ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไฟพิศวาสเทพบุตรแดนทราย

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3 อารมณ์อ่อนไหว

    • อัปเดตล่าสุด 11 มี.ค. 55





    ปกสมบูรณืไฟพิศวาสเทพบุตรแดนทราย
    สนใจสั่งจองกันได้นะคะ

    ตอนที่ 3

    อารมณ์อ่อนไหว

     

            "เฮ้อ...เสร็จสักที"

    มือเล็กขาวผ่องยกขึ้นปาดเหงื่อที่หน้าผากออกลวกๆ เมื่อทำความสะอาดห้องสุดท้ายเสร็จ สายตามองสำรวจไปรอบๆ ห้อง เพื่อตรวจตราความเรียบร้อยอีกครั้ง

                "ปะ...เสร็จแล้วก็รีบเก็บของกันเถอะ ฉันหิวแล้วเมื่อเช้าไม่ได้กินข้าว" มานัลเพื่อนร่วมงานของนิลยากล่าวพร้อมกับลูบท้องของตัวเองเป็นการยืนยัน

              "อ้าว...ทำไมล่ะ มีใครแกล้งไม่ให้มานัลกินข้าวเช้าหรือไง?" นิลยาเอ่ยถามอย่างสงสัยระคนเป็นห่วงใยเนื่องจากกลัวว่าหญิงสาวจะถูกใครกลั่นแกล้ง

              "นิลไม่ต้องทำท่าทางตกใจขนาดนั้นก็ได้...ที่ฉันไม่ได้กินข้าวน่ะ เป็นเพราะเมื่อเช้าฉันยังไม่หิว ไม่ได้มีใครแกล้งหรอก ไม่ต้องเป็นห่วง"

    มานัลยิ้มกรุ่นตอบอย่างอารมณ์ดี เมื่อเห็นท่าทางห่วงใยของเพื่อนใหม่ ในใจก็นึกยินดีไม่น้อยที่เพื่อนสาวแสดงท่าทีเป็นห่วงเธอ ทั้งๆ ที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน

                "งั้นก็แล้วไป...นึกว่ามีใครแกล้งหรือทำอะไรเธอซะอีก" นิลยากล่าวด้วยความโล่งใจ ก่อนจะเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดลงกล่อง

    "ถ้ามานัลหิวก็ไปก่อนเถอะ นี่มันก็จะเที่ยงอยู่แล้ว เดี๋ยวอุปกรณ์พวกนี้ฉันเอาไปเก็บเอง" นิลยากล่าวอาสา หลังจากเก็บอุปกรณ์เช็ดถูรวมไว้ในกล่องเรียบร้อยแล้ว

              "แต่ว่า ฉันทิ้งงานไปก่อนอย่างนี้จะดีเหรอ"

              "บ้า!...เรื่องแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก เอาของไปเก็บเฉยๆ ไม่ได้เป็นงานใหญ่โตอะไรสักหน่อย เธอรีบไปเถอะ เดี๋ยวก็ไส้ขาดหรอก"

                "อืม งั้นฉันไม่เกรงใจล่ะนะ...ไปล่ะ"

    มานัลยิ้มกว้างให้เพื่อนร่วมงานอีกครั้งก่อนจะรีบเดินจากไป ในห้องทำงานใหญ่ของเจ้านาย จึงเหลือเพียงนิลยาที่กำลังสำรวจความเรียบร้อยของห้องอีกครั้ง

    "อุ้ย!"

              "ว้าย!....."

