คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 การเริ่มต้นสงครามและการต่อสู้กลางป่า
เสียงพิณบรรเลงอยู่ในแถบชายป่าใกล้ทะเลสาบสีเงิน พิณบรรเลงด้วยคลื่นเสียงที่พลิ้วไหวราวกับลมพัดผ่าน หญิงสาวผมบลอนด์คนหนึ่งในชุดเกาะอกสีน้ำตาล กางเกงขาสั้นที่กระชับ และเสื้อคลุมหนังสัตว์ที่ใหญ่และท่าทางเหนียวมากทีเดียว นั่งบรรเลงต้นเสียงของเพลงอันไพเราะนี้อยู่บนโขดหินที่ล้อมรอบด้วยต้นหญ้า ผีเสื้อนาๆชนิดบินวนอยู่รอบตัวเธอ ราวกับเริงระบำไปพ้อมกับเสียงเพลงนี้ ผมยาวสลวยสีทองที่ทอดยาวทับโขดหิน ผิวสีมะกอก ใบหูเรียวยาว และนัยน์ตาสีเขียวสดใสของเธอ กำลังขับเพลงด้วยพิณที่ทำจากไม้แกะสลักอันวิจิตร ประณีต ด้วยเส้นเสียงของเพลงช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าของผู้ฟังได้ เธอนั่งอย่างสบายอารมณ์ทำให้แสดงว่า เธอเคยมาที่นี่บ่อยครั้งนัก
ในขณะที่เพลงกำลังเลื่อนลอยแผ่ความไพเราะผ่านอากาศนั้น ในพุ่มไม้ข้างชายป่าใกล้กับจุดที่เธอเล่นพิณ เกิดการสั่นไหว ด้วยสัญชาตญาณของเธอ พิณไม้แกะสลักกลับเปลี่ยนเป็นธนูไม้อันวิจิตรอย่างรวดเร็ว
“นั่นใคร!!” เสียงเล็กแหลมตะโกนถามอย่างมีพลัง เตรียมง้างคันธนูที่กระชับในมือ
“ข้าเอง เรน่า ข้าเอง ” เอล์ฟหนุ่มเดินออกมาจากพงหญ้าที่มีการสั่นไหวเมื่อซักครู่
“เจ้าเองหรอ แกรนดาล์ฟ ทำไมถึงมาเงียบๆล่ะ ข้านึกว่าพวกดาร์ค เมจซะอีก” เอล์ฟสาวกล่าวพร้อมเก็บคันธนูที่ง้างเมื่อซักครู่นี้ไว้ที่หลังของเธอ
“ทำไมเจ้าถึงมานั่งที่ซิลเวอร์ เลค นี่คนเดียวล่ะ มันอันตรายนะ” เอลฟ์หนุ่มเตือนด้วยความเป็นห่วง เขามีผมสีทองที่ยาวเช่นกัน แต่สั้นกว่าของเอลฟ์สาว รูปร่างสูงสง่า และดูฉลาดหลักแหลม
“ข้าก็มาของข้าออกจะบ่อยไป แล้วอีกอย่าง ข้าก็ดูแลตัวเองได้ เจ้าไม่ต้องห้วงข้าหรอก ” เอลฟ์สาวตอบอย่างดื้อรั้น
“เจ้าก็รู้ว่าแถวนี้เป็นถิ่นที่พวกดาร์ค เมจย่างกรายเข้ามาได้ เพราะมันไม่ใช่อาณาเขตของเผ่าเรา เจ้าดูแลตัวเองไม่ได้หรอก ถ้าพวกมันมากันมากเพื่อจะมาชิงวินดี้ ควอส์ตของเรา” เอลฟ์หนุ่มบอกเหตุผลให้เอลฟ์สาวฟัง แต่เอลฟ์สาวกลับยิ้มเยาะ
“พวกมันทำไม่ได้หรอก ถ้าอยู่ในอาณาเขตของเผ่าเงือกที่ข้าและเจ้ากำลังยืนอยู่นี่” เอลฟ์สาวพูดโดยไม่เกรงกลัว
