ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไว้ค่อยคิด 5555555

    ลำดับตอนที่ #2 : นึกไม่ออกอีกแล้ว 5555555

    • อัปเดตล่าสุด 13 มิ.ย. 57


     

     

                   "เหี้ยย ไปสแตนด์บายที่ป้อมดิ้" ผมได้ยินเสียงคนในห้องตะโกนโหวกเหวกเล็ดลอดออกมาจากหลังบานประตูที่ผมกำลังจะเดินตรงไปหาก่อนที่ผมจะโยกกลอนของประตูไม้สีน้ำตาลบานใหญ่ ช่องแคบของบานประตูค่อยๆ ปรากฏร่างของชายสูงโปร่งตามแรงผลักที่ผมค่อยๆ แง้มเข้าไป ร่างสูงที่คุ้นตานั่งชันเข่าอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ที่ตอนนี้กำลังง่วนอยู่กับการเล่นเกมและคุยกับเพื่อนๆ ในทีมโดยโปรแกรมแชทผ่านเสียงที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี ในห้องตอนนี้ดังระงมไปด้วยเสียงเอฟเฟกต์จากเกมกับเสียงคนเล่นที่เพิ่งจะโหวกเหวกจบไปเมื่อครู่ แม้แต่โทรทัศน์ที่ถูกเปิดทิ้งไว้ก็โดนกลบเสียงเสียจนแทบไม่ได้ยิน

                   ผมเดินตรงเข้าไปยืนข้างหลังไอ้คนที่เอาแต่นั่งเล่นเกมคอมฯไม่สนใจโลกรอบข้างเลยสักนิด นี่ถ้าโจรขึ้นบ้านมึงโดนปาดคอตายห่าไปแล้วไอ้ช็อมป์ ผมย่อตัวเอาคางเกยไหล่ก่อนจะยกมือขึ้นโอบคอผู้เป็นแฟนจากด้านหลังแทนคำทักทาย มันสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันมามองผมตามสัญชาติญาณและรีบหันกลับไปเล่นเกมต่อทันที ครู่เดียวมันก็หันมาอีกครั้งก่อนจะยกมือขึ้นอ้อมมาลูบหัวของผมจากด้านหน้าและหอมแก้มผมเหมือนทุกครั้งก่อนจะหันกลับไปสนใจเกมตรงหน้าต่อ

                   "หยิบน้ำให้หน่อยดิ" ไอ้ช็อมป์เอ่ยขึ้นขณะที่มือยังคงรัวอยู่กับการคลิกเมาส์ เจอหน้าก็ใช้กูเลยนะไอ้สาดด มึงเห็นเมียมึงเป็นอะไรครับ ผมหันไปกัดหูไอ้ช็อมป์เบาๆ อย่างหมั่นไส้ มันร้องโอ๊ยขึ้นมา ก่อนที่ผมจะเดินไปหยิบน้ำจากตู้เย็นที่อยู่อีกฟากของห้องแล้วแกล้งเอาไปแนบกับแก้มขาวๆ ของมัน ความเย็นจัดจากขวดน้ำทำให้เจ้าตัวแหกปากร้องลั่นห้อง ผมชักขวดน้ำออกก่อนจะก้มลงหอมแก้มในจุดเดียวกับที่ผมเพิ่งเอาขวดน้ำไปแนบเมื่อครู่

                   "อุ่นยัง" ผมเอ่ยปากถามหลังจากผละหน้าตัวเองออกมาจากแก้มของช็อมป์

                   "ยัง" เจ้าตัวที่เพิ่งโดนแกล้งไปเมื่อครู่ทำเสียงงอนๆ เล็กน้อย แต่ใบหน้ากลับเผยรอยยิ้มเล็กๆ หมั่นไส้แม่งว่ะ ผมก้มไปหอมแก้มมันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เนิ่นนานพอที่จะทำให้เจ้าตัวต้องหละหน้าของตัวเองออกซะเองก่อนจะรีบหันมาจูบที่หน้าผากของผมอย่างรวดเร็ว ผมเผลอยิ้มกึ่งขำออกมาเล็กน้อยก่อนจะยืนขึ้นยืนเต็มความสูงและยกมือขึ้นขยี้หัวไอ้ช็อมป์อย่างหมั่นไส้ ทำให้เส้นผมตรงสวยที่ดูจะยุ่งอยู่แล้วเล็กน้อยกลับยุ่งขึ้นอีก

