ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไฟพิศวาสเทพบุตรแดนทราย

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 เนื้อสดแสนโสภา

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.พ. 55


    บทนำ
     
    นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นตามจินตนาการของนักเขียน ไม่ว่าจะเป็นศาสนา ประเพณี หรือวัฒนธรรม ตัวละครและรายละเอียดต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเรื่องนี้ ผู้แต่งไม่มีเจตนาจะพาดพิงถึงบุคคลใดหรือลบหลู่ให้เสื่อมเสียแต่ประการใด ผู้แต่งเน้นสร้างความบันเทิงให้ผู้อ่านเท่านั้นค่ะ
     
     
    ตอนที่ 1
    เนื้อสดแสนโสภา
           
    ภายในห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ในโรมแรมหรู ไฟแสงสีระยิบระยับสาดส่องไปทั่วงาน ผู้คนมากมายส่งเสียงดังอึกกระทึกคึกโคม บ้างก็ถามทุกข์สุข บ้างก็คุยเรื่องธุรกิจ บ้างก็หยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นมีชายหนุ่มรูปงามแต่ไร้ซึ่งความรักอย่างคาเบล ฮับดาฮาลร่วมอยู่ด้วย
                หลังจากที่เขาอกหักจากกรียา ผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเขาเคยรักมากจนหวังจะหยุดทุกอย่างไว้ที่เธอ ถ้าเธอยอมตอบรับความรักของเขา ทว่าความรักของเขาก็มิอาจสมหวัง เนื่องจากเธอผู้นั้นรักเพียงชีคจามินเอลเพื่อนรักของเขา ดังนั้นเขาจึงยอมตัดใจและคอยเฝ้าดูแลเธอในฐานะเพื่อนที่ดีเสมอมา
            ทว่าไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปนานสักเท่าไหร่ มีผู้หญิงผ่านเข้ามามากหน้าหลายตาเพียงไร หัวใจของเขาก็ยังว่างเปล่า ไร้ซึ่งความรักครั้งใหม่เข้ามาทดแทน
              คาเบล กลายเป็นหนุ่มฮ็อตที่สาวๆ ทั่วทั้งซาเนียหมายปองมากที่สุดในเวลานี้ เนื่องจากคู่แข่งคนสำคัญอย่างชีคจามินเอล ได้สละโสดเพื่อครองคู่กับกรียาไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงกลายเป็นหนุ่มหล่อขั้นเทพเพียงคนเดียว ที่ยังหลงเหลือความโสดไว้ให้สาวๆ ใฝ่ฝันที่จะได้ครองคู่
              "คุณคาเบลค่ะ"
              "ครับ มีอะไรครับ" คาเบลเลิกคิ้วสูงหันมาถามสาวสวยที่ยืนอยู่ข้างกาย
              "คุณพ่อ ให้มิชามาเชิญคุณไปที่หน้าเวทีค่ะ"
    สาวสวยนามมิชาบอกหนุ่มหล่อด้วยกิริยาอ่อนหวาน เธอพยายามส่งสายตาเชิญชวนให้คาเบลอย่างไม่ปิดปังเนื่องจากเธอเองก็หมายปองเขาอยู่มิใช่น้อย ทว่าทุกครั้งที่พบกันชายหนุ่มตรงหน้าไม่เคยชายตาแลเธอเลย
              "ทำไมหรือครับ คุณจอร์แดนมีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า" คาเบลเอ่ยถามถึงจอร์แดนบิดาของเธอ เนื่องจากปกติแล้วถ้าไม่มีเหตุจำเป็นอันใด เขาจะไม่เข้าไปสังสรรค์หรือพูดคุยกับจอร์แดน พ่อค้ารายใหญ่ของซาเนียสักเท่าไร เนื่องจากเขาไม่ค่อยชอบใจนักกับธุรกิจมืดที่ชายผู้นั้นกระทำ
              "เปล่าหรอกค่ะ คุณพ่อจะมีเซอร์ไพร้ส์เล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น เลยอยากให้คุณเข้าร่วมด้วย" มิชากล่าวยิ้มแย้มพร้อมกับพายมือเชื้อเชิญหนุ่มรูปหล่อ
              "ก็ได้ครับ"
    คาเบลตอบรับคำชวนพร้อมกับเดินตามหญิงสาวไปที่ด้านหน้าเวที ทว่าคิ้วเข้มก็ต้องขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจ เมื่อสายตาคมสำรวจผู้คนด้านหน้าเวทีที่เมื่อส่วนมากล้วนแต่เป็นชาย ไม่ว่าจะเป็นหนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่หรือแก่คราวพ่อ ซึ่งทุกคนนั้นล้วนแล้วแต่ดูดีมีฐานะเป็นที่รู้จักในวงสังคมทั่วไป
              'คุณจอร์แดน เขาจะทำอะไรของเขานะ ถึงได้เชิญแต่พวกผู้ชายมีฐานะมาร่วมตัวกันเช่นนี้' คาเบลไม่คิดไม่ตกว่าเจ้าของงานจะทำอะไร จึงได้แต่ยืนเงียบสังเกตุการณ์ไปเรื่อยๆ
                ไม่นานนักหนุ่มหล่อก็หายสงสัย เมื่อพิธีกรบนเวทีประกาศว่าจะมีการประมูลเนื้อสด ที่เจ้าของงานรับประกันว่าสวยราวกับนางฟ้า....เมื่อได้ยินดังนั้นคาเบลถึงกลับแสยะยิ้มไม่ได้รู้สึกสนใจเลยสักนิด
                "นึกว่าอะไร ที่แท้ก็ประมูลเนื้อสด...เวรกรรมจริงๆ"
    คาเบลเปรยกับตัวเองก่อนจะหันหลังเดินออกมาจากกลุ่มคนด้านหน้าเวที เนื่องจากในชีวิตนี้เขาไม่คิดจะสนใจการประมูลประเภทนี้อยู่แล้ว ยิ่งการประมูลชีวิตคนอื่นเช่นนี้ เขายิ่งรู้สึกรังเกียจและไม่เคยเห็นด้วยเลยสักนิด แต่ในซาเนียมีพวกคนชั่วที่เห็นชีวิตคนอื่นเป็นสินค้ามากมายเหลือเกิน ไม่รู้ว่าเมื่อไรสิ่งเหล่านี้จะหายไปจากดินแดนในแทบนี้สักที!