              ขณะที่นิลยาหมุนตัวกลับเพื่อจะเดินออกไปจากห้อง หลังจากตรวจตราทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ร่างเล็กก็ชนเข้ากับอกแกร่งของใครบางคนเข้าอย่างจัง จนทำให้เสียหลักเซถลาเกือบล้มลงไปกองกับพื้น ถ้าไม่มีมือใหญ่ของใครคนนั้นช่วยพยุงเอาไว้ ป่านนี้ก้นของเธอคงจะถึงพื้นไปแล้ว

              "ท่านคาเบล"

    ดวงตากลมโตคู่หวานเบิกกว้าง มองใบหน้าหล่อคมเข้มของผู้ชายตรงหน้าที่อยู่ใกล้ใบหน้าของเธอไม่ถึงคืบอย่างตะลึง ใจเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะเมื่อเอวบางถูกวงแขนใหญ่รัดเอาไว้แน่น

                คาเบลร้อนผ่าวไปทั้งตัวอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อได้สัมผัสร่างบางนุ่มนิ่มในลักษณะเนื้อแนบเนื้อเช่นนี้ แถมใบหน้าสวยหวาน และปากลิ้มจิ้มอวบอิ่มก็เผยออยู่ใกล้ๆ ริมฝีปากของเขานี่เอง

              "ทำไมปากเธอน่าจูบเหลือเกิน" คาเบลเปรยออกมาคล้ายคนละเมอ

              "อะไรนะ...ฮื้อ...."  

    เสียงหวานขาดหายเข้าไปในลำคอ เมื่อคาเบลไม่ถามเฉยๆ เพราะปากหยักได้รูปของเขาก้มลงมาหาเรียวปากอวบอิ่ม ตามที่ใจสั่งทันที

              นิลยาตาเบิกกว้างเป็นสองเท่า ตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ เมื่อรับรู้ถึงแรงบดขยี้แสนรัญจวนทว่าหนักหน่วงที่กลีบปากบางของตน

                มือเล็กกำสาบเสื้อของร่างหนาเอาไว้แน่นก่อนจะเริ่มผลักไส เมื่อสติที่ขาดหายไปเริ่มคืนมา ทว่ากับไร้ผลเมื่อชายหนุ่มไม่ยอมให้เธอได้ทำตามใจ มือใหญ่ตรึงท้ายทอยเอาไว้แน่น ก่อนที่เรียวลิ้นอุ่นจะสอดเข้าไปทักทายกับเรียวลิ้นเล็กหวานฉ่ำในโพรงปาก

              คาเบลแทบคลั่งเมื่อได้สัมผัสความหอมหวานที่อีกฝ่ายซ่อนไว้ ร่างเล็กสั่นเทาด้วยความตื่นตระหนก และการตอบสนองแบบกล้าๆ กลัวๆ ของคนอ่อนประสบการณ์ ทำให้เขารู้ว่านี่เป็นจูบแรกของเธอซึ่งมันทำให้เขารู้สึกดีอย่างประหลาด

    นิลยารู้สึกร้อนผ่าวเหมือนมีกระแสไฟวิ่งพล่านไปทั่วร่าง เมื่อมือใหญ่เริ่มอยู่ไม่เป็นสุขเคลื่อนไหวไปตามร่างกายของเธอ...คนอ่อนประสบการณ์สะดุ้งทุกครั้งที่ถูกมือใหญ่สัมผัสบีบเค้นไปตามจุดอ่อนไหว

              คนที่เริ่มควบคุมตัวเองไม่อยู่หายใจติดขัด เลือดในกายวิ่งพล่านความปรารถนาพุ่งสูงจนน่าตกใจ เมื่อได้สัมผัสร่างงามกลิ่นหอมกรุ่น ทั้งๆ ที่หญิงสาวยังอ่อนหัดแต่กระนั้นกลับทำให้ผู้ชำนาญอย่างเขาแทบคลั่ง

                นิลยาสะดุ้งเฮือกสติทั้งหมดกลับคืนมาอีกครั้ง เมื่อร่างบางถูกอุ้มมาวางบนโซฟาตัวใหญ่ สองมือเล็กเริ่มผลักไสร่างหนาออกจากตัวอีกครั้ง ในใจหวาดหวั่นระรัว กลัวสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตน

