ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักรัญจวนใจ

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ค. 58


    รักรัญจวนใจ

               

    บทนำ

                เสียงบรรเลงดนตรีจากโน้ตตัวหนึ่งลื่นไหลสู่อีกโน้ตอีกตัวหนึ่งด้วยทำนองช้า...อ่อนหวาน เรือนไม้สีขาวยกพื้นสูงที่ล้อมรอบด้วยดอกไม้นานาพรรณดูคล้ายจะตกอยู่ในมนต์สะกดของบทเพลงนั้น ผู้มาเยี่ยมเยือนแหวกม่านลูกไม้สีขาวตรงประตูบ้านแล้วก้าวเข้าไปภายใน ต้นเสียงเพลงไพเราะคือเด็กสาวในชุดนักเรียนคอกะลาสีแขนตุ๊กตา กระโปรงจีบสีกรม ผมสีดำสนิทเหมือนเส้นไหมยาวเสมอติ่งหู เรียวแขนเล็ก ๆ ขยับย้ายไปมาตามท่วงทำนองที่เจ้าตัวพรมนิ้วลงบนคีย์บอร์ดของแกรนด์เปียโนสีขาวงาช้างซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ริมหน้าต่างกระจกที่ยาวจากเพดานจดพื้นไม้สีน้ำตาล

                สายลมอ่อนหอบเอากลิ่นดอกไม้จากด้านนอกให้ลอยเข้ามาผสมกับกลิ่นหอมของไม้ใหม่ เรือนไม้หลังเล็กนี้สร้างเสร็จเมื่อสามวันก่อนก็ได้ต้องรับเจ้าของใหม่แล้ว ความรื่นรมย์อย่างประหลาดนี้ดุจภาพในความฝันยามหลับ ความเกรี้ยวกราดที่เคยมีจึงจืดจางลงจนแทบหมดสิ้น เจ้าของร่างกายใหญ่กำยำยืนนิ่งเอาหลังพิงประตูที่เปิดเอาไว้ ส่วนสูงเกือบเสมอประตูทางเข้า ผิวสีแทนบ่มแดดตัดกับเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีน้ำเงินที่พับแขนขึ้นมาจนถึงข้อศอก ผมสีออกน้ำตาลแดงถูกตัดเป็นรองทรงสั้นเต่อเพราะไม่ต้องจัดทรงให้วุ่นวาย

                โน้ตตัวสุดท้ายของบทเพลงนั้นราวกลีบดอกไม้ที่กับลอยไปในสายลม แล้วทิ้งตัวร่วงกระทบผิวน้ำแผ่วเบา เวลาที่เคยถูกหยุดเอาไว้จึงกลับมาเดินอีกครั้ง...

                นักเปียโนเมื่อครู่กลับสู่สถานะเดิมของตนเอง ผู้มาเยือนจึงหยัดกายขึ้นยืนเต็มความสูง เงาของเขาทอดทาบไปบนเก้าอี้ไม้บุนวมที่ตั้งอยู่มุมห้อง เจ้าของบ้านจึงรู้ตัวว่าไม่ได้อยู่เพียงลำพัง ตอนที่นั่งเล่นเปียโนเขามองไม่เห็นหน้าอีกฝ่าย เมื่อเจ้าตัวลุกขึ้นยืนแล้วหันกลับมาเผชิญหน้าด้วยท่าทางตื่น ๆ ถึงได้รู้

                เด็กคนนี้มีเค้าว่าจะน่ารักไม่เบา เพราะเครื่องหน้าที่ดูเหมือนตุ๊กตามากกว่ามนุษย์ มันเล็กมันเรียวไปเสียทุกส่วน เว้นแต่ดวงตากลมโตที่โตจนมองไม่เห็นขอบล่างของตาดำ

                “ใครคะ” เสียงเล็กใสเอ่ยถาม แล้วคนถามก็ถอยออกไปก้าวหนึ่ง

                “ไม่รู้หรือว่าฉันเป็นใคร” เขาไม่ได้เจตนาที่จะทำให้กลัว แต่เพราะเสียงที่ใหญ่ไปตามตัวทำให้คนกลัวอยู่บ่อยครั้ง กับเด็กตรงหน้าก็ไม่มีข้อยกเว้น เสียงพูดเรียบ ๆ ไม่มีทำนองขึ้นลงอาจยิ่งทำให้คนฟังหวาดหวั่น พอเด็กนั่นถอยหนีเขาก็ก้าวเข้าไปหาด้วยช่วงขาที่ยาวกว่ามากทำให้ประชิดตัวได้รวดเร็ว “ทำไมไม่ตอบ จะมาอยู่ที่นี่ไม่รู้หรือว่าฉันเป็นใคร”

                เด็กนั่นสั่นเหมือนลูกนก ก้าวถอยจนหลังติดกำแพงเขาก็เลยก้าวจนชิดห่างกันไม่ถึงคืบ ตอนนั้นก็ได้รู้ว่าอีกฝ่ายตัวเล็กกว่าที่คิด เขาต้องก้มลงมองคนที่สูงแค่อก

