ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Boss...คำสั่งรักคนเถื่อน

    ลำดับตอนที่ #41 : ตอนที่ 20 อุปสรรค์ที่ต้องฝ่าฝัน 100%ค่ะ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 394
      2
      28 มิ.ย. 57

    ตอนที่ 20

    อุปสรรค์ที่ต้องฝ่าฝัน

     

    “ใช่ครับ เพราะคนนี้ผมเลือกเอง”

    ตอบแบบเสียงดังฟังชัด ดวงตาคมกริบมองตอบมารดาด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าเขาเอาจริง เล่นเอาผู้เป็นมารดาผู้ไม่ออก ส่วนปาจารีนะหรือ เมื่อได้ยินคำตอบใบหน้าหยิ่งยโสของหล่อนก็ซีดลงทันตา ก่อนดวงตาจะวาวโรจน์ขึ้นด้วยความริษยา เมื่อเห็นนักรบแสดงท่าทีปกป้องพิรัชฎาจนออกนอกหน้า

    “ตากาย!

    นันทการส่งค้อนให้บุตรชายด้วยความขุ่นเคือง เจ้าลูกคนนี้จะไว้หน้าท่านบ้างสักนิดไม่ได้หรือไง...และเมื่อทำอะไรบุตรชายไม่ได้ ยิ่งทำให้ท่านเปลี่ยนเป้าหมายไปเพ่งเล็งสาวน้อยหน้าหวานที่ยืนอยู่ข้างลูกชายแทน

    “อะไรกันคุณ ลูกมาตั้งนานแล้ว ทำไมไม่พาเข้าบ้าน...เสียมารยาทเจ้าของบ้านที่ดีรู้ไหม”

    เมื่อได้ยินเสียงรถบุตรชายมาถึงนานแล้ว หากแต่ยังไม่เห็นเจ้าตัวเดินเข้าบ้านสักที รณชัยจึงลองออกมาดูแล้วก็ได้ยินบทสนทนาของภรรยาและบุตรชาย ซึ่งพฤติกรรมที่ศรีภรรยาแสดงออกต่อเด็กสาวแขกคนสำคัญของบุตรชาย ทำให้ท่านนึกอ่อนอกอ่อนใจไม่น้อย...

    “เอ๊ะ!...คุณชัย”

    นันทการไตวัดสายตาเขียวปัดใส่สามี แต่อีกฝ่ายกลับไม่ใส่ใจมองท่านด้วยซ้ำ...ท่านจึงได้แต่ยืนเน้นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความขุ่นเคือง ทั้งสามีและบุตรชายที่ไม่มีใครสนใจท่านเลย

    “สวัสดีครับคุณพ่อ / สวัสดีค่ะ”

    “ไหว้พระเถอะลูก ปะ...ตากาย ยายหนูด้วยเข้าบ้านกัน อาหารพร้อมที่โต๊ะนานแล้ว”

    “ครับคุณพ่อ...” สองพ่อลูกมองตากันอย่างเข้าใจ เนื่องจากรู้นิสัยของผู้เป็นมารดาดี

    “อย่าไปถือสาคำพูดของแม่ตากายเลยนะหนู...”

    “ค่ะ”

    ผู้เป็นประมุขของบ้านกล่าว ขณะที่กำลังพากสองหนุ่มสาวเดินเข้าบ้าน ซึ่งพิรัชฎาก็ส่งยิ้มตอบท่านถึงแม้จะไม่ใช่ยิ้มสดใสที่แสดงถึงความโล่งใจ แต่อย่างน้อยเธอก็ยิ้มออก แววตาอ่อนโยนและน้ำเสียงเอื้อเอ็นดูของรณชัย ก็ทำให้เธอลดความตึงเครียดที่กำลังเกิดขึ้นในใจลงบ้างเล็กน้อย