     
    นิลยา ชัยโพธิ์กาล รู้สึกตกใจสุดขีดดวงตากลมโตเบิกกว้าง เมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังจะถูกขายให้ไปเป็นทาสรับใช้คนอื่นใครก็ไม่รู้ที่เธอไม่เคยรู้จักไม่เคยเห็นหน้า
     ปกติแล้วเธอเป็นพนักงานในบริษัทเล็กๆ ที่ซาเนีย เธอเป็นคนไทยก็จริง ทว่าเมื่อห้าปีก่อนเธอได้ย้ายตามมารดามาอยู่ที่ซาเนีย เนื่องจากมารดาของเธอได้แต่งงานใหม่กับชายหนุ่มชาวซาเนีย แต่จู่ๆ ข่าวร้ายก็เกิดขึ้นกับเธออย่างไม่คาดฝัน เมื่อมารดาและสามีใหม่เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตกะทันหันทั้งสองคน จึงทำให้เธอโดดเดียวอยู่บนโลกใบนี้เพียงลำพังไม่มีญาติ ไม่มีใคร และไม่มีที่พึ่ง
     และแล้ววันหนึ่งโชคร้ายก็เข้ามาเยือนเธอแบบไม่ได้ตั้งตัว ขณะที่กำลังเดินเลือกซื้อของอยู่ในตลาดตามปกติ เธอถูกชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งตามประกบและสะกดรอยตามโดยไม่รู้ตัว และขณะที่เธอกำลังเดินกลับที่พัก ชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นก็เข้ามาล็อกตัวเธอแล้วจับเธอหยัดใส่กระสอบใบใหญ่
     นิลยาน้ำตาไหลนองหน้า รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในวาสนาของตัวเองเหลือเกิน ทำไมสวรรค์ถึงได้โหดร้ายกับเธอเช่นนี้ ให้เธออยู่อย่างโดดเดียวบนโลกใบนี้ยังไม่พอ ยังจะให้เธอถูกจับตัวมาขายอีก
    "พวกแกจับฉันมาทำไม" นิลยานึกถึงตอนที่เธอเอ่ยถามพวกโจรใจร้าย
    "ถามได้นะคนสวย พวกเราคงไม่จับเธอมาบูชาหรอก สวยๆ ขาวๆ อย่างเธอเนี่ย ราคางามเชียวล่ะ" หนึ่งในกลุ่มโจรกล่าวตอบเธอด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
    "นี่พวกแกจับฉันมาขายเหรอ เลว เลวที่สุด! ปล่อยฉันนะ ฉันเป็นคนนะไม่ใช่สัตว์ พวกแกจับฉันมาขายเหมือนผักปลาอย่างนี้ได้ยังไง ไม่กลัวกฎหมายลงโทษเหรอ"
    "ฮ่าๆๆๆ กฎหมายนะเหรอ ทำอะไรเราไม่ได้หรอกน้องสาว" โจรร้ายหัวเราะเสียงดังลั่น อย่างไม่นึกเกรงกลัวสิ่งใด
    "ปล่อยก็โง่นะสิ ก็ใครใช้ให้เธอเกิดมาสวยอย่างนี้ล่ะ คนสวยราคางามใครก็อยากได้ เธอก็เลยต้องกลายเป็นสินค้าของพวกเรายังไงล่ะ แต่ไม่ต้องกลัวไปหรอกนะ ถึงเธอจะสวยราวกับนางฟ้า นางสวรรค์ยังไง พวกเราก็ไม่ทำอะไรเธอหรอก เพราะเดี๋ยวราคาจะตก อีกไม่นานพ่อค้ารายใหญ่ของเรา ก็จะมารับตัวเธอไปประมูลแล้ว" หนึ่งในกลุ่มโจรสาธยายให้เธอฟังใบหน้ารกรุงรังจ้องเธออย่างน่าเกลียด
    "ประมูล ไม่นะ! ฉันไม่ไป ปล่อยยยยย ปล่อยฉัน!" นิลยาร้องตะโกนสุดเสียง พร้อมกับลุกวิ่งหนีพวกโจรใจชั่วสุดชีวิต
    "เฮ้ย!...มานี่ คิดจะหนีไปไหนน้องสาว พยศอย่างนี้เดี๋ยวก็จับทำเมียจริงๆ ซะหรอก"
    หนึ่งในกลุ่มโจร วิ่งตามไปจับตัวเธอกลับมา นิลยาพยายามดิ้นรนเต็มที่ เธอจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด เธอยอมตายแต่เธอจะไม่ยอมถูกขายแน่นอน
    "เอ๊ะ!...อย่าดิ้นสิวะ นังนี่มันวอนซะแล้ว" หนึ่งในกลุ่มโจร เงื้อมือขึ้นหมายจะฟาดลงที่ใบหน้างามของเธอ
    "หยุดเดี๋ยวนี้นะ โจเชฟ เดี๋ยวราคาตก นายไม่อยากได้เงินก้อนโตหรือไง" โจรอีกคนร้องห้ามเสียงดัง เพราะกลัวจะได้ราคาน้อย พวกเขาอุตส่าห์เสี่ยงคุกเสี่ยงตะราง ถ้าได้ไม่สมราคาจะเป็นการไม่คุ้ม
    "แต่นังนี่มันฤทธิ์เยอะเหลือเกิน ฉันชักจะเหลืออดแล้วนะ" โจรร้ายโจเชฟ เอ่ยอย่างเหลืออดมองหญิงสาวตาวาวอยากจะขย้ำนังคนอวดดีนี่เหลือเกิน
    "ก็โป๊ะ ยาสลบไปเลยสิ จะได้หมดฤทธิ์ แค่นี้ก็หมดเรื่อง..."
