ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สุริยาลัย : ปฐมบท

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 8 ธ.ค. 66



         หนึ่งพันปีก่อน มหาสงครามระหว่างเทพเจ้าผลาญทำลายโลกที่เคยสงบสุขจนย่อยยับ
    พลังอันมหาศาล เมื่อปะทะกัน กวาดล้างทุกเผ่าพันธ์ที่อ่อนเเอบนโลกจนเเทบจะสูญสิ้น
         จนกระทั่ง...
         มนุษย์ผู้หาญกล้า ได้ปลุกระดมประชาชนลุกขึ้นตอบโต้ เเม้จะอ่อนเเอ ไม่ได้มีพลังมหาศาลดังเช่นเหล่าเทพ
         เขานำกองทัพมุ่งเข้าสู่มหาสงครามอันสิ้นหวังด้วยจิตใจที่ต้องการปกป้องมาตุภูมิอย่างเเรงกล้า ในที่สุด เหล่าเทพก็ถูกขับไล่ไปยังมิติอื่น

         ทุกชีวิตต่างสรรเสริญวีรกรรมอันกล้าหาญของมนุษย์ผู้นั้นเเละสถาปนาเขาเป็นปฐมกษัตริย์เเห่งอาณาจักรสุวรรณภพ พระเจ้าสุวรรณบุตรที่ 1

         เชื้อสายของเขายังคงทำหน้าที่ปกครองอาณาจักรมาจนถึงปัจจุบัน
         นั่นคือตำนานที่คนทั่วไปรับรู้กัน...

         “ท่านเหนือสมุทร” เสียงเรียกปลุกชายหนุ่มให้ตื่นจากภวังค์ เขาละสายตาจากทิวทัศน์ของผืนน้ำกว้างใหญ่ไพศาล หันมามองชายสวมเเว่นหน้าตาเคร่งขรึมไร้อารมณ์ ด้านข้างมีชายวัยกลางคนร่างใหญ่กำยำ หนวดเคราถูกตัดเเต่งอย่างเรียบร้อยทำหน้าบึ้งตึงอยู่

         ชายชื่อเหนือสมุทรยกมือสางผมที่ถูกตัดจนไม่ดูรุงรังเหมือนเเต่ก่อน ดวงตาสีดำสนิทดุจท้องฟ้ายามกลางคืนมองผ่านไหล่ทั้งสองไปยังหัวเรือ เบื้องหน้าคือเเผ่นดินขนาดใหญ่ที่มีอาคารบ้านเรือนเต็มไปหมด ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

         “อยากให้เรือล่มจังนะ”
         “อย่าทำอย่างนั้นเชียวนะไอ้หนู!!!” ทองคำตะโกนออกมาเสียงดัง โชคดีที่สิตารู้ทันจึงยกมืออุดหูรอไว้ก่อน ส่วนเหนือสมุทรนั้นใช้สัญชาตญาณยกมืออุดหูได้หวุดหวิด
         “ถ้าเกิดทำอย่างนั้นทองคำผู้นี้จะทำทุกอย่างเพื่อหยุดยั้งเเก!!!”
         “เเกนี่น่ารำคาญเป็นบ้าเลยว่ะ” ว่าเเล้วก็เเจกมะเหงกใส่คนตัวใหญ่ไปหนึ่งที
         “เจ็บนะไอ้หนู!!!”
         “ก็เขกให้เจ็บไงวะ ลืมเอาที่อุดปากมาหรือไงโคตรน่ารำคาญ” บ่นเสร็จเจ้าตัวก็เดินผ่านทั้งสองไปยังหัวเรือโดยไม่สนใจเสียงโหวกเหวกของทองคำ
         “ถึงจะอยากทำ เเต่ถ้าพวกเเกสองคนมาขวาง ฉันก็สู้ไม่ได้หรอกน่า” สิตาได้ยินดังนั้นก็เลิกคิ้วสงสัยมองทองคำที่กำลังโอดโอยกับหัวที่ปูดออกมา
         “ท่านทองคำ...เจ็บงั้นเหรอครับ?”
         “ก็เจ็บสิวะถามได้ หนอย ไอ้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม!!!”
         “งั้นเหรอครับ” สิตาเอามือกุมคางใช้ความคิดก่อนจะยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย “น่าเเปลกเสียจริง” ว่าเเล้วเขาก็เดินตามเหนือสมุทรไป ทิ้งตาลุงร่างยักษ์นั่งน้ำตาตกอยู่คนเดียว

         อาณาจักรสุวรรณภพ เมืองใหญ่อันดับสามของโลก ด้วยอาณาเขตที่กว้างขวางอีกทั้งยังมีพื้นที่อุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลาในนามีข้าว อีกทั้งยังมีพื้นที่ติดทะเลสามารถติดต่อค้าขายกับอาณาจักรอื่นๆ เกิดเป็นเมืองท่า เมืองอิสระที่เปิดต้อนรับชาวต่างเมืองเข้ามาค้าขาย จุดเด่นคือความหลากหลายของเมือง สินค้า ภาษาและเชื้อชาติ เป็นเมืองที่คึกคักทีเดียว

         “นี่ๆพ่อหนุ่ม สนใจปลาจากทะเลไข่มุกดำมั้ย ข้าจับเองกับมือเลยนะ!”