                   "แล้วไหนอะ จะให้อ่านอะไร" ไอ้ช็อมป์โพล่งถามขึ้นทันทีเมื่อเห็นผมกำลังจะเดินออกมาจากตรงนั้น คงหมายถึงนิยายของผมกับมันที่มีน้องในทวิตเตอร์แต่งขึ้นมาให้ แล้วเมื่อคืนผมก็ไลน์บอกมันว่าเดี๋ยวจะส่งให้อ่าน แต่คิดไปคิดมาผมก็อยากเจอมันอยู่พอดี ก็เลยตั้งใจว่าค่อยเอามาให้อ่านวันนี้ทีเดียวเลย เพราะตั้งแต่เมื่อวานผมอ่านบทเกริ่นไปหน่อยเดียวก็คิดถึงมันจนต้องโทร.หา พอตกดึกตอนเต็มมาเท่านั้นแหละ อ่านจบปุ๊บแม่งโคตรคิดถึงมันเลย วันนี้ก็เลยเป็นเหตุที่ทำให้ผมต้องมาหามันได้ให้

                   ทันทีที่ผมเข้าใจในสิ่งที่มันกำลังพูดถึงอยู่ว่าผมมีอะไรจะให้มันอ่าน ผมจึงหันหลังกลับไปเอื้อมมือหยิบแท็บเล็ตสีดำที่สอดอยู่ในซอกหนังสือบนชั้นหนังสือเล็กๆ เหนือโต๊ะคอมฯ ผมกดปุ่มเพาเวอร์ค้างไว้ครู่หนึ่งก่อนที่โลโก้รูปผลไม้สีขาวใหญ่จะค่อยๆ เฟดขึ้นมา ไม่นานนักหน้าปลดล็อคก็แสดงขึ้นให้ผมได้สไลด์เพื่อปลดล็อคมันทันที ผมกดเข้าไปในแอพฯทวิตเตอร์และค้นหาชื่อแอคเคาท์ @PlaiNiiw ก่อนจะกดไปยังลิงค์นิยายที่ผมได้ชื่นชอบเอาไว้และส่งแท็บเล็ตในมือของผมให้ไอ้ช็อมป์ที่เพิ่งจะเล่นเกมจบพอดี ไอ้ช็อมป์ยื่นมือมารับก่อนจะก้มลงอ่านตัวหนังสือยาวเหยียดที่อยู่ในมือทันที ก่อนที่ผมนั่งลงบนตักของมัน สักพักผมก็แอบสังเกตเห็นรอยยิ้มที่ค่อยๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าของมัน และนั่นก็ทำให้ผมเผลอยิ้มไปกับมันด้วย ครู่เดียวเหมือนว่ามันจะเริ่มรู้ตัวว่าถูกคุกคามทางสายตาอยู่ มันจึงเงยหน้าขึ้นมามองผมก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อยและหุบยิ้มลงอย่างรวดเร็วทันที

                   "ไปนั่งไกลๆ ดิ้ กูหนัก" มันเอ่ยปากไล่ให้ผมลุกออกไปนั่งไกลๆ จริงๆ ผมรู้ว่ามันไม่ได้หนักอะไรหรอกครับ แต่มันแค่เขินที่ผมไปนั่งจ้องหน้ามัน

