ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพบุตรแวมไพร์ VS เจ้าชายอสูร

    ลำดับตอนที่ #12 : PART-->11

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 145
      0
      17 พ.ย. 57





    "ต้นหอมมมมมมมมมมมมมมมมม"

    เสียงของเซียมซีที่ตะโกนเรียกชื่อฉันซะดังลั่น พร้อมกับตัวเธอที่กำลังวิ่งเข้ามากอดฉันที่กำลังเดินขึ้นตึกเรียนทันที ท่ามกลางสายตาของเหล่าประชาชีที่กำลังจ้องมองฉันด้วยสายตาต่างๆนาๆ นี่ข่าวลือเรื่องที่ฉันเป็นผู้หญิงของมาร์คัสแล้วก็เรื่องที่ไนนท์เดินลากฉํนไปทั่วโรงเรียนคงจะดังกระฉ่อนไปทั่วแล้วซินะ ทุกคนถึงได้จ้องฉันแบบนี้ โดยเฉพาะผู้หญิงทั้งคลาสเอ ที่ตอนนี้กำลังจ้องเหมือนกับอยากจะฉีกฉันออกเป็นชิ้นๆยังงั้นแหละ ไม่รู้ว่าแม่คุณพวกนี้ไปโกรธฉันมาแต่ชาติไหนกัน สายตาถึงได้จิกกัดซะจนฉันไม่กล้าเดินไปไหนมาไหนเอาซะเลย

     
       "ต้นหอมเธอรู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงเธอขนาดไหนจะออกไปตามก็ไปไม่ได้ กว่าจะช่วยงานเสร็จออกมาก็เห็นคนเขาคุยเรื่องเธอกันไปทั่วแล้ว"
     เซียมซีบ่นออกมาเป็นชุดไม่หยุด ส่วนฉันก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆให้กับเธอเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่ช่วงไหนให้เธอฟังดี
       "อะไรกันฉันถามเธอเพื่ออยากได้คำตอบนะไม่ใช่อยากได้ไอ้รอยยิ้มแหยๆนี่ซักหน่อย -.,- "
    เซียมซีเริ่มเบะปากออกมาด้วยความไม่พอใจที่ยังไม่ได้คำตอบที่ต้องการซักที  ฉันจึงได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเนือยๆก่อนเริ่มจะเล่าเหตุการณ์ทุกฉากทุกตอนให้เธอฟังอย่างละเอียด ว่าฉันไปเจอกับใครยังไงบ้าง

       "ไนนท์ลากเธอไปเจรจายื่นข้อเสนอให้เธอไปเป็นผู้หญิงของเขาแทน เพราะคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงของมาร์คัส แล้วเธอกับไนนท์ก็ดันไปเจอมาคัสเข้า-O-  "
    เซียมซีตะโกนออกมาด้วยท่าทางตกใจที่ได้ยินฉันบอกว่าไปเจอมาคัสพร้อมกับไนนท์มา แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับท่าทีตกใจของเธอที่มากกว่าเดิม ตอนที่ฉันเอ่ยถึงผู้ชายที่ชื่อ ลุคส์ คนนั้น
    "ยังไงก็ตามเรื่องของคนบ้าสองคนนั่นที่เธอเล่าฉันไม่ค่อยตกใจเท่าไหร่ แต่ที่ฉันตกใจและแปลกใจมากกว่าคือ คนเจ้าเล่ห์และไม่น่าไว้ใจที่สุดอย่าง ลุคส์เข้าไปยุ่งอะไรด้วยกับเรื่องนี้"