    "เอ่อ จริงด้วยแกน่าจะบอกตั้งนานแล้ว ปล่อยให้ฉันเหนื่อยอยู่ได้" โจเชฟพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
    "ก็ใครบอกให้แกโง่ละ เรื่องแค่นี้ต้องให้บอก" คนที่แนะนำกล่าวอย่างผยอง และแล้วไม่นานเธอก็ถูกโจรร้ายโป๊ะยาสลบอีกครั้ง
    และหลังจากนั้นเธอก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย จนกระทั่งฟื้นขึ้นมาท่ามกลางผู้คนมากมาย ณ งานแห่งนี้ แถมยังอยู่ในชุดวาบหวิวบางจนน่าเกลียด ข้อมือทั้งสองถูกพันธนาการเอาไว้แน่น ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ และถ้าเธอฟังไม่ผิดอีกไม่นานเธอจะถูกส่งขึ้นไปประมูลบนเวทีในงานหรูหราแห่งนี้
     
    ไฟบนเวทีถูกดับและเปิดขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับหญิงสาวโสภางามราวกับนางฟ้านางสวรรค์ สมกับคำบอกเล่าของเจ้าของงาน เสียงกรู่ร้องแซงแซ่จึงดังขึ้นเมื่อได้ยลโฉมหญิงสาวบนเวที
    คาเบลเบือนหน้ากลับไปมองทางเวทีอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงกรู่ร้องของผู้คนด้านหน้า สายตาคมมองขึ้นไปข้างบน และภาพที่ได้เห็นมันทำให้เขาไม่นึกแปลกใจเลยสักนิด ว่าทำไมเสียงกรู่ร้องของชายเหล่านั้นถึงได้ดังสนั่นขนาดนี้
    ก็ผู้หญิงร่างเล็กๆ บนเวทีสวยงามไม่มีที่ติ ไม่ต่างจากคำกล่าวอ้างของโจเชฟเลยสักนิด ทว่าความตื่นตระหนกในดวงตาของหญิงบนเวทีนี่สิ มันทำให้เขารู้สึกเวทนาเธอเหลือเกิน ยิ่งนึกถึงครั้งหนึ่งตอนที่กรียาถูกจับตัวไป ยิ่งทำให้เขารู้สึกสงสารหญิงสาวผู้นั้นมากขึ้นเป็นทวีคูณ
    สองมือเล็กของเธอถูกยกขึ้นสูงพันธนาการเอาไว้กับเชือกที่อยู่เหนือศีรษะ ใบหน้าสวยหวานจิ้มลิ้มของเธอนองไปด้วยน้ำตา ดวงตากลมโตที่มีแพรขนตาหนางามงอนบวมช้ำจนเห็นได้ชัด ร่างบางสมส่วนสั่นระริกอยู่ภายใต้ชุดเนื้อผ้าพลิ้วบางเบาที่ไม่ได้ช่วยปกปิดอะไรมากนัก จึงอวดสัดส่วนของเธออย่างชัดเจนส่งผลให้พวกหัวงูที่ยืนอยู่หน้าเวทีเลือดกำเดาไหล น้ำลายหกกันได้ไม่ยาก
    "เฮ้อ...เวรกรรมแท้ๆ ไปทำอีกท่าไหนนะ ถึงถูกจับมาประมูลอย่างนี้" คาเบลสบถออกมาด้วยความสงสารเวทนา ก่อนจะเดินกลับไปที่หน้าเวทีอีกครั้ง
    "ท่านคาเบล คิดจะทำอะไรนะ ปกติแล้วท่านเกลียดการประมูลแบบนี้ที่สุดนี่นา แล้วทำไมถึงเดินย้อนไปอีก?"