                   "ไม่ต้องเขินหรอกน่า เมื่อคืนกูก็เป็นแบบมึงแหละ" ผมเอ่ยขึ้นอย่างรู้ทันพร้อมกับขำเล็กๆ กับอาการของมัน นานๆ ผมจะได้เห็นมันเขินแบบนี้สักที และเมื่อคืนผมก็เป็นแบบมันนี่แหละ อ่านแล้วก็นอนจิกหมอนกัดผ้าห่ม เขินเป็นบ้าอยู่คนเดียว ก็มันเป็นนิยายเรื่องแรกในชีวิตที่ผมตั้งใจอ่านอย่างจริงจัง แถมยังเป็นเรื่องราวของผมอีก ความฟินมันก็เลยยิ่งพุ่งพล่านเป็นเท่าตัวล่ะมั้ง และมันก็ไม่แปลกที่ไอ้ช็อมป์มันจะเอ่ยปากไล่ผมไปนั่งไกลๆ ผมก็เข้าใจเหตุผลของมันดีแหละ เขินล่ะสิมึง ผมแกล้งหยิกแก้มสองข้างของมันเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นจากตักและเดินออกจากตรงนั้นทันที

                   ผมเดินมาถอดกางเกงยีนส์ขายาวสีสนิมของตัวเองออกแล้วพาดไว้ข้างเตียงด้วยความเคยชิน อย่าเพิ่งคิดไปไหนครับคือมันอึดอัดอะ อีกอย่างผมก็ใส่บ็อกเซอร์อยู่อีกชั้นนึงภาพมันไม่อนาจารขนาดนั้นแน่นอน ทันทีที่ถอดกางเกงเสร็จผมก็เดินไปหยิบจอยเกมไร้สายของเอ็กซ์บ็อกก่อนจะเดินกลับมาทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นเอาหลังพิงปลายเตียง และทิ้งน้ำหนักนิ้วลงบนปุ่มที่ใหญ่ที่สุดบนจอยค้างไว้ทันทีเพื่อเปิดเครื่องเกม โทรทัศน์ที่ถูกเปิดช่องภาพยนตร์ต่างประเทศทิ้งไว้เมื่อครู่ถูกเปลี่ยนเป็นช่องเอชดีเอ็มไอโดยอัตโนมัติทันที ครู่เดียวเกมวินนิ่งของปีล่าสุดก็ถูกรันขึ้นมาจนเสร็จ ผมเลือกไปยังเมนูต่างๆ ด้วยความคล่องแคล่วก่อนจะกดเข้าโหมดเล่นคนเดียวและเริ่มบรรเลงนิ้วไปตามปุ่มและสติกขนาดพอดีนิ้วโป้งบนจอยอย่างเพลิดเพลิน จนกระทั่ง

                   "ไอ้สัดอย่าบัง" ผมสบถขึ้นก่อนจะเอี้ยวตัวเองไปข้างๆ สุดตัวเพื่อจะให้เห็นตัวละครของผมที่ถูกสลับไปมาในจอ เมื่อถูกไอ้คนที่เพิ่งลุกมาจากหน้าคอมฯเมื่อครู่ยืนแคะขี้มูกบังอย่างสบายใจเฉิบ ไอ้สัดทำไมมึงต้องมายืนแคะเหี้ยไรตรงนี้วะ แคะตรงอื่นแล้วมันแคะไม่ออกหรือไงไอ้ห่านี่ ไม่ใช่เพราะว่าจอมันเล็กเลยทำให้ทั้งร่างของมันที่มายืนบังอยู่จนทำให้มองอะไรไม่เห็นเลยหรอกนะ แต่มันเลือกจุดยืนได้น่าลุกขึ้นไปถีบมาก เล็งได้เซ็นเตอร์เป๊ะๆ ครู่เดียวเสียงเฮจากคนเชียร์ขอบสนามในเกมก็ดังขึ้น ไอ้ช็อมป์เอื้อมมือหยิบจอยอีกอันก่อนจะเดินมาทางผม

