ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไฟพิศวาสเทพบุตรแดนทราย

    ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่ 10 การเปิดตัวของคู่หมาย 50 % หลงัค่ะ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.86K
      14
      1 เม.ย. 55

    "อ้าว....มัณยา คุณมาทำอะไรอยู่ที่นี่ครับ" คาเบลมองคู่หมั้นสาวด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นเธอมานั่งรอที่ห้องอาหาร

    "ก็รอทานข้าวพร้อมคุณนะสิคะ" มัณยายิ้มหวานออดอ้อนชายหนุ่ม

    "รอทำไมครับ...ผมสั่งให้เด็กไปบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าไม่ต้องรอผม" คาเบลเอ่ยอย่างนึกห่วงที่มัณยามาหิ้วท้องรอเขา พร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้หัวโต๊ะ

    "ค่ะ มีคนไปบอกแล้ว แต่มัณยาก็อยากจะรอคุณ" คู่หมั้นสาวยิ้มกรุ่น กิริยามารยาทช่างดูอ่อนหวาน

    "โธ่...ผมก็เลยทำให้คุณต้องหิ้วท้องรอไปด้วย งั้น....ทานกันเถอะครับ" คาเบลยิ้มอบอุ่นให้มัณยา

    "ไม่เป็นไรค่ะ มัณยาเต็มใจรอคุณอยู่แล้ว..."

    รอยยิ้มหวานยังกระจายอยู่ทั่วใบหน้า จริตกิริยาก็ดูอ่อนหวานเรียบร้อย ดวงตาคมสวยปรายตามองผู้หญิงตัวเล็กๆ ผิวขาวผ่องที่เดินตามคาเบลมาอย่างสงสัย....

    "ใครคะ คุณคาเบล...." เมื่อทนเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ไหว มัณยาเอ่ยถามชายหนุ่มแผ่วเบา ทว่าสายตากลับมองหญิงสาวอีกคนด้วยความไม่ชอบใจ

    "นิลยาครับ เอ่อ...เธอเป็น นางในฮาเร็มของผมคนหนึ่ง" ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ สายตาคมเข้มเหล่มองใบหน้าหวานของนิลยาเล็กน้อย

    "นิลยา นี่คือคุณมัณยาคู่หมั้นของพี่" ก่อนจะกล่าวแนะนำให้นิลยารู้จักกับมัณยาอย่างเป็นทางการ

    "สวัสดีค่ะ" นิลยายิ้มหวานทักทายมัณยา

    "ค่ะ" มัณยาตอบรับเสียงแข็ง รู้สึกไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ ที่คาเบลเอานางบำเรอมานั้งโต๊ะอาหารร่วมกับเธอ

    "เป็นนางบำเรอในฮาเร็ม ทำไมไม่ทานข้าวที่ฮาเร็มล่ะค่ะ" มัณยาปรายตามองจิกนิลยา น้ำเสียงแหลมที่ปรับให้หวานกล่าวอย่างเหยียดหยัน

    "เอ่อ...."

    ใบหน้าสวยซีดเผือด เมื่อถูกอีกฝ่าย พูดจาดูถูกเหยียดหยาม แต่ก็ไม่รู้จะตอบโต้อย่างไรดี เพราะสิ่งที่อีกฝ่ายพูดก็เป็นเรื่องจริง

    "ผมให้นิลมาทานข้าวกับผมเอง" เสียงเข้มห้วนๆ เอ่ยขึ้น เพราะไม่พอใจคำพูดของมัณยาสักเท่าไร

    "อุ้ย!...มัณยาขอโทษค่ะที่เสียมารยาท มัณยานึกว่านางบำเรอที่นี่ จะอยู่เป็นที่เป็นทาง เหมือนนางบำเรอของคุณพ่อที่บ้านนะคะ" หญิงสาวแกล้งทำตกใจหน้าตาเศร้า แต่นัยน์ตาระรื่นไม่ได้รู้สึกผิดอย่างที่พูดเลยสักนิด

    "นิลไม่ใช่นางบำเรอของผม มัณยาโปรดให้เกียรติเธอด้วย ยังไงเธอก็เป็นเมียผมคนหนึ่ง" ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ จงใจให้มัณยารู้ว่าเขาไม่พอใจคำพูดของเธอเลย

