ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักรัญจวนใจ

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ ๔ เมื่อโดนผู้หญิงขอเบอร์

    • อัปเดตล่าสุด 17 มิ.ย. 58


    บทที่ ๔

     

                เหมภาสตั้งแง่กับตรีจักรผู้เป็นครูพิเศษของเด็กในอุปการะอย่างเด็ดขาด หากไม่ได้ภาสกรร้องขอเขาคงจะปลดผู้ชายคนนั้นออกจากตำแหน่งนี้ไปจริง ๆ และเชื่อว่าลูกศิษย์อย่างอธิกานต์จะคัดค้านไม่ได้เสียด้วย เขาเกลียดสายตาท้าทายที่มองโต้ตอบกลับมา ใช่ว่าไม่เคยมีใครพยายามจะลองดีกับเหมภาส แต่รูปร่างสูงใหญ่และดวงตาดุกร้าวทำให้คนอยากลองดีหลายคนยังหวั่นเกรงเขาบ้าง แต่ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่ ตรีจักรมั่นใจ มั่นคง และกล้าหาญจนน่าหมั่นไส้ และแม้จะไล่ออกไม่ได้เขาก็ยื่นคำขาดให้การเรียนการสอนดำเนินต่อไปในเขตบ้านหลังใหญ่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิด

                อธิกานต์ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวก็พลอยโดนหางเลขพายุอารมณ์ของเหมภาสไปด้วย เด็กสาวเลยพยายามหลบหน้า ไม่ให้เขามากระแนะกระแหนเรื่องครูสอนพิเศษให้ปวดหัว แต่ดูเหมือนเรื่องราวไม่ได้เป็นแบบนั้น เหมภาสที่ถูกหลบหน้าอยู่สองวันหงุดหงิดมากขึ้นเป็นสองเท่าเหมือนหมีคลั่ง ใครต่อใครก็เข้าหน้าไม่ติด จนวันนี้บังเอิญได้เจอคนที่เดินถือจานขนมหลบออกทางหลังบ้าน

                ร่างสูงใหญ่ก้าวขวางบังแสงแดดยามบ่ายที่ไล่เลียไปตามพื้นหญ้าเงาดำทาบทับร่างบางเล็กของเด็กสาวจนมิด อธิกานต์รู้โดยไม่ได้เงยหน้ามองว่าเป็นใคร เธอเงยหน้าขึ้นมองกำแพงยักษ์ที่ตั้งขวางทางเดินด้วยอาการตกใจ ในระยะประชิดเด็กสาวต้องเงยหน้าคอตั้งเพื่อมองให้เห็นดวงตาดุที่จับจ้องมาจากความสูงราวร้อยเก้าสิบ

                “หลบหน้าฉันสนุกไหม” คำตอบที่ได้คือการส่ายหน้าเขาเลยถามต่อด้วยเสียงต่ำสุดและดังสุด “ไม่ได้หลบหน้าหรือไม่สนุก คราวนี้ตอบด้วยปาก ถ้ามีปากแล้วไม่ตอบจะทำให้ใช้ไม่ได้อีก”

                คนฟังยกมือข้างที่ว่างขึ้นปิดปาก รู้แน่ว่าเขาเอาจริง “ไม่สนุกค่ะ” เสียงตอบแม้แผ่วแต่ก็ฟังชัด

                “ไม่สนุกแล้วจะหลบหน้าทำไม”

                “ก็...คุณเหมทำท่าเหมือนโกรธหนูนี่คะ หนูก็เลยไม่อยากถูกคุณเหมดุ”

                “เป็นเด็กประถมหรือไง จะได้เอาแต่วิ่งหนีคนน่ากลัวตลอดเวลา ถ้ามั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิดก็ไม่ต้องกลัวฉันดุหรอก หรือว่าไปทำอะไรผิดมา” เขาว่ายาว เสียงด้วยความโมโห คนโดนดุมองต่ำแล้วกะพริบตาปริบ ๆ “ที่เงียบน่ะตกลงว่าปากเธอไม่ได้มีไว้พูดสินะ”

                “คุณเหมยังไม่ได้ถามอะไรเลยนะคะ” อธิกานต์ตาโต แค่เงียบก็ผิดแล้ว

                “แล้วไอ้ที่ฉันพูดไปยืดยาวไม่คิดจะแสดงอาการรับรู้อะไรหน่อยหรือไง”

                “พูดไปคุณเหมก็ดุอีก” ถ้าขุดดินลงรูได้เธอคงทำไปนานแล้ว เงาของร่างที่ทาบทับดูคล้ายจะขยายใหญ่มากขึ้นทุกที ราวกับว่าเขาจะขย้ำ ฉีกเนื้อออกเป็นชิ้น ๆ อย่างไร้ปราณี