                   "เสมอละ เล่นใหม่" มันเอ่ยขึ้นเสียงเรียบอย่างไม่รู้สึกผิด จึงทำให้ผมต้องมองไปที่แถบสกอร์ที่ตอนนี้ฝ่ายตรงข้ามตีเสมอขึ้นมาจนได้ ไอ้เวรนี่ มึงหัดรอมั่งไม่เป็นหรือไงวะ ผมกดออกจากเกมในแมทช์นั้นทันที ก่อนจะเปลี่ยนโหมดไปเป็นเล่นสองคนแทน ไอ้ช็อมป์เดินมายืนข้างๆ ผมและทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง ก่อนจะยกขาขึ้นสูงแล้วแกล้งวางไว้บนหัวของผม มึงคิดว่าขามึงเบามากเลยดิไอ้ห่า ผมยกมือขึ้นตีขาของไอ้ช็อมป์ทันทีจึงทำให้มันต้องยอมเอาขาลงไปอีกฝั่งของตัวผม จึงทำให้ตอนนี้ผมนั่งอยู่บนพื้นระหว่างกลางหว่างขาของไอ้ช็อมป์ที่กำลังนั่งห้อยขาอยู่บนเตียง

                   เราสองคนต่างคนต่างเลือกทีมของตัวเองที่จะใช้ลงแข่ง แต่ก็ไม่วายที่ไอ้ช็อมป์ยังจะเอามือกับจอยเกมมาวางบนหัวผม สาบานว่ามึงยังเห็นว่าเป็นกบาลของเมียมึงนะไอ้ช็อมป์ ครู่เดียวหลังจากไอ้ช็อมป์เรื่องมากอยู่กับการเลือกสนามจนเสร็จระหว่างที่รอเกมกำลังโหลดมันก็ค่อยๆ แทรกตัวลงต่ำลงระหว่างแผ่นหลังของผมกับปลายเตียงจนทำให้ผมต้องเขยิบตัวเองเล็กน้อยก่อนที่ร่างของไอ้ช็อมป์จะนั่งลงบนพื้นได้สำเร็จ จึงทำให้ตอนนี้กลายเป็นผมนั่งพิงร่างของไอ้ชอมป์ที่กำลังนั่งซ้อนหลังผมอยู่ ก่อนที่มือของมันที่กำลังถือจอยอยู่จะอ้อมผ่านเอวของผมกึ่งโอบมาด้านหน้าและวางบนตักของผม

                   เกมเริ่มดำเนินไปอย่างไม่มีใครยอมใคร จนครึ่งแรกจบลงสกอร์ของไอ้ช็อมป์ตอนนี้นำผมไปห้าต่อสาม ก็ที่มันนำผมไปตั้งสองประตูเป็นเพราะผมแทบไม่มีสมาธิเลยน่ะสิ ก็มือของมันที่วางอยู่บนตักของผมเอาแต่ป้วนเปี้ยนอยู่ที่ไอ้ตรงนั้นของผม เดี๋ยวคลึงเดี๋ยวสะกิดจนผมนั่งก้นไม่ติดพื้นนั่งเด้งไปบิดมา แรกๆ ก็ไม่เท่าไหร่หรอก ซักพักเริ่มบีบไข่ผมมั่ง แกล้งล้วงเข้าไปในบ็อกเซอร์มั่ง แล้วใครมันจะไปมีสมาธิเล่นวะ และตอนนี้ไอ้นั่นของผมมันก็ตื่นตัวขึ้นมาเต็มที่ซะแล้ว

                   ครึ่งหลังของเกมดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนผมสามารถตีสกอร์ตามมันขึ้นไปได้อีกหนึ่งประตู มือของไอ้ช็อมป์ก็เริ่มปฏิบัติการลวนลามเป้าของผมอีกครั้งทันที และดูเหมือนครั้งนี้จะหนักหน่วงขึ้นกว่าเดิม เดี๋ยวก็บีบเดี๋ยวเค้นเดี๋ยวรูด ไหนจะบางจังหวะที่ทีมของมันได้เป็นฝ่ายส่งบอลแต่มันก็เล่นตัวไม่ยอมส่งสักที แล้วก็ใช้จังหวะนี้ล้วงเข้ามาในเสื้อผมมั่ง เล่นหัวนมของผมมั่ง ใครจะไปทนได้วะ ไม่นานนักที่เกมดำเนินต่อไปเรื่อยๆ แต่สมาธิผมกลับไม่ได้อยู่กับสิ่งที่ผมกำลังบังคับอยู่ในมือผมเลยสักนิด