    "เอ่อ...ขอโทษค่ะ"

    มัณยาหน้าถอดสีเล็กน้อย เมื่อคาเบลแสดงอาการไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน  เนื่องจากไม่คิดว่านางในฮาเร็มคนหนึ่งจะมีความสำคัญ ถึงขนาดทำให้คาเบลไม่พอใจเธอ

    "ทานข้าวเถอะครับ" คาเบลตัดบท

    "ค่ะ"

    มัณยายิ้มกรุ่นเก็บกดความไม่พอใจเอาไว้ในใจ เนื่องจากตอนนี้เธอไม่กล้าแสดงออกอะไรมากมาย เพราะดูจากลักษณะแล้ว คาเบลก็คงจะหลงยายเด็กคนนี้ไม่น้อย ไม่อย่างนั้นคงไม่ออกโรงปกป้องขนาดนี้...

    นิลยานั่งเงียบ เพราะไม่รู้จะตอบโต้หรือโต้เถียงมัณยาอย่างไร เนื่องจากสิ่งที่หญิงสาวพูดมาก็เป็นความจริงทุกประการ ทว่าในใจลึกๆ ก็รู้สึกดีใจไม่น้อย ที่คาเบลยังคงปกป้องศักดิ์ศรีของเธออยู่บ้าง ไม่ปล่อยให้มัณยาเหยียดหยามเธออยู่ฝ่ายเดียว......

    "นี่ค่ะคาเบล กินเยอะๆ นะคะ" เมื่อควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้แล้ว มัณยาจึงเริ่มหันมาประจบคาเบลต่อ

    "ขอบคุณครับ..." ชายหนุ่มยิ้มรับบางๆ

    "อาหารที่นี่อร่อยทุกอย่างเลยนะคะ อีกหน่อยมัณยาต้องอ้วนแน่ๆ เลย" คู่หมั้นสาวยังกล่าวอย่างสดใส

    "หุ่นสมส่วนอย่างคุณมัณยาคงไม่อ้วนหรอกครับ...."

    "แต่มัณยาเป็นคนกินเก่งนะคะ ยิ่งอาหารอร่อยอย่างนี้ กินไม่หยุดเลยล่ะค่ะ" หญิงสาวตอบรับพร้อมกับหัวเราะเสียงใส พยายามทำให้ตัวเองดูน่ารัก น่าเอ็นดูมากที่สุดในสายตาของคาเบล

     นิลยาปรายตามองสองหนุ่มสาวที่เป็นคู่หมายกันด้วยความเจ็บปวด เมื่อเธอไม่ต่างอะไรจากส่วนเกินในชีวิตของพวกเขา มัณยายังชวนคาเบลคุยเรื่องนั้น เรื่องนี้ ถามโน้น ถามนี่ จนทำให้เธออึดอัดไม่อยากทนนั่งฟังนั่งมองอีกต่อไป

    "อิ่มแล้วเหรอ" จู่ๆ เสียงเข้มก็เอ่ยถาม คนที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ รวบช้อนวางไว้ข้างจาน

    "ค่ะ" นิลยาตอบรับเสียงแผ่ว 'นึกว่าคุยกับคู่หมั้นเพลิน จนลืมว่าเธอยังนั่งอยู่ตรงนี้ซะอีก'

    "ทำไมกินน้อยจัง พี่เห็นเธอกินแค่นิดเดียวเอง"

    คาเบลเอ่ยถามด้วยความห่วงใย เพราะถึงแม้เขาจะสนทนากับมัณยา ทว่าสายตาของเขาก็สังเกตคนที่นั่งข้างๆ อยู่ตลอดเวลา

    "เอ่อ...นิลไม่ค่อยหิว" นิลยาก้มหน้าต่ำ ไม่กล้าสบกับดวงตาแหลมคมของอีกฝ่าย ที่มองเธออย่างต้องการรู้สาเหตุที่แท้จริง

    "นิลของตัวนะคะ" เมื่อเจ้าของบ้านไม่ได้กล่าวอะไร ร่างบางลุกเดินออกไป

    "เดี๋ยวก่อน นิล...." คาเบลเตรียมลุกตาม ทว่าเสียงหวานของสาวอีกคนก็ดังขึ้น ฉุดให้เขาต้องหันกลับมามอง