         “ดาบลีๆ ดาบลีๆ ซ่งตงจากแผ่งดิงอั๊วเอง มังกรสาหวันเลยนา”

         “ผ้าสวยๆจ๊ะนายจ๋า เหมาะกับอากาศร้อนๆเลยนะนายจ๋า” พ่อค้าแม่ขายร้องเรียกลูกค้าดังเซ็งแซ่เต็มสองข้างทาง ถือเป็นเมืองที่คึกคักต่างจากเกาะทมิฬลิบลับ

    ทันทีที่เท้าเหนือสมุทรสัมผัสพื้นเมืองท่า กลุ่มชายฉกรรจ์นับสิบในชุดสูทสีดำก็เข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังเขาทันที

         “เเกร๊ก”

         “ขออภัยด้วยครับท่านเหนือสมุทร” สิตาบอกขณะใส่กุญเเจมือเขา เหนือสมุทรเห็นอย่างนั้นก็เเสยะยิ้มออกมา
         “ฉันเป็นนักโทษนี่นะ”
         สิตาค้อมหัวให้เขาทีนึงก่อนจะเดินไปหาชายฉกรรจ์ด้านหน้า
         “ท่านสิตา” ทั้งหมดยกมือประทับที่บริเวณหัวใจเป็นการทำความเคารพ “ท่านสิงหราชรออยู่ครับ”
         สิตาพยักหน้ารับรู้ก่อนจะหันมาพยักหน้าอีกครั้งให้ทองคำจูงโซ่พาเหนือสมุทรเดินตามพวกเขาไป
         “ถ้าเเกคิดจะจูงฉันเหมือนหมาได้กินมะเหงกอีกสักลูกเเน่”
         “ฮ่าฮ่าฮ่า กุญเเจมือนั่นมีอาคมผนึกพลังเทพเจ้าไว้ ถ้าเเกไม่ใช่ระดับอาณาจักรเทพอย่าเปลืองเเรงขัดขืนดีกว่าไอ้หนู ฮ่าฮ่าฮ่า!!!”
         “ชิ” เหนือสมุทรสบถอย่างไม่พอใจเเต่ก็ยอมเดินตามไปโดยไม่คิดขัดขืน
         ถัดจากเมืองอันเเสนวุ่นวายไปไม่ไกล ชายชุดดำพาทั้งสามมายังอาคารทรงประหลาดริมชายหาด ห่างไกลผู้คน พวกเขานำทางเข้าไปจนขึ้นมายังชั้นบนสุดของอาคาร
         “ท่านสิงหราช กระผมพาท่านสิตา ท่านทองคำเเละนักโทษมาเเล้วครับ” ชายที่คาดว่าเป็นหัวหน้าเคาะประตูบอกก่อนจะมีเสียงดังออกมาจากด้านใน
         “เข้ามา” ทันใดนั้นประตูก็เปิดออกโดยอัตโนมัติ กลุ่มชายฉกรรจ์หันหลังอย่างพร้อมเพรียงก่อนจะเดินจากไปอย่างมีระเบียบ
         “ขอบใจที่เหนื่อยนะ” เหนือสมุทรพูดกลั้วหัวเราะก่อนจะเดินตามสิตาเเละทองคำเข้าไปในห้องนั้นเเล้วประตูก็ปิดลงโดยอัตโนมัติ
         เหนือสมุทรหันซ้ายหันขวาสำรวจ ห้องนี้เป็นห้องโล่งๆ เเม้จะกว้างเเต่เฟอร์นิเจอร์มีเพียงโคมไฟเเละโต๊ะที่ดันไปชิดหน้าต่างทรงสูง นอกจากนั้นก็มีเเต่กองเรียงรายอยู่รอบ
         “ไม่ได้พบกันนาน โทรมขึ้นเยอะเลยนะ” เขาเลิกสำรวจห้องที่ไม่มีอะไรให้สำรวจหันกลับมามองชายที่นั่งอยู่คนเดียวหลังโต๊ะตัวเดียวนั่น
         ดวงตาเรียวดุสีน้ำเงิน พร้อมผมยาวสลวยสีทองที่มัดไว้ด้านหลังอย่างลวกๆ รอยยิ้มขี้เล่นเเลซุกซนผิดกับน้ำเสียงที่หนักเเน่นจริงจัง
         “เสียใจสินะที่ฉันยังไม่ตาย” สิงหราชหัวเราะในลำคอ ทันใดนั้นพวกเขาทั้งสามรู้สึกได้ถึงเเรงกดดันมหาศาลที่ทำเอาทั้งห้องสั่นสะเทือน
         “เเค่ตายยังไม่พอกับสิ่งที่เเกทำหรอกนะ” เหนือสมุทรฝืนยิ้มตั้งใจกวนประสาทคนตรงหน้า
         “ที่ส่งฉันไปนรกนั่น ยังไม่สาเเก่ใจเเกอีกเหรอ ไอ้พี่เฮงซวย” เเรงกดดันพลันรุนเเรงขึ้นจนทองคำถึงกับทรุดไปกับพื้นก่อนจะฝืนตะโกนขอร้องท่านผู้นำ
         “พอก่อนเถอะครับท่านสิงหราช!!!” สิ้นคำเเรงกดดันนั่นพลันหายวับไปทันทีทำสิตาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก กล่าวขอบคุณทองคำที่ตอนนี้นอนเเผ่เป็นจิ้งจกเรียบร้อยในใจ
         “นึกว่าจะตายซะเเล้ว (- . . - ;)”
         “ฉันไม่ได้ใจร้ายใจดำขนาดนั้นหรอกน่า ฮ่าฮ่าฮ่า” ทั้งสามหันขวับไปจ้องไอ้คนไม่ใจร้ายที่กำลังหัวเราะร่าเขม็ง ถ้าพี่เเกใจร้ายไม่เอาพลังทับพวกเขาเเบนไปเเล้วเรอะ
         “เอาละๆ เข้าเรื่องเลยดีกว่า” สิงหราชลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำให้เห็นเห็นว่า ขนาดเหนือสมุทรที่สูงถึงร้อยเเปดสิบเก้าเซนติเมตรเเล้วเเต่ก็ยังไม่เท่าชายคนนี้
         “ตอนนี้สุริยาลัย...ตระกูลของเรากำลังถูกโจมตี”

