ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Boss...คำสั่งรักคนเถื่อน

    ลำดับตอนที่ #38 : ตอนที่ 18 ฤทธิ์รัก แรงริษยา100% แล้วค่ะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 563
      4
      29 เม.ย. 57

    “ข้าวหอมไปไหนนะคะแม่” คิ้วสวยขมวดมุ่น เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น แล้วไม่เห็นน้องสาวคนสวยมาร่วมโต๊ะอย่างที่เคย

    “ต่างจังหวัดกับเพื่อน” นวลนางวางอาหารจานสุดท้ายลง พร้อมนั่งที่หัวโต๊ะตำแหน่งประจำ สีหน้าปกติเหมือนไม่สงสัยอะไรเลย ซึ่งต่างจากนุชนาถที่ตอนนี้คิ้วผูกกันเพราะความสงสัยใคร่รู้

    “เมื่อเช้าไม่เห็นบอกเลย...”

    “เมื่อเช้าน้องออกจากบ้านสักพัก ก็โทรมาบอก...”

    “แปลกจัง...”

    “ช่างน้องเถอะนุช น้องโตแล้ว มีวุฒิภาวะมากพอที่เราจะปล่อยเขา ให้ทำตามสิ่งที่เขาเลือก...”

    “ใช่ครับ บางทีข้าวหอมอาจมีธุระด่วนก็ได้นะ”

    ชายหนุ่มที่นั่งเงียบฟังสองแม่ลูกคุยกันอยู่นานกล่าวขึ้นบาง คเชนทร์รู้ดีว่าพฤติกรรมแปลกๆ ของพิรัชฎานั้นเกิดขึ้นเพราะสาเหตุใด หากทว่าเขาไม่คิดจะปริปากบอกใครหรือพูดอะไรให้ใครระแคะระคาย เนื่องจากเรื่องนี้เขาเป็นแค่คนนอก รู้ดีว่าไม่ควรก้าวก่าย คนที่มีสิทธิ์พูดและบอกคนในบ้าน มีเพียงเจ้าของเรื่องคนเดียวเท่านั้น

    “นุชไม่ได้ว่าอะไรหรอกค่ะ แค่แปลกใจนิดหน่อย ปกติน้องไม่เคยเป็นอย่างนี้นี่ค่ะ...”

    “ช่วงนี้ข้าวหอมเขาเป็นแบบนี้บ่อยๆ จนแม่ชินแล้วล่ะ...เราเองต่างหากล่ะงานยุ่งจนไม่ได้สังเกต...”

    นวลนางได้ทีตำหนิบุตรสาวกลายๆ ถึงการกระทำหมางเมินที่นุชนาถมีต้องผู้เป็นน้อง ซึ่งเหตุผลหลักคงอยากตีตัวออกห่างจากหนุ่มข้างบ้าน ที่เจ้าตัวแอบมีใจให้ทั้งทีคิดว่าเป็นแฟนของน้อง

    “เอ่อ...”

    “อาหารฝีมือคุณน้าอร่อยทุกอย่างเลย ต่อไปผมขออนุญาตมาทานด้วยบ่อยๆ ได้ไหมครับ” เมื่อเห็นแฟนสาวเริ่มอึกอัก คเชนทร์จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ซึ่งดูเหมือนทุกคนจะเห็นด้วยอย่างยิ่ง

    “ตามสบายเลยจ้า มากินทุกวันก็ได้นะ คนแก่จะได้ไม่เหงา...อีกอย่างเรียกนงเรียกน้าอะไร ไม่ต้องแล้วนะ เรียกแม่ก็ได้ แม่อนุญาต” นวลนางยิ้มอ่อนโยน ขณะกล่าวกับว่าที่บุตรเขย

     “แล้วคุณล่ะครับ อนุญาตหรือเปล่า”

    ชายหนุ่มอมยิ้ม ดวงตากรุ้มกริ่ม มองคนตรงหน้าอย่างสิเน่หา ทำเอาคนถูกมองรู้สึกร้อนวูบวาบ ประหม่าขึ้นมาดื้อๆ

    “ในเมื่อแม่อนุญาตแล้ว นุชก็คงไม่ห้ามหรอกค่ะ...”

