์ยาวไปถึงกลางหลัง ดวงตาเรียวดุกวาดมองผู้ใต้อาณัติ ส่งความรู้สึกน่าหวั่นเกรงเเละน่าเคารพในเวลาเดียวกัน
ช่างสมกับนามสิงหราช ผู้ปกครอง
สิงหราชหยิบสิ่งที่ทองคำวาง(?)บนโต๊ะขึ้นมาดูอย่างใจเย็น มันคือเหรียญทองคำที่สลักลวดลายพระอาทิตย์อันเป็นเครื่องหมายของตระกูล ซึ่งเขาจะมอบให้กับทุกคนด้วยมือของเขาเอง
สิงหราชพยายามใช้นิ้วเช็ดเลือดที่เปรอะอยู่บนเหรียญ เเต่ก็เปล่าประโยชน์
“ช่างเป็นคนที่กล้าหาญนัก” สิงหราชพึมพำกับตนเองหรือไม่ก็อยากให้เจ้าของเหรียญได้ยิน
ทั้งห้องตกสู่ความเงียบครู่นึง ก่อนเหรียญในมือชายผมบลอนด์จะถูกโยนลงลิ้นชัก ซึ่งมีเหรียญเปื้อนเลือดลักษณะเดียวกันมากมาย
“หากเราลงมือกันเอง ท่านเจ้าเมืองคงไม่วายหาเรื่องทำลายเราเเน่” สิงหราชว่าเสียงเรียบ
“ไม่ต้องพูดถึงไอ้พวกที่รอชุบมือเปิบ เมืองท่าเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญหากเรื่องนี้หลุดออกไป พวกมันไม่รีรอที่จะเปิดสงครามเเน่”
สิตาเเละทองคำคิดตาม เมืองท่าเเห่งนี้เป็นจุดที่ต่างอาณาจักรเข้ามาติดต่อค้าขาย เเน่นอนว่าเงินทองเเพร่สะพัด ไม่ว่าใครก็อยากรวยไม่รู้เรื่องกันทั้งนั้น
“ถ้าอย่างนั้นเราควรทำยังไงครับ!” ทองคำเอ่ยถาม สิงหราชไม่ได้ตอบคำถามเเต่กลับเริ่มออกคำสั่ง
“ถึงเวลาเเล้ว ไปพาตัวเจ้านั่นมา” เเม้จะไม่ได้หันไปมองเเต่สิตาก็รู้ตัวว่านั่นเป็นคำสั่งถึงเขา เพียงเเต่คำสั่งนั้นทำเขาตกใจอยู่เล็กน้อย
“ท่านสิงหราช ท่านหมายถึง...”
สิงหราชประสานมือเบื้องหน้า ปกปิดรอยยิ้มเเสยะ โชว์เขี้ยวขาวนวล
“ให้สัตว์ร้ายมันกัดกินกันเอง”
.....
คลื่นน้ำมหึมาผสานกับคลื่นลมกรรโชกโหมกระหน่ำราวกับต้องการซัดให้เรือสำเภาลำโตที่ลอยโดดเดี่ยวอยู่กลางทะเลอัปปางลงให้ได้
เสียงไม้ลั่นเอี๊ยดอ้าดทำทองคำเสียววาบขณะพยายามเกาะเสากระโดงเรือไม่ให้โดนพัดตกน้ำไปเสียก่อน
“ทำไมข้าต้องมากับเจ้าด้วยเนี่ย!!??” เขาส่งเสียงโหวกเหวก เเม้ร่างกายจะใหญ่โตเเต่เขาว่ายน้ำไม่เป็นนะเฮ้ย!
สิตาหน้าเครียด เดินเอนไปมาสู้กับเรือที่โครงเครงไม่หยุดไปยังหัวเรือ พยายามเพ่งสายตามองฝ่าสายฝนไปยังเงาที่ลักษณะคล้ายเกาะเบื้องหน้า
“นายท่าน! หากเข้าไปใกล้กว่านี้เรือต้องเเตกเเน่ขอรับ พายุที่ล้อมเกาะมันรุนเเรงเกินไป!!” กัปตันเรือตะโกนบอกขณะพยายามใช้ประสบการณ์เเละความสามารถทั้งชีวิตประคองเรือให้เเล่นตามคลื่นไปยังจุดหมาย
ไม่ต้องบอกสิตาก็พอรู้ เเม้ไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องเรือเเต่ฟังจากเสียงไม้ที่ลั่นระงมสู้กับเสียงลมพายุ ก็บอกได้ว่าเรือคงทนได้ไม่นานนัก
เเต่เมื่อได้รับคำสั่งมาเเล้ว เลขาข้างกายท่านผู้นำอย่างเขาก็จะถอยไม่ได้
ไอประหลาดคล้ายหมอกควันสีเเดงส้มเเผ่ออกมาจากมือสิตา เขายื่นเเขนทั้งสอฃออกไปด้านหน้าทันใดนั้นไอเหล่านั้นก็พุ่งออกไปนอกหัวเรือราวห้าเมตรก่อนจะเเผ่ขยายห่อหุ้มเรือทั้งลำ ป้องกันลมเเละคลื่นไว้
“เราจะไปกันต่อ!” สิตาตะโกนบอก กัปตันเห็นดังนั้นก็ทำหน้าไม่พอใจบ่นออกมาเสียงดังอย่างต้องการให้ทองคำเเละสิตาได้ยิน
“ชิ เพราะรับไอ้พวกสาวกขึ้นเรือมาสินะ ดินฟ้าถึงปั่นป่วนเช่นนี้”
สิตาที่หูดีกว่าคนปกติได้ฟังก็ถอนหายใจก่อนจะตั้งหน้าประคองเกราะเพลิงให้อยู่
ทองคำเห็นเช่นนั้นก็คิดว่าตัวเองไม่ควรอยู่เฉยรีบวิ่งลงไปใต้ท้องเรือกระชากฝีพายออกเเล้วเข้าไปนั่งเเทนที่
“พายให้มันเเข็งเเรงหน่อยไอ้พวกสันหลังยาว! ใครกล้าอู้ต่อหน้าข้า ข้าจะจับโยนเป็นอาหารปลาให้หมด เอ้า พาย!!!!”
“ฮู้ว!” เหล่าฝีพายตอบรับอย่างเเข็งขัน เเละในที่สุด ด้วยความช่วยเหลือของสิตาเเละทองคำ กัปตันก็สามารถควบคุมเรือฝ่ามรสุมออกมาได้ เเม้จะหอบเเฮ่กๆกันทุกฝ่ายก็ตาม
เเต่สิตาก็ยังไม่สลายเกราะออก เมื่อเขามองเห็นจุดหมายเลือนรางเบื้องหน้า
เกาะทมิฬ เกาะร้างห่างไกลจากเเผ่นดินใหญ่ เป็นทางผ่านของลมมรสุมจึงมีสภาพอากาศที่เลวร้ายตลอดทั้งปี อีกทั้งยังมีพายุน้ำที่ก่อตัวขึ้นรายล้อม จึงยากมากต่อการเข้าออก ที่นี่จึงถูกใช้เป็นที่คุมขังนักโทษที่ทางการตัดสินว่าเป็นภัยต่ออาณาจักรเเละไม่สามารถควบคุมได้
ความคิดเห็น