    คำพูดของเซียมซีที่ดูจะรู้รายละเอียดเกี่ยวกับผู้ชายที่ชื่อลุคส์นั้นทำให้ฉันยิ่งอยากจะรู้รายละเอียดเกี่ยวกับ ผู้ชายผมบรอนด์ท่าทางแปลกๆคนนั้น เขาเป็นใคร ผู้ชายคนนี้อันตรายขนาดไหน แล้วทำไมใครต่อใครถึงไม่อยากที่จะยุ่งเกี่ยวกับเขา
    “ว่าแต่ผู้ชายที่ชื่อลุคส์นี่ เขาเป็นใครกันเหรอเซียมซี ทำไมใครๆถึงได้ดูไม่ชอบเขาแบบนี้”

    เซียมซีที่ได้ยินคำถามของฉันถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะเริ่มเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับลุคส์ให้ฉันฟังอย่างละเอียด

    “จำที่ฉันเคยบอกได้ไหม ว่าคนอันตรายในโรงเรียนนี้มีอยู่สองคนคือ ไนนท์กับมาร์คัส แต่สำหรับ ลุคส์ หมอนี่คือคนที่อันตรายที่ไม่มีใครอยากเอ่ยถึงและไม่มีใครอยากจะยุ่งเกี่ยวด้วยที่สุด”

    “ทำไมละ”

    เซียมซีถอนหายใจออกมาอีกครั้ง และครั้งนี้สีหน้าของเธอก็แสดงความกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด เหมือนกับว่า เธอ ไม่อยากจะพูดอะไรเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้เลย

    “มาร์คัสกับไนนท์ ไอ้บ้าสองคนนั่น ดูน่ากลัวก็แค่นิสัยโผงผางและท่าทางดุๆ ชอบใช้แต่กำลังเท่านั้น แต่สำหรับลุคส์ เขาเป็นผู้ชายที่จัดอยู่ในประเภท เจ้าเล่ห์ เหลี่ยมจัด และ เล้ว เลวอย่างที่เธอก็คาดไม่ถึง หมอนี่ย้ายมาเรียนที่ซานตามาเรียตั้งแต่กลางเทอมต้นช่วงเกรดสิบ แรกๆเขาก็ดูเป็นคนไม่มีพิษสงอะไร แต่พอเข้าเทอมสองหมอนี่ก็เริ่มเผยตัวตนเลวๆออกมาให้เห็นที่ละนิด ตั้งแต่การปั่นหัวพวกรุ่นพี่เกรดสิบสองคลาสเอ ไปจนถึง เรื่องที่ทำให้โรงเรียนเกือบจะยุบคลาสบีลง ภายนอก หมอนี่อาจจะดูเป็นหนุ่มลูกครึ่งรูปหล่อ อารมณ์ดียิ้มง่าย แต่ก็อย่างว่า ยิ้มของหมอนี่มันเคลือบยาพิษ ใครก็อย่าได้ไว้ใจรอยยิ้มของเขาเด็ดขาด เพราะคนอย่างลุคส์เก่งที่สุดก็คือการสร้างเรื่อง และการชักใยอยู่เบื้องหลังเรื่องร้ายๆต่างๆนาๆในโรงเรียนนี้ การใช้แต่กำลังอย่างไนนท์กับมาร์คัสมันก็อาจจะดูน่ากลัวสำหรับคนทั่วๆไป แต่ การใช้สมองและเล่ห์เหลี่ยมในการลงมืออย่างลุค์ มันดูน่ากลัวยิ่งกว่า เพราะฉะนั้นฉันจะขอเตือนเธอไว้เลยนะต้นหอม อยู่ให้ห่างคนอย่างลุคส์ให้มากที่สุด เพราะบางทีฉันคิดว่าเขาอาจจะเข้ามาใช้เธอเป็นเครื่องมือในการกำจัดมาร์คัสกับไนนท์ ก็เป็นไปได้”

    “แล้วทำไม ลุคส์ถึงอยากกำจัดไนนท์กับมาร์คัสละ”
    “ก็เพราะทั้งไนนท์ และมาร์คัส เป็นบุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโรงเรียนยังไงละ ถึงจะภายนอกจะเห็นว่าไอ้บ้าสองคนนั่น เป็นเหมือนหมาบ้าที่กัดกันตลอดเวลา แต่เพราะมีสองคนนั่นคอยคานอำนาจประธานนักเรียน เรื่องการกีดกั้นระหว่างคลาสเอกับคลาสบีถึงไม่เกิดยังไงละ ”