    “อร่อยก็ทานเยอะๆนะ” นวลนางอมยิ้มอย่างสุขใจ เมื่อเห็นประกายตาสุกสกาวของหนุ่มสาวทั้งสอง

    “ครับ”

    คเชนทร์หันไปตอบรับมารดาของหญิงคนรัก เขารู้สึกดีเมื่อได้รับรอยยิ้มและแววตาอ่อนโยน ซึ่งมองเขาไม่ต่างจากบุคคลในครอบครัว และนั่นทำให้เขาทำตัวเป็นสมาชิกของบ้านได้อย่างไม่รู้สึกอีลักอีเหล่

     

    “ถึงแล้วครับที่พักของเรา...”

    “...”

    นักรบหันมองคนหน้าบึ้งที่นั่งนิ่งไม่ยอมลงจากรถ เจ้าหล่อนแสดงความดื้อรั้นและประชดที่เขาลากเธอออกจากบ้าน ด้วยการนั่งเงียบตั้งแต่เริ่มเดินทางจนกระทั่งถึงที่พัก

    “เลิกงอนได้แล้ว...ดูสิหน้าบึ้งเชียว จะให้พี่กายทำยังไงถึงจะหายงอน”

    “พาข้าวหอมไปส่งบ้าน”

    “ข้อเสนอเดิมอีกแล้ว...ซึ่งคำตอบของพี่ก็คงเหมือนเดิม...” ชายหนุ่มกล่าวเสียงหนักแน่น

    “ไม่! ใช่ไหมคะ...งั้นข้าวหอมก็จะไม่ไปไหน จะนั่งอยู่อย่างนี้แหละ” พิรัชฎาเชิดหน้าขึ้น สะบัดหน้าหนีไปอีกทางด้วยท่าทีแสนงอน

    นักรบมองเด็กจอมดื้อด้วยความอ่อนใจระคนหมั่นไส้ อยากจะบีบจมูกเชิดๆ และกดจูบลงที่ปากจิ้มลิ้มแสนอวดดีนั้นเหลือเกิน ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ เห็นทีต้องใช้ไม้เด็ดปราบพยศเด็กดื้อเสียแล้ว และเมื่อคิดได้ดังนั้นดวงตาคมกริบก็แพรวพราวขึ้นทันที ชายหนุ่มเปิดประตูลงจากรถ แล้วเดินอ้อมมายังฝั่งของพิรัชฎา

    “จะทำอะไรคะพี่กาย”

    พิรัชฎาร้องถามหน้าตาตื่น ยันคนตัวโตให้อออกห่าง หากแต่ไม่เป็นผลเมื่อจอมเผด็จการแรงเยอะกว่าเธอหลายเท่านัก ไม่นานเขาก็ปลดเข็มนัดนิรภัยของเธอออก และวินาทีถัดมาร่างของเธอก็ลอยละลิ่วขึ้นจากเบาะ เข้าสู่อ้อมกอดอันแข็งแกร่งเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของเขา

    “ในเมื่อข้าวหอมไม่ยอมเดิน พี่ก็จะอุ้ม...”

    “ไม่ต้องค่ะ...ข้าวหอมเดินเองได้ ปล่อยข้าวหอมลงนะคะ คนเยอะแยะไม่อายเขาหรือไง...”

    “ไม่!

    “เอ๊ะ!

    คนตัวโตไม่ยอมทำตามที่เธอบอก แถมยังกดลงที่จมูกแก้มของเธออีกสองสามฟอดแล้วก้าวเดินเข้าสู่ตัวโรงแรม แล้วพาเธอขึ้นลิฟต์มาโดยที่ไม่ได้เช็คอินด้วยซ้ำ หากแต่เมื่อมาถึงห้องพนักงานกลับตอนรับอย่างดี ดูน้อมโน้มจนเธอนึกแปลกใจ

    “โรงแรมนี้ เป็นโรงแรมในเครือของบริษัทพี่เอง”

    เมื่อประตูถูกปิดและอยู่กันตามลำพัง เขาก็คลายความกระจ่างให้เธอ สงสัยจะสังเกตเห็นคิ้วที่ผูกกันเป็นปมของเธอละมั้ง คิดแล้วก็อดมองค้อนคนรวยอย่างหมั่นไส้ไม่ได้

    “วางข้าวหอมลงได้แล้วค่ะ”

    “วางแน่แต่ไม่ใช่ตรงนี้นะ”

    ใบหน้าหล่อที่มีรอยยิ้มจางๆ  บวกกับสีหน้าเจ้าเล่ห์และสายตาแพรวพราว ทำเอากายสาวสั่นสะท้านร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาทันใด ไม่อยากนึกถึงชะตากรรมที่กำลังจะเผชิญในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้เลย

     “ว๊ายยยยย...”