              "อย่าค่ะ ท่านคาเบล"

    เสียงหวานแหบพร่าร้องห้ามคนตัวโต เมื่อจมูกและปากของเขายังคงคลอเคลียไม่ห่าง แต่ดูเหมือนร่างหนาจะไม่รับฟัง เพราะตอนนี้ชุดกระโปรงของเธอถูกมือใหญ่ของเขาถลกขึ้นมาเรื่อยๆ

              "ท่านคาเบลได้โปรด" ร่างเล็กเกือบเปลือยสั่นระริกรู้สึกกลัวจับใจ เมื่อสบดวงตาปรารถนาของอีกฝ่าย ที่มองสำรวจเธออย่างจาบจ้วง

              "อย่าห้ามฉันเลยนะ" เสียงทุ้มต่ำลึกกระซิบข้างๆ หู ก่อนจะใช้ลิ้นเลียซอกคอหอมกรุ่นแล้วลากลงมาทางหน้าอก

              "ไม่นะ...ท่านคาเบล"

    ใบหน้าสวยส่ายไปมามือเล็กพยายามปัดป้อง เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไร แก้มใสแดงระเรื่อ ทั้งอายทั้งกลัวถึงแม้สัมผัสที่ชายหนุ่มมอบให้ จะทำให้เธอเคลิบเคลิ้มหลงใหล ทว่าสามัญสำนึกส่วนลึกมันบอกให้เธอปฏิเสธการกระทำของเขา

              "นิลยา...เธอสวยมาก...."

    คาเบลคำรามอย่างขัดใจในคำลอ พร้อมกับจับมือเล็กของหญิงสาวเอาไว้มั่น ไม่ได้สนใจฟังคำร้องขอของอีกฝ่ายเลย เพราะตอนนี้สายตาและสมองของเขากำลังจดจ่อและชื่นชมร่างงามตรงหน้าเท่านั้น

              "อย่าค่ะ......." หญิงสาวร้องห้าม เมื่ออีกฝ่ายปลดเปลื้องอาภรของเธอออกจากกาย

    "อย่าห้ามฉันเลย ขอฉันเถอะนะ...ที่จริงฉันไม่เคยคิดจะทำกับเธออย่างนี้ ทว่าตอนนี้ฉันห้ามตัวเองไม่ได้แล้วจริงๆ" ชายหนุ่มกล่าวอ้อนวอน เมื่อคนตัวเล็กพยายามปฏิเสธ

    "แต่นิลกลัวค่ะ" ร่างบางสั่นเทาบ่งบอกได้ดีว่าเธอกลัวจริงๆ

    หญิงสาวไม่ได้คิดจะขัดขืนความต้องการของเขา ถึงแม้เธอจะหวงแหนความสาวมากเพียงไร ทว่าเมื่อเขาขอ....มีหรือเธอจะให้ไม่ได้ เพราะผู้ชายตรงหน้าคือผู้ให้ชีวิตใหม่กับเธอ สิ่งไหนที่เธอตอบแทนบุญคุณเขาได้ เธอพร้อมจะทำ แต่สิ่งแปลกใหม่ที่ไม่เคยพานพบกำลังทำให้เธอรู้สึกกลัวจับใจ

    "ไม่ต้องกลัว...เชื่อฉัน ฉันจะค่อยๆ"

    คาเบลปลอบประโลมพร้อมกับจัดการปลดเปลื้องอาภรของตน ออกอย่างรวดเร็ว แล้วกลับมาหาร่างงามอีกครั้ง แล้วค่อยๆ ประสานรวมร่างเป็นหนึ่งกับร่างระหง

    "โอ๊ย!...."

    "บ้าซิบ!"

    คาเบลสยบอย่างหัวเสีย เมื่อเขาไม่สามารถเข้าไปในกายของหญิงสาวได้ดั่งใจ เพราะมีกำแพงขวางกั้นทางเข้าของเขาเอาไว้

    "ท่านคาเบล ได้โปรด...เจ็บ..."

