ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Island crazy เกาะสุดร้าย นายน่ารัก !

    ลำดับตอนที่ #4 : [๐๓] เรื่องราวความรักของหนุ่มสาว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 369
      0
      9 พ.ย. 55

    บทที่สาม






              "อยากวิ่งนักใช่มั้ยยัยบ๊อง :] ?"

              "หะ..ห๊ะ =[]=!!?"

            พรวด !! เขาจับมือฉันแน่น แล้ววิ่งไปอย่างรวดเร็ว เป็นไปตามเหมือนที่คาดหมาย เพียงแต่คนที่จับมือไม่ใช่นางเอกแต่เป็นพระเอกเท่านั้นเอง

            อีกด้านหนึ่ง ...

              "คาดว่าอีกไม่กี่วันพวกเขาคงจะกลับมาแล้วล่ะ"

            นภาพูดไปพลางเสิร์ฟน้ำองุ่นบนโต๊ะ

              "ไปนานขนาดนั้นเลยหรอ"

            เสี้ยววินาทีที่ทั้งสองสบตากัน เธอวางแก้วน้ำ นิ้วมือของหญิงสาวได้สัมผัสกับมือของชายหนุ่ม ทำให้เธอสะดุ้ง ..แก้วน้ำหกเรี่ยราดไปหมด ..

              "อ๊ะ !! ขอโทษค่ะ ขอโทษ ขอโทษ เดี๋ยวจะรีบเช็ดให้ทันทีเลย ขอโทษริงๆ"

            หญิงสาวหยิบผ้าข้างๆโต๊ะมาเช็ดน้ำองุ่นที่เรี่ยราด

              "มะ..ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร"

            พนากล่าวคำเชิงปลอบโยนเพื่อให้เธอพ้นกับความรู้สึกผิด

               "ขอโทษค่ะ ขอโทษ ขอโทษ"

            นภายังคงกล่าวไม่หยุด

              "พอได้แล้ว"

            เขาจับมือนภา เธอหยุดชะงักเมื่อมือเธอได้สัมผัสกับมือเขาอีกครั้ง ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทั้งสองสบตากัน ..

              "แกว้ก"

            กาลิเลโอร้องทัก มันเตือนว่าถึงเวลาอาหารของมันแล้ว เลิกแพรสชั่นเนเทรี่กันซะที

              "เอ่อ .. ฉันคงต้องไปหาไม้ถูพื้นมาทำความสะอาด..แล้วล่ะค่ะ"

            นภาเดินเข้าไปในครัว

              "จังหวะได้ดีจริงนะๆเจ้านกเวร"

              "แกว้ก แกว้ก"

            มันทำหน้าสะใจใส่พยายามจะสื่อว่า 'แกก็เหมือนกันน่ะแหละเจ้ามนุษย์
    หื่น'


              "ไอ้นกผี ไปตายที่ไหนก็ไปเลยไป๊ !"

            ฟุบ ! พนาเอาหมอนปาใส่กาลิเลโอ 

              "แกว้ก !! (พ่อง !!)" 
    มันบินหนีพร้อมกับคำคำนึง ..

            นภาเดินออกมาจากครัวพร้อมถาดขนมและน้ำองุ่นอีกแก้ว ..

              "เมื่อกี้มีอะไรหรอคะ ฉันได้ยินเสียงแปลกๆ"

              "มะ..ไม่มีอะไรหรอก ^^;;;"

              "อ่อค่ะ งั้นฉันขอตัวค่ะ ^^"

            เธอเดินออกไปข้างนอก ภาพผมสลวยยาวสีดำเข้มของเธอที่ถูกลมพัดเมื่อกี้ยังติดตาพนาอยู่ไม่ไปไหน

              "แกว้ก แกว้ก ไอ้หื่น ! ไอ้หื่น !"