                “ยังจะเถียงอีก”

                เด็กสาวถอยหลังไปหลายก้าว พยายามไม่ให้จานขนมในมือร่วงจากมือที่สั่นเทา เขาทำให้เธอกลัวอยู่เสมอ ดวงตาคู่นั้นเคยสักครั้งไหมที่จะไม่มองหาความผิดที่เกิดขึ้นจากเธอไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ดี เหมภาสก็มีเรื่องดุเธอได้เสมอ ทุกครั้งที่เจอหน้าราวกับว่าไม่เคยทำอะไรถูกในสายตาคู่นั้นเลย ขอบตาร้อน...เกลียดที่ตัวเองร้องไห้ง่ายแต่ห้ามไม่ได้

                “ร้องไห้อีกแล้วเหรอ” เสียงคนตัวสูงบ่น บางทีเขาอาจรำคาญ แน่ล่ะ...ขนาดอธิกานต์ยังรำคาญตัวเองเลย “ไม่ได้ด่าอะไรสักหน่อย จะน้ำตาตกทำไม”

                “คุณเหมดุนี่คะ หนูไม่รู้จะทำยังไง อะไร ๆ ก็ไม่ถูกใจ”

                “ใช่ว่าจะจับไปฆ่าแกงอะไรที่ไหน กลืนน้ำตาลงคอเดี๋ยวนี้เลยนะ ถ้าร้องต่อฉันจะดุให้ร้องจนกว่าจะไม่มีน้ำตา” คำขู่ได้ผล แต่ยากที่จะกระทำ เด็กสาวพยายามกลืนทุกอย่างลงคอ แม้จะอายุสิบเจ็ดย่างสิบแปด แต่ต่อหน้าเหมภาสเธอก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กประถม

                “คุณเหมก็อย่าดุสิคะ” คนบอกกลัว ๆ กล้า ๆ แต่ก็กลั้นใจพูดออกไป

                “อย่าหลบหน้ากันสิ”

                “ถ้าคุณเหมไม่ดุหนูก็ไม่หลบหน้าหรอกค่ะ” เด็กสาวอธิบาย แต่เหมภาสมุ่ยหน้ากอดอกแล้วก้มลงจ้อง

                “ถ้าเธอไม่หลบหน้าฉันแต่แรกฉันก็ไม่มีเรื่องมาดุเธอหรอกจริงไหม”

                “ที่หนูหลบก็เพราะกลัวคุณเหมจะดุนี่คะ ถ้าคุณเหมไม่ดุ หนูก็ไม่หลบหน้า คุณเหมจะได้ไม่มีเรื่องต้องมาว่าหนูดีไหมคะ” ข้อเสนอน่าสนใจ แต่คนฟังชักไม่ค่อยชอบใจ เหมภาสนิ่วหน้าขมวดคิ้วแน่น

                “นี่เถียง...” เขาพูดไม่ทันจบประโยคก็โดนเสียงเรียกแทรกขึ้นมาเสียก่อน คนงานรายหนึ่งวิ่งเข้ามาหา ปากร้องบอกก่อนตัวจะถึงเสียอีก

                “มีโทรศัพท์ที่สำนักงานครับคุณเหม”

                “เออ!” เขาตอบกลับเสียงดัง ก่อนไปยังไม่วายหันมามอง “อย่าทำแบบนี้อีก ถ้าหลบหน้าฉันเมื่อไหร่โดนดีแน่”

     

                โทรศัพท์ที่เข้าสำนักงาน ส่วนมากเป็นสายของลูกค้าทั้งนั้น คนที่รักก็คือภาสกรที่อยู่โยงเฝ้าเกือบตลอดเวลา ดังนั้นเหมภาสที่มักจะหมกตัวอยู่ที่โรงเพาะกับคุมคนงานส่งของจึงไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมมากนัก นานครั้งเขาถึงจะต้องไปรับโทรศัพท์ด้วยตัวเอง วันนี้เองพอเดินเข้ามาในสำนักงานก็แลเห็นว่าพ่อยังคงนั่งประจำโต๊ะเดิม ชายหนุ่มเริ่มเอะใจว่าทำไมต้องเจาะจงเป็นเขาด้วย กระนั้นก็ยังเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่วางคว่ำไว้บนโต๊ะขึ้นมารับ

                “ขอโทษที่ให้รอสาย เหมภาสครับ”