    นิลยาดิ้นรนสุดแรงน้ำตาไหลนองหน้า เมื่อความเจ็บแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ราวกับจะฉีกร่างเธอออกจากกันเป็นเสี่ยงๆ

    กริ๊ง.....กริ๊ง....กริ๊ง.....

    เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นแต่คาเบลไม่คิดจะสนใจ เขายังพยายามที่จะทำลายกำแพงรักของหญิงสาวเข้าไปภายในให้ได้

    "อย่าดิ้นสิ ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเจ็บ เธอยิ่งตัวเล็กๆ อยู่นะ"

    คาเบลกัดกรามแน่นหยุดตัวเองไว้ที่ปากทางเข้า เมื่อร่างบางดิ้นรนไม่ยอมรับเขาเข้าไปภายในอย่างที่ต้องการ

    กริ๊งๆๆๆ

    เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งเนื่องจากโทรมาครั้งแรก แล้วเจ้าของเครื่องไม่รับ

    "ใครโทรมาตอนนี้วะ" คาเบลสบถอย่างหัวเสีย พร้อมกับค่อยๆ ดันตัวเองเข้าไปในร่างของหญิงสาวอีกครั้ง

    "ท่านคาเบลได้โปรด....." นิลยาร้องขอทั้งน้ำตา ใบหน้าสวยแหยแกด้วยความเจ็บปวด มือเล็กผลักดันร่างหนาให้ออกห่าง เมื่อเขาพยายามรุกล้ำเข้ามาในกายเธอให้ได้

    "อยู่เฉยๆ สินิล...จะได้ไม่เจ็บ"

    คนที่ต้องการครอบครองเรือนร่างเย้ายวน ยังคงพยายามปลอบโยนให้หญิงสาวคลายกังวล เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มใบหน้าคม ซึ่งไม่ต่างจากดวงหน้าสวยที่ตอนนี้ทั้งเหงื่อทั้งน้ำตานองหน้าไปหมด

    กริ๊งๆ

    เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นครั้งที่สาม

    "บ้าเอ๊ย!"

    คาเบลสบถเสียงดัง ยิ่งเห็นน้ำตาของนิลยา ยิ่งทำให้เขารู้สึกสับสน ความต้องการทางกายที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมากมายทำให้เขาไม่อยากหยุด ทว่าเสียงร้องขอของหญิงสาวก็ทำให้เขารู้สึกหวั่นไหว จึงทำให้เขาพยายามควบคุมตัวเองให้มากขึ้น

    'นี่เราเป็นคนใจร้าย ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน'

    "ท่านคาเบลคะ ได้โปรดนิลยังไม่พร้อม...." นิลยาขอร้องอีกครั้งเมื่อเห็นแววลังเลจากสายตาคมเข้ม  ใบหน้าสวยเศร้าโศกวิงวอนอย่างน่าสงสาร

    กริ๊ง.....กริ๊ง....กริ๊ง.....

    "โถ่ เอ๊ย! ใครโทรมาตอนนี้วะ ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญมึงตายแน่" คาเบลคำรามออกมาอย่างเหลืออด ก่อนจะยอมถอนกายออกจากร่างงามอย่างเสียดาย

    นิลยารีบกระเด้งตัวลุกขึ้น มือเล็กดึงชุดกระโปรงที่กองอยู่บนตามพื้น มาสวมลวกๆ

              "ไปซะ...."