    เมื่อเห็นนายหนุ่มเดินกลับไปที่หน้าเวทีอีกครั้ง ทั้งๆ ที่เมื่อสักครู่เดินออกมาแล้วแท้ๆ จึงทำให้ซามานคนสนิท รู้สึกแปลกใจไม่น้อยก่อนจะรีบเดินตามนายหนุ่มไปอย่างรู้หน้าที่
    "เป็นไงล่ะครับ เธอสวยหวานราวกับนางฟ้าอย่างนี้ ทุกท่านคงอยากจะสัมผัสเนื้อแท้ของเธอกันแล้วใช่ไหมครับ งั้นเรามาเริ่มประมูลตัวเธอกันเลยดีกว่า ใครให้ราคาสูงสุดจะได้นางฟ้าคนนี้ไปเป็นทาสรับใช้ตลอดชีวิต....เราจะเริ่มจากราคาหนึ่งล้านครับ"
    สิ้นเสียงพิธีกรบนเวทีประกาศเปิดการประมูล ชายหนุ่มด้านหน้าเวทีต่างก็กรู่ร้อง แข่งขันราคากันยกใหญ่ ต่างคนต่างไม่มีใครยอมใคร แข่งราคากันอย่างไม่คิดเสียดายเงินทอง เพราะต่างก็หวังจะได้สาวสวยร่างระหงบนเวทีไปครอบครอง จนจอร์แดนพ่อค้าใจโหดยิ้มแก้มแทบปริ เมื่อได้ยินตัวเลขของจำนวนเงินวิ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
    นิลยามองดูกลุ่มผู้ชายที่ยืนกรู่ร้องอยู่หน้าเวทีด้วยความตื่นตระหนก ร่างบางสั่นเทิ้มไปด้วยความกลัว น้ำตาใสๆ ไหลนองหน้า เมื่อนึกถึงชะตาชีวิตของตัวเอง อีกไม่นานเธอต้องตกเป็นทาสรับใช้ของหนึ่งในจำนวนผู้คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าเวทีแห่งนี้ อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง
     คาเบลยืนสังเกตการประมูลอยู่เงียบๆ จำนวนเงินมิใช่น้อย ที่พวกหัวงูเหล่านั้นกล้าทุ่มให้กับหญิงสาวเพียงคนเดียวโดยไม่คิดเสียดายเลยสักนิด ทำให้เขานึกเวทนาพวกผู้ชายเหล่านั้นเหลือเกิน
    ซึ่งต่างจากหญิงสาวบนเวทีที่ตอนนี้แสดงท่าทีหวาดกลัวออกมาชัดเจน ใบหน้าสวยหวานนองไปด้วยน้ำตา ร่างบางขาวผ่องสั่นระริก ปากบางจิ้มลิ้มเม้นสนิทจนเป็นเส้นตรง ยืนก้มหน้านิ่งเหมือนรอรับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเองในอีกไม่ช้า เห็นแล้วก็ทำให้เขาใจสั่นโหวงเหวงอย่างบอกไม่ถูก ซึ่งสาเหตุอาจจะเป็นเพราะเขาไม่อยากพบเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ก็เป็นได้
    ราคาค่าตัวของนิลยาพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ทว่าคาเบลก็ไม่ได้นึกหวั่น ในเมื่อเขาตั้งใจจะช่วยเธอแล้ว ต่อให้ราคาค่าตัวเธอสูงสักเพียงไร เขาก็จะช่วยเธอให้ได้ตามความตั้งใจของเขา!
    "สิบห้าล้านครั้งที่หนึ่ง สิบห้าล้านครั้งที่สอง....." พิธีกรบนเวทีกำลังประกาศราคาที่สูงที่สุด เพื่อปิดการประมูลครั้งนี้
    "สามสิบล้าน...."
    คาเบลร้องตะโกนราคาประมูลออกไป ในตัวเงินที่สูงกว่าราคาที่พิธีกรบนเวทีกำลังขานถึงเท่าตัว ซึ่งทำให้ทุกสายตาหันมามองเขาเป็นตาเดียว แต่คาเบลไม่คิดจะสนใจเพราะถ้าเขาตั้งใจจะทำอะไรแล้ว เขาต้องทำให้ได้ ไม่ว่าผลลัพธ์ที่ได้มันจะคุ้มหรือไม่ก็ตาม
    "นายครับ มันไม่เยอะไปหน่อยหรือครับ"
    ซามานกล่าวเตือนนายหนุ่ม เมื่อได้ยินวงเงินที่เจ้านายขานเพราะคาเบลไม่จำเป็นเลยที่จะต้องสูญเสียเงินจำนวนมากขนาดนี้ เพื่อซื้อทาสหรือหญิงสาวสักคน
    "แล้วทำไม ฉันพอใจ!" คาเบลบอกเสียงเรียบ ใบหน้าคมเข้มมองไปบนเวทีอย่างมุ่งมั่น
    "ครับ"
    ซามานได้แต่กล่าวตอบรับ เมื่อนายหนุ่มตั้งใจแล้วไม่ว่าอะไรก็มิอาจเปลี่ยนใจเขาได้ "เฮ้อ...สงสัยจะเป็นบุญวาสนาของสาวน้อยคนนั้น จะรู้ตัวบ้างไหมนะว่าตัวเองเป็นผู้ที่โชคดีขนาดไหน"
    "สามสิบล้านครั้งที่หนึ่ง..."
    พิธีกรบนเวทีเริ่มขานราคาของคาเบล
    "สามสิบล้านครั้งที่สอง...."
    เงียบยังไม่มีใครกล้าประมูลแข่ง
    "สามสิบล้านครั้งที่สาม....ปิดการประมูล!"