            เสียงแหลมๆ ของกาลิเลโอดังขึ้น เขาไม่รู้ว่าน้องสาวของเขาฝึกมันหรือมันพูดตามที่เห็นกันแน่

            หมับ ! พนาคว้าเจ้านกขึ้นมากำแน่น

              "..จำไว้นะ เจ้านก ฉันไม่รู้ว่าใครสอนแกให้พูดอย่างนี้ แต่ถ้าแกพูดอย่างงี้ต่อหน้านภาละก็ ฉันจะเอาแกไปเป็นกับแกล้มกินแก้ลมกับอาหารทะเลแน่นอน" เขาพูดสั่งสอนก่อนที่จะปล่อยมันออกไป

              "แกว้ก !!" มันบินออกไปด้วยความตกใจขวัญหาย

              "ฮะ ฮะ ไอ้นกบ้าเอ๊ย"

            ครืน ครืน เสียงคลื่นทะเลที่พัดพัดมาอยู่ตรงฝั่งก่อนที่จะหายไปตามทราย ท้องฟ้าสีชมพูอมส้ม เสียงฝูงนกนางนวลบินกลับรัง และก้อนเมฆแสนสวยเหมือนสำลีที่ลอยอยู่เหนือหัว พระอาทิตย์กำลังลับของฟ้า ..

              "ช่างเป็นวันที่พระอาทิตย์ตกที่สวยงามจริงๆ"

            นภานั่งอยู่บนก้อนหินที่มีลักษณะคล้ายโซฟา

              "แกว้ก แกว้ก"

            กาลิเลโอบินมาเกาะที่ไหล่ของเธอ

              "นี่ ..
    แกรู้มั้ยเธอยิ้ม "ว่าวันนึงนะ ฉันได้เจอกับคนที่ฉันเคยแอบชอบตอนอยู่มัธยมด้วยล่ะ" เธอค่อยๆบรรจงเล่าความหลังแสนสวยงามให้นกตัวหนึ่งฟัง กาลิเลโอรู้ดีว่าเป็นใคร "เขาเป็นนักกีฬาที่เก่ง เป็นที่ชื่นชอบของสาวๆในโรงเรียนทั่วไป หนึ่งในนั้นคือฉันเช่นกัน แต่ทำไงได้ล่ะ ขาฉันพิการมาตั้งแต่เกิด เมื่อก่อนหน้านั้นทำให้ได้เจอหน้าเขาก็เพียงแค่งานประกวดวาดภาพซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันถนัด" เธอลูบหัวกาลิเลโอ


              "ฉันพิการเลยไม่ได้เล่นกีฬา ซึ่งฉันเสียเปรียบในด้านนี้ แต่ที่ได้เปรียบกว่าผู้หญิงทุกคนในโรงเรียนคือบ้านของฉันอยู่ติดกับบ้านของเขา .. เราเจอกันไม่บ่อยนัก ทำได้แค่มาติวหนังสือเท่านั้น แต่รู้มั้ย ทุกครั้งที่ฉันไปติวหนังสือบ้านของเขา ฉันรู้สึกมีความสุขกว่าผู้หญิงคนอื่นในโลกเป็นไหนๆ" เธอยิ้ม " ... ก่อนที่พ่อแม่ของเขาจะเสียตอนอยู่ ม.6 ฉันกะจะบอกรักตอนสอบเสร็จ ..แต่เขาต้องไปงานศพพ่อแม่ของเขาซะก่อน ..และวันนั้นพ่อแม่ของฉันก็พาครอบครัวย้ายมาอยู่ที่เกาะแห่งนี้ .. เราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย" เธอมองท้องฟ้า เธอกำลังคำว่า ฟ้านี้มีตั้งกว้างใหญ่ทำไมเธอถึงได้มาเจอเขาอีกครั้ง

              "คนเราต้องมีบุพเพสันนิวาสต่อกัน ถึงจะได้เจอ เทพแห่งโชคชะตาไม่เคยโกหกใคร จริงมั้ยกาลิเลโอ" เธอถามนกตัวนั้นแม้รู้ว่าไม่มีคำต่ออกจากปากของมัน "เธอคิดยังไงกับเขาหรอ" เธอถามอีกครั้ง