    ตลอดเวลาที่ห้องอาหาร จนกระทั่งย้ายมาห้องนั่งเล่น ไม่ว่าจะทำหรือพูดอะไร พิรัชฎารู้สึกว่าตัวเองเป็นโจรร้ายที่ถูกตำรวจจับตามองตลอดเวลา ถึงแม้นันทการมารดาของนักรบจะไม่ได้กล่าวอะไรที่ทำร้ายน้ำใจของเธออีก เนื่องจากถูกผู้เป็นสามีปรามเอาไว้ ซึ่งท่านก็คงเกรงใจและให้เกียตริสามีอยู่ไม่น้อย จึงยอมทำตามถึงแม้จะขัดใจก็ตาม ทว่าสายตาของท่านก็ไม่ได้เป็นมิตร ผิดกับปาจารีที่ท่านแสดงความเอื้อเอ็นดูอย่างเห็นได้ชัด เหมือนจะย้ำให้เธอได้รู้ว่าระหว่างเธอกับปาจารี ท่านไม่มีทางเลือกเธอ

    “อึดอัดมากไหม”

    นักรบหันมาถามขณะกำลังพาเธอมาส่งบ้าน แววตาห่วงใยหันมามองหน้าเธอแวบหนึ่งก่อนจะหันกลับไปมองถนน มือใหญ่ข้างหนึ่งกุมมือเธอไว้ ส่วนอีกข้างก็จับพวงมาลัย

    “คุณแม่ของคุณ ท่านคงไม่ชอบข้าวหอม...ท่าทางท่านบอกชัดเจนว่าต้องการคุณแป๊บซี่เป็นลูกสะใภ้”

    ถึงแม้พิรัชฎาไม่ตอบโดยตรง แต่คำถามของเธอก็บอกเขาได้กลายๆ ว่าเจ้าหล่อนก็ไม่ได้สบายใจเท่าที่ควร

    “ท่านต้องการ แต่พี่ไม่ต้องการสักหน่อย คุณแม่พี่ไม่มีทางบังคับพี่ได้ เรื่องนี้ท่านรู้ดี แต่ติดที่แป๊บซี่ที่คอยมาเบาหูท่านทุกวัน แถมยังชอบยกเอาการพูดคุยระหว่างผู้ใหญ่มาทำให้ท่านลำบากใจ จนท่านไม่มีทางเลือก...เพราะท่านเกรงใจครอบครัวของแป๊บซี่มาก”

    พิรัชฎาตั้งใจฟัง มองอีกฝ่ายอธิบายตาปริบๆ และนักรบคงเห็นสายตาคำถามของเธอ จึงได้กล่าวต่อโดยที่เธอไม่ต้องเอ่ยถาม

    “พ่อของแป๊บซี่เป็นผู้ใหญ่ที่มีคนนับหน้าถือตาในวงสังคม อีกทั้งยังเป็นเพื่อนสนิทของคุณแม่ตั้งแต่สมัยเรียน” คนนั่งฟังพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงรับรู้

    “ให้เวลาท่านบ้างนะ ถ้าท่านได้รู้จักข้าวหอมมากขึ้นกว่านี้ พี่กายรับรองว่าท่านจะลืมแป๊บซี่ไปเลย”

    “ค่ะ...มาถึงขนาดนี้แล้ว ข้าวหอมคงถอยไม่ได้แล้วสิค่ะ”

    “ถึงอยากจะถอย...พี่กายก็ไม่อนุญาต” กล่าวพร้อมกับยกมือนุ่มหอมกรุ่นขึ้นแตะจมูก จุมพิตแผ่วเบาปตามนิ้วเรียว

    “พี่กายตั้งใจขับรถสิค่ะ”

    ใบหน้าสวยแดงก่ำ กระชากมือกลับมากุมแก้มด้วยความกระดากอาย เมื่อถูกปลายจมูกของคนขับกดลงมาหนักๆ สองสามฟอด

    “ขอชื่นใจหน่อยก็ไม่ได้ ใจร้ายจัง...”

    นักรบอมยิ้ม แววตาแพรวพราว สีหน้าอิ่มเอิบ ปฏิกิริยาเขินอายหรือกิริยาใดๆ ของพิรัชฎา ทำให้ใจของเขาเต้นตึกตักสุขใจจนยากจะบรรยาย...