    เซียมซีเว้นจังหวะในการพูด ก่อนจะจ้องหน้าฉันเหมือนกับรู้ว่าฉันกำลังมีข้อสงสัย และเหมือนมีคำถามที่อยากจะถามออกไป เธอจึงรีบพูดตัดบทขึ้นมาซะก่อน

     “สองคนนั่นไม่เห็นด้วยกับเรื่องการกีดกั้นของคลาสเอ ที่ต้องการจะปิดกั้นคลาสบีจากกิจกรรมหลักของโรงเรียนที่ทำร่วมกับคลาสเอทุกอย่าง เลยทำให้โรงเรียนวุ่นวายอยู่พักใหญ่ จนในที่สุดพวกกรรมการนักเรียนที่ถูกสองคนนั่นใช้สิทธิ์ของครอบครัวที่เป็นผู้ถือหุ้นในโรงเรียนบีบบังคับ จึงยอมตกลง ให้สิทธิ์เด็กคลาสบีเข้าร่วมกิจกรรมหลักของโรงเรียนร่วมกับคลาสเอได้สองอย่างคือ งานพรอม และ งานสถาปนาโรงเรียน หลังจากนั้นมาสองคนนั่น ก็เลยถูกเรียกว่าผู้คุมกฎของโรงเรียน ฉันเองก็ไม่เข้าใจหรอกนะว่าสองคนนั่นทำแบบนั้นไปเพราะอะไร แต่อย่างน้อยเพราะมีสองคนนั่น เด็กคลาสบีถึงได้มีสิทธิ์มีเสียงในรงเรียนบ้าง”

    หลังจากที่ฟังเซียมซีพล่ามรายละเอียดเกี่ยวกับ ลุคส์ และปัญหาที่มีในซานตามาเรีย ฉันก็เริ่มจะเข้าใจอะไรหลายๆอย่างแล้ว มิน่าพวกไนนท์ กับมาร์คัส ถึงได้ไม่ชอบหน้าลุคส์กันซะขนาดนั้น ฉันเองก็คงต้องระวังเขาไว้เหมือนกัน ไม่งั้นละก็มีหวัง ได้เจอเรื่องแย่ๆที่อาจจะต้องทำให้ฉันโดนย้ายโรงเรียนอีกแน่

       "ว่าแต่ เธอนั่งฟังฉันพูดยาวๆมาเกือบชั่วโมงเนี่ย เธอจดแลคเชอร์ที่มิสเตอร์โรเบิร์ตสั่งเสร็จรึยัง เดี๋ยวก็โดนทำโทษให้อยู่ทำความสะอาดห้องชีวะคนเดียวฉันไม่รู้ด้วยนะ"
       "แลคเชอร์"
    แค่ได้ยินคำว่าแลคเชอร์ออกจากปากของเซียมซี ฉันก็ต้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า ฉันยังไม่ได้ทำแลคเชอร์ที่จะต้องมิสเตอร์โรเบิร์ตเลยซักนิด  ฉันลืมเรื่องแลคเชอร์ไปได้ไงเนี่ยคงมัวแต่คิดเรื่องของมาคัสกับไนนท์มากเกินไปแล้วนี่ถ้าเกิดฉันจดแลคเชอร์ไม่เสร็จละก็ ฉันไม่ต้องอยู่ทำความสะอาดห้องชีวะหลังเลิกเรียนทั้งอาทิตย์เลยรึไง
    และถึงแม้จะว่าฉันจะพยายามเร่งสปีดในการจดเท่าไหร่สุดท้ายแล้วฉันก็จดแลคเชอร์ไม่ทันส่งอาจารย์อยู่ดีและผลกรรมนั้นมันก็ส่งให้ฉันต้องอยู่ทำความสะอาดห้องชีวะกับเหล่าโถดองสัตว์ต่างๆหลังเลิกเรียนเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ  โถชีวิตน้อยๆของนังต้นหอมหนอทำไมถึงได้ซวยมหาซวยอะไรอย่างนี้นะ

