คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
บทนำ
แม้แต่ดาวก็ไม่เห็นเช่นคืนก่อน
แสงสะท้อนจากจันทราหามีไม่
แม้แต่จันทร์ก็อ้างว้างหรืออย่างไร
จึงไม่ฉายแสงนวลที่ควรเป็น
ได้ยินเพียงเสียงทะเลความเหว่หว้า
ท้องนภาอาบสีเศร้าที่เราเห็น
ดื่มด่ำห้วงราตรีที่เยียบเย็น
กระซ่านเซ็นคลื่นช้ำชุ่มน้ำตา
ความเยียบเย็นแห่งราตรีเคยทำร้ายหล่อนอย่างร้ายกาจมาเสมอ ถึงกระนั้นก็ยังต้องอยู่กันมันมานานแสนนาน หากราตรีนี้ไม่เหมือนเช่นคืนก่อน ความเย็นสะท้านนั้นแผ่ซ่านเข้ามาไม่ถึงตัวหล่อนเพียงเพราะร่างแบบบางนวลกระจ่างด้วยผิวสีน้ำผึ้ง ตลอดร่างไร้ตำหนิให้ติได้ นวลเนียนนุ่มเหมือนเนื้อแพรชั้นดี ไอร้อนจากอีกร่างต่างระอุถึงกันในวงแขนที่แข็งแกร่ง กำยำ พวงแก้มร้อนแต้มสีแดงของความเหนื่อยล้า หัวซุกเพื่อหาความมั่นคงอย่างคนหวาดกลัว
“คุณกลัวอะไร” เสียงเขาเจือเสียงหอบที่แทรกสอดขึ้นมาเป็นระยะ
หากคนที่หลับตาแนบแก้มร้อน ๆ กับทรวงอกแกร่งด้วยมัดกล้ามของเขายังนิ่ง หล่อนมิได้ตอบ หากไม่ใช่เพราะไม่อยากแต่เป็นเพราะไม่รู้ เราไม่เคยรู้เลยว่าแท้จริงเรากลัวอะไรกันแน่ บางคนกลัวที่มืด แต่ไม่รู้ว่ากลัวความมืดอันไร้แสงส่องหรือกลัวสิ่งที่อยู่ในระหว่างความมืดกันแน่ มือหนาจึงกระชับให้แน่นขึ้น “ผมอยู่ตรงนี้แล้ว บอกได้ไหมว่ากลัวอะไร”
คนหลับจึงเงยหน้าขึ้นสบตา ประกายวับวาวนั้นหวานซึ้ง “กลัวเพราะคุณอยู่ตรงนี้ ถ้าคุณไปอยู่เสียที่อื่น ที่ใดก็ได้ที่ทำให้เราไม่เคยพบกัน ที่ทำให้เราไม่เคยเป็นสายลมแห่งความหวังของกันและกัน ถ้าวันนี้ฉันไม่รักคุณอย่างนี้ ไม่ได้อยู่ในอ้อมแขนของคุณอย่างนี้ฉันจะไม่กลัวเลย”
“มันเป็นชะตาของเราไม่ใช่หรือ”
เมื่อจบคำนั้นร่างเปลือยเปล่างดงามอย่างยิ่งของสตรีผู้นั้นลุกขึ้นจากเตียงนอนนุ่ม หล่อนคว้าเอาเพียงผ้าขนหนูที่ร่วงตกพื้นผืนหนึ่งมาคลุมกาย มันปิดสัดส่วนอันยวนตาไม่มิด ทรวงอกเด่นตระหง่านกระเพิ่มไหวตามแรงหายใจ ผู้ที่ยังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงไม่เคยนึกว่าตนจะได้เห็นภาพนี้ หาก...ในวันนี้เขาก็ได้เห็นมันแล้วไม่ใช่หรือ
“หลายครั้งที่ฉันไม่อยากยอมรับสิ่งที่คุณเรียกว่าชะตา ชะตากรรมหรืออะไรก็ตามที่เกิดขึ้นกับเราในขณะนี้มัน...โหดร้ายเกินไป” เสียงหล่อนช่วงสุดท้ายสั่น เมื่อนึกได้ว่าชะตาของเขาและตัวเองจะถูกชักพาให้พบจุดจบเช่นไร
“เราเคยเลือกทางเดินของตัวเองได้ด้วยหรือ” คำถามของเขาสะกิดใจ ก่อนร่างเปลือยนั้นจะลุกขึ้น เขาไม่ได้สวมเสื้อผ้า หากเดินมากอดคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รับแขกจากด้านหลัง ไอรักแผ่กระจาย “ชีวิตของเราเดินไปตามที่ชะตาลิขิตเสมอมา แม้ไม่อยากใครเล่าจะขัดขืนชะตา”
“ถ้าไม่ใช่คุณ...”