    คาเบลตวาดไล่ร่างเล็กเสียงดัง ร่างสูงลุกขึ้นหันหลังให้หญิงสาวทันที เพราะถ้าร่างบางไม่รีบไปจากเขา มีหวังเขาห้ามตัวเองไม่ได้แน่

                "ค่ะ"

    เมื่อสวมเสื้อผ้าเรียบร้อย นิลยารีบวิ่งออกไปจากห้องทันที เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากหว่างขาเรียว ก่อนจะหยุดลงบนพื้น แต่นิลยาไม่คิดจะสนใจเพราะตอนนี้สิ่งที่เธอต้องการ คือหนีไปให้ไกลจากคาเบลมากที่สุด

              คาเบลหันกลับมามองโซฟาตัวใหญ่อีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงปิดประตู คราบเลือดสีสดที่หยดอยู่ตามพื้นทำให้เขารู้สึกใจหาย...เขาคงเป็นผู้ชายใจร้ายที่สุด ถ้ายังดึงดันจะครอบครองเธอ

                กริ๊งๆๆๆ

            "ใครโทรมาวะ มีธุระสำคัญแค่ไหนเชียว ถึงได้โทรไม่เลิกอย่างนี้"

    คาเบลก้มลงไปหยิบกางเกงที่กองอยู่บนพื้น ก่อนจะล้วงเข้าไปหยิบโทรศัพท์เครื่องจิ๋วที่อยู่ในกระเป๋าขึ้นมาดูเบอร์ที่แสดงอยู่หน้าจอ ก่อนจะกดรับเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของใคร

              "ว่างไง ท่านชีค นายไม่มีอะไรทำแล้วหรือไง ถึงได้โทรมารบกวนคนอื่นเขาอย่างนี้"

    คาเบลต่อว่าเพื่อนรักอย่างหัวเสีย เมื่อรู้ว่าเบอร์ที่โทรมาหลายต่อหลายครั้งเมื่อสักครู่ เป็นของชีคจามินเอล เพื่อนรักของเขานั่นเอง

                "เฮ้ย!...นายเป็นอะไรของนายวะคาเบล อารมณ์เสียเรื่องอะไร" ชีคหนุ่มเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ เมื่อถูกเพื่อนหนุ่มตวาดใส่

              "ก็....ก็เรื่องที่นายโทรมานี่แหละ โทรมาทำไมนักหนา ถ้าว่างก็รับแล้วสิ....ไม่รับก็แสดงว่าไม่ว่าง นายก็ยังจะโทรมาอยู่ได้"

    คาเบลเลี่ยงไม่ตอบความจริง....เพราะจริๆ แล้วเขาไม่ได้หัวเสียเรื่องชีคจามินเอลโทรมาสักเท่าไรหรอก แต่หัวเสียที่อารมณ์ค้างมากกว่า

                "เฮ้อ...นายเป็นอะไรมากหรือเปล่าวะ ปกตินายรับโทรศัพท์ของฉันได้ตลอดเวลานี่นา ขนาดเวลาอย่างว่า...นายยังรับโทรศัพท์ฉันได้เลย" ชีคหนุ่มกล่าวอย่างนึกขำ ไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวอารมณ์เดือดดาลของเพื่อนหนุ่มเลย

              "เอ่อ....ฉันกำลังอารมณ์ไม่ดี นายมีธุระอะไรก็พูดมา อย่าพูดถึงเรื่องอื่นเลย" คาเบลตัดบท เพราะไม่อยากนึกถึงสาเหตุที่ทำให้เขาอารมณ์เสีย

              "เหมืองทางใต้มีปัญหานิดหน่อย ฉันอยากให้นายไปดูแลแทนฉัน....ฉันไปไม่ได้" เมื่อเพื่อนรักถามเป็นการเป็นงาน ชีคหนุ่มจึงบอกถึงจุดประสงค์ที่เขาโทรมาหา

              "ทำไมถึงไปไม่ได้ล่ะ"

                "กรียากำลังท้องลูกคนที่สองอยู่นะสิ ไม่อยากทิ้งเขาไปไหน...." ชีคหนุ่มบอก

              "ก็เอาไปด้วยสิ"

              "เอาไปด้วยก็ไม่ได้...." น้ำเสียงที่กล่าวมีแววห่วงใยออกมาอย่างชัดเจน

              "อ้าว...ทำไมล่ะ?"