    เสียงใสร้องขึ้นด้วยความตระหนก เมื่อถูกโยนลงบนที่นอนใหญ่หนานุ่ม ก่อนที่ร่างสูงจะตามลงมาทาบทับติดๆ

    “ถอยออกไปห่างๆ เลยนะคนบ้ากาม ขับรถมาตั้งไกลไม่เหนื่อยบ้างหรือไง”

    “ลงโทษเด็กดื้อก่อน แล้วค่อยพักก็ได้...”

    “ลงโทษๆๆ...เอะอะก็ลงโทษอย่างเดียว ข้าวหอมว่ามันเป็นข้ออ้างมากกว่า อะไรนิดอะไรหน่อยก็ลากขึ้นเตียง คนลามก!

    “ด่าพอยัง ถ้ายังก็รีบด่ามาซะให้พอ พี่ให้เวลาอีกห้าวิ...เพราะนับจากนี้พี่กายจะฟังแต่เสียงครางของเธอ”

    “อีตาบ้า ลามก เจ้าเล่ห์ หื่นกาม คนไม่รู้จักพอ...อืมม์...”

    เสียงกรนด่าจากปากสีชมพูระเรื่อขาดหาย เมื่อคนตัวโตไม่เปิดโอกาสให้เธอได้เปล่งเสียงอีกแล้ว ปากหยักได้รูปบดขยี้ลงมาอย่างเร่าร้อน เรียวลิ้นอุ่นจัดซอนไซควานหาน้ำหวานในโพรงปากนุ่ม ดูดดึงเรียวลิ้นเล็กเรียกร้องการตอบสนองจากหญิงสาว ซึ่งไม่นานนักเขาก็ไม่รับการตอบสนองจากคนผิวผ่อง

    มือใหญ่ลูบไล้เคล้าคลึงไปทั่วเรือนร่างงาม พร้อมปลดเปลืองอาภรของตนและหญิงสาวออกอย่างชำนาญ และไม่นานเลยชายหนุ่มก็สามารถจัดการสิ่งกีดขวางที่กวนใจเขาได้สำเร็จ  

    “ยอดรักของพี่...”

    ชายหนุ่มพร่ำบอกอย่างหลงใหล เรือนร่างงามเต่งตึงแสนเซ็กซี่ซึ่งอ่อนระทวยอยู่ใต้ร่าง สร้างความปั่นป่วนให้แก่นกายหนุ่มร้อนระอุเกินควบคุม เรียวลิ้นร้อนจัดลากไล้ไปตามผิวเนื้ออ่อนนุ่มหอมกรุ่น ไล่ลงมาตั้งแต่ใบหู ซอกคอ ราบไหล่ ก่อนจะหยุดชื่นชมเนินนานที่ทรวงอวบอิ่ม

    เมื่ออารมณ์พิศวาสถูกปลุกเร้า พิรัชฎาถึงกับสมองขาวโพลน หัวใจเต้นแรง ร่างกายร้อนผ่าว ปั่นป่วนรัญจวนเกินควบคุม ตอนนี้เธอไม่ต่างจากเด็กน้อยที่ไม่สามารถคิดเองได้ สิ่งไหนที่เขาพร่ำบอกให้เธอทำ เธอไม่เคยขัด หนำซ้ำยังเต็มใจตอบสนองอย่างบ้าคลั่ง...

    ร่างสั่นสะท้านแอ่นอกรับอย่างเต็มใจ เมื่อทรวงสาวถูกดูดดึงขบเม้ม ลิ้นอุ่นของชายหนุ่มลากไล้ไปทั่วเรือนร่าง สร้างความเสียวซ่านรัญจวนจวนเจียนจะหายใจ และวินาทีถัดมาลมหายใจของเธอก็ต้องขาดห้วง เมื่อมืออันฉกาจของเขาไล้ต่ำลงไปกลางเรียวขา บดคลึงลูบไล้เนินสาวอย่างช่ำชอง ทั้งที่ปากหยักก็ยังดูดดึงขบเม้มยอดทรวงของเธอไม่ห่าง แต่ไม่นานนักใบหน้าหล่อของเขาก็ค่อยๆ เคลื่อนต่ำลง เรียวลิ้นอุ่นจัดไล้วนไปตามหน้าท้องแนบราบ สะดื้อสวย ต้นขานวลเนียน และวินาทีถัดมาใจกลางสาวก็ถูกครอบครอง

    “อาร์...”