                “คุณเหมภาสเหรอคะ นี่ภัทรลดานะคะ” เสียงหวานละมุนคุ้นหู

                “ภัทรลดา...” ไม่ใช่ชื่อที่คุ้นเคยเลยสักนิด “ขอโทษนะครับ จะติดต่อเรื่องอะไรเหรอครับ”

                “ตายจริง” ปลายสายอุทาน “ยังไม่เคยแนะนำตัวเลย ฉันคือเจ้าของบ้านที่ขอเบอร์โทรศัพท์คุณเอาไว้คราวก่อนไงคะ ที่กรุงเทพฯ น่ะค่ะ”

                แล้วความทรงจำก็ย้อนกลับมาอย่างชัดเจน ภาพสาวสวยกับคฤหาสน์หลังงามที่ต้องเอาต้นไม้ไปลงให้ถึงสองรอบโผล่ขึ้นมา แต่ชายหนุ่มลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายเคยขอเบอร์โทรศัพท์เอาไว้ นี่ก็ผ่านมาหลายวันจนเขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะโทรศัพท์มาจริง

                “จำได้แล้ว คุณมีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า”

                “พอดีฉันแวะมาทำธุระแถวนครปฐม เลยอยากจะไปดูต้นไม้ที่สวนสักหน่อย ไม่ทราบว่าคุณเหมภาสว่างหรือเปล่าคะ ฉันอยากให้คุณแนะนำต้นไม้ให้สักหน่อย”

                “ถ้าไม่ว่างจะไม่มาหรือเปล่าล่ะ” เขาออกจะแปลกใจที่รู้สึกเหมือนอีกฝ่ายดูจะติดใจเป็นพิเศษ ทั้งที่ผู้หญิงคนอื่นพยายามหนีหน้ากันมาตลอด”

                “ถ้าไม่ว่างจะแวะไปวันหลังค่ะ”

                “ต้องเป็นผมเท่านั้นเหรอ ลูกน้องผมที่นี่เก่งกันทุกคน คุณอยากได้ต้นไม้หรืออยากรู้เรื่องอะไรพวกนั้นก็แนะนำได้หมด” เขาหยั่งเชิงด้วยการต่อรอง

                “ไม่หรอกค่ะ ฉันไม่ค่อยไว้ใจ อยากให้คุณเหมแนะนำมากกว่า ยังไงรบกวนบอกวันเวลาที่ว่างได้ไหมคะ ฉันจะได้แวะไปดูต้นไม้ให้ถูกเวลา อยากจะขอบคุณเรื่องต้นไม้ที่บ้านด้วย ตอนนี้กำลังงามเลยค่ะ” เหมภาสนิ่งคิดแค่ครู่เดียวก่อนจะเอ่ยปากตอบ

                “มาวันนี้แหละ ผมว่าง”

                “ดีจังค่ะ เดี๋ยวอีกประมาณสิบนาทีจะถึงนะคะ”

    เขาไม่ได้เอ่ยลาแล้วก็วางสายไปทันที หันกลับไปมองเห็นว่าภาสกรเหลือบสายตาจ้องมาอยู่บ้างเหมือนกัน คนเป็นลูกเลยเดินไปนั่งที่เก้าอี้รับแขกที่จัดเอาไว้ บรรยากาศรอบตัวนิ่งสงบด้วยอารมณ์ครุ่นคิด เขาไม่รู้ว่าควรจะจัดการอย่างไร และไม่แน่ใจว่าตัวเองจะคิดมากไปหรือเปล่า

    “ทำหน้าเหมือนคนปวดหนัก ไปห้องน้ำไป๊” เจ้าของห้องออกปากไล่

    “ไม่ได้ปวดสักหน่อย! แค่กำลังคิดน่ะพ่อ พ่อเคยโดนผู้หญิงจีบหรือเปล่า”

    พอจบคำถามคนฟังก็วางปากกาในมือลงทันที เงยหน้าขึ้นจ้องลูกชายเต็มสายตา กระนั้นก็ปรากฏรอยยิ้มเหมือนกลั้นหัวเราะอยู่ที่มุมปาก

    “อย่างแกเนี่ยนะ มีผู้หญิงมาจีบเหรอวะไอ้ลูกชาย”

    “ไม่แน่ใจ แต่เขาทำท่าเหมือนอยากจะมาเจอผมให้ได้”