    "คาเบลค่ะ ไอ้แผ่นบางๆ นี่มันทำมาจากอะไรคะ อร่อยจังเลยเหมือนมันบดเลย...." มัณยายิ้มกว้างรีบดึงความสนใจของคาเบลให้กลับมาที่ตนอีกครั้ง....เธอไม่มีทางให้คาเบลตามยายเด็กคนนั้นไปหรอก

    "เอ่อ....ทำมาจากมันกับเผือกครับ"

    "ฮืม...อร่อยจังเลยนะคะ"

    หญิงสาวยังแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แกล้งยื้อให้ชายหนุ่มอยู่กับเธอต่อ เธอไม่สนใจหรอกว่าตอนนี้คาเบล อยากจะคุยกับเธอหรือไม่ ในเมื่อเธอต้องการให้เขาอยู่กับเธอ....เขาก็ต้องอยู่

    และในที่สุดคาเบลก็ไม่ได้ตามนิลยาไปอย่างที่ตั้งใจ เนื่องจากถูกมัณยาใช้เล่ห์มารยาดึงตัวเอาไว้ และด้วยมารยาทที่ดี จึงทำให้เขามิอาจทำตามที่ใจต้องการได้

     

    "นิลหายไปไหน ดึกดื่นป่านนี้ทำไมยังไม่กลับมาพักผ่อนอีก" เสียงเข้มเอ่ยถามชีดาด้วยหงุดหงิด เมื่อเข้าไปในห้องพักแล้วไม่เจอคนที่อยากพบ

    "ท่านหญิง...เอ่อ...."

    "ว่ายังไงชีดา นิลหายไปไหน" ชายหนุ่มถามย้ำด้วยความร้อนใจ เมื่อชีดาตอบอึกๆ อักๆ

    "ท่านหญิง กลับไปพักที่ห้องเดิมแล้วค่ะ"

    "ฮ้า! ว่าไงนะ ใครสั่งให้กลับไปนอนข้างล่าง..."

    เสียงเข้มตะโกนก้อง โมโหคนเลือดขึ้นหน้า เมื่อรู้ว่านิลยาย้ายกลับไปพักที่ห้องเดิม ทั้งที่พักอยู่กับเขามาได้ตั้งนาน จู่ๆ นึกอะไรขึ้นมาถึงได้หนีเขาไปนอนข้างล่าง มันน่าจับมาหักคอนัก...

    "ไปตามคนอวดดีขึ้นมาหาฉันเดี๋ยวนี้!" ดวงตาคมเข้มแข็งกล้า กรามขบกันแน่น ทำไมนะ...นิลยาจะต้องมาสร้างปัญหาเอาตอนที่เขากำลังเครียดและสับสนเช่นนี้ด้วย

    "ค่ะ" ชีดาโค้งรับคำรีบเลี่ยงออกไปทันที เนื่องจากน้ำเสียงและท่าทางของเจ้านายหนุ่มดูน่ากลัวเหลือเกิน เฮ้อ....ท่านหญิงนะท่านหญิง งานนี้ไม่รอดแน่ๆ

    ร่างหนากัดกรามแน่น หงุดหงิดและไม่พอใจมาก ที่นิลยาประชดเขาด้วยการหนีลงไปพักที่ห้องเดิม ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเธอเป็นอะไร ไหนบอกว่าไม่ได้หึงไม่ได้หวง แต่ประชดเขาเช่นนี้มันหมายความว่ายังไง?....

    ชายหนุ่มยืนรอไม่นานนัก ชีดาก็เดินหน้าซีดกลับมาหาเขาอีกครั้ง ด้วยอาการลำบากใจ ยิ่งเห็นสีหน้าของเจ้านายเธอก็ยิ่งนึกกลัว

    "ว่าไงชีดา" เสียงเข้มเอ่ยถาม เหลียวหาร่างบางที่คิดว่าเดินตามชีดาขึ้นมาทว่าไม่เห็น ดวงตาคมรี่มองสาวใช้ที่ยืนตัวสั่นหน้าซีดอย่างต้องการคำตอบ

    "เอ่อ...มานัล บอกว่าท่านหญิงหลับไปแล้วค่ะ"

    "หมายความว่ายังไง หลับไปแล้ว...นี่นิลคิดจะแข็งข้อ ไม่ทำตามคำสั่งฉันหรือยังไง"

    เจ้าของบ้านหนุ่มยิ่งโมโหเดือดดาลขึ้นไปอีก เมื่อคนตัวเล็กที่แสนว่านอนสอนง่ายเกิดแข็งข้อ ไม่ยอมทำตามที่เขาสั่ง

    "เอ่อ...."