    เสียงครางสุดเร้าใจดังก้องไปทั่วห้อง เสียงเนื้อกระทบเนื้อ เสียงเตียงสั่นไหว บวกกับเสียงหอบหายใจกระชั้นถี่ หนำซ้ำผ้าปูที่นอนอันราบตึงก็ยับยู่ยี่ บ่งบอกถึงบทรักอันเร่าร้อนที่กำลังดำเนินไปอย่างบ้าคลั่ง ร่างสองร่างแนบสนิทชิดกัน แม้กระทั่งอากาศก็ยังรอดผ่านได้ยาก เครื่องปรับอากาศอันเย็นช่ำไม่ได้ช่วยอะไรเลย เมื่อถูกความร้อนของไฟพิศวาสเล่นงาน...ซึ่งเกมรักของพวกเขาดำเนินไปอย่างเนินนาน กว่าจะจบลงด้วยความสุขสมทั้งกายและใจ

    “เหนื่อยไหม...”

    จมูกโด่งกดลงที่หน้าผากชื่นเหงื่อ มือใหญ่ลูบไล้แผ่วเบาไปตามแผ่นหลังเนียน ของคนที่นอนคว่ำหน้าอย่างหมดแรง หลังจากเพิ่งผ่านศึกแสนรัญจวน

    “...”

    พิรัชฎาไม่ตอบเพียงแต่พยักหน้ารับ แล้วรีบสูดอากาศเข้าปอด เนื่องจากรู้สึกได้ถึงลมหายใจของตนที่ยังขาดห้วงอยู่ แถมหัวใจยังเต้นแรงไม่หาย และไม่รู้เมื่อไรจะเข้าสู่ภาวะปกติเสียที...

    “งั้นพี่กายไม่กวนล่ะ พักผ่อนเถอะ...เย็นนี้เจอกันที่สระว่ายน้ำนะ”

    กล่าวจบคนตัวโตที่ตัดใจจากแผ่นหลังขาวๆ ของพิรัชฎา แล้วเลี่ยงไปอาบน้ำชำระร่างกาย กลับออกมาคนผิวผ่องก็หลับไปแล้ว นักรบอมยิ้มมองใบหน้าสวยอย่างรักใคร่ เดินเข้าไปจุมพิตเบาๆ ที่แก้มนวลแล้วตัดใจเดินออกนอกห้อง...เพราะไม่เช่นนั้นมีหวังเขาต้องกวนคนหลับอีกเป็นแน่

     

    เปลือกตาคู่สวยปรือขึ้นช้าๆ หลังจากได้พักผ่อนความเมื่อยล้าของร่างกายก็จางหาย ร่างเล็กค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งหัวเตียง มองสำรวจไปรอบห้องหรูที่จัดตกแต่งอย่างน่าหลงใหล สามารถมองเห็นทะเลแสนสวยเบื้องล่าง เนื่องจากห้องพักอยู่ชั้นสูงและไม่ได้ปิดม่านเอาไว้ จึงสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์แสนโรแมนติกของชายทะเลด้านล่างได้...

    เย็นนี้เจอกันที่สระว่ายน้ำนะ

    คำพูดจากผู้ชายตัวโตก่อนที่เธอจะผล็อยหลับ แวบเข้ามาในความคิด พิรัชฎาจึงเดินไปที่ขอบระเบียงก้มลงมองข้างล่าง ซึ่งพบสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ข้างโรงแรม ฝั่งหนึ่งของสระตกแต่งหรูหราโรแมนติกแบบชั้นสูงคล้ายอยู่กลางเมืองสวรรค์ ส่วนอีกฝั่งติดชายหาดสไตล์ชิวๆ ริมดื่มด่ำกับธรรมชาติให้ความสวยงามโรแมนติกไปอีกแบบ

    ติ้ง...