    “ไม่หล่อแถมอารมณ์ร้ายแบบแกเนี่ยนะ” ภาสกรหัวเราะใส่ลูกชาย ก็ไม่ใช่ว่าเหมภาสจะขี้ริ้วขี้เหร่หรอก ใบหน้าคมเข้มแบบชายไทยคงดูดีกว่านี้ถ้าเจ้าตัวใส่ใจเพิ่มขึ้น ที่สำคัญคืออารมณ์ร้อนที่พูดเกือบทุกอย่างที่คิด ผู้หญิงมีแต่จะเมินหน้าหนี “แล้วลูกสาวบ้านไหนล่ะ”

    “ไม่ใช่คนแถวนี้” เหมภาสส่ายหน้า “ลูกค้าที่กรุงเทพฯ บ้านที่ผมไปลงต้นไม้ให้สองรอบนั่นไง”

    “อ๋อ ที่ว่าบ้านใหญ่อย่างกับคฤหาสน์น่ะเหรอ”

    “ใช่ คราวก่อนเขาขอเบอร์ก็เลยให้เบอร์สำนักงานไป นี่โทรศัพท์มาบอกว่าอีกสิบนาที...เหลือห้าแล้ว เดี๋ยวจะมา” เขาก้มลงมองนาฬิกา ถอนหายใจเฮือกใหญ่ คนเป็นพ่อเลยลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งประจำเดินเข้ามาหาลูกชาย ดูท่างานนี้คงจะเป็นเรื่องยากที่จะรับมือสำหรับคนเก่งอย่างลูกชาย

    “เขาน่ารักไหมล่ะ”

    “สวยดี”

    “ถ้าเขาจีบแกจริง ๆ ก็ลองดูสิ จะหาผู้หญิงสวย ๆ รวย ๆ ที่ไหนมาจีบแกได้อีก ถ้าไม่บ้าคงตาบอดนั่นแหละ คนนี้ครบสามสิบสองใช่ไหม โอกาสหนึ่งในล้านเชียวนะ ไม่คว้าเอาไว้เสียดายตายชัก แกเองอายุปูนนี้แล้วแถมยังโสดสนิท ไม่เห็นจะเสียหายอะไร”

    “ทำเป็นเล่นไปพ่อ”

    “เล่นบ้าอะไร พ่อพูดจริงนะโว้ย เอาน่า...แกอย่าเพิ่งคิดมากสิ มันก็ไม่แน่หรอกที่เขาจะจีบแก บางทีเขาอาจจะแค่ติดใจฝีมือเพาะต้นไม้ของแกก็ได้ คราวที่แล้วแกไปแนะนำเขาดีไง แต่ถ้าเกิดเขาอยากจะทอดสะพานให้แกจริง ๆ แกก็สร้างท่าเรือรอไปเลย”

    ท่าทางทีเล่นทีจริงของพ่อทำให้เหมภาสชักฉุน รู้สึกเหมือนไม่ควรมาปรึกษาแต่แรก เห็นเรื่องร้อนใจของลูกชายเป็นเรื่องสนุกไปเสียหมด ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินลงไปจากสำนักงานโดยไม่พูดอะไร ได้ยินแต่เสียงหัวเราะแว่ว ๆ ของคนเป็นพ่อ เอาเถอะ...มันก็จริงอย่างว่า ไม่แน่ว่าผู้หญิงที่ชื่อภัทรลดาจะคิดอะไรเสียหน่อย อาจเป็นเขาเองที่ฟุ้งซ่านและจบลงด้วยวิถีชีวิตแบบปกติ

     

    เจ้าของสวนก้มลงมองดูนาฬิกา สิบนาทีพอดีตอนที่รถหรูสีขาวคันนั้นแล่นเข้ามา ทันทีที่หญิงสาวนามภัทรลดาก้าวลงมาจากรถ รัศมีคุณหนูจัดจ้านหยุดสายตาเกือบทุกคู่ที่กำลังทำงานให้ตะลึงมอง รอยยิ้มหวานซึ้งพิมพ์ใจมอบให้รายทาง เหมภาสไม่ได้เดินออกไปต้อนรับ เขายืนรออยู่ในร่มเงาของไม้ใหญ่ ให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาทักทายถึงที่ ชุดหรูหราสีชมพูอ่อนดูจะไม่เหมาะกับดินชื้นและกองปุ๋ยรอบตัว มันเป็นภาพขัดตาจนบอกไม่ถูก แต่ความคิดอยากจะอุ้มเจ้าหล่อนไปไว้ที่อื่นหยุดลงเมื่อลูกค้าสาวกล่าวทักทาย

    “สวัสดีค่ะ ภัทรลดาค่ะ”