                   "ช็อมป์ มึงทำกูเงี่ยน" ผมโพล่งขึ้นหลังจากความอดทนของผมสิ้นสุดลง ก่อนจะหันไปหาคนด้านหลังที่เพิ่งละสายตาจากเกมตรงหน้าหันมามองหน้าผมที่กำลังนั่งพิงไหล่ของมันอยู่ ผมรุกสัมผัสจากปากของผมแนบกับปากของคนที่สูงกว่าผมเล็กน้อยอย่างไม่รอช้า ไอ้ช็อมป์นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะรับสัมผัสจากปากของผมอย่างดูดดื่มเหมือนทุกครั้ง และทุกครั้งที่ผมได้รับสัมผัสจูบที่คุ้นเคยของมันตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ความรู้สึกของผมยังคงอบอุ่นและเร่าร้อนเสมอ หากแต่มันคล้ายว่าจะถูกแช่แข็งเอาไว้ให้เหมือนเดิมอย่างดีทุกอย่าง ผมยกแขนขึ้นโอบคอของมันของมันก่อนจะเผลอขยุ้มไปที่กลุ่มเส้นผมที่ด้านหลังของมันหลวมๆ อย่างลืมตัว ก่อนจะรู้สึกถึงอ้อมกอดที่เริ่มกระชับร่างของผมไว้ ไออุ่นจากลมหายใจของเราทั้งคู่คล้ายจะเป็นตัวการที่ทำให้ความเย็นจากแอร์ภายในห้องหายไปทันทีก่อนที่ใบหน้าของผมเริ่มอุ่นขึ้นอย่างรู้สึกได้ และบทจูบของเราก็หนักหน่วงขึ้นอีกคล้ายเป็นความต้องการที่ตรงกันจากคนสองคน

                   ไม่รู้ว่าเนิ่นนานแค่ไหนที่ปากของผมยังคงถูกครอบครองโดยผู้ที่เป็นเจ้าของๆ ผม ไม่เพียงแต่สิ่งที่เราสองคนกำลังใช้ร่วมกันอยู่ตอนนี้ หากแต่หมายถึงทั้งร่างกายและหัวใจของผม ที่ถูกผู้ชายคนนี้ครอบครองไปแล้วจนหมดสิ้น ครู่ใหญ่คนที่กำลังกอดผมอยู่ก็ผละริมฝีปากของตัวเองออกจากปากของผม ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นก่อนจะพบกับสายตาคู่นั้น สายตาที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี เป็นแววตาที่ผมไม่เคยจะสามารถบังคับตัวเองให้ละไปจากมันได้เลย สายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นและเปี่ยมไปด้วยความหมายทั้งหมดที่ผมไม่จำเป็นต้องพยายามค้นหาอะไรในสิ่งที่ผมอยากรู้ สายตาที่คล้ายจะมีคำตอบและความรู้สึกของผู้ที่เจ้าของถูกเขียนเอาไว้ในนั้นเพื่อให้ผมได้อ่านและรับรู้ถึงมันได้อย่างชัดเจนโดยที่เราไม่ต้องพูดอะไรกัน