     ฉันได้แต่ร้องไห้โวยวายกับเซียมซีจนแทบบ้ากับเรื่องที่ต้องไป ทำความสะอาดห้องชีวะคนเดียวทั้งอาทิตย์ทำไมนะหรอก็ห้องชีวะนะมันน่ากลัวยังกะอะไรดีแถมยังมีข่าวลือไปทั่วทั้งตึกเรียนสายอินเตอร์นี่อีกว่าเคยมีคนเห็นผีอยู่ที่นั่นในช่วงเย็นๆอีกด้วยแล้วนี่ฉันจะทนอยู่มันได้ยังไงกัน  แม้จะโวยวายแทบตายยังไงสุดท้ายฉันก็ยังต้องมาทำความสะอาดที่ห้องชีวะคนเดียว ส่วนเซียมซีนะหรอเหอะไม่ต้องพูดถึงทันที่เดินมาส่งฉันถึงหน้าห้องชีวะแล้วยัยนั่นก็ใช้สัญชาติญานนักวิ่งเท้าไฟใส่เกียร์วิ่งหนีกลับไปก่อนทันทีโดยไม่หันกลับมาสนใจเสียงตะโกนร้องของฉันเลยแม้แต่น้อยหนอยยัยเพื่อนบ้าทีเวลาแบบนี้ละก็ทิ้งกันเลยนะ


       และแล้วฉันก็มายืนเอ๋ออยู่หน้าห้องชีวะจนได้ T^T กะกะก้าวขาไม่ออกเลยแฮะหะหะห้องนี้ทำไมมันน่ากลัวแบบนี้นะแถมยังมืดอีกต่างหาก กลิ่นก็อับจนฉุนจมูกไปหมด

       ฉันได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างฝืนทนก่อนจะพยายามกลั้นใจแล้วย่างเท้างามๆทั้งสองข้างเข้าไปในห้องชีวะที่ทั้งมืดและมีแต่กลิ่นของสารเคมีที่ใช้ในการดองสัตว์จำพวกงู หนู จิ้งจก ตุ๊กแก และอื่นๆอีกมากมาย  หลังจากยืนใช้เวลาทำใจอยู่นานเกือบสิบนาที ในที่สุดฉันก็เริ่มลงมือทำความสะอาดได้ซักที เพราะว่านาฬิกาตรงฝาผนังห้องตอนนี้มันกำลังเดินบอกเวลาว่าขณะนี้ถึงเวลา ห้าโมงเย็นแล้วนี่ฉันมีเวลาทำความสะอาดห้องนี้ถึงแค่หกโมงเย็นเท่านั้นนั่นเพราะเมื่อถึงเวลาหกโมงเย็นแล้วภารโรงประจำโรงเรียนจะเดินมาปิดล็อคห้องต่างๆทั้งตึกเรียนทันที
        "แกร๊ก"
        "ครืดดดด"
        "อืมมมมมมมมมม"
       แต่แล้วจู่ๆขณะที่ฉันกำลังลงมือรื้อเก็บเอกสารและอุปกรณ์ที่เกลื่อนห้องชีวะอยู่นั้นจู่ๆเสียงแปลกๆที่อยู่มุมมืดหลังห้องชีวะเข้า
      สะสะเสียงแปลกๆนั่นมะมะมันมะมะมีอะไรอยู่ตรงนั้นงั้นหรอหรือว่านั่นจะเป็น ผะ ผี ที่เขาลือกัน ฉันได้แต่ยืนกอดไม้กวาดที่อยู่ในมืออย่างกล้าๆกลัวๆขนาดเวลาแบบนี้ฉันยังมีปัญญากอดได้แค่ไม้กวาดแทนที่จะเป็นหนุ่มหล่อมาดแมนโถชีวิตแสนเศร้า