    เห็นแล้วไม่รู้สึกเบื่อเลยแม้แต่น้อย แถมยังอยากเห็นรอยยิ้มและดวงหน้าสวยๆ ของเธอทุกวัน...ซึ่งกี่ไม่นาน วันนั้นจะต้องมาถึง!...วันที่เขาได้ครอบครองผู้หญิงคนเดียวในดวงใจ ทั้งทางพฤตินัยและนิตินัย

     

           ตากายไปส่งยายหนูข้าวหอมเสร็จแล้ว กลับมาคุยกับพ่อหน่อยนะ

    คำบอกของบิดาที่กล่าวไว้ก่อนออกมาส่งพิรัชฎา ทำให้นักรบต้องย้อนกลับบ้านอีกครั้ง ต่างจากปกติที่เขาจะแวะพักที่คอนโดส่วนตัวเลย

    “มาแล้วเหรอพ่อตัวดี...”

    คุณหญิงนันทการมองค้อนบุตรชาย เมื่อนักรบนั่งลงตรงหน้าท่านเรียบร้อยแล้ว ขัดใจมากมายที่บุตรชายไม่ได้ดั่งใจท่าน...

    “พ่อไม่อ้อมค้อมแล้วกัน...จริงจังใช่ไหมคนนี้” ที่จริงรณชัยก็พอจะรู้คำตอบ ตั้งแต่บุตรชายพาสาวเข้าบ้าน เนื่องจากร้อยวันพันปีลูกชายของท่าน ไม่เคยพาใครมาแนะนำเช่นนี้

    “ครับ...ผมหมั้นเขาไว้แล้วด้วย แต่ยังไม่เป็นทางการ”

    “ย่ะ...แล้วหนูแป๊บซี่จะเอาไง พรุ่งนี้บ้านโน้นเขาจะมาเอาคำตอบแล้ว”

    “คุณแม่ก็บอกไปสิครับว่าผมไม่ได้รักแป๊บซี่ คงจะหมั้นหรือแต่งกับเธอไม่ได้”

    “ใช่...ผมว่าไม่เห็นจะยาก เราก็บอกเขาไปตามตรง ว่าลูกของเรามีคนที่กำลังคบหากันอยู่แล้ว เรื่องจะเป็นทองแผ่นเดียวกัน คงเป็นไปไม่ได้อีก” รณชัยเสริม

    “ได้ไงล่ะ ก็ทีแรกเราไม่ได้ปฏิเสธ ตอนนี้เป็นข่าวใหญ่โตทั่วบ้านทั่วเมือง ถ้าเราปฏิเสธทางโน้นเขาจะเสียหาย”

    “เสียหายตรงไหนครับแม่ ผมไม่เคยแตะต้องแป๊บซี่ อีกอย่างคงไม่มีพ่อแม่ดีๆ ที่ไหน ยอมให้ลูกแต่งงานกับผู้ชาย ที่ไม่ได้รักลูกสาวของท่านเลยหรอกนะครับ เพราะมันเท่ากับส่งลูกลงนรก”

    “ผมเห็นด้วยกับที่ลูกพูด เพราะการแต่งงานมันไม่ใช่เรื่องล้อเล่น แต่มันหมายถึงชีวิตทั้งชีวิต...ดังนั้นผมจะไม่บังคับลูกในเรื่องนี้เด็ดขาด”

    เหตุผลของนักรบทำให้คุณหญิงนันทการเถียงไม่ออก...พ่อลูกคู่นี้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย แล้วเสียงเดียวอย่างท่านจะชนะได้ยังไง

    “ตามใจ งั้นพรุ่งนี้คุณรับหน้าเองแล้วกัน” เมื่อทำอะไรไม่ได้จึงได้แต่มองค้อนทั้งสามีและบุตรชาย

    “แฟนเราเขาก็เป็นเด็กน่ารักดี พ่อชอบ...ว่างๆ ก็พามาบ้านบ่อยๆ นะ”

    “ครับ” นักรบยิ้ม เมื่อผู้เป็นพ่อเปิดทาง

    “แต่แม่ก็ยังยืนยันคำเดิม ว่าแม่ไม่เห็นด้วย...มีดีแค่หน้าตาหรือเปล่าก็ไม่รู้”