“ก็ตามใจเจ้า แต่เผ่าเงือกช่วยเจ้าไม่ได้ตลอดเวลาหรอกนะ แล้วยิ่งเดี๋ยวนี้ ข้ารู้สึกว่า พวกดาร์คเมจจะเคลื่อนไหวเป็นพิเศษ ข้ารู้สึกสังหรใจ สังหรใจจริงๆ กลัวว่าสิ่งที่เราไม่คาดคิดจะเกิดขึ้น” เอลฟ์หนุ่มรู้สึกเอือมระอา แต่ก็ยังพยายามจะอธิบายเหตุผล
“ข้าก็คิดเช่นนั้นนะแกรนดาล์ฟ เหมือนกับว่ามันกำลังตามหาบางสิ่งบางอย่าง อาจจะกำลังหาสิ่งของที่ใช้คลายผนึกอยู่ก็เป็นได้ ถ้าเป็นเช่นนั้น พวกเราคงจะหลีกเลี่ยงสงครามไม่ได้ แต่สิ่งของที่มันหาอยู่คืออะไรล่ะ อะไรที่จะสามารถคลายผนึกได้” เอลฟ์สาวครุ่นคิด
“ข้าว่า พวกเรารีบกลับกันเถอะ นี่ก็ใกล้ค่ำแล้วล่ะ เดี๋ยวจะมีอันตราย” แกรนดาล์ฟกล่าวกับเรน่าอีกครั้ง
“ก็ได้ เพราะเจ้ามาตามข้าจนน่ารำคาญข้าถึงยอมกลับหรอกนะ ” เอลฟ์สาวยอมกลับแต่โดยดี แต่ในขณะนั้น เอลฟ์หนุ่มหยุดชะงัก
“เร่นา ข้าว่าเราคงยังกลับไม่ได้หรอก เพราะพวกมันกำลังล้อมเราอยู่” เอลฟ์หนุ่มพูดถูก เพราะกลุ่มคนในชุดผ้าคลุมสีดำโสโครกกำลังล้อมรอบพวกเขาอยู่ พวกมันสวมหน้ากากปกปิดใบหน้า พอที่จะคาดได้ว่ามีจำนวนประมาณ20คน กำลังย่างกรายล้อมรอบเพื่อที่จะเข้ามาหาเอล์ฟทั้ง2
“ข้าบอกเจ้าแล้ว เรน่า เจ้านี่มัน....” เอลฟ์หนุ่มบ่นพร้อมกับชักคันธนูสีทองของตนออกมา
“จ...ง...พาพวกข้าไปยังที่ซ่อนของวินดี้ ควอส์ต เดี๋ยวนี้ ถ้าพวกเจ้ายังไม่อยากตายยยย” เสียงแหบพร่าราวกับเสียงปีศาจของหัวหน้ากองปีศาจทหารกำลังข่มขู่เอล์ฟหนุ่มสาวอย่างไม่ปราณี
“หึหึ สู้กันมาตั้งนาน พวกเจ้ายังไม่รู้อีกเหรอ ว่าเผ่าของข้าไม่เคยคิดยอมมอบอัญมณีแห่งลมให้กับพวกเจ้า แม้ต้องมอบด้วยชีวิต ” เอลฟ์สาวตอบด้วยความกล้าและไม่กลัวตาย
“แล้วพวกเจ้าคิดว่าพวกข้าจะยอมตายเหรอ รออีกล้านปีเถอะนะ” เอลฟ์หนุ่มง้างคันธนูที่ไม่มีลูกธนู แล้วท่องคาถาด้วยภาษาที่ฟังไม่รู้เรื่อง พลันกลับมีลูกธนูที่มีแสงสีทองขึ้นมาทันใด
“ด้วยพลังแห่งเทพทั้งหลาย โปรดแบ่งพลังแห่งลมมาให้กับข้า เพื่อปราบปีศาจชั่วให้สิ้นซาก” เมื่อเอลฟ์หนุ่มท่องคาถาจบ ลูกธนูก็พุ่งออกไปจากปลายคันธนู
“หึหึ พวกกกเจ้าคิดจะสู้กับพวกเราแบบ10ต่อ1งั้นหรออออ ฮ่าๆๆ น่าขันนัก น่าขันนัก” เสียงแหบของหัวหน้ากองตอบพร้อมกับยกไม้เท้าที่ทำจากบางสิ่งที่ดูเก่าและสกปรก แต่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างที่เหนือธรรมชาติเช่นกัน