      ฉันยืนทำใจอยู่เกือบๆสิบนาทีจนในที่สุดก็กลั้นใจเดินตรงไปยังต้นเหตุที่เกิดเสียงนั่นพร้อมๆกับอะเอ่อไม้กวาดอาวุธคู่กาย(ช่างเข้ากับหน้าตาสวยๆของฉันจริงๆ -_-')ที่อยู่ในมือ  และเมื่อไปถึงยังต้นเหตุที่เกิดเสียงภาพที่ฉันเห็นอยู่ตรงหน้าตอนนี้มันทำให้ฉันแทบช็อคเพราะภาพที่ฉันเห็นคือเงาตะคุ่มๆของอะไรซักอย่างที่มีรูปร่างคล้ายคนกำลังนั่งพิงกำแพงหลังห้องอยู่    แต่แล้วขณะที่ฉันกำลังย่องเข้าไปใกล้ๆอย่างกล้าๆกลัวๆเพื่อที่จะมองให้ชัดว่าไอ้สิ่งที่ฉันเห็นนั้นมันเป็นตัวอะไรกันแน่    เท้างามๆคู่กรรมของฉันก็ดันโชว์สปิริตความซวยออกมาโดยการสะดุดเข้ากับ กองกระดาษที่ฉันรื้อมาก่อนหน้านี้งี่เง่าจนได้เรื่องจนได้นะต้นหอม
       กึก!!!
       "O_O!!"
       "กรี๊ดดดดดดดดดดดดด"
    ฉันกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆก็สะดุดเข้ากับกองกระดาษบนพื้นก่อนจะฟุบลงไปทับร่างของไอ้ตัวที่ฉันกำลังจ้องอยู่เมื่อครู่ ว่าแต่ผีนี่มันจับต้องได้ด้วยเหรอ ฉันเคยได้ยินแค่ว่าผีมันเป็นแค่พลังงานที่ไม่สามารถจับต้องได้นี่นา แล้วไอ้ตัวที่ฉํนกำลังทับอยู่นี่ละมันคืออะไร
     ตุ๊บ
    พับๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    กา กา กา กา กา กา กา กา กา กา
    เสียงร้องของเหล่าอีกาที่ดังขึ้นทำเอาฉันถึงกับนั่งนิ่งด้วยความแปลกใจ อีกา??อีกางั้นเหรอ ถ้าในห้องชีวะนี่มีอีกางั้นก็แสดงว่าที่นี่จะต้องมี
      "มาร์คัส!!!!!!!"
    ฉันตะโกนเรียกชื่อเจ้าของร่างที่ฉันล้มทับอยู่ด้วยความตกใจทันทีที่เข้าใจแล้วว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าฉันคืออะไร และเมื่อได้เห็นใบหน้าเขาชัดๆแม้จะมีแสงสว่างส่องเขามาเพียงน้อยนิดแต่ฉันก็จำได้อย่างชัดเจนว่าผู้ชายที่ฉันล้มทับอยู่คือมาร์คัสจริงๆ แล้วไหนจะอีกาพวกนั้นอีก ทั้งโรงเรียนนี้มันไม่มีใครอีกแล้วที่จะมีอีกาตามติดไปทุกที่นอกจากเขา
       "เธอ...ยัยซุ่มซ่าม -*-"
    มาร์คัสเรียกชื่อฉันออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆด้วยความสงสัย เราสองคนจ้องหน้ากันนิ่งอยู่นานพอสมควรและกว่าที่ฉันจะตั้งสติได้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็เมื่อตอนที่ฉันได้ยินเสียงเหมือนมีใครมาปิดล็อคห้องชีวะเข้าห้อง