ชายหนุ่มหัวเราะ หากในความกังวานนั้นแสนเศร้า แหบแห้งด้วยความราวลึกอย่างประหลาด เขาเป็นหนุ่มรูปงามผู้ร่ำรวยและเพียบพร้อม ประกายในดวงตาของเขาระริกไหวด้วยความตื่นตัวตื่นใจ เต็มไปด้วยเล่ห์กลที่ทำให้คนมองหวั่นไหวเสมอ หากวันนี้หล่อนรู้ดีว่าประกายกล้านั้นเปลี่ยนไป
“ถ้าไม่ใช่ผมเราจะได้พบกันหรือ อย่างน้อยการที่ ‘เป็นผม’ ก็ทำให้เราได้พบกัน คุณควรจดจำว่าเรารู้จักกันได้อย่างไร และดำเนินความสัมพันธ์นั้นมาได้อย่างไร”
คนฟังเงยหน้ามองเขา “แต่ฉันไม่อยากจำว่าเราพรากกันได้อย่างไร”
“ก็อย่าจำ อะไรที่คุณไม่ปรารถนาจะจดจำก็อย่าจำ คุณรู้ไม่ใช่หรืออะไรที่เราพอจะกำหนดเองได้ ความสุขกับความทรงจำนั่นไง เราจำแต่ความสุขของเราก็ได้ จนแม้วันหนึ่งเราต้องพรากกันเราจะมีความผูกพันของเราอยู่ข้างหัวใจเสมอ ผมดีใจที่เราได้พบ ได้รัก หากต้องพรากผมก็ไม่มีอะไรให้ต้องอาวรณ์”
“คุณตัดอะไรได้ง่ายดายเหลือเกิน ทั้งที่ฉันพยายาม...อย่างยากลำบาก”
บุรุษผู้นั้นจับไหล่แล้วบังคับให้ทั้งตัวของคนรักหมุนกลับมาสบตา เขามองลึกทะลุถึงหัวใจ ก่อนจะช้อนปลายคางนั้นให้เชิดขึ้น “ผมไม่เคยตัด มันตัดไม่ได้หรอกความรัก สำหรับผมมันจะเกิดและคงอยู่ตลอดไป แต่เราก็หนีความจริงที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่ได้ สัญญาอะไรกับผมสักข้อได้ไหม”
“อย่าขอ...ข้อร้อง” คล้ายตัวหล่อนเองนั่นล่ะที่รู้ว่าเขาจะขออะไร หัวใจจึงร่ำร้อง อย่า...อย่าขอร้องอะไรกับฉันเลย
หากเขายังนิ่งไม่เชื่อฟัง เขาโอบกอดหล่อนเอาไว้เช่นที่เขาเคยทำ ความอบอุ่น ความรักหลั่งไหลเหมือนสายน้ำ ดวงตาหล่อนพร่างพราย หากแม้ในยามที่เขาจรดแนบริมฝีปากลงมา อาการเผยอรับนั้นก็เป็นไปโดยสัญชาตญาณ เขาส่งผ่านความสุขชั่วครู่ผ่านรสหวาน ร้อนแรงและแรงตวัดเกี่ยวที่เขาสอนให้หล่อนจนชำนิชำนาญ แล้วเขาก็ละมันออกมาสบตาอย่างหวานซึ้งและแสนรักอย่างที่สุด หล่อนตกอยู่ใต้มนต์รักของเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้นอีกแล้ว แม้ในยามที่เขายื่นหน้าเข้ามากระซิบที่ข้างหู
“ขอร้อง...ถ้าถึงวันนั้นอย่าได้ลังเลที่จะปักมีดลงกลางหัวใจของผม”
คนฟังหลับตาซึมซับคำร้องขอที่หล่อนกลัวที่สุด! หล่อนพยายามระลึกถึงสิ่งที่เรียกว่าความสุข ความสุขที่แสนสั้นและอาจมีจุดเริ่มต้นจากวันแรกที่เราได้พบกัน...
ความคิดเห็น