“ด้วยอำนาจมืดแห่งรัตติกาล โปรดช่วยข้าให้สำเร็จลุล่วงเป้าหมายด้วย .....ย่าห์!!” เมื่อมันท่องคาถาจบ ก็เกิดเงาสีดำขึ้นที่ปลายคฑา แล้วพุ่งออกไปเพื่อปะทะกับลูกธนูทองของเอลฟ์หนุ่ม
“ฟิ่วววว.......” ลูกธนูและเงากระแทกกันกลางอากาศอย่างรุนแรง ทำให้เกิดแสงสว่างขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ตอนนี้แหละ เรน่า ใช้ลูกดอกเพลิงยิงใส่มันเลย” เอลฟ์หนุ่มตะโกนบอกเอลฟ์สาว
“ด้วยพลังแห่งลม ด้วยพลังแห่งการเผาผลาญ จงแบ่งพลังมาให้กับข้า ใช้พลังเพลิงเพื่อทำลายศัตรูจนสิ้น ย่าห์!!” ลูกดอกเพลิงเกิดขึ้นขณะที่เธอง้างธนู และส่งผ่านอากาศไปหาพวกทหารปีศาจ
“บรึ่มมมม!!...”เกิดแรงระเบิดดังสนั่น ไฟที่ออกจากลูกดอกถูกพวกทหารปีศาจอย่างแม่นยำ
“สำเร็จ ....จัดการพวกมันได้แล้ว” เอลฟ์หนุ่มตะโกนออกมาด้วยความดีใจ แต่. . . . . . . . . . . . .
พวกทหารปีศาจไม่เป็นอันตรายเลยแม้แต่น้อย เพราะมีรัศมีบางอย่าง เข้าปกคลุมกลุ่มทหารปีศาจเอาไว้
“อะไรน่ะ พวกมันไม่เป็นอะไรเลยเหรอ ทำไม..” เอลฟ์สาวมองดูด้วยความตกตะลึง
“ฮ่าๆๆ เจ้าพวกโง่ ท่านลอร์ด เมจิคเชี่ยน มอบพลังอันยิ่งใหญ่ให้กับข้า เพื่อมาแย่งอัญมณีเวทย์มนต์ทั้ง5โดยเฉพาะ เพราะฉะนั้น พวกแกเตรียมตัวตายได้ ฮ่าๆๆ” หัวหน้าทหารและเหล่าทหารปีศาจชูไม้คฑาขึ้นมา และท่องคาถา....หลังจากนั้นก็เกิดวงกลมเวทย์มนต์ขนาดใหญ่ล้อมรอบตัวของพวกมัน แล้วเงาดำที่ใหญ่คล้ายซาตานและดูน่ากลัวก็ปรากฏออกมา พร้อมกับพุ่งเข้าหาเอลฟ์ทั้ง2อย่างรวดเร็ว
“เรน่า!! หลบเร็วเข้า” เอลฟ์หนุ่มตะโกน แต่ช้าไปเสียแล้ว เงาดำนั้นอัดกระแทกเอลฟ์ทั้ง2อย่างแรง ทำให้ทั้งเรน่า และแกรนดาล์ฟ กระเด็นไปคนละทิศคนละทาง
“กรี๊ดดด!!!......อ๊ากส์!!” เอลฟ์หนุ่มสาวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“ฮ่าๆๆ เจ้าพวกโง่ แกต้องตายที่นี่แหละ ฮ่าๆๆ”เสียงหัวเราะแหบพร่า เยาะเย้ยผู้บาดเจ็บทั้ง2
“อูยยย....มันพลังอะไรกัน ทำไม...”เรน่าที่บาดเจ็บเพราะกระแทกกับต้นไม้และโขดหินอย่างแรง พยายามลุกขึ้นยืนอย่างลำบาก เพราะขาที่กระแทกถลอกปอกเปิก
“หึหึหึ ไม่ต้องร้องโอดครวญไปหรอก เพราะเดี๋ยวพวกแกก็ต้องตาย” ปีศาจไสยดำยกไม้คฑาขึ้นมา เตรียมที่จะปล่อยพลังเพื่อจัดการเอลฟ์ทั้ง2
“หึหึ ตายซะเถอะนะ ย่าห์!!” กองกำลังปีศาจยกไม้คฑาพร้อมกันเพื่อโจมตีครั้งสุดท้าย แต่. . .