    “คุณก็อย่าอคติกับเด็กมันนักสิ ถ้าไม่มีอะไรดีลูกชายของคุณคงไม่รักไม่หลงหรอก...จริงไหม” ประโยคท้ายรณชัยให้มากล่าวกับบุตรชาย

    “ครับ รักมากหลงมากด้วยครับ เป็นไปได้อยากให้ไปขอพรุ่งนี้เลย”

    “ไม่มีทางย่ะ อย่างน้อยแม่ก็ต้องแสกนก่อนว่าดีจริง...ไม่ใช่พวกเห็นแก่เงิน เป็นปลิงมาสูบเลือดสูบเนื้อลูก”

    “ผมไม่ได้โง่นะครับคุณแม่” นักรบเถียง

    “แต่ความรักก็ทำให้คนตาบอด”

    คุณหญิงเชิดหน้าตอบไม่ยอมง่ายๆ เช่นกัน ยอมเรื่องปาจารีก็มากพอแล้ว จู่ๆ จะให้ไปขอสาวอีก...รอไปก่อนเถอะย่ะ

    “ผมแยกแยะได้ ไม่ใช่เอาอารมณ์มาเป็นใหญ่...”

    “แต่นั่นก็ไม่ได้เหมายความว่า ลูกจะเลือกคนดีที่เหมาะจะมาเป็นศรีภรรยา มากกว่านางบำเรอที่อยู่บนเตียง...”

    “เอาล่ะๆ...เรื่องนี้พ่อว่าคนละครึ่งทางดีกว่านะตากาย...คุณหญิงด้วย” รณชัยตัดบทเพราะไม่ใช่นั้นมวยคู่เอกคงไม่จบลงง่ายๆ แน่...ทิฐิแรงทั้งคู่

    “ตากายเรื่องไปขอยายหนูแฟนเราน่ะ พ่อไม่ขัดหรอกนะ เดี๋ยวพอจะไปคุยกับทางโน้นให้เป็นทางการอีกที แต่ช่วงนี้เราก็พามาทำความรู้จักกันอีกสักพักแล้วกัน แม่เราจะได้แสกนไปในตัวด้วย...ว่าไงคุณ ตกลงไหม แต่อย่าเข้มงวดเป็นว่าที่แม่สามีใจร้ายนักล่ะ เดี๋ยวเด็กมันจะใจเสีย เตลิดหนีไปก่อน”

    “ฉันมันชนกลุ่มน้อยจะพูดอะไรได้ล่ะ”

    “ครับ...”

    เมื่อประมุขของบ้านออกความคิดเห็น ซึ่งก็เป็นวิธีแก้ไขปัญหาที่ดี นักรบและคุณหญิงนันทการ จึงยอมทำตามโดยไม่มีข้อแม้...ถึงแม้ต่างคนต่างไม่ได้ดั่งใจอย่างที่ตนคิดไว้ก็ตาม

     

    “พี่เชนทร์ วันนี้ไม่ได้ไปทำงานเหรอคะ มาแต่เช้าเชียว”

    พิรัชฎาที่กำลังตักข้าวต้มเข้าปาก เงยหน้าขึ้นทักทายแขกที่เพิ่งเดินเข้ามายังห้องอาหาร ส่วนนุชนาถแค่ส่งยิ้มทักทายให้อีกฝ่ายเท่านั้น

    “พี่มารับคุณนุชไปทำงานน่ะ”

    “มาพอดีเลยตาเชนทร์ นั่งๆ กินข้าวต้มด้วยกันเลย” นวลนางยิ้มแป้นรีบตักข้าวต้มใส่ชาม แล้วส่งให้ชายหนุ่ม

    “ขอบคุณครับ...เกรงใจจัง อาศัยข้าวบ้านคุณน้าอีกแล้ว” ชายหนุ่มกล่าวกับผู้ที่ตักข้าวต้มมาให้ แต่สายตาและรอยยิ้มกับส่งให้คนที่นั่งตรงหน้า

    “เกรงจงเกรงใจอะไรคนกันเองทั้งนั้น...”