    และในที่สุดคาเบลก็ชนะการประมูลตามคาดหมาย
    "สรุปผลการประมูลในครั้งนี้ สาวสวยคนนี้ได้ตกเป็นทาสของท่านคาเบลเรียบร้อยแล้วครับ เดี๋ยวเราจะจัดส่งหญิงคนนี้ ไปให้ท่านที่ห้องรับรองของเรานะครับ"
    เมื่อพิธีกรบนเวทีประกาศจบ นิลยาก็ถูกพาตัวลงมาจากเวทีก่อนจะถูกจัดส่งตัวไปยังห้องรับรอง เพื่อเสนอตัวรับใช้เจ้าชีวิตคนใหม่
     
    ห้องรับรอง....
    "เข้าไป!"
    "ไม่! ปล่อยฉันนะไอ้พวกบ้า ไอ้พวกชั่ว ทำงานบนหลังคน ปล่อยฉัน...." นิลยาพยายามขืนตัวเองเอาไว้สุดฤทธิ์ ไม่ยอมเดินตามชายร่างสูงที่กำลังลากเธอไปยังห้องรับรอง
    "ฤทธิ์มากจริงๆ นะ....มานี่!" ชายร่างหนาออกแรงกระชากนิลยาอย่างเหลืออด จนในที่สุดก็พาเธอมาถึงห้องรับรองจนได้
    "เข้าไป๊!"ชายหนุ่มผลักหญิงสาวเข้าไปในห้องพร้อมกับปิดประตูแล้วล็อกทันที
    "ว๊าย!" หญิงสาวแทบหน้าทิ่ม เมื่อถูกผลักอย่างแรง
    "ปล่อยฉันนะ....ไอ้พวกบ้า ปล่อยฉัน! ปล่อยยยยย"
    นิลยาเขย่าประตูสุดแรง แต่ประตูถูกล็อกจากข้างนอกทำให้เธอไม่สามารถทำได้อย่างที่คิด ตอนนี้เธอจะหนีไปไหนก็ไม่ได้ นอกจากรอเวลาพบกับผู้ประมูลชีวิตของเธอเท่านั้น
    'ฮื้อๆๆๆ...นี่มันเวรกรรมอะไรของเธอนะ ถึงได้มาเจอเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ แม่จ้า แม่อยู่ไหน ช่วยลูกที....นิลกลัวเหลือเกิน'
    นิลยาได้แต่ร่ำร้องในใจ เมื่อเธอไม่อาจหลีกเลี่ยงภาวะจำยอมนี่ได้ สายตาคู่หวานมองสำรวจไปรอบๆ ห้องหรูหราแต่กลับใช้ทำในสิ่งสกปรก ยิ่งคิดใจก็ยิ่งอ่อนล้าหญิงสาวทรุดกายลงนั่งบนโซฟาตัวใหญ่อย่างอ่อนแรง เธอจะทำอย่างไรกับชีวิตที่เหลืออยู่ดี...ฆ่าตัวตาย! หนีสิ่งที่น่าอัปยศนี้ไปเลยดีไหม?
    นิลยาซ่อนตัวอยู่ในมุมห้องแสนหรู ภายในห้องถูกจัดตกแต่งเอาไว้อย่างสวยหวาน โรแมนติก เหมาะกับคู่รักที่จะมาพลอดรักกันโดยเฉพาะ ไฟในห้องเป็นแสงสีนวลลิบลี่พอเห็นลางๆ มองไปทางไหนก็ดูสวยงามน่าชม ทว่าถึงห้องนี้จะถูกตกแต่งเอาไว้สวยงามน่ามองเพียงไร จะเหมือนสวรรค์ของใครก็ช่าง แต่มันเป็นนรกสำหรับเธอ...นรกบนดินที่เธอมิอาจเลี่ยงได้!
    แก๊ก....
    เสียงเปิดประตูทำให้นิลยาสะดุ้งหันไปมองทางเข้าทันที หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ เมื่อได้ยินเสียงก้าวเดินเข้ามาของคนที่ประมูลตัวเธอ
    นิลยารีบลุกขึ้นยืนทันควันตัวสั่นระริก ปากบางเม้มแน่น รู้สึกหวาดหวั่นมากเหลือเกิน ไม่รู้จะทำตัวเช่นไรเมื่อเธอกำลังจะเผชิญหน้ากับคนที่ประมูลตัวเธอ หรือจะเรียกให้ถูกก็คือ เจ้าชีวิตของเธอนั่นเอง
    เขาจะทำอะไรเธอหรือเปล่า? เขาจะรู้สึกสงสารเธอบ้างไหม? เขาจะรู้บ้างหรือเปล่าว่าเธอไม่ได้เต็มใจจะขายตัว....ถ้าเกิดเป็นพวกตาแก่ลงพุงตัณหากลับล่ะ เธอจะทำอย่างไร จะหาทางหนีจากความอัปยศครั้งนี้ยังไง แล้วจะ....
    "เธอชื่ออะไร?"