    เสียงข้อความโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ทำให้พิรัชฎาหลุดจากภวังค์ความคิด แล้วเดินกลับมาที่เตียง

    หกโมงครึ่งเจอกันนะครับ พี่กายรออยู่

    มือเล็กขาวสะอาดกดอ่านข้อความเสร็จ สายตาก็เหลือบไปเห็นชุดฮาวายแสนสวยที่แขวนไว้หน้าตู้ พร้อมโน้ตแปะไว้ว่า สำหรับเย็นนี้ครับ...

    พิรัชฎาอมยิ้ม ดวงตาเป็นประกายเมื่อนึกถึงเจ้าของลายมือบนแผ่นกระดาษ ถึงแม้เขาจะเผด็จการไปบ้าง แต่บางเรื่องก็น่ารักและเอาใจใส่ จนเธอไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะทำได้ เนื่องจากวันนี้เขาลากเธอออกมากะทันหัน ดังนั้นเธอจึงไม่มีอะไรติดตัวมาเลยนอกจากโทรศัพท์ หากทว่าตอนนี้ทุกอย่างพร้อมสรรพ ทั้งชุดราตรี ชุดว่ายน้ำ ชุดชั้นใน และของใช้ที่จำเป็นอีกหลายชิ้น นึกแล้วก็เป็นปลื้มที่เขาสามารถจำรายละเอียดยิบย่อยของเธอได้ แม้กระทั้งว่าเธอชอบใช้ครีมบำรุงผิวยี่ฮ้อไหน...

     หญิงสาวยิ้มหวานกับตัวเองได้ไม่นาน ก็ต้องหน้าตาตื่นรีบอาบน้ำแต่งตัว เมื่อเห็นว่าตอนนี้เกือบจะสิบแปดนาฬิกาแล้ว อีกแค่ประมาณครึ่งชั่วโมง ถ้ามัวชักช้าใจลอยมีหวังแต่งตัวไม่ทันแน่

     

    “เอ๊ะ!...นั่นมันคุณกายว่าที่คู่หมั้นเธอนี่แป๊บซี่ มากับใครอ่ะ”

    ทิพวรรณกล่าวหน้าตาตื่น ซึ่งเพื่อนๆ ในกลุ่มซึ่งมีทั้งหญิงและชายรวมทั้งหมดหกคน ต่างก็มองตามเธอเป็นตาเดียว

    “...”

    “ไหนเธอบอกว่าแฟนเธอติดงานด่วนมาไม่ได้ยังไงล่ะ...นี่นะเหรองานด่วนของเขา” เมื่อเห็นเปมิกายังเงียบ ทิพวรรณก็กล่าวต่อ

    “ฉันว่ามันอาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ได้นะ” เพื่อนสาวอีกคนกล่าวขึ้น

    “ใช่!

    “เข้าใจผิดบ้าอะไร...ภาพมันฟ้องเต็มตาขนาดนี้”

    เปมิกาเงียบน้ำเสียงเย้ยหยันของเพื่อนดังก้องอยู่ในหัว ดวงตาคู่สวยมองภาพข้างริมสระอย่างเดือดดาล ในอกรวดร้าวแสบร้อนเหมือนมีไฟเผา เมื่อวานเธออุตส่าห์ไปชวนเขาถึงบริษัทให้มาเที่ยววันหยุดด้วยกัน...ซึ่งนักรบก็ปฏิเสธเธอ ถึงแม้ตอนนั้นเธอจะไม่พอใจอยู่มาก แต่เธอก็ไม่คิดจะแสดงกิริยาไม่ดีออกไป ทว่าวันนี้เขากลับควงสาวอื่นมาเที่ยวกันสองต่อสอง...มันหมายความว่าอย่างไร นางเด็กนั่นมันสำคัญกว่าเธอตรงไหน! เธอเป็นว่าที่คู่หมั้นเขานะ ทำอย่างนี้กับเธอได้ยังไงแล้วเธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เพื่อนๆ มากันทั้งกลุ่มขนาดนี้...นี่ถ้ากลุ่มเพื่อนๆ ของเธอไม่เปลี่ยนทริปกะทันหัน เธอก็คงไม่เห็นเขากับเด็กคนนั้นสินะ...