    “ผมทราบ วันนี้อยากจะได้ต้นไม้แบบไหนผมจะได้แนะนำได้ถูก” เขาเข้าเรื่อง ไม่มีรอเวลา

    “ยังไม่แน่ใจค่ะ” หญิงสาวยิ้มหวานหยด มองสภาพรอบตัว “ไปหาที่นั่งคุยดีไหมคะ จะได้สะดวกขึ้นพอดีฉันมีเรื่องอยากให้คุณช่วยเยอะทีเดียว อาจใช้เวลาสักหน่อย แล้วตอนนี้แดดก็ร้อนมาก ฉันไม่ค่อยถูกโรคกับแดดเท่าไหร่น่ะค่ะ” จะบอกปัดไปก็ใช่ที่ เพราะยามนี้แค่โดดแดดนิดหน่อยระหว่างเดินจากรถมาหาเขาใบหน้าขาวนวลนั่นก็ขึ้นสีระเรื่อเสียแล้ว วันนี้อากาศก็ร้อนจัดจริง ๆ เสียด้วย

    “เชิญ” เขาผายมือให้เดินตามไปที่สำนักงาน

    ทันทีที่เปิดประตูคนที่นั่งทำงานอยู่ในห้องก็เงยหน้าขึ้นมอง เหมภาสขยับตาเป็นสัญญาณให้รู้ว่าหญิงสาวที่เดินตามหลังมาคือคนที่เขาหมายถึง ภาสกรจับจ้องสาวสวยที่เข้ามาแล้วเบิกตากว้างด้วยอารมณ์ตกใจ พ่อคงไม่คิดว่าผู้หญิงในคำบอกเล่าจะสวยจัดถึงขนาดนี้

    “นั่นพ่อผม เป็นเจ้าของสวน” คำแนะนำทำให้ภัทรลดายกมือขึ้นไหว้ผู้สูงวัยกว่าอย่างนอบน้อม ภาสกรเองก็ยิ้มรับไมตรีนั้นด้วยความยินดียิ่ง

    “สวัสดีค่ะ”

    “ครับ เออเจ้าเหม มานี่หน่อยสิพ่อมีอะไรจะถาม”

    เหมภาสขอตัวแยกออกไปหาบิดาที่ก้มหน้ามองเอกสาร แม้สายตาจะไม่ได้ละจากหน้ากระดาษประหนึ่งว่าเรื่องที่จะถามอยู่ในแฟ้มงาน หากคำถามที่สื่อออกมาเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

    “คนนี้เหรอที่แกเล่า”

    “ใช่ พ่อว่ามันแปลก ๆ ไหม”

    “แปลกสิวะ” ภาสกรพยายามพูดด้วยเสียงเบาที่สุด “สวยขนาดนี้ ชาตินี้ทั้งชาติแกหาไม่ได้แล้วนะ เอาเลยสิ ท่าทางนอบน้อมดีด้วย ลองคุย ๆ ดูถ้านิสัยดีจริงก็แกก็จัดการซะ”

    “จัดการยังไง”

    “เขาทอดสะพานมา แกก็รับสิ”

    คนฟังถอนหายใจยาว “พ่อนี่ไร้สาระจริง ๆ เลย” ท่าทางเหมือนลูกชายจะยังไม่ได้คิดอะไร ทั้งที่มีสาวสวยมาอยู่ตรงหน้า ภาสกรเลยอุทิศตนเป็นผู้สังเกตการณ์ ถ้าแม่หนูคนนี้ใช้ได้เขาอาจจะช่วยกระตุ้นลูกชายอีกแรง เหมภาสในตอนนี้ก็เกือบจะสามสิบเข้าไปทุกที แฟนไม่เคยมี อาจจะรับมือกับผู้หญิงไม่เป็นเลยก็ได้

    เหมภาสเดินกลับไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับลูกค้าสาวสวย บางทีเขาไม่ควรกังวลเกินไป ตราบใดที่อีกฝ่ายยังไม่ได้รุกล้ำแสดงท่าทีอะไรก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าสิ่งที่คิดจะเป็นจริง ณ ตอนนี้ก็เป็นลูกค้ารายหนึ่งเท่านั้น ดวงหน้าขรึมเข้มจึงเป็นเช่นที่มันเคยเป็น เสียงต่ำใหญ่เอ่ยถาม

    “อยากได้ต้นไม้แบบไหน”

    “ไม่มีน้ำให้สักแก้วเหรอคะ”

    นั่นสิ แขกมาถึงที่เขาก็คิดถึงแต่งานอย่างเดียว “ที่นี่มีแค่น้ำเปล่ากับกาแฟ ไม่มีน้ำแร่น้ำอัดลมหรอกนะ คุณอยากจะได้อะไรไหมล่ะ”