    คาเบลเอ่ยถามอย่างสงสัย ที่พักในเหมืองก็ออกใหญ่โตไม่ได้ลำบากสักหน่อย ทำไมท่านชีคเพื่อนรักถึงไม่ยอมพาพระชายาคนสวยไปด้วย

              "ไม่อยากให้เดินทางไปไหน เดี๋ยวครรภ์กระทบกระเทือนน่ะ" ชีคาจามินเอลบอก ก็เขาห่วงเมียเขานี่นาไม่อยากให้เดินทางไปไหนไกลๆ 

    "อ๋อที่แท้ก็ห่วงเมีย เข้าใจล่ะ...ขอเคลียร์งานที่นี่อีกสักสองสามวัน แล้วจะลงไปดูให้"

    คาเบลตอบตกลงเพราะรู้ดีว่าชีคจามินเอลทั้งหวงและห่วงภรรยามากแค่ไหน ยิ่งท้องอย่างนี้ด้วยแล้วคงไม่ให้คาดสายตาเลยทีเดียว

    "ขอบใจนะ งั้นแค่นี้แหละฉันไม่กวนนายแล้ว"

    "อืม" เมื่อได้ยินเสียงตอบรับปลายสายก็ตัดสายทิ้งทันที  

    หลังจากวางสายจากชีคจามินเอลเพื่อนรัก คาเบลก็ยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมคิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ ถ้าเขาควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้มากกว่านี้ เรื่องแบบนั้นก็คงไม่เกิดขึ้น

    จากแค่ต้องการช่วยประคอง ไม่ให้หญิงสาวล้มลงไปกองกับพื้น ทำให้เขาเกือบพากพรมจรรย์ของผู้หญิงคนหนึ่งไปอย่างเห็นแก่ตัว ทั้งๆ ที่ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเป็นเช่นนี้เลย

    ทำไมนะ?...เพียงแค่ได้สัมผัสร่างบางเพียงเล็กน้อย ถึงทำให้ความร้อนภายในกายของเขา วิ่งพล่านได้อย่างไม่น่าเชื่อ

    ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...

    ความคิดของชายหนุ่มสะดุดลงเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู ก่อนจะรีบลุกขึ้นแต่งตัวให้เรียบร้อย ทว่าขณะที่แต่งตัวนั้น สายตาคมก็ปะทะเข้ากับผ้าชิ้นน้อยของนิลยาที่ปะปนอยูกับเสื้อผ้าของเขา

    "หึๆ....คงจะรีบมากสิท่า ถึงได้ลืมแม้กระทั่งชุดชั้นใน"

    คาเบลเปรยอย่างนึกขำ ก่อนจะเก็บกางเกงในสีหวานของนิลยาหยัดใส่กระเป๋าเสื้อ แล้วกล่าวอนุญาตให้คนที่เคาะประตูอยู่ข้างนอกเข้ามา

    "นายท่าน"

    "มีอะไรซามาน" เสียงเข้มเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเป็นลูกน้องคนสนิท

    "ท่านหญิงคาเมล ให้คนโทรมาแจ้งว่าอาทิตย์นี้จะไม่กลับบ้านครับ" ซามานกล่าวรายงานเจ้านาย ตามที่ได้รับแจ้ง

    "ทำไมถึงไม่กลับ"

    น้ำเสียงราบเรียบเมื่อสักครู่ห้วนขึ้นทันที เมื่อน้องสาวคนสวยไม่ยอมกลับบ้าน ทั้งๆ ที่เขาสั่งให้กลับมาทุกอาทิตย์

    "ไม่รู้ครับ" ซามานเองก็ตอบเหตุผลไม่ได้เช่นกัน เมื่อนายสาวไม่ยอมบอก เขาหรือจะกล้าถาม