    "อวดดี!...." คาเบลสบถเสียงดังลั่น ก่อนจะหุนหันออกไปจากห้อง

    "แย่แล้ว!...ท่านหญิงต้องแย่แน่ๆ เฮ้อ....ท่านหญิงไม่น่าขัดคำสั่งของนายท่านเลย รู้ทั้งรู้ว่าท่านไม่ชอบให้ใครขัดคำสั่ง" ชีดาหน้าตาตื่น มองตามนายหนุ่มด้วยความหนักใจ นึกห่วงสาวน้อยหน้าหวานเหลือเกิน เมื่อเห็นพายุอารมณ์ของคาเบล

     

    "นายของเธออยู่ข้างใน ใช่ไหม...."

    "เอ่อ...ค่ะ" มานัลก้มหน้าต่ำ ในใจตื่นกลัวเหลือเกินเมื่อเห็นใบหน้าคมบึ้งตึงของนายหนุ่ม

    "ชีดา....เอากุญแจสำรองมาเปิดประตูเดี๋ยวนี้!" คาเบลสั่งเสียงห้วน เมื่อเห็นว่าประตูล็อก ในใจนึกโกรธเคืองคนที่อยู่ในห้อง ที่ทำให้เขาหงุดหงิดจนแทบเป็นบ้าเช่นนี้

    "ค่ะ" ชีดารีบกระวีกระวาด เอากุญแจมาไขประตูให้นายหนุ่มด้วยมืออันสั่นเทา เฮ้อ....ท่านหญิงจะรู้ตัวไหมนะว่าพายุใหญ่กำลังจะย่างกรายเข้าไปในห้อง

    "หลบไป.... " เมื่อชีดาเปิดประตูได้สำเร็จ ร่างหนาก็ปรี่เข้าไปในห้องทันที

    ปัง!

    ก่อนจะปิดประตูตามหลังอย่างแรง

    "ท่านหญิงต้องแย่แน่ๆ เลยพี่ชีดา เราจะทำยังไงกันดี...." มานัลมีสีหน้ากังวล ยืนตัวสั่นอยู่หน้าห้องนายสาว โดยที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้

    "เฮ้อ...เราคงทำอะไรไม่ได้ นอกจากภาวนาให้พวกท่านเข้าใจกันโดยเร็ว" ชีดากล่าวอย่างนึกปลง สายตาจับจ้องอยู่ที่ประตูด้วยความห่วงใยไม่แพ้มานัล

     

    "อุ้ย!" นิลยาสะดุ้งโหย่งหันไปมองที่มาของเสียง ก่อนจะตกใจอ้าปากค้าง ดวงตากลมโตตื่นตระหนก เมื่อเห็นว่าเป็นใครที่เข้ามาในห้อง

    "พี่คาเบล" เสียงหวานเอ่ยออกมาแผ่วเบาคล้ายคนละเมอ

    "ใช่!...ตกใจมากหรือไง?" เสียงเข้มเอ่ย พร้อมกับย่างสามขุมเข้าไปหาร่างบางที่นั่งอยู่บนเตียง

    "ใครใช้ให้เธอลงมานอนที่นี่...." เสียงเข้มของคนโกรธคำรามถาม

    "เอ่อ...." ใบหน้าสวยซีดเผือด เมื่อเห็นท่าทางโกรธเกรี้ยวของอีกฝ่าย

    "กล้าดียังไง ถึงได้ขัดคำสั่งฉัน"

    "ก็นิลอยากพักห้องนี้...นิลไม่อยากกลับไปพักของพี่อีกแล้ว" เสียงหวานตวาดกลับเช่นกัน