    “น้ำเปล่าก็แล้วกันค่ะ ขอแบบไม่เย็นนะคะ”

    จากคำขอผิดกับที่คิดเอาไว้นิดหน่อย ธรรมดาพวกคุณหนูน่าจะเรื่องมาก ต้องเป็นน้ำแร่ยี่ห้อนี้ยี่ห้อโน้นเท่านั้น แต่หญิงสาวดูจะไม่ใช่คนเรื่องมาก ชายหนุ่มเดินไปหยิบน้ำดื่มแบบขวดพร้อมแก้วมาให้ วันนี้เขาใจดีขึ้นอีกนิดด้วยการแกะฝาเปิดให้ เผื่อท่อนแขนเล็ก ๆ นั่นจะไม่มีกระทั่งแรงจะหมุนฝา

    “ขอบคุณค่ะ”

    หญิงสาวค่อย ๆ เปิด รินลงแก้วอย่างเชื่องช้าราวกับไม่อยากให้น้ำจะกระเฉาะออกไปสักหยด จากนั้นจึงยกขึ้นจิบทีละนิด ลำพังแค่เวลาในการกินน้ำไม่กี่อึกก็นานร่วมนาที  ทันทีที่แก้วน้ำวางลงบนโต๊ะ เสียงกระทบของแก้วกับกระจกโต๊ะช่างไพเราะหูสำหรับคนรอเหลือเกิน ชายหนุ่มยิ้มด้วยความดีใจที่จะได้เข้าเรื่องงานเสียที

    “ตกลงเราจะเริ่มคุยกันได้แล้วใช่ไหม”

    คนฟังหัวเราะน้อย ๆ อย่างน่ารัก “ได้สิคะ ท่าทางคุณเหมภาสใจร้อนอยากคุยงานจะแย่แล้วนะคะ ฉันมารบกวนคุณหรือเปล่าคะวันนี้”

    “เปล่า ผมแค่อยากทำงานให้มันเสร็จเร็ว ๆ”

    “ขยันนะคะ ท่าทางคุณเหมภาสจะชอบทำงานออกแรง” ดวงตามองไล่ไปที่กล้ามแขนแน่นเป็นมัดที่เสื้อแทบไม่อาจปกปิดไว้ได้ “วันนี้อยากจะได้ไม้ดอกมีกลิ่นน่ะค่ะ อยากได้กลิ่นหอม ๆ โดยเฉพาะกลางคืน จะเอาไว้ปลูกใต้หน้าต่างห้องนอน พอจะมีแนะนำได้ไหมคะ”

    “ถ้าหอมแรงหน่อยจะเป็นดอกไม้ไทย คุณอยากจัดสวนแบบอังกฤษไม่ใช่เหรอ”

    “ไม่แล้วล่ะค่ะ ฉันคงไม่เหมาะกับไม้เมืองหนาวเท่าไหร่” แม้ปากยิ้ม แต่ดวงตาเจือรอยประหลาด วูบไหว ผ่านไปอย่างรวดเร็วจนไม่ทันสังเกตว่าเร้นสิ่งใดเอาไว้ในส่วนลึก “ดอกไม้ไทย หอมแรง อาจจะเหมาะมากกว่า ส่วนต้นไม้ที่คุณไปลงให้คราวก่อนจะปลูกเอาไว้ดู...เตือนใจ ว่าสวยแต่ไร้อารมณ์”

    “ผมมีไม้หอมอยู่หลายพันธุ์ คุณเดินไปดูก่อนก็ได้ จะได้เลือกกลิ่นเลือกดอกที่ชอบ แต่แดดยังร้อนนั่งพักก่อน แล้วผมจะให้คนเอาร่มมาให้ เรื่องอื่นที่คุณอยากจะคุยกับผมมีอีกไหม”

    คนฟังยิ้มรับแล้วพยักหน้า “มีค่ะ คุณเหมภาสมีภรรยาหรือแฟนหรือเปล่าคะ” เหมภาสชะงัก หันกลับไปสนตาพ่อที่แอบฟังอยู่ห่าง ๆ ก่อนส่ายหน้า เริ่มเข้าเค้าที่ตัวเองหวาดกลัว แต่ไม่มีเหตุผลที่ต้องโกหก

    “ไม่มี”

    “ดีค่ะ ถ้าอย่างนั้นขอเบอร์โทรศัพท์มือถือได้ไหมคะ” ภัทรลดาไม่พูดเปล่า แต่ล้วงลงไปหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋าสะพายขึ้นมาวางบนโต๊ะ แล้วเลื่อนไปตรงหน้าชายหนุ่ม “อยากจะขอเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของคุณเหมภาสจะได้ไหมคะ”