                “ม...ไม่ทราบค่ะ”

                “ไม่ทราบ” เขาหัวเราะในลำคอ เสียงทุ่มต่ำเหมือนเสียงครางของเครื่องยนต์ “ไม่ทราบก็อยู่ที่นี่ไม่ได้ เธอเป็นแค่ผู้อาศัยแต่ไม่รู้จักเจ้าของบ้านได้อย่างไร”

                จบประโยคนั้นคนที่ก้มหน้าหลบสายตาจึงเงยขึ้นมามองตาแป๋ว ความกลัวหายไปหนึ่งในสาม “พี่เหมหรือคะ”

                เขารู้สึกประหลาดกับคำขานนั้นอย่างบอกไม่ถูก และความประหลาดใจอาจทำให้เผลอชักสีหน้า เจ้าลูกนกเลยสั่นเหมือนกลัวจะถูกเด็ดปีกเด็ดหางทิ้ง แต่ใครจะสน ต่อให้เด็กนี่ช็อคตายก็ไม่ใช่ธุระอะไรของเขา

                “ใครบอกให้เรียกพี่เหม ฉันไม่เคยมีน้องไม่ต้องมานับพี่”

                “คุณลุงบอกนี่คะ...” ยังไม่ทันจบประโยคก็โดนสวน

                “แล้วคนที่เธอเรียกคือใคร ฉันหรือพ่อ ถ้าเธอเรียกฉันก็ควรเรียกตามที่ฉันต้องการให้เรียก”

                “แล้ว...จะให้เรียกอย่างไรคะ” เด็กสาวตัวสั่นงันงกก้มหน้าหลบสายตา

                “เรียกเหมือนคนที่นี่เขาเรียก”

                “ยังไง...”

                “เดี๋ยวก็รู้!” ดวงตากลมโตคู่นั้นเต็มไปด้วยคำถาม เขาไม่แปลกใจที่เด็กนี่จะไม่รู้ แต่รำคาญเกินกว่าจะเอ่ยปากตอบ เลยจัดการฉุดแขนเล็ก ๆ นั่นให้เดินตาม ความจริงกิริยาที่เขากระทำอาจจะเรียกให้เหมาะสมกว่าว่ากระชากลากถู ตอนนั้นเขาก็ได้รู้ความจริงอีกอย่าง เด็กคนนี้ตัวเล็กกว่าที่คิด เพราะออกแรงแค่นิดเดียวก็ดูเหมือนจะปลิวไปตามแรงเสียแล้ว

                “ไปไหนคะ” คำถามจนคนที่แทบจะวิ่งตามให้ทันแรงดึงจากคนที่เดินนำ

                “ไปหาพ่อสิ พ่อให้มาตาม” เขาหันมาบอกตัดรำคาญ ยามนั้นแดดแรงจัด ผิวขาวเนียนละเอียดสะท้อนรับกับแสงจนคล้ายจะมีละอองแสงเล็ก ๆ ล้อมอยู่รอบตัว เขาเมินหน้ากลับไปมองทางเดิน คำถามสุดท้ายก็เอ่ยออกมาโดยไม่หันมา “เธอชื่ออะไร”

                “คะ?” คนฟังเหมือนไม่แน่ใจ คนถามก็เลยต้องเพิ่มเสียงให้ดังขึ้น

                “เธอชื่ออะไร มันไม่ดีถ้าเธอจะรู้ชื่อฉันแต่ฉันไม่รู้ชื่อเธอ”

                เสียงหวานเล็กตะโกนกลับมาด้วยความดังระดับเดียวกัน “อธิกานต์ค่ะ คุณเรียกหนูว่าอ้อนก็ได้”

                บ่ายแก่ของปลายเดือนมีนาคมที่แดดแรงจัดระหว่างทางเดินจากเรือนไม้ไปบ้านใหญ่...เหมภาสก็ได้รู้จักกับเด็กอุปการะของพ่อเขาเป็นครั้งแรก...

     

                หายไปนานมากกก เพราะติดภารกิจชีวิต แต่ระหว่างนี้ก็คิดถึงอยากจะกลับมาเขียนนิยายตลอด ยังไงก็สวัสดีนะคะทั้งนักอ่านหน้าเก่าและนักอ่านหน้าใหม่ นิยายเรื่อง “รักรัญจวนใจ” นี้เขียนขึ้นเพราะอยากจะเขียนเรื่องราวความรักของผู้ใหญ่หน้าดุ กับเด็กสาวใส ๆ ไร้เดียงสา โดยพยายามให้เป็นทางสบาย ๆ โรแมนติกคอมเมดี้ ผสมกลิ่นดราม่านิด ๆ (ไม่แรงมากค่ะ) หวังว่าคงจะถูกใจกันนะคะ ยังไงคอมเม้นท์ให้กำลังใจ + รายงานตัวกันด้วยเนอะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×