    "วันนี้มันเป็นวันอะไรวะ...ทำไมถึงได้มีแต่เรื่อง" คาเบลสบถหงุดหงิดเคร่งเครียด เมื่อทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ได้ดั่งใจ วันนี้เขารู้สึกว่ามีแต่เรื่องให้ต้องปวดหัว อารมณ์ค้างจากนิลยายังไม่จางหาย ก็ต้องมาหัวเสียกับเรื่องของคาเมลอีก

    "ต่อโทรศัพท์หาคาเมลให้ฉันเดี๋ยวนี้"

    "ครับ" ซามานรับคำก่อนจะกดโทรศัพท์หานายน้อยคนสวย

    "เห็นพี่ตามใจหน่อย ชักได้ใจทำตัวเหลวไหลใหญ่โต" คาเบลบ่นพึมพำทว่าไม่จริงจังนัก

    "นายครับ" ซามานส่งโทรศัพท์ให้นายหนุ่มเมื่อต่อสายเรียบร้อยแล้ว

    "ทำไมไม่กลับบ้าน!" เสียงเข้มกรอกถามไปทันทีที่รับโทรศัพท์มาจากลูกน้อง

    "เอ่อ....พอดีที่คณะจัดกิจกรรมนะคะ คาเมลเลยต้องอยู่ช่วยงาน" เสียงหวานตอบมาตามสาย เมื่อได้ยินเสียงพี่ชายจอมดุ

    "แล้วถ้าไม่มีเรา เขาจัดกันไม่ได้หรือไง ไอ้กิจกรรมบ้าบออะไรเนี่ย"

    "ไม่ถึงขนาดไหนหรอกค่ะพี่ชาย แต่คาเมลจะจบแล้วนะคะ คาเมลก็เลยอยากจะอยู่ช่วยงานน้องๆ เป็นพี่รุ่นก็ต้องปฏิบัติตัวเป็นตัวอย่างรุ่นน้องสิคะ ถ้ารุ่นพี่ไม่ช่วยงานมหาลัย แล้วรุ่นน้องที่ไหนจะทำล่ะ...." คาเมล พยายามหาเหตุผลร้อยแปดมาอธิบายให้คาเบลเข้าใจ

    "อีกอย่าง..."

    "พอ....พอได้แล้ว...พี่เข้าใจแล้ว ถ้าไม่กลับก็ดูแลตัวเองดีๆ ก็แล้วกัน" คาเบลตัดบทเมื่อน้องสาวกำลังจะยกแม่น้ำทั้งห้า มาอธิบายเหตุผลให้เขาฟังอีก

    "เย้!...พี่คาเบลใจดีที่สุดเลย รับรองว่าคาเมลจะดูแลตัวเองอย่างดี ไม่ให้พี่ชายต้องเป็นห่วงแน่นอนค่ะ" เสียงใสดูร่าเริงขึ้นทันที เมื่อพี่ชายกล่าวอณุญาต

    "แสดงอาการดีใจให้มันน้อยกว่านี้หน่อยก็ได้คาเมล...."

    คาเบลยิ้มกรุ่นดุน้องสาวอย่างจริงจังมากนัก เพราะรู้นิสัยของน้องสาวคนสวยดี คาเมลจะเป็นคนตรงๆ คิดยังไงก็แสดงออกอย่างนั้นไม่มีปิด....เหมือนเขานั่นแหละ

    "แหม!...พี่ชายก็....แซวคาเมลอีกแล้วนะ ก็คาเมลดีใจจริงๆ นี่คะ นานๆ พี่ชายจะอนุญาตให้ค้างที่มหาลัยสักที" คาเมลยิ้มร่ากล่าวอย่างสุขใจ

    "อืม ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็แค่นี้นะ ดูแลตัวเองด้วยก็แล้วกัน...."

    "รับทราบค่ะ น้องสาวคนนี้จะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด จะไม่ทำให้พี่ชายต้องเป็นห่วงแน่นอนค่ะ" คนเป็นน้องตอบรับเสียงใส

    "ทำให้ได้อย่างที่พูดแล้วกัน พี่จะได้หายห่วง..."