              "มันหื่น มันหื่น พนาหื่น"

            กาลิเลโอตอบอย่างไร้เดียงสา เมื่อนภาได้ยินคำนั้นก็อดหัวเราะไปกับคำที่เจ้านกพูดไม่ได้ กาลิเลโอรู้สึกสบายใจแม้มันจะไม่รู้ว่าเธอหัวเราะเรื่องอะไรก็ตาม

              "แกว้ก แกว้ก ! พนามา พนา มา แกว้ก แกว้ก !!" กาลิเลโอส่งเสียงดังเป็นภาษาคน นภาหันไปมองด้านหลัง บุคคลที่มันเอ่ยชื่อปรากฎตัวจริงๆ

              "ที่พูดมาน่ะ ..ได้ยินหมดแล้วนะ :)"

            พนาเดินเขามาพร้อมยิ้มทำให้นภาตกใจ หน้าแดงไปหมด

              "อะ..เอ่อคือ พนา คือฉัน.. O//o"

              "ขอโทษนะนภา เจ้านกนี้มันไปได้ยินมาจากไหนก็ไม่รู้ ..ว่าแต่ เธอจะพูดว่าอะไรหรอ ?"

            นภามั่นใจว่าที่เขาได้ยินตะกี้เป็นเพียงเสียงของกาลิเลโอ

              "อะ..เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกจ่ะ"

              "หรอ" เขากับพูดพร้อมมายืนข้างๆโซฟาหิน "... ..ท้องฟ้าสวยดีนะ"

            นภารู้สึกดีใจที่มีวันนี้ ถ้าวันนั้นฝนไม่ตก
    กระหน่ำเธอคงไม่ได้พบกับเขาคนนี้ หากเป็นหนังรักเรื่องหนึ่งกล้องคงจะถ่ายจากด้านหลังของชายหญิงเป็นรูปเงามีฉากเป็นพระอาทิตย์ตกสวยงามกับนกบนไหล่ผู้หญิงอีกหนึ่งตัว ผู้ชมบางท่านคงอยากจะเตะเจ้านกตัวนั้นออกไปบ้างข้อหาก่อกวนความโรแมนติก

            บนหน้าผาในเกาะ ..

            แปะ แปะ แปะ แปะ !

              "นี่นาย !! รีบก่อฟืนเร็วๆเส่ะ !!"

            ฉันเอาไม้ตีแมลงวันตีหัวนายนั่นรัวๆอย่างเมามันส์

              "คร้าบ ๆ กำลังทำอยู่เนี่ย โด่วว"

            ผู้อ่านคงงงว่าทำไมนายนั่นจากเงียบเป็นผีเสียบไม้ แต่กลับกลายพันธุ์เป็นพระเอกนิยายหวานแหวว รักสุดร้ายๆของยายจอมจุ้น หรืออะไรก็แล้วแต่ฉันก็ไม่ทราบเหมือนกัน(อ่าว ?) แต่ตั้งแต่นายนั่นจับมือฉันวิ่งนั่นแหละ .. ฉันจะเล่าให้ฟังละกัน

              "เฮ้ !! นี่ๆนายจะไปไหนเล่า !!" เขาจับมือฉันแน่น ฉันวิ่งตามนายไม่ทันแล้วนะ T[]T!!

              "เธอบอกให้วิ่งไม่ใช่รึไง !?"