                   "พร้อมยัง" ไอ้ช็อมป์เอ่ยถามขึ้นพร้อมกับละมือที่กำลังกอดผมอยู่ ขึ้นมาลูบหัวของผมเหมือนเห็นผมยังเป็นเด็กที่กำลังจะเริ่มหัดเรียนรู้สิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเอื้อมมือลงไปกระชากคอเสื้อของคนที่ยังนั่งเงยหน้ามองผมอยู่บนพื้นก่อนที่ร่างของมันจะลุกขึ้นยืนขึ้นตามแรงดึงของผม มันยืนมองหน้าผมก่อนที่ยิ้มเล็กๆ ของมันจะเผยออกจากมุมปากอย่างรู้ทันผม ผมออกแรงผลักไปที่หน้าอกแกร่งของมันทันทีจึงทำให้ร่างของมันหงายหลังไปนอนเอนเท้าศอกอยู่บนเตียง ก่อนที่ผมจะทิ้งตัวลงบนร่างของมัน

                   ไม่นานนักเสื้อผ้าและเครื่องประดับทุกชิ้นบนร่างกายของเราทั้งสองคนก็ถูกปลดเปลื้องออกอย่างรวดเร็ว เหลือก็แต่เพียงเชือกสีน้ำตาลเข้มที่ยังผูกอยู่ที่ข้อมือของคนที่อยู่บนร่างของผม มันถูกห้อยด้วยโลหะรูปฟันเฟืองสีทองขนาดเล็ก ผมละสายตาออกจากข้อมือของไอ้ช็อมป์และลูบไล้ไปตามผิวกายของมันอย่างคลั่งไคล้ผ่านแผ่นหลังกว้าง ก่อนที่มันจะยกตัวขึ้นสูงและยันแขนข้างหนึ่งไว้กับกำแพงเหนือหัวของผม ทำให้มัดกล้ามที่ผ่านการดูแลมาเป็นอย่างดีกลับเด่นสวยขึ้นมาให้ผมได้คลั่งไคล้มันขึ้นไปอีก มือหนาอีกข้างก็ยกขึ้นมาเสยไรผมที่ปรกหน้าของผมอยู่ ก่อนจะใช้ฝ่ามือเช็ดเม็ดเหงื่อที่ตอนนี้เริ่มผุดขึ้นมาเกาะอยู่บนหน้าผากของผมจนเปียกชุ่ม ผมยกมือขึ้นปลดเชือกสีน้ำตาลจากข้อมือของอีกคนที่ตอนนี้อยู่ห่างจากใบหน้าผมไม่ถึงคืบ มันเป็นสิ่งของชิ้นหนึ่งในชีวิตที่ผมรักมากที่สุด ใช่ มันเป็นหัวใจของผม หัวใจที่ผมใช้ทั้งหัวใจเพื่อที่จะแลกมันมา และตอนนี้หัวใจของผมก็อยู่กับคนที่ผมรักที่สุด และตราบใดที่ผมไม่ได้เป็นคนถอดมันเอง มันก็ไม่เคยหายไปจากข้อมือของมันเลย มันยิ่งทำให้ผมยิ่งมั่นใจ ว่ามันจะดูแลหัวใจของผมได้เป็นอย่างดี 

                   ผมวางสิ่งที่ผมเพิ่งปลดพันธนาการออกจากข้อมือของคนร่างสูงกว่าไว้บนหัวเตียง สำหรับตอนนี้มันคงไม่สำคัญ ในเมื่อผม ผมที่เป็นคนทิ้งตัวแทนของหัวใจไว้ให้มันดูแล อยากให้มันได้ดูแลหัวใจที่เต้นได้ดวงนี้ในช่วงเวลานี้ หัวใจของผมที่เป็นของคนที่อยู่ตรงหน้าผมแต่เพียงผู้เดียว ผมยกมือขึ้นโอบคอคนร่างสูงก่อนที่ร่างนั้นจะค่อยๆ โน้มลงต่ำตามแรงแขนของผม และบทจูบอันเร่าร้อนและเนิ่นนานบทแล้วบทเล่าก็เริ่มดำเนินต่อไปผ่านจังหวะที่อ่อนนุ่มสลับกับรุนแรงจนเกินกว่าที่คนสองคนจะหยุดยั้งมันไว้ได้

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×