    หญิงสาวกล่าวซ้ำ เหมภาสมั่นใจแน่นอนว่าเรื่องราวเป็นไปตามที่เขาคิด พอหันไปหาพ่อก็เห็นภาสกรยิ้มยิงฟันขาวเรียงซี่ให้พร้อมพยักหน้าในเชิงสนับสนุนเต็มที่

    “มีอะไรคุณโทรศัพท์เข้ามาในสำนักงานแบบวันนี้ก็ได้”

    “ไม่ได้หรอกค่ะ วันนี้เรื่องงานเพราะฉันมาซื้อต้นไม้ วันหน้าคงไม่ใช่ในฐานะลูกค้าอีกแล้ว รบกวนคนที่สำนักงานเปล่า ๆ ไม่ได้คุยเรื่องงานแล้วใช้โทรศัพท์มือถือน่าจะสะดวกกว่าไม่ใช่เหรอคะ” ภัทรลดายื่นหน้าเข้ามาใกล้ ยิ้มหวาน ดวงตาเป็นประกายระยับ “หวังว่าคุณเหมภาสจะไม่รังเกียจ ถ้าฉันจะขอโทรศัพท์มาหาบ้าง...ในเวลาส่วนตัว”

    “ผมไม่ค่อยเปิดโทรศัพท์เวลาทำงานเท่าไหร่”

    “ไม่เป็นอะไรค่ะ ฉันสะดวกคุยกับคุณตลอดเวลา คุณเปิดเมื่อไหร่เราค่อยคุยกัน”

    เกิดมาเหมภาสไม่เคยเจอผู้หญิงรุกใส่มาก่อน โดยเฉพาะผู้หญิงสวยท่าทางเรียบร้อยอย่างภัทรลดาเขาแทบนึกภาพไม่ออก หญิงสาวไม่ใช่คนที่ดูจัดจ้าน เจนสนาม ออกจะเรียบร้อยตามขนบหญิงไทยเสียด้วยซ้ำ และแม้การรุกของเธอจะไม่ได้ดูน่าเกลียดอะไรมากนัก ไม่มีการถึงเนื้อถึงตัว แค่ผ่านการพูดคุย แต่ก็เป็นเรื่องที่รับมือยากสำหรับเหมภาส เขาไม่รู้ว่าควรตอบรับหรือปฏิเสธ ระหว่างนั้นภาสกรที่นั่งอยู่ก็ลุกขึ้นเดินมาหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะกดหมายเลขให้เรียบร้อย

    “นี่เบอร์เจ้าเหมมัน หนูโทรศัพท์มาหามันหลังหกโมงเย็นก็แล้วกันนะ ตอนกลางวันมันอยู่ที่โรงเพาะไม่ค่อยรับโทรศัพท์หรอก อ้อ...เจ้าเหมมันขี้อายไม่ยอมโทรศัพท์ไปหาผู้หญิงก่อนหรอก หนูต้องเป็นฝ่ายโทรศัพท์มาหามันเองล่ะนะ แต่ถ้ามีอะไรด่วนโทร.มาที่สำนักงานก็ได้ ลุงอยู่ที่นี่ตลอดเวลาราชการ”

    “ทำอะไรพ่อ!” เขาเสียงพ่อเสียงเครียด แต่อีกฝ่ายยิ้มเหมือนไม่รู้เรื่อง

    ภัทรลดายกมือไหว้ขอบคุณแล้วจึงรับโทรศัพท์มากดโทรออก เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงชายหนุ่มสั่นครืดสองครั้งคนโทร.ก็วางสาย “นี่เบอร์โทรศัพท์ฉันนะคะ เมมเอาไว้ด้วย คุณจะได้ไม่เผลอตัดสายเพราะคิดว่าเป็นเบอร์แปลก ตอนนี้พักพอแล้วค่ะ ไปเดินดูต้นไม้กันดีไหมคะ”

    “ผมยังไม่ได้บอกว่าอยากจะให้เลยนะ”

    “ไม่เป็นอะไรค่ะ ยังไงฉันก็ได้มาแล้ว เราจะไปกันได้หรือยังคะ” คนพูดลุกขึ้นยืนรอให้เขาพาออกไป ครั้นจะปฏิเสธหรือทำเฉไฉก็ไม่ได้อีก ชายหนุ่มจำยอมลุกขึ้นไปเปิดประตูสำนักงาน เรียกขอร่มขากคนงานแถวนั้น ครู่เดียวเขาก็ได้ร่มสีน้ำเงินตุ่น ๆ มาไว้ในมือ แล้วส่งไปให้คนข้างกาย