    “ถ้าเกรงใจก็กินเยอะๆ นะ...คนทำเขาจะได้มีกำลังใจ”  

    สาวน้อยที่สุดในกลุ่มยิ้มแป้นขณะกล่าว แต่ดูเหมือนไม่ได้รับความสนใจจากชายหนุ่ม เพราะรอยยิ้มและแววตาของคเชนทร์นั้นจ้องอยู่ที่ใบหน้าสวยของพี่สาวเธอเท่านั้น แววตาและรอยยิ้มที่ทั้งคู่มีให้กัน บ่งบอกได้ดีถึงความรักที่ทั้งคู่มีให้กัน ความรักของคนที่เธอรักทั้งคู่กำลังจะไปได้สวยสินะ

    “อิจฉา จะหวานกันไปถึงไหนคะ เดี๋ยวมดก็ได้เพ่นพ่านเต็มห้องครัวพอดี...”

    น้ำเสียงใสๆ ทำให้นุชนาถหลุดจากภวังค์ แก้มแดงปลั่งหันมายิ้มให้คนร่วมโต๊ะแบบเก้อๆ ส่วนคเชนทร์ก็แค่อมยิ้ม แล้วตักข้าวต้มเข้าปากโดยไม่ได้กล่าวอะไร

    “แล้วไปบ้านโน้นเป็นไงบ้าง” เอาแล้วไง ทำไปทำมาย้อนเข้าตัวเธอจนได้

    “เอ่อ...ก็ดีค่ะ”

    พิรัชฎายิ้มเล็กน้อยให้ผู้เป็นป้าที่พยักหน้ารับเนืองๆ โดยไม่ได้ซักไซ้ต่อ แต่เมื่อมีคนเปิดประเดนมีหรือเรื่องจะจบลงง่ายๆ

    “พูดถึงคุณกาย นึกยังไงพี่ก็นึกไม่ออกว่าเราสองคนไปแอบคบกันตอนไหน...บอกตรมตรงพี่ช็อคไม่น้อยเลยนะเมื่อคืน”

    คุณกาย...ผู้ชายคนนั้นคือคุณกายนะเหรอคเชนทร์มองหน้าเรียวสวยของพิรัชฎาอย่างต้องการคำตอบ ซึ่งหญิงสาวก็ยิ้มแห้งๆ ส่งมาให้ ซึ่งแค่นั้นคเชนทร์ก็เข้าใจทุกอย่าง ผู้ชายคนนั้นคนที่ทำให้พิรัชฎาร้องไห้บ่อยๆ คนที่ทำให้ใบหน้าสวยเศร้าเหม่อลอยเมื่ออยู่คนเดียว ก็คือนักรบนั่นเอง...เจ้าหล่อนคงจะทรมานและเป็นทุกข์มากทีเดียว ที่ต้องทนกับความรู้สึกที่ว่าทรยศพี่สาวตัวเอง โดยที่เธอก็ไม่มีทางเลือก เพราะคนที่เลือกทุกอย่างเป็นนักรบ พิรัชฎาก็แค่คนถูกกระทำที่แอบมีใจให้เขาเช่นกันเท่านั้น...ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนเงียบๆ ขรึมๆ ดูควบคุมตัวเองได้ดีอย่างนั้น จะทำอะไรบ้าๆ เช่นการตอบข้อความของเขามาด้วยถ้อยคำหยาบคาย บ้ากระห่ำใช้กำลังเพื่อให้ได้ครอบครองหญิงที่ตนมีใจ เฮ้อ..นี่แหละนะเขาว่าพิษรักแรงหึง

    “เอ่อ...มันมีเรื่องเกิดขึ้นหลายอย่าง ข้าวหอมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง...ข้าวหอมขอโทษนะคะที่ทำอะไรเหมือนหักหลังพี่นุช”

    “ไม่เห็นต้องทำหน้าเศร้าเลย พี่กับคุณกายก็ไม่ได้มีอะไรกัน มากไปกว่าเจ้านายกับลูกน้อง อาจจะมีบางช่วงที่เหมือนพี่เป็นคนพิเศษสำหรับเขา แต่พี่รู้ดีว่าทุกอย่างนั้นพี่หลอกตัวเอง คุณกายไม่เคยคิดอะไรกับพี่เลย...ข้าวหอมไม่ต้องคิดมากนะ ไม่ต้องกลัวว่าจะทำร้ายจิตใจพี่ เพราะพี่ไม่ได้คิดอะไรแล้ว ทำใจได้ตั้งนานแล้วด้วย”

    “แต่ว่าไม่นานมานี้พี่นุชยัง...”