    “แกร๊ก”

    กะกะโกหกน่าภารโรงมาปิดห้องแล้วหรอนี่ยังไม่ถึงหกโมงเย็นเลยนะทำไมลุงภารโรงถึงมาเร็วจังละ คิดได้แค่นั้นฉันก็รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งตรงไปยังประตูห้องชีวะทันที
      กึก กึก
    ไม่จริงประตูโดนล็อคแล้วจริงๆแล้วที่นี้ฉันจะทำยังไงละเนี่ย 
     "ลุงภารโรงขากลับมาเปิดประตูให้หนูก่อน ยังมีคนอยู่ในนี้นะค่ะลุง"
    ฉันพยายามตะโกนเรียกลุงภารโรง เพราะคิดว่าลุงแกคงยังไม่ไปไหนไกล แต่ว่าสิ่งที่ฉันเห็นผ่านช่องประตูนั้นกลับไม่ใช่ลุงภารโรง แต่เป็นผู้หญิงประมาณสองสามคนที่กำลังยืนยิ้มเยาะให้กับฉันด้วยความสะใจ ก่อนพวกเธอจะรีบเดินเฉิดฉายออกไปจากหน้าห้องชีวะ โดยไม่คิดจะสนใจเสียงตะโกนเรียกของฉันแม้แต่น้อย ยัยพวกนี้ทำแบบนี้กับฉันได้ยังไงกัน ฉันไปทำอะไรพวกหล่อนตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมถึงได้ทำกันแบบนี้เนี่ย

    “เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ พวกเธอมาขังฉันไว้ทำไม ฉันไปมีเรื่องกับพวกเธอตั้งแต่ตอนไหนกัน ถึงได้มาขังฉันไว้แบบนี้ปล่อยฉันออกไป”

       "ร้องจนคอแทบแตกก็เปล่าประโยชน์ถึงเธอจะแหกปากตะโกนร้องแทบตายยังไงผู้หญิงพวกนั้นก็ไม่กลับมาหรอก"
    มาร์คัสที่เดินมาหยุดอยู่ด้านหลังฉันตอนไหนก็ไม่รู้ พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบและแววตานิ่งเฉยอย่างไร้ความรู้สึกนี่ขาไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรเลยรึไงที่โดนขังไว้แบบนี้นะเขามีความรู้สึกบ้างรึเปล่าทำไมถึงได้เอาแต่ทำสีหน้าเฉยชาแบบนั้นอยู่ได้

       "แต่ฉันไม่อยากติดอยู่ในห้องมืดๆน่ากลัวๆแบบนี้นี่นา ฉันอยากกลับบ้านนี่นา ใครก็ได้ช่วยด้วย มีคนติดอยู่ในนี้ค่ะ"
    ฉันหันกลับไปโวยวายใส่นายอีกาหน้าดุอย่างลืมตัวเพราะอารมณ์โมโหที่มี ก่อนจะตะโกนร้องเรียกให้คนช่วยต่อไปโดยไม่สนใจกับคำพูดของมาคัสเลยแม้แต่น้อย

       "งั้นก็ตามใจเธอละกัน อยากจะโกนจนคอแห้งตายก็เชิญยังไงซะก็ไม่มีใครเขามาช่วยหรอก"

    ฉันหันกลับไปมองมาร์คัสที่กำลังนั่งลงบนโต๊ะทดลองด้วยแววตาไม่พอใจ แม้จะอยู่ในที่มืดๆแบบนี้แต่ฉันกลับยังมองเห็นความหล่อแบบดุๆของใบหน้าเขาได้  แต่ถึงเขาจะหล่อขนาดไหนก็เถอะนะยังไงฉันก็ไม่ยอมติดอยู่ให้ห้องชีวะบ้าๆนี่กับคนน่ากลัวแบบนี้และอีกาพวกนั้นเด็ดขาด ไม่มีวัน

     

     








     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×