    "ทำไม! เธอไม่พอใจฉันเรื่องอะไร...เรื่องมัณยานะเหรอ ไหนเธอบอกว่าไม่หึงยังไงล่ะ แล้วที่ทำมันหมายความว่าไง...ฮ้า!" ชายหนุ่มกระชากร่างบางเข้ามาหา แล้วตะคอกใส่หน้าเสียงดัง

    "ไม่ใช่!...นิลไม่ได้หึง แต่นางบำเรออย่างนิล ก็สมควรจะอยู่ในที่ของนิล" หญิงสาวเชิดหน้าขึ้นตอบ ดวงตากลมโตเริ่มคลอไปด้วยน้ำตา เมื่อนึกถึงฐานะที่แท้จริงของตน

    "ทำเป็นรู้ดี...ฉันเคยบอกเธอเหรอว่าเธอเป็นนางบำเรอ"

    "ถึงไม่เคย แต่นิลก็รู้ตัวดีว่าตัวเองเป็นนางบำเรอ" เสียงหวานกล่าวด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ยิ่งนึกถึงใบหน้าสวยของคู่หมั้นสาวของเขา ยิ่งทำให้เธอเจ็บปวด

    "ได้!...ถ้าอยากเป็นนางบำเรอนักฉันก็จะจัดให้...." คาเบลกล่าวเสียงเหี้ยม มองร่างระหงด้วยสายตาวาววับ

    "ว๊าย!..."

    กล่าวจบชายหนุ่มก็ผลักร่างบางลงไปนอนบนเตียง ก่อนจะตามลงไปคร่อมเอาไว้ ไม่ให้คนตัวเล็กดิ้นหนีไปไหน

    "พี่คาเบล อย่านะ ปล่อยนิล...." นิลยาพยายามดิ้นรน ผลักร่างกายออกจากกาย เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไร

    "ไม่ปล่อย!...อยากเป็นนางบำเรอไม่ใช่เหรอ...ไม่รู้หรือไงว่านางบำเรอเขามีหน้าที่อะไร"

    ร่างหนากล่าวด้วยความโกรธ ก่อนจะก้มลงคลอเคลียแถวซอกคอหอมกรุ่น 'ผู้หญิงอะไร คิดไปเองเป็นตุเป็นตะ อย่างนี้มันต้องสั่งสอนให้เข็ดหลาบ'

    "ไม่นะ...ปล่อย! พี่คาเบลบ้า...ปล่อย!...."

    ร่างเล็กหวาดหวั่นพยายามดิ้นรนขัดขืน แต่แรงอันน้อยนิดมีหรือจะสู้แรงมหาศาลของผู้ชายตัวโต แถมยังชำนาญเรื่องเล้าโลมเป็นที่หนึ่ง แล้วคนอ่อนประสบการณ์เช่นเธอ จะต้านทานเขาได้นานสักเท่าไร

    "อยู่เฉยๆ สิ จะดิ้นทำไม"

    เสียงเข้มทุ้มต่ำคำรามอย่างขัดใจ เมื่อร่างเล็กดิ้นขลุกขลักไม่ยอมอยู่นิ่ง ทว่าการเสียดสีและการสัมผัส เคล้าคลึงจากร่างบางนุ่มนิ่ม กำลังทำให้อารมณ์ร้อนแรงของโทสะ เปลี่ยนเป็นอารมณ์เร่าร้อนแห่งไฟปรารถนา

    "ปล่อยนิลนะ คนบ้ากาม...ฮื้อ..."

    มือเล็กที่รัวไปตามแผ่นหลังกว้าง เปลี่ยนมาเป็นโอบกอดลูบไล้ เมื่อความรัญจวนที่คาเบลมองให้ กำลังทำให้สติของเธอลืมเลือนทุกอย่าง

    ดังนั้นในเวลาไม่นานเสียงหวานที่เคยร้องประท้วง ก็เปลี่ยนเป็นเสียงครวญครางที่ดังก้องกังวาลไปทั่วห้อง ร่างบางที่คอยแข็งขืนก็โอนอ่อนคล้อยตาม ตอบสนองร่างหนาไปอย่างไร้เดียงสา ตามที่ชายหนุ่มเคยสอน ซึ่งถึงแม้หญิงสาวจะอ่อนหัด ทว่ากลับทำให้ร่างหนาผู้ชำนาญเรื่องรักอย่างเขาแทบคลั่งตาย...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×