    “ซื่อจริงๆ พี่ยอมรับก็ได้ว่านั่นเป็นเพราะพี่ประชดชีวิต พี่รู้ตัวว่าพี่รักคุณเชนทร์ แต่ดันเข้าใจว่าคุณเชนทร์กับเราเป็นแฟนกัน เลยประชดชีวิตอาภัพรักของตัวเองด้วยการทำงานหนัก ซึ่งก็พอดีที่คุณกายเขามีโปรเจคใหม่ และพี่กับเขาก็ต้องประสานงานไปดูงานด้วยกันบ้าง พี่จึงถือโอกาสนี้เอาคุณกายมาเป็นข้างอ้างบังหน้า จะได้ไม่มีใครจับได้ว่าพี่มันเลว แอบชอบแฟนน้องสาว...”

    “ข้าวหอมเข้าใจดีค่ะ เพราะข้าวหอมก็มีความรู้สึกไม่ต่างจากพี่นุช เราสองคนนี้ก็บ้าจริงๆ นะคะ”

    “ใช่...ทำไมผู้หญิงถึงชอบคิดเองเออเอง” คเชนทร์เสริมอย่างเห็นด้วย จึงทำให้เขาได้รับค้อนวงโตจากทั้งสองสาว

    “พี่เชนทร์ก็เหมือนกัน ได้ยินแบบนี้แล้ว ต้องรักและถนอมพี่นุชให้มากๆ นะ จะได้สมกับที่รอคอยมานาน”

    “รับรองด้วยชีวิตครับ”

    ชายหนุ่มยิ้มพรายตอบทันควันด้วยความมั่นใจ สายตาหวานล้ำมองหน้าแฟนสาวคล้ายจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัว(ถ้าทำได้อ่ะน่ะ) ทำเอาคนได้รับความรักเขินอายจนแก้มแดงปลั่ง เลยแก้เก้อด้วยการหันมาคุยกับพิรัชฎาต่อ

    “พูดก็พูดเถอะ พี่ไม่คิดเลยว่าคุณกายจะหยุดที่ผู้หญิงคนใดคนหนึ่งได้ ผู้ชายเย็นชา ไร้หัวใจอย่างนั้น ยากนักที่มอบหัวใจให้ใครได้ แต่ไม่นึกเลยว่าคนคนนั้นก็เป็นน้องสาวพี่เอง...ดีใจด้วยนะที่สามารถกุมหัวใจของเสือร้ายจอมเย็นชาได้”

    นุชนาถยิ้มละมุนอย่างจริงใจ

     “ดูเหมือนว่าเสือตัวนั้นจะขี้หึงด้วยนะครับ...พี่เคยเจอฤทธิ์เดชมาแล้ว”

    “เอ๊ะ! คุณเชนทร์กับคุณกายเคยปะทะคารมกันด้วยเหรอคะ” คิ้วสวยของนุชนาถขมวดมุ่น เมื่อคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างสงสัย

    “ก็ไม่เชิงครับ...”

    “ตายล่ะ...สายแล้วล่ะค่ะ ข้าวหอมไปทำงานก่อนนะคะ วันนี้พี่เชนทร์มารับพี่นุชใช่ไหม งั้นข้าวหอมเอารถไปนะ”

    เมื่อสายตาคำถามของนุชนาถเพ่งเล็งมาทานตน พิรัชฎาจึงรีบหาทางเลี่ยง ก็เธอไม่รู้จะอธิบายเรื่องของวันนั้นยังไงนี่น่า ใครจะไปรู้ว่าจอมเผด็จการของเธอ จะกล้าส่งข้อความบ้าๆ แบบนั้นมาให้คเชนทร์..