    ภัทรลดาขอบคุณแล้วสะบัดร่มสองสามครั้งให้ฝุ่นที่เกาะอยู่ด้านบนร่วงลงไปแล้วจึงกางออก ไม่ใช่ให้ร่มแค่ตัวเอง แต่ขยับเข้าไปใกล้แล้วถือไว้ให้ชายหนุ่มด้วย แต่เพราะส่วนส่วนที่ต่างกันพอสมควรทำให้ภาพที่เกิดขึ้นค่อนข้างตลก เหมภาสพยายามเบี่ยงตัวออก

    “ผมไม่ร้อน คุณกางให้ตัวเองเถอะ”

    “ฉันร้อน แล้วคุณจะไม่ร้อนได้ยังไงคะ” หญิงสาวไม่ยอมแพ้ พอเขาเดินหนี เธอก็เดินตาม จนเหมภาสอดรนทนไม่ไหวแย่งร่มจากมือนั้นมาถือให้ เขาสูงพอจะถือร่มให้พอสำหรับสองคน จะได้ไม่เป็นปัญหาและกลายเป็นภาพตลกแบบเมื่อครู่ มาเดินให้ผู้หญิงกางร่มให้ ต่อให้เป็นคนดิบ ๆ อย่างเขาก็รู้ว่าไม่ควร

    ระหว่างทางเขาก็เดินสวนกับอธิกานต์ที่หอบของพะรุงพะรังเต็มสองมือ ทั้งถุงและกล่องใส่เอกสาร เหมภาสหยุดนิ่งยืนมองพลอยให้ภัทรลดาต้องหยุดเดินไปด้วย หญิงสาวพินิจเด็กสาวคนนั้นทีละนิด แม้จะไม่สวยแต่ก็น่ารักสมวัยอายุคงราว ๆ สิบเจ็ดหรือสิบแปด เค้าโครงหน้าบอกชัดว่าคงไม่ใช่น้องสาวของชายหนุ่มแน่นอน และกว่าจะรู้ตัวชายหนุ่มก็ยื่นร่มมาให้ถือ

    “คุณรอใต้ต้นไม้ตรงนั้นก่อน ผมไปธุระครู่เดียวเดี๋ยวมา”เขาไม่รอคำยืนยัน แต่เดินตรงเข้าไปหาเด็กสาวคนนั้น ดวงตาใสซื่อฉายรอยฉงน สงสัย และตระหนกเมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้แย่งเอากล่องใบใหญ่ที่อุ้มเอาไว้มาถือให้ ก่อนจะเอ่ยปากถามด้วยซ้ำ

    “จะไปไหน”

    “เอาของไปให้คุณลุงค่ะ แต่หนูไม่รู้ว่าเป็นอันไหนเลยยกไปทั้งหมด”

    “โง่จริง” เขาบ่นไม่เชิงด่าจริงจัง “หนักจะตายชักเดี๋ยวแขนก็หักลำบากคนดูแลอีก ไปเดี๋ยวจะช่วยยก”

    แม้ปากจะสนทนาอยู่กับเหมภาส แต่สายตาเหลือบมองมาเป็นพัก ๆ ภัทรลดาจึงยิ้มให้ อีกฝ่ายยิ้มตอบแล้วเดินตามคนที่แทบจะแย่งของทั้งหมดไปถือเอาไว้เอง หญิงสาวมองถามสองคนที่เดินคู่กันไป หญิงสาวมองตามแล้วปล่อยให้ความสงสัยตกตะกอนอยู่ในใจลึก ๆ

     

     

              เอาคุณเหมมาส่งนะคะ เปิดเผยอีกหนึ่งตัวละคร แต่ไม่รู้ว่าภัทรลดาจะเป็นตัวดีหรือร้าย รู้แต่ชอบผู้หญิงรุกผู้ชายคนนี้จัง เก็บเอาไว้เขียนเรื่องอื่นด้วยดีกว่า 555 ยังไงก็ขอให้อ่านอย่างมีความสุข ติดตามกันต่อ ๆ ไปนะคะ

                แอบแจ้งข่าวคนเคยอ่าน “ซ่านเสน่หา” นะคะ มีคิววางแผงเร็ว ๆ นี้กับสำนักพิมพ์สถาพรค่ะ ถ้าได้ปก ได้คิวออกเมื่อไหร่จะรีบมาแจ้งทันทีเลยค่ะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×