    “เป็นฉันนะ ทนนั่งเฉยไม่ได้หรอก ป่านนี้ได้ไปแหกอกยายเด็กคนนั้นไปแล้ว” ทิพวรรณยังพูดไม่หยุด ทำเหมือนเธอเป็นฝ่ายถูกแฟนทรยศเองอย่างนั้น

    “อยู่เฉยๆ น่าทิพย์ เธอจะยุยงให้แฟนเขาทะเลาะกันทำไม...กินข้าวต่อดีกว่านะ บรรยากาศกำลังดี แกอย่าทำให้เสียสิ” กรวินถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย

    “ก็แฟนเราทำตัวไม่ดีเอง จะเก็บไว้บูชาเหรอย่ะ”

    “นายวินมันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ...มันแค่ไม่อยากให้งานกร่อย อีกอย่างมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขานะ...เราอย่าเข้าไปยุ่งดีกว่า”

    เพื่อนสาวอีกคนในกลุ่มกล่าวขึ้น ซึ่งสมาชิกในกลุ่มส่วนมากก็เห็นด้วย หากแต่คนที่มีไฟลุกโชนอยู่ในใจ ตอนนี้ไม่ว่าใครเธอก็ไม่สนใจทั้งนั้น นอกจากนักรบผู้ชายที่เธอหมายปอง

    “ชิร์ พวกเธอมันโลกสวย” ทิพวรรณสะบัดหน้าแสนงอน เมื่อเพื่อนในกลุ่มไม่มีใครเห็นด้วยกับคำพูดของเธอ

    “เอ๊ะ!...แล้วจะไปไหนแป๊บซี่” กรวินฉุดข้อมือของเพื่อนเอาไว้ ดวงตามาดร้ายของเพื่อนที่มองหญิงสาวคนนั้น ทำให้เขาไม่ค่อยไว้วางใจมากนักกว่าเปมิกาจะไปอาละวาดเหมือนอย่างเคย

    “อย่ายุ่ง...ฉันจะไปจัดการนางหน้าด้านนั่น” เปมิกาตวาดลั่น สะบัดมือออกอย่างเดือดดาล พร้อมกับตรงดิ่งไปทางนักรบอย่างเอาเรื่อง...

    “ฉันไปด้วย”

    ทิพวรรณรีบเดินตามด้วยความกระตือรือร้น กรวินและเพื่อนๆ อีกสามคนได้แต่ส่ายหน้า แล้วเดินตามสองสาวไปห่างๆ

     

    และเมื่อถึงเวลานัดหมาย ก็มีพนักงานมาเคาะประตู และนำเธอลงไปยังสระด้านล่างด้านชายหาด ซึ่งมีคนหล่อในชุดหนุ่มชายเลยืนรออยู่ก่อนแล้ว...ร่างสูงสวมกางเกงขาสั้นเสมอเข่า เสื้อกล้ามสีขาวสวมทับด้วยเสื้อลายดอก ดูหล่อสะดุดตาเย้ายวนใจ ต่างจากบุคลิกหล่อเนียบมาดขรึมที่เธอเคยเห็นเป็นประจำ...

    “สวยน่ารักมาก...”

    คำชมที่เขากระซิบบอกหลังจากเธอมาถึง ทำให้หัวใจดวงน้อยพองโตขึ้นคับอก อีกทั้งรอยยิ้มที่เขาส่งมาให้เกือบทำให้เธอละลาย อยากจะบอกเขาเหลือเกินว่าวันนี้เขาเองก็ดูดี...ดูดีจนเธอแอบนึกหวง ไม่อยากให้ใครได้เห็นรอยยิ้ม และแววตาทรงเสน่ห์คู่นี้นอกจากเธอ

    “ขอบคุณค่ะ วันนี้พี่กายก็หล่อเหมือนกันค่ะ”

    พิรัชฎายิ้มเอียงอายกล่าวแผ่วเบา และคำชมของเธอก็ได้รับรางวัลเป็นการจุมพิตแสนอ่อนหวานจากชายหนุ่ม ท่ามกลางสายลมเย็นๆ เสียงคลื่น และหาดทราย ที่รายล้อมไปด้วยโคมไฟสีส้ม ทำให้พิรัชฎาเพลิดเพลิน หลงละเมอคิดว่าอยู่ในทรวงสวรรค์

    “ไม่เอาค่ะพี่กาย อายคนอื่นเขา”

    “ชอบไหม ทั้งบรรยากาศและอาหาร ของโปรดข้าวหอมทั้งนั้นเลยนะ” นักรบยอมทำตามที่หญิงสาวบอกอย่างว่าง่าย พร้อมกับจูงมือบางพาไปนั่งลงที่โต๊ะ