    “เดี๋ยวสิ...เอ๊ะ อะไรของเขายังคุยกันไม่จบเลย”

    ยังไม่ทันที่จะได้เรียกไว้ หญิงสาวก็หุนหันออกไปแล้ว นุชนาถจังหันมาหาคเชนทร์แทน แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบนอกจากรอยยิ้ม...

    นวลนางนั่งอมยิ้มฟังหนุ่มสาวสนทนากันเงียบๆ ด้วยความสุขใจที่ปัญหาทุกอย่าง ในส่วนที่ท่านกังวลคลี่คลายไปได้ด้วยดี...แถมยังดีมากด้วย

     

    หลังจากมีเรื่องยุ่งยากมากมายเกิดขึ้น วันเวลาผ่านไปทุกอย่างก็เริ่มคลี่คลายขึ้นตามลำดับ ความสัมพันธ์ของคเชนทร์กับนุชนาถรูดหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากทั้งคู่ต่างก็มีใจให้กันอยู่แล้วดังนั้นในเวลาไม่นานนัก ฝ่ายชายก็ให้ที่บ้านมาเจรจาสู่ขอนุชนาถไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนวันหมั้นและวันแต่งนั้นกำลังจัดหาฤกษ์

              ส่วนเรื่องระหว่างเธอกับนักรบ ถึงแม้จะได้รับการยอมรับมากขึ้นจากครอบครัวของเขา แต่กระนั้นคุณหญิงนันทการก็ยังมีท่าทีว่าไม่ชอบเธอนัก เพราะถึงแม้จะยกเลิกการหมั้นหมายทางฝั่งของปาจารีไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าท่านยินดียอมรับเธอเป็นสะใภ้...

           ฝ่ายด้านปาจารีเองก็เช่นกัน ถึงแม้การหมั้นหมายระหว่างเจ้าหล่อนกับนักรบจะจบลงแล้ว ผู้ใหญ่ก็เข้าใจกันดี เมื่อฝ่ายของนักรบออกมาแถลงข่าวขอโทษ แต่กระนั้นก็ใช่ว่าปาจารีจะยอมจบง่ายๆ เจ้าหล่อนยังคงวนเวียนหาเรื่องเธอตลอด นั่นคงเป็นเพราะว่าหล่อนรู้สึกเสียหน้ามาก จนพาลโกรธแค้นเธอเป็นการส่วนตัว ดูอย่างเช่นวันนี้ที่เจ้าหล่อนมาดักรอเธอถึงหน้าบริษัท

              “หยุดเดี๋ยวนี้นะ นางคนหน้าด้าน...” พิรัชฎาขมวดคิ้วมุ่นหันไปมองตามเสียงที่ตะโกนด่า ก่อนจะหยุดเดินแล้วหันมาเผชิญหน้า

           “คุณมีธุระอะไรกับฉันคะ”

           “ฉันก็จะมาเตือนสติเธอนะสิ ว่าอย่าหลงดีใจที่แกสามารถล้มเลิกงานหมั้นฉันได้ เพราะถึงจะเป็นอย่างนั้น แกก็ไม่มีทางชนะฉัน คุณหญิงป้าไม่มีวันรับแกเป็นลูกสะใภ้หรอก ฉันคนเดียวเท่านั้นที่ท่านเลือก”

           “ฉันรู้ดีค่ะ ขอบคุณที่มาเตือน”

              “เอ๊ะ!...อย่าเดินหนีฉันนะ”

    กล่าวจบพิรัชฎาก็หันหลังเดินเข้าสำนักงาน หากแต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว เธอก็ถูกกระชากอย่างแรงจากคนด้านหลัง

    “ปล่อย ฉันรีบจะถึงเวลาเข้างานแล้ว...” หญิงสาวสะบัดแขนออก

    “มีแฟนเป็นถึงเจ้าของบริษัท อย่ากระแตะรีบไปหน่อยเลย เข้าช้านิดช้าหน่อยคงไม่มีใครกล้าว่าเธอหรอก...”

    “ฉันไม่ใช่คนไร้วินัยแบบนั้น...”

    “กรี๊ดดดด...กล้าดียังไงมาต่อปากต่อคำกับฉันย่ะ” ปาจารีโกรธจนหน้าแดง ที่คำพูดเผ็ดร้อนของเธอไม่ได้ทำให้พิรัชฎารู้ร้อนรู้หนาวอย่างที่เธอต้องการเลย

    “...”