    "ค่ะ" เมื่อน้องสาวรับคำ คาเบลก็กดวางสาย

    "เฮ้อ....เฮ้อ...." ร่างกายรู้สึกอึดอัด อารมณ์ยังคงไม่เข้าที่

    "นายท่านเป็นไรครับ" ซามานเอ่ยถามด้วยความสงสัยระคนห่วงใย เมื่อเห็นเจ้านายถอนหายใจเฮือกใหญ่หลายครั้งแล้ว

    "เปล่านี่...." คาเบลยักไหล่กล่าวปฏิเสธ ทั้งที่รู้ดีว่าตอนนี้ร่างกายและจิตใจของเขา ยังคงแอบเสียดายเจ้าของกลิ่นหอมๆ ที่ยังอบอวนอยู่รอบกายเขา

    "เอ่อ...อีกสองสามวัน ฉันจะเดินทางไปดูงานที่เหมืองทางใต้ มีงานอะไรด่วนที่ฉันจะต้องเซ็นต์ก็รีบเอามานะ"

    "ครับท่าน" ซามานโค้งรับคำ พร้อมกับหมุนตัวเตรียมเดินออกจากห้องอย่างรู้หน้าที่

    "เอ่อ นายครับ"

    "ฮือ" คาเบลขานรับสั้นๆ มองลูกน้องคนสนิทอย่างสงสัย

    "ที่พื้นมันมีคราบเลือดอะไรครับ..." คาเบลเพิ่งสังเกตที่พื้นเมื่อซามานถาม 'เฮ้อ...อะไรกัน เข้าไปได้นิดเดียวเลือดเยอะขนาดนี้เลยเหรอ' คาเบลคิดอย่างรู้สึกผิด เนื่องจากการกระทำของเขาเมื่อสักครู่ ไม่ต่างจากการข่มขืนสักเท่าไหร่...ถึงแม้มันจะไม่ใช่การข่มขืนก็ตาม เพราะนิลยาเองก็คล้อยตามเขาไปไม่ใช่น้อยทว่าหญิงสาวก็ไม่ได้เต็มใจ ก่อนจะปรับน้ำเสียงให้ห้วนเพื่อกลบเกลื่อนสิ่งผิดปกติ

    "ถามทำไม?"

    "เปล่าหรอกครับ ผมแค่สงสัย กลัวว่าท่านจะได้รับบาดเจ็บ" เมื่อลูกน้องแสดงความห่วงใย จึงทำให้คาเบลคลายสีหน้าเคร่งเครียดลงนิดหนึ่ง

    "ฉันไม่เป็นไร....ไหนๆ ก็เห็นแล้ว บอกให้ใครมาเช็ดออกด้วยแล้วกัน" คาเบลบอกเสียงเรียบ สีหน้าและแววตาอย่างคงไร้พิรุธ

    "ครับ"

    ซามานโค้งรับคำก่อนจะเดินออกจากห้อง ถึงแม้จะสงสัยในพฤติกรรมของเจ้านายอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อนายหนุ่มไม่ยอมบอก เขาก็ไม่อยากถามให้มากความ

    คาเบลจมอยู่กับความคิดของตัวเองอีกครั้งเมื่ออยู่เพียงลำพัง รอยสัมผัสของนิลยายังอบอวนอยู่ทั่วกาย ไม่ว่าจะเป็นริมฝีปากบาง ทรวงอก สะโพกและทุกๆ ส่วนบนร่างงาม ทำให้เขาหลงใหลจนแทบคลั่ง...และมันส่งผลให้เขามิอาจลืม รอยสัมผัสไร้เดียงสาของหญิงสาวได้เลยทำไมเธอถึงมีอิทธิพลกับฉันมากขนาดนี้นะ...นิลยา!’

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×