“อ้ากส์!! อะไรกัน น้ำมาจากไหนเยอะแยะเนี่ย ไม่นะ หา...เผ่าเงือก มาได้ยังไง ” เสียงแหบพร่าร้องออกมาด้วยความตกใจ
สายน้ำสีเงินหลั่งไหลออกมามากมายมหาศาลจากซิลเวอร์ เลค พุ่งตรงเข้ามาอย่างรุนแรงไปยังกลุ่มทหารปีศาจ และที่ปรากฏร่างพร้อมกับสายน้ำก็คือ เงือกสาวตนหนึ่งซึ่งถือหอกเพื่อควบคุมน้ำจากทะเลสาบโจมตีศัตรู
“แก..แก....ข้าจะฆ่าแกซะ นางเงือกรนหาที่ตาย” หัวหน้าทหารปีศาจยกไม้คฑาขึ้นเพื่อใช้พลังที่ดูเหมือนจะร้ายแรงและทรงอำนาจที่สุดของมันออกมา
“ตายซะ!!” พอพูดจบ ลูกบอลสีดำขนาดมหึมาก็ถูกปล่อยออกมาจากคฑาที่ดูโสโครกนั่น
แต่ในขณะที่ลูกบอลเคลื่อนทะยานไป สายน้ำสีเงินมากมายหลั่งไหลจากทะเลสาบขึ้นมาปกป้องร่างของเงือกสาวและปกคลุมลูกบอลไว้ ทำให้ลูกบอลลดความเร็วลงอย่างง่ายดาย
“ที่นี่เป็นอาณาเขตของเผ่าเงือก เจ้าไม่สามารถสู้ข้าในอาณาเขตแห่งนี้ได้หรอกนะ” เสียงอ่อนหวานของเงือกสาวที่เปล่งออกมา ราวกับสะกดให้ผู้ที่ได้ยินถูกตรึงด้วยมนตราบางอย่าง เธอมีผมยาวสลวยสีฟ้า หางยาวเรียวสวยที่มีเกล็ดดั่งเพชรเรียงร้อยอยู่บนหางของเธอ ดวงตาโตสีทอง และหอกที่ทำจากไพลิน สุกสกาวต้องกับแสงตะวัน ทำให้ยิ่งดูงดงามมากขึ้นอีก
“เหล่าดราโก วอริเออร์ จงออกมาเดี๋ยวนี้” เธอตะโกนเรียกบางอย่างที่อยู่ใต้น้ำด้วยเสียงที่ดังกังวาล
เมื่อสิ้นเสียงของเงือกสาว เหล่าทหารครึ่งมังกรครึ่งปลา สวมชุดเกราะที่ทำจากหินที่แข็งแกร่ง
และหอกแหลมคมสีเงินที่ใช้เป็นอาวุธของเหล่าทหารทั้งหลาย ก็โผล่ขึ้นมาจากทะเลสาบสีเงินอย่างสง่างาม
“จัดการพวกมัน เหล่านักรบของข้า” เงือกสาวสั่งทหารทันทีเมื่อเหล่าทหารโผล่พ้นจากน้ำ
เหล่าทหารยกหอกขึ้นมา แล้วฝูงปลานาๆชนิดก็ขึ้นมาจากทะเลสาบ มีจำนวนมากขึ้น มากขึ้น
จนเป็นกองทัพปลา หลังจากนั้น เหล่าทหารมังกรน้ำจึงสั่งให้กองทัพปลาพุ่งเข้าโจมตีเหล่าทหารปีศาจอย่างรวดเร็วและรุนแรง
“ ตุบๆๆๆตับ ตุบ...ตับ” เสียงกองทัพปลากระแทกกับทหารปีศาจ ทำให้ทหารปีศาจได้รับบาดเจ็บอย่างมาก