              "ก็ใช่แต่ไม่จำเป็นต้องเร็วขนาดนี้เลยนี่ ขาฉันลากหมดแล้วนะ !!" ฉันรีบวิ่งตาม เพราะแน่ใจว่าเค้าคงไม่ปล่อยมือฉันแน่ แต่เฮ้ !!.. "นั่นนาย ระวัง !!" เขาหันหน้าไปมองข้างหน้า

              ผลุบ !! เขาสะดุดรากไม้รากใหญ่หกล้มหน้าทิ่มลงไป ฉันก็ล้มลงไปด้วย แต่เสียใจที่ฉากพระเอกกับนางเอกหกล้มลงแล้วปากจูจุ๊บกันมันไม่มีในนิยายเรื่องนี้ เค้าล้มหน้าคว่ำ และฉันก็คว่ำลงไปตามเค้าด้วย

              "โอย ..มึนหัวชะมัด @___@" ฉันลุกขึ้นมาสะบัดหัวแรงๆเพื่อเรียกสติตัวเองคืนมา

              "เฮ้ ! นี่นาย" ฉันสะกิดสายชล เกือบลืมชื่อแล้วมั้ยล่ะ

              "โอย ..แสบหน้าว่ะ" เค้าลุกขึ้นมา สภาพที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้ฉันก็บอกไม่ถูก แต่มันน่าขำเสียนี่ไร

              "ฮ่า ฮ่า ฮ่า ดูหน้านายสิ"

              "อะไรนักหนา หน้าฉันมันน่าขำตรงไหนมิทราบ =___= ?"

              "มีแต่โคลนเลอะเทอะ สกปรกเต็มไปหมดเลย ก๊าก ๆ"

            เขาเปิดกระเป๋าเป้และหยิบกระจกขึ้นมาดู แล้วมองสักพัก ..

              "ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า XD"

            เขาขำตัวเอง ท่าทางจะบ้าไปจริงๆ เกิดมาเพิ่งเคยเห็นคนหัวเราะหน้าตัวเอง ตะ..แต่รอยยิ้มแบบนั้นทำไมมันมีต้องมากระทบสะเทือนถึงขั้วหัวใจชั้นในด้วยล่ะเนี่ย !!

              "นี่ ๆ หยุดขำได้แล้ว อีกไม่กี่เมตรก็ถึงน้ำตกแล้ว ไปล้างหน้าไป๊ !"

              "ฮะ ฮะ" เขาลุกขึ้นเดินไปพลางส่องกระจกไปแล้วหัวเราะตัวเองตลอดทาง

            ท่าทางนายนี่จะเก็บกด เห็นเงียบมานานเลยปล่อยอารมณ์ เอิ่ม .. หมายถึง ..นายแอ๊บหรอ จะทำไปทำไม ?

              "นี่นาย ถามจริงเถอะนิสัยนายมัน เงียบขรึม หน้าตาย หรือว่า บ้าจี้ บ้าบอคอแตกกันแน่ฮึ ?"

              "ไม่รู้สิ ฮะ ฮะ แต่ว่าฉันไม่ได้หัวเราะอย่างงี้มาหลายปีแล้ว"

            สรุปนี่นายมันบ้าจริงๆใช่มั้ย

            .... ด้วยเหตุฉะนั้น จึงเป็นฉะนี้นั่นเอง ^^ สายชลคงหน้าทิ่มพื้นจนเสียสติกลับกลายเป็นอีกคนไปแล้ว ตอนนี้ควันขึ้นฟุ้ง หัวฟูๆของนายนั่นกับหน้าดำๆที่โดนควันยิ้มให้ฉันเห็นฟันทุกซี่ (ย้ำว่าทุกซี่ปากมันกว้างจริงๆ)

              "จุดไฟเสร็จแล้ว ตั้งแล้วเต็นท์ด้วย"

              "อ่ะ..เอ่อ..อืม อืม"

              "ฉันเอาไก่มา กินด้วยกันป๊ะ ?"

            เขายื่นปีกไก่เสียไม้ที่ยังดิบๆอยู่ นี่มันเข้ามาใกล้เกินไปแล้ว !!