    นิลยาสะดุ้งเล็กน้อยความคิดสะดุดลงทันที ที่ได้ยินเสียงเข้มเอ่ยถามก่อนจะรีบหันไปมองคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้านายของเธอ
    คาเบลยืนมองหญิงสาวอยู่สักพักก่อนจะเอ่ยถาม เมื่อเห็นหญิงสาวยังนิ่งเงียบ ตัวสั่นระริก เอาแต่ก้มหน้าต่ำไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองเขา
    ดวงตากลมโตคู่หวานเบิกกว้าง อ้าปากค้างอย่างลืมตัว เมื่อเห็นใบหน้าของเจ้านายคนใหม่ชัดเจน ทำไมเขาถึงได้หน้าตาดีเช่นนี้ คนหล่อหน้าตาดีเช่นชายตรงหน้า ทำไมต้องเป็นพวกตัณหากลับด้วยนะ...
    "ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง...." หญิงสาวสะดุ้งอีกครั้ง พยายามรวบรวมสติให้อยู่กับเนื้อกับตัว
    "เอ่อ...นิล...นิลยาค่ะ"
                "อืม ชื่อเพราะดี..." คาเบลกล่าวเสียงเรียบ ก่อนจะเดินตรงไปนั่งที่เตียงใหญ่ สายตาคมจ้องมองร่างระหงอย่างนึกขำ
                "มานี่สิ..." มือใหญ่ตบลงเบาๆ ที่ข้างตัว เป็นสัญญาณให้หญิงสาวรู้ว่าเขาต้องการให้เธอมานั่งข้างๆเขา บนเตียงแห่งนี้
                "เอ่อ....."
              "กลัวอะไร ฉันดูน่ากลัวขนาดไหนเลยหรือไง"
    คาเบลกลั้นหัวเราะ เมื่อเห็นท่าทางตื่นตระหนกของหญิงสาวเฮ้อ!...ดีเท่าไรแล้วที่เขาช่วยเธอ ไม่ให้ตกเป็นที่รับรองอารมณ์ของพวกหัวงูเหล่านั้น ยังจะมากลัวฉันอีก....
              "เอ่อ...เปล่าค่ะ ท่านดูไม่น่ากลัวเลยสักนิด แต่ฉัน..."
              "ก็กลัว!" คาเบลตอบแทนเมื่อเห็นหญิงสาวอ้ำอึ้งไม่กล้าตอบ
                "......."
    นิลยาไม่ตอบได้แต่ก้มหน้าต่ำ ไม่กล้าสบตาคมที่มองเธออย่างรู้ทัน ทำไมเธอถึงรู้สึกใจเต้นแรงรู้สึกประหม่าอย่างนี้นะ ทั้งๆ ที่เธอน่าจะรู้สึกหวาดกลัวเขาไม่ใช่เหรอ
              "ไม่ต้องกลัว...ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก มานั่งใกล้ๆ นี่สิ...ฉันขี้เกียจตระโกนคุยกับเธอ"ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่ากลับทำให้อีกฝ่ายคลายความกังวลและหวาดหวั่นลงไปได้มากทีเดียว
              "เอ่อ ท่านไม่ทำอะไรฉันจริงๆ นะคะ" นิลยาเอ่ยถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ ถึงแม้จะผ่อนความกลัวลงบ้างแล้ว ทว่าเธอก็ยังอดระแวงไม่ได้
    "อืม มาเถอะฉันสัญญา...."
    เมื่อคาเบลให้คำมั่นที่ดูน่าเชื่อถือ นิลยาจึงค่อยๆ เดินเข้าไปนั่งลงที่ข้างๆ ร่างหนาตามความต้องการของเขา...ซึ่งไม่รู้เพราะเหตุใดเธอถึงเชื่อถือให้คำพูดของเขาเหลือเกิน ทั้งที่เพิ่งพบหน้ากัน
              "ฉันชื่อคาเบล...."
              "ค่ะ"
              "เป็นไงมาไง ถึงได้ถูกจับมาขาย แล้วพ่อแม่ของเธอรู้หรือเปล่าว่าเธอถูกจับตัวมาขายแบบนี้ หรือว่าเราเต็มใจมา....แต่ดูท่าทางแล้วก็คงไม่ใช่" คาเบลกล่าวเสียงเรียบ มองใบหน้านวลอย่างพิจารณา ร่างกายร้อนผ่าวขึ้นอย่างไม่น่าจะเป็น เมื่อสำรวจเรือนร่างเย้ายวนที่อยู่ให้เสื้อเนื้อบางของหญิงสาวสวมใส่ ทว่าสีหน้ายังคงนิ่งไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ
              "ฉัน เอ่อ...ไม่มีพ่อและแม่หรอกค่ะ ฉันอยู่ตัวคนเดียวทำงานในบริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่ง แล้วเมื่อสองวันก่อน ขณะที่ฉันกำลังเดินซื้อของ........"
    นิลยาเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างที่เธอถูกจับมาให้คาเบลฟังอย่างละเอียด รวมถึงการเสียชีวิตของมาดาและบิดาเลี้ยงของเธอด้วย เสียงหวานสะอื้นไห้เล่าไปน้ำตาก็ไหลไป เมื่อนึกถึงชะตาชีวิตแสนอาภัพของตัวเอง
              "เลว!.....คนพวกนี้มันเลวจริงๆ เมื่อไรคนเหล่านี้จะหมดไปจากโลกสักที!" คาเบลสบถออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อรับฟังคำบอกเล่าจากหญิงสาวผู้น่าสงสารตรงหน้า
              "พ่อแม่ก็ไม่มี...แล้วฉันจะปล่อยเธอไปได้ยังไง เดี๋ยวก็ถูกจับไปขายอีก..."