ด้วยจำนวนอันมหาศาลของปลา และอาณาเขตของเผ่าเงือก จึงทำให้เหล่าทหารปีศาจต้องยอมพ่ายแพ้ พร้อมกับความเจ็บปวด
“โอยยยย.... แก แก ฝากไว้ก่อนนน แกก!!” หัวหน้าปีศาจร้องครวญครางอย่างเจ็บปวดก่อนที่จะเรียกม้าที่มีรูปร่างสง่า สีดำขลับเป็นเงา ดวงตาสีแดงฉานและเสียงที่กังวาลมีพลัง แต่บ่งบอกอย่างชัดเจนว่า ผู้ที่ตายแล้วเท่านั้นจึงจะสามารถขี่มันได้ เพื่อเป็นพาหนะในการหลบหนี
“เจ้า เจ้าไม่รอดพ้นเงื้อมมือของนายท่านแน่ เมื่อนายท่านฟื้นคืน เจ้าจะไม่ได้มีชีวิตที่เป็นสุข เจ้าจะต้องรู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็นเมื่ออยู่ต่อหน้านายท่าน เจ้าคิดจะประกาศสงครามกับพวกเราเอง ต่อไปนี้ สงครามจะเริ่มต้นขึ้น...” แล้วพวกทหารปีศาจก็ยกกองทัพหลบหนีกลับไปด้วยความเคียดแค้น
.......ชายป่าที่เงียบสงบกลับมาอีกครั้ง ด้วยผลข้างเคียงจากการต่อสู้ทำให้ต้นไม้ถูกทำลายจนยับเยิน บางต้นโค่นลงอย่างง่ายดายโดยทิ้งไว้แค่รอยต่อที่ปราศจากลำต้น
เมื่อทุกอย่างสงบลง แกรนดาล์ฟที่พยายามลุกขึ้นยืน จ้องมองเงือกสาวด้วยความงุนงงยิ่งนัก
“เจ้า เจ้าคืออ ...เซเรน หัวหน้าทหารเงือกเซเรนอย่างนั้นหรอ” เอลฟ์หนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงงุนงง
เงือกสาวได้แต่จ้องมองเอลฟ์ทั้ง2 โดยไม่มีคำพูดใดๆเล็ดรอดออกจากปากของเธอ หลังจากนั้น น้ำสีเงินจากซิลเวอร์ เลค ก็ห่อหุ้มร่างกายเธอ แล้วเธอก็อันตรธานหายไป
“ขอบคุณ เซเรน. . . . . .ขอบคุณ เจ้าคอยช่วยข้าเสมอ ข้ารู้ดี” เอลฟ์สาวรู้สึกขอบคุณเงือกสาวที่ช่วย
หลังจากที่แกรนดาล์ฟลุกขึ้นยืนได้แล้ว จึงถามเรน่าด้วยความแปลกใจ
“ทำไมเซเรน หัวหน้าทหารที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าเงือกถึงช่วยเราไว้ล่ะ ทั้งๆที่เผ่าของเราไม่ได้มีการติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายศตวรรษแล้ว” เอลฟ์หนุ่มถามด้วยความใคร่รู้
ความคิดเห็น