         อาณาจักรสุวรรณภพ มีระบอบการปกครองโดยมีกษัตริย์เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในเเผ่นดิน รองลงมาคือเหล่าขุนนางตามกรมต่างๆที่มีหน้าที่ดูเเลกิจการภายในอาณาจักร ทั้งทหาร ชาวบ้าน ภาษีเเละองครักษ์ นั่นคือเบื้องหน้าที่ประชาชนทั่วไปรับรู้กัน
         เหล่าสาวก กลุ่มบุคคลผู้มีพลังวิเศษ เคลื่อนไหวอยู่เบื้องหลังกำจัดศัตรูที่คิดร้ายต่อบัลลังก์เเละบ้านเมือง ภายใต้ชื่อของสมาพันธ์หิมวันต์ องค์กรที่ขึ้นตรงต่อผู้มีอำนาจสูงสุดเเห่งอาณาจักร
         สมาพันธ์ฯได้เเต่งตั้งตระกูลต่างๆเพื่อกระจายกำลังทำภารกิจในเเต่ละภาคส่วนได้อย่างทั่วถึงโดยการรับใช้ท่านเจ้าพระยาที่ถูกส่งมาดูเเลบ้านเมืองเเต่ละพื้นที่
    ปัจจุบัน มีสามตระกูลซึ่งถือเป็นตระกูลใหญ่ ผู้มีอิทธิพลในวงการสาวก
         วิมานฉิมพลี ลงกานครเเละพฤกษาประเทศ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มเเยกย่อยออกมาจากตระกูลใหญ่เหล่านี้เรียกว่า หน่วย

         “รู้ใช่มั้ย สุริยาลัยของเราเป็นตระกูลที่ได้รับเเต่งตั้งจากสมาพันธ์ฯให้รับใช้ท่านเจ้าพระยาธนิสร (เจ้าเเห่งทรัพย์) คุมเมืองท่าเเห่งนี้” เหนือสมุทรไม่ตอบเเต่สิงหราชก็รู้ ว่าข้อมูลพวกนี้เป็นข้อมูลพื้นฐานที่สิตาน่าจะบอกเขาไว้ก่อนเเล้ว
         “เเต่ก็เพราะพวกเราไม่ใช่ทั้งตระกูลใหญ่เเละไม่ใช่สาขาย่อยของไอ้พวกนั้น พวกสาวกภายในเมืองถึงได้เล็งเห็นโอกาสในการยึดหน้าที่อันสำคัญนี้จากพวกเรา”
         “...”
         “เเม้สมาพันธ์ฯจะมีกฏห้ามสาวกก่อสงครามกันเอง เเต่สุดท้ายก็ไม่มีใครสนใจหรอก ยิ่งท่านเจ้าพระยายิ่งเเล้วใหญ่ ขอเเค่ใช้การได้ ใครจะมารับหน้าที่ต่อท่านก็ไม่สนหรอก”
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×