    เสียงเข้มบอกพร้อมกับมองสำรวจร่างระหงอีกครั้ง ในใจเต้นแรงอารมณ์ปรารถนาเริ่มสูงขึ้น ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้คิดจะล่วงเกินอีกฝ่ายเลย ทว่าเธอก็ทำให้เลือดในกายของเขาพุ่งพล่านได้อย่างไม่น่าเชื่อ ความสาวความสวยของผู้หญิงตรงหน้าอันตรายเหลือเกิน เป็นที่ดึงดูดของผู้พบเห็นขนาดนี้ ไม่แปลกหรอกที่เธอตกเป็นเป้าหมายของไอ้พวกโจรใจบาป ถ้าปล่อยไปสักวันก็คงถูกจับมาขายเช่นเคย และตอนนั้นใครจะช่วยเธอ
              "ท่านจะปล่อยฉันไปเหรอคะ...ถ้าท่านปล่อยฉันไป รับรองว่าฉันจะระวังตัวมากขึ้น ไม่ปล่อยให้ไอ้พวกบ้านั่นจับมาขายได้อีก..."
    นิลยาเอ่ยถามด้วยความดีใจ รอยยิ้มหวานกระจายไปทั่วใบหน้า ดวงตาเป็นประกายสดใสขึ้นทันทีเมื่อนึกถึงอิสระที่อีกฝ่ายจะยื่นให้ สาธุ...ขอให้เขาใจบุญปล่อยเธอให้เป็นอิสระด้วยเถอะ ถึงเขาจะดูเป็นนายที่ใจดีและไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่เธอก็ไม่อยากเป็นทาสของใครอยู่ดี
                "ทีแรกก็คิดจะปล่อย แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว...ไม่ปล่อยดีกว่า" จบคำของชายหนุ่มใบหน้าสวยที่ดูสดใสเมื่อสักครู่ก็สลดลงทันตา...
    "ขอร้องล่ะ อย่าเปลี่ยนใจเลยนะคะ...ปล่อยฉันไปเถอะ" เมื่ออีกฝ่ายเปลี่ยนใจกะทันหัน ความหวังของเธอจึงดับวูบ และนั่นเป็นสิ่งที่เธออยากให้เขาทบทวนใหม่อีกครั้ง
              "ไม่ต้องทำหน้าเศร้าขนาดนั้นก็ได้ พ่อแม่ก็ไม่มีแถมยังอยู่ตัวคนเดียว ฉันจะปล่อยเธอไปได้ยังไง ไปอยู่กับฉันที่บ้านก็แล้วกัน ที่นั่นมีงานให้เธอทำ มีเงินเดือนให้เธอ ไม่ต้องอยู่อย่างลำบากอย่างนี้อีก" คาเบลกล่าวเสียงเรียบ มองอีกฝ่ายอย่างนึกเห็นใจ
              "จริงเหรอคะ ฉันจะมีงานทำ มีบ้านอยู่จริงๆ เหรอคะ ดีใจจัง ถ้าอนาคตฉันเก็บเงินได้เยอะๆ ฉันจะได้กลับประเทศของฉันสักที"นิลยาตาโต ด้วยความตื่นเต้นดีใจ ที่อีกฝ่ายหยิบยื่นโอกาสดีๆ มาให้ เนื่องจากเธอเองก็ไม่คิดจะกลับไปทำงานในบริษัทแห่งเดิมและอาศัยอยู่ที่เก่าอีกแล้ว เพราะมันเสี่ยงต่อการถูกจับจากไอ้พวกบ้าใจชั่วนั่นอีก
              "อืม จริงสิ...อ๋อ แล้วเธอจะกลับประเทศของเธอทำไม ในเมื่อที่นั่นเธอก็ไม่มีใครเหมือนกันไม่ใช่เหรอ..." ใบหน้าคมยิ้มเล็กน้อย เมื่อเห็นความตื่นเต้นดีใจของร่างบาง
              "ถึงที่ไทยฉันจะไม่มีใคร แต่ที่นั่นก็คือบ้านที่ฉันคิดว่าปลอดภัยที่สุด แต่ท่านไม่ต้องห่วงนะคะ ตอนฉันอยู่ที่ไทย ฉันมีเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ฉันจะไปอยู่กับเขา" นิลยาดวงตาเป็นประกายเมื่อนึกถึง สุกัญญาเพื่อนสนิทของเธอ
              "ถ้าเธอตั้งใจจะกลับประเทศจริงๆ เงินเดือนที่นั่นไม่เกินสองเดือน เธอก็สามารถกลับประเทศของเธอได้แล้ว"
    "จริงเหรอค่ะ โอ๊ย! ดีใจจัง....ท่านใจดีจังเลย ฉันไม่คิดไม่ฝันว่าจะเจอคนอย่างท่าน ถือเป็นความโชคดีในความโชคร้ายของฉันแท้ๆ ที่ได้เจอท่าน....ฉันเป็นหนี้ชีวิตของท่าน"
    นิลยายกมือไหว้ขอบคุณเจ้านายคนใหม่เหมือนคนไทยทั่วไป รอยยิ้มสวยกระจายไปทั่วใบหน้าใส รู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของอีกฝ่ายเหลือเกิน
              "ฉันไม่ได้ใจดีอย่างที่เธอคิดหรอกนะ....ฉันก็เป็นคนธรรมดา มีรัก โลภ โกรธ หลง บ้างครั้งก็โหดร้ายเลยล่ะ!"คนเป็นเจ้านายบอกเสียงเรียบ เนื่องจากชายหนุ่มรู้ตัวดีว่าเขาเองก็มีนิสัยด้านลบอยู่เยอะเช่นกัน
    "ฉันไม่กลัวท่านหรอกคะ คนโหดที่ไหนเขาจะช่วยคนอื่นด้วยเงินจำนวนมากขนาดนั้นล่ะค่ะ ฉันขอถามท่านจริงๆ เถอะค่ะ....ทำไมท่านถึงช่วยฉัน เงินไม่ใช่น้อยๆ ฉันหาทั้งชีวิต ยังหาเงินจำนวนนั้นไม่ได้เลยนะคะ" นิลยาเอ่ยถามด้วยความใสซื่อ ดวงอีกฝ่ายตาแป๋ว
              "ไม่รู้สิ...เห็นเธอแล้วฉันนึกถึงใครบ้างคนน่ะก็เลยช่วย"
                "แค่นี้เองหรอกคะ?"