    พิรัชฎากรอกตาขึ้นฟ้าด้วยความอ่อนใจ ก่อนจะสะบัดเดินหนีสาวขี้วีนอีกครั้ง เธอเองก็ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดกับปาจารีเช่นกัน คนอะไรไร้เหตุผล งี่เง่า และเอาแต่ใจสุดๆ จนเธออดสงสัยไม่ได้ว่าคนรวยเขาเป็นอย่างนี้กันทุกคนไหม

    “ต่อหน้าคุณหญิงป้าทำเป็นอ่อนหวานไม่สู้คน แต่พอลับหลังล่ะร้ายไม่เบา อยากให้คุณหญิงป้ามาเห็นธาตุแท้ของเธอจริงๆ” ปาจารียังเดินตามอย่างไม่ลดละ

    “ไม่ใช่ฉันไม่สู้คน แต่ต่อหน้าผู้ใหญ่ฉันให้เกียรติท่าน รู้ว่าสิ่งไหนควรไม่ควร...”

    “มีอะไรกันน่ะข้าวหอม”

    นุชนาถที่เพิ่งลงจากรถของคเชนทร์ เดินหน้านิ่วตรงมายังจุดที่น้องสาวและปาจารยืนอยู่ทันที จากลักษณะที่เห็นไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทั้งสองกำลังมีปากเสียงกัน...และตอนนี้ก็กำลังเป็นที่สนใจของคนที่เดินผ่านไปผ่านมาอย่างมากทีเดียว

    “พี่นุช...”

    “คุณปาจารี...คุณมีธุระอะไรกับน้องสาวฉันเหรอคะ”

    “ไม่ใช่เรื่องของแก อย่ามาสะเออะ” ดวงตาของนุชนาถวาวโรจน์ของทันที ผู้หญิงอะไรปากจัดชะมัด

    “หน้าตาของดี ฐานนะทางสังคมก็ไม่เป็นรองใคร แต่นิสัยเหมือนไม่มีใครอบรม...ไปข้าวหอม คนประเภทนี้หลีกเลี่ยงได้ก็หลีก หลบได้ก็หลบ เพราะมันจะทำให้เราดูต่ำไปด้วย” นุชนาถมองอีกฝ่ายด้วยหางตา ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นสูงสะบัดพรึบ แล้วจูงมือน้องสาวเดินหนี

    “กรี๊ดดดๆๆๆ ฉันจะฟ้องคุณหญิงป้าว่าพวกแกรุมฉัน”

    “เชิญ!

    ไม่ใช่ว่านุชนาถไม่รู้ว่าปาจารีเป็นใคร และมีความสำคัญอย่างไร เธอรู้ดีว่าปาจารีสนิทสนมกับครอบครัวของนักรบอยู่ไม่น้อย ซึ่งสิ่งที่หล่อนตะโกนป่าวๆ อาจจะไม่ใช่แค่ขู่ แต่ปาจารีสามารถทำได้จริงๆ หากแต่ไม่มีเหตุผลอะไรที่พวกเธอจะต้องกลัวและก้มหัวให้ ถึงแม้ไม่ได้รวยล้นฟ้าและมีหน้ามีตาทางสังคมเช่นปาจารี แต่พวกเธอก็มีศักดิ์ศรีไม่น้อยไปกว่าใครเช่นกัน

           และหลังจากมีปากเสียงกับปาจารีได้แค่สองวัน พิรัชฎาก็ได้รับโทรศัพท์จากเบอร์แปลกไม่คุ้นตา ทว่าเมื่อกดรับสายเธอจึงรู้ว่าใครเป็นคนโทรมา และนั่นทำให้เธอนึกแปลกใจระคนสงสัยมากทีเดียว เมื่อปลายสายนัดเจอเธอเป็นการส่วนตัวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในอีกสองวันข้างหน้า โดยกำชับให้เธอไปคนเดียวและไม่ให้บอกใคร ไม่เว้นแม้แต่นักรบบุตรชายของท่าน...
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×