              "หยึย ! เอาออกไป เหม็น"

            ฟุ่บ ! ฉันปัดไก่ของเขาตกลงพื้น

              "กะ..กะ..ไก่น้อย TT^TT" ดูเหมือนการกระทำของฉันมันทำให้เขาเสียความรู้สึก

              "ขอโทษ TT^TT"

              "ถ้ารังเกียจมันก็ไม่เห็นต้องสะบัดมันทิ้งเลยนี่นา .." เขาก้มลงหยิบไก่ขึ้นมา "เสียดาย Y^Y" เขาพลิกไก่ไปมา

              "เอาอันใหม่ก็ได้นี่"

              "ไม่เป็นไร !!" เขาลุกขึ้นมา พร้อมชูไก่ขึ้น และยื่นมาให้ฉัน "อันนี้อ่ะ ของเธอ"

              "หะ..หา อะไรนะ ?"

              "ของเธอ"

              "สายชลฉันกินของตกพื้นไม่ได้หรอก ^^;;;"

              "น่าเสียดาย กว่าจะได้ไก่นี้รู้มั้ยไก่ต้องถูกตัดปีกไป ก่อนอื่นเขาต้องเอามีดกรีดมันดึงขนมัน  แล้วค่อยๆควักเครื่องไส้ มีตับ ไต ไส้ หัวใจ แล้วก็ตัดตูดมัน แล้วรีดเอาเลือดของมัน แล้วก็ ... สับปีก !!" เอาเน้นคำสุดท้าย "สับขา !! .... ...สับหัว !!" เขาพูดเป็นจังหวะ "ก่อนที่จะสับมันทั้งหมดเลย .." เสียงของเขากลับมาหงอยอีกครั้ง

              "=____=||||"

              ฟู่ ฟู่ เขานั่งย่างไก่ตัวที่สอง ส่วนที่ตัวแรกที่ตกพื้นอยู่น่ะหรอ อยู่ในปากฉันเนี่ย เพิ่งย่างเสร็จตะกี้ ถ้าไม่กินก็โหดร้ายแล้ว ฉันเพิ่งรู้ว่ากว่าจะได้ไก่แต่ละปีกมันยากเย็นขนาดไหน และอีกอย่างนึง ฉันไม่อยากฟังหมอนั่นบรรยายอะไรไม่รู้บ้าๆบอๆอีกด้วย

              "งั่ม งั่ม" เขากินไก่ตัวที่สอง อย่างเอร็ดอร่อย และรวดเร็ว ในขณะที่ฉันเหลือแต่กระดูกแล้ว

              "ฉันไปนอนล่ะนะ"

            เพียงคำนั้นเท่านั้นล่ะ สายชลรีบเอาฟันหน้าทั้งสองซักแทะไก่รัวๆเหมือนแฮมเตอร์ ก่อนที่จะชูกระดูกขึ้นมา

              "กินหมดแล้วว !! ไปนอนล่ะน้าา" เขารีบหมุดเขาไปในเต็นท์อย่างรวดเร็ว ละ..แล้วฉันล่ะ =[]= !!?

            ฉันเปิดเข้าไปในเต็นท์ มีหมอนอยู่สองใบ มีตะเกียงและหมอนข้างหนึ่งใบกั้นไว้ สายชลนอนด้านในสุด

              "นี่นายคิดจะนอนกับฉันจริงๆหรอ = =|||"

              "เธอคงไม่อยากให้เป็นแบบนิยายหรือละครเรื่องหนึ่งที่พระเอกกับนางเอกทะเลาะกันแล้วให้พระเอกไปนอนข้างนอก แต่พระเอกไม่ยอมแล้วก็ทะเลาะกันจนเต็นท์ล่ม และสุดท้ายต้องเสื่อผืน หมอนใบต่างคนต่างอยู่สินะ"

              "คงงั้น แต่ฉันไม่อยากเต็นท์ล่มน่ะ" ฉันฟุบลงกับหมอน

              "อากาศดีเนอะ"

              "อื้อ ฉันถามอะไรหน่อย"

              "ว่ามา"

              "ทำไมก่อนหน้านี้นายถึงดูเงียบๆล่ะ ?"