    “ค่ะ โรแมนติกมาก...แต่เอ๊ะ พี่กายรู้ได้ยังไงคะ ว่าข้าวหอมชอบอาหารซีฟูดส์”

    “เรื่องของข้าวหอม...ไม่มีอะไรที่พี่ไม่รู้ พี่เอาใจขนาดนี้ พอจะทำให้คนขี้งอนหายโกรธพี่ได้หรือยังครับ”

    “ข้าวหอมไม่ได้โกรธพี่กายสักหน่อย แค่ไม่ชอบที่พี่กายเอาแต่ใจ ทำอะไรไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของข้าวหอมเลย”

    “พี่ขอโทษครับ...ก็พี่อยากมีเวลาส่วนตัวอยู่กับข้าวหอมสองคนนี่นา ที่บริษัทข้าวหอมไม่เคยให้พี่ไปหาเลย หนำซ้ำยังไม่ยอมให้พี่แสดงตัวว่าเป็นแฟนอีก มันอึดอัดรู้ไหม”

    “ก็พี่กายมีแฟนอยู่แล้วทั้งคน...ขอให้ข้าวหอมได้มีที่ยืนในสังคมบ้างเถอะค่ะ ถ้ามีใครรู้เรื่องของเรา คงไม่มีใครคบผู้หญิงไม่ดีอย่างข้าวหอม...อีกอย่างมันเป็นข้อตกลงระหว่างเรานี่ค่ะ ยังไงข้าวหอมก็ต้องยอมรับมันให้ได้”

    “แฟนพี่มีคนเดียวคือข้าวหอม และพี่ไม่เคยบอกว่าจะปิดบังความสัมพันธ์ของเรา”

    “แต่ครอบครัวของพี่ เลือกคนที่เหมาะสมให้พี่แล้ว ซึ่งผู้หญิงที่จะเคียงข้างพี่ในอนาคต ไม่ใช่ข้าวหอม คนที่พวกท่านเลือกไม่มีทางเป็นข้าวหอม แล้วจะมีประโยชน์อะไรที่เราจะเปิดเผยให้คนอื่นรู้ แค่แอบคบกับพี่ลับๆ ข้าวหอมก็รู้สึกแย่มากพอแล้ว ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังถูกเราหลอก อย่าให้ข้าวหอมต้องรู้สึกแย่มากไปกว่านี้เลยนะคะ”

    “พี่ว่าเราคุยเรื่องนี้กันบ่อยแล้วนะครับ..ทำไมข้าวหอมยังไม่ยอมเข้าใจพี่กายสักที”

    “ก็ข้าวหอมกลัวนี่ค่ะ กลัวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด จะเป็นแค่สิ่งที่ข้าวหอมคิดไปเอง...แล้วสุดท้ายก็ต้องมานั่งเสียใจ”

    “พี่จริงใจกับข้าวหอม ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ทุกคำพูด ล้วนมากจากใจของพี่กายทั้งนั้น ถ้าไม่เชื่อ!...”

    ขณะที่นักรบกำลังจะหยิบกล่องกำมะหยีออกจากกระเป๋า เสียงกรีดร้องแสบแก้วหูก็ดังมาขัดจังหวะเสียก่อน

              “กรี๊ดดดดดดดดดดดด...นางหน้าด้าน”

    “อุ้ย...”

    เผี๊ยะ!!...

    ไม่ถึงวินาทีพิรัชฎาก็ถูกกระชากออกจากเก้าอี้ ก่อนจะทรุดลงกับพื้นเพราะแรงปะทะจากแขกผู้ไม่ได้รับเชิญ โดยที่นักรบไม่สามารถช่วยเธอได้ทัน

    “ข้าวหอม!

    ชายหนุ่มรีบวิ่งเข้าไปประครองร่างบาง ดวงตาอ่อนแสงเมื่อครู่วาวโรจน์ขึ้นอย่างน่ากลัววาวโรจน์ เมื่อเห็นใบหน้าสวยแดงเทือกเป็นรอยนิ้ว มือเล็กที่กุมแก้มไว้บ่งบอกได้ดีว่าเจ้าหล่อนคงเจ็บและตกใจไม่น้อย

    “เธอทำบ้าอะไรของเธอแป๊บซี่...”

    ***  ลุ้นต่อๆ นะคะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×