    หญิงสาวมองใบหน้าคมด้วยความไม่เข้าใจ เหตุผลเพียงน้อยนิดของเขามันทำให้นึกแปลกใจ สงสัยบุคคลผู้นั้นคงจะเป็นคนสำคัญสำหรับชายหนุ่มอย่างแน่นอน
              "ใช่!...หรือเธออยากจะให้ฉันมีจุดประสงค์อื่น" สายตาคมมองสำรวจเรือยร่างที่น่าปรารถนาอย่างจวบจ้วง มือใหญ่เอื้อมไปลูบไล้ผิวขาวผ่องอย่างถือสิทธิ์
                "เอ่อ...เปล่าคะ" นิลยายิ้มเจื่อนๆ พร้อมกลับกระเถิบกายหนี ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้คิดจะตาม
    "คนคนนั้น คงสำคัญกับท่านมากสินะคะ" คนเป็นทาสยังเอ่ยถามอย่างอยากรู้ ถึงแม้จะนึกระแวงเจ้านายคนใหม่ที่มองเธอด้วยสายตาวาววับ แต่ความอยากรู้ในใจก็มีมากเหลือเกิน
              "อืม...ก็ประมาณนั้น เธอจะถามไปทำไมเนี่ย ฉันช่วยเธอไม่ดีหรือไง ถามเซ้าซี้อยู่นั่นแหละ เดี่ญวฉันก็เปลี่ยนใจ ทำอย่างอื่นซะหรอก"
    "เอ่อ...ฉันไม่ถามแล้วก็ได้ค่ะ"
    "อืมดี!....อ้าว สวมซะ เราจะได้กลับบ้านกัน"
    คาเบลแกล้งทำเป็นหงุดหงิด เพราะไม่อยากนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาให้เจ็บปวดหัวใจอีก ก่อนจะถอดเสื้อตัวนอกของเขาให้นิลยาสวมทับเอาไว้ เพื่อปกปิดเรือนร่างอันเย้ายวนของหญิงสาวต่อสายตาเขาและคนอื่นที่จะต้องลงไปพบเจอ...เฮ้อ! ถ้าเขายังเห็นเรือนร่างน่าปรารถนานี้อีกครั้ง มีหวังความต้องการของเขาได้เตลิดไปจนเกินควบคุมแน่
              "ขอบคุณค่ะ"
    นิลยายิ้มกว้างรับเสื้อของคาเบลมาสวมทับทันทีที่เขายื่นให้ เพราะเธอเองก็รู้สึกกระดากอายอยู่ไม่น้อยที่ต้องสวมชุดบ้าๆ แบบนี้นั่งคุยกับเขาและถ้าเธอต้องออกไปข้างนอกด้วยชุดแบบนี้ มันคงไม่ต่างอะไรกลับเดินแก้ผ้าให้ชาวบ้านเขาดู
              "ไป...กลับบ้านกัน..."
    คาเบลยิ้มกว้าง มองร่างระหงที่เหลือตัวนิดเดียวเมื่อสวมเสื้อของเขา ก่อนจะปรับสีหน้าให้ดูเรียบเฉยแล้วเดินนำหน้านิลยาออกไปจากห้อง ซึ่งคนเป็นทาสก็ไม่รอช้า รีบเดินตามนายหนุ่มคนใหม่ไปทันที 
    "อุ้ย!"นิลยาสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อสัมผัสได้ถึงมือใหญ่ของคนที่เดินข้างๆ ยื่นมาโอบเอวเธอ
    "อยู่เฉยๆ"
    เสียงทุ้มกระซิบบอกข้างหู เมื่อเห็นผู้คนภายในงานหันมาให้ความสนใจพวกเขา ซึ่งนิลยาก็ได้แต่ยืนนิ่งยอมทำตามคำสั่งของชายหนุ่มแต่โดยดี
    ทุกคนภายในงานมองหนุ่มหล่อและสาวสวย ที่เดินตามกันลงมาจากชั้นบนด้วยความอิจฉา เหล่าชายหนุ่มลอบมองนิลยาด้วยความเสียดาย เมื่อเห็นคาเบลโอบเอวเล็กของทาสสาวอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ เหมือนจะประกาศให้คนทั้งงานได้รับรู้ว่าเธอเป็นของเขา....
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×