              "อ่อ ..สองสามปีก่อนฉันศึกษาเกี่ยวกับประชากรเต่าทะเลที่ลดน้อยลง เลยคิดว่าจะทำอย่างไรให้มันมีประชากรมากขึ้นดี ฉันเคร่งเครียดกับเรื่องนี้จนมาถึงปัจจุบัน ฉันยังไม่รู้เลยว่าต้องทำยังไง ฉันเลยเก็บกด ..ล่ะมั้ว"

            "อย่างงี้นี่เอง ตอนนี้นายปกติใช่มั้ย ?"

              "แน่นอน นิสัยฉันจริงๆก็เป็นแบบนี้แหละ"

              "ฉันคิดว่านายหกล้มหน้าฟาดจนเสียสติไปซะอีก"

              "อากาศเย็นซาบายยย"

              "เลิกพล่ามได้แล้วฉันจะนอน"

              "ฉันเล่านิทานให้ฟัง"

              "ไม่ล่ะขอบคุณ"

              "กาลครั้งหนึ่ง .."
      
               "บอกว่าไม่ไง !!!"

              "มีหมีอยู่สองตัว ตัวแรกชื่อลมเป็นหมีผู้หญิงมีนิสัยขี้งอแง ตัวที่สองชื่อน้ำเป็นหมีผู้ชายมีนิสัยขี้งอแงเหมือนกัน ทั้งสองอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขบนเกาะที่บินได้บนหลังเต่า" เขาเริ่มเล่าให้ฉันฟัง แม้ฉันจะทำท่าทีไม่อยากฟังก็ตามแต่ความจริงฉันตั้งใจฟังอยู่นะ :) "จบ"

              "หะ หา จบแล้วเหรอ"

              "ก็ไหนบอกว่าไม่อยากฟังไง"

              "นายนี่มันกวนชะมัด"

              "อยากฟังมั้ยล่ะ"

               "... อยาก"

              "อยากก็มาใกล้ๆสิ :)"

            ฟุ่บ ! เขาหยิบหมอนข้างที่กั้นระหว่างเราไว้โยนออกไป

              "ขยับมา" เขาบอก ฉันก็กระเถิบเข้ามานิดนึง

              "ขยับมาอีกสิ" อีกนิดนึง

              "อีก =____=" อีกนิดนึง

              "ไม่ขยับมาใช่มั้ยยัยบ๊อง"

            เขาเลื่อนหมอนและตัวเข้ามาใกล้ฉันและเอาแขนอ้อมจากหัวฉันมาแตะที่ไหล่ฉัน ไม่รู้สิ ด้วยความเคลิ้มใต้แสงเทียนรึเปล่าที่ทำให้ฉันยกหัวขึ้นยอมหนุนแขนเค้า สายชลเริ่มเล่านิทานเรื่องหนึ่งให้ฉันฟังแม้ขณะนี้สิ่งที่ฉันกำลังสนใจอยู่เป็นเพียงผู้เล่าเท่านั้นเอง


    Saycaon viewpoint.
              "Zzz ..Zzz"

              "หลับซะแล้วยัยบ๊องเอ๊ย :)" ผมมองผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังหลับในอ้อมแขนของผม นอกจากเธอจะนิสัยดีแล้ว น่าตายังน่ารักอีก ทำอย่างงี้ผมหวั่นไหวนะเว้ย !!

              "ราตรีสวัสดิ์ครับ ยัยบ๊อง ยัยหัวฟู ยัยดื้อ ยัยบ้า .."

            ก็แค่ผู้หญิงที่ไม่รู้จักมันจะทำให้สะเทือนหัวใจขนาดนี้ เหมือนสิ่งที่มนุษย์เรียกว่า รัก สินะ ..รักแรกของผมกำลังเริ่มขึ้นแล้ว ..

              "ราตรีสวัสดิ์ .. ยัยน่ารัก :)"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×