คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #31 : SF: How to tell you? KRISYEOL
SF: How to tell you?
Couple: KRISYEOL
Author: KC_NeNe’s
***มันเป็นฟิคครั่นเวลา จากความรู้สึกของไรท์เองครับผม***
# ผมควรพิมว่าไร
------------------------------------------------------------------------------------------------------
ลมเย็นยามค่ำคืนหมุนวนปะทะผิวกายบางที่ห่อหุ้มเพียงเสื้อยืดสีขาวตัวเก่งกับกางเกงผ้ายืดสีน้ำตาลเข้มแค่เข่า มือเรียวลูบไล้แขนตัวเองเบาๆไล่ความเย็นบนผิวกาย ปากอิ่มยู่พรูลมอุ่นออกมา
“ยังไม่นอนอีกเหรอชานยอลตีสี่จะตีห้าแล้วนะ ” ผมหันไปตามเสียงของอีกคนที่ทักขึ้น
อ่อ.....พี่มาร์ค
“ ยังเลยพี่ นอนไน่หลับว่ะ เลิกเวรตีสองไม่ใช่เหรอ ทำไมพึ่งกลับอ่ะ” ผมตอบก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่สวนหน้าบ้านไปที่รั้วที่ติดกับบ้านของอีกคน
“ แวะไปหาแบมที่หอมา เห็นจินยองมันบอกว่าไข้ขึ้นเลยแวะไปดูอ่ะ กะกลับมาเอาเสื้อผ้าไปเฝ้าน้องมัน ” พี่มาร์คตอบก่อนจะยิ้มแรงตามฉบับของเขากลับมาให้ ผมยิ้มพยักหน้าสองสามทีก่อนจะขอตัวกลับมานั่งที่เดิมที่นั่งมาได้เกือบสี่ชั่วโมงแล้ว
ผมนี่ก็บ้าเนอะ....
ผมหันกลับไปมองที่บ้านพี่มาร์คอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถทำงานก่อนจะค่อยๆเคลื่อนตัวออกไป
พี่มาร์คหรือ มาร์ค ต้วน เป็นรุ่นพี่คณะแพทย์ที่แลกเปลี่ยนมาเรียนอยู่เกาหลีได้5ปีแล้ว จนตอนนี้ก็ได้เป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลโซล จะเรียกว่าสนิทก็ได้ ก็บ้านอยู่ติดกันขนาดนี้ จะไม่รู้จักกันเลยนี่ก็มนุษย์สัมพันธุ์แย่ไปนะ
ผมมองตามหลังรถของพี่มาร์คที่เคลื่อนตัวเลี้ยวหายจากซอยหมู่บ้านไป เห็นหน้าติ๋มๆเหมือนติ่มซำ(?)แบบนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีแฟนนะครับ มีแฟนแล้ว แถมยังเป็นเด็กม.ปลายซะด้วย เห็นว่าชื่อแบมแบมอะไรนี่แหละ ลูกครึ่งไทย-เกาหลีด้วยมั้ง
เออดีว่ะ แฟนลูกครึ่งไทย-เกา ส่วนพี่แกแม่งเป็นคนจีนฮ่องกง คุยกันรู้เรื่องนี่ผมว่าเก่งนะ คนนึงคุยไทย คนนึงคุยจีน มีเกาหลีเป็นภาษากลาง เจ๋งดีว่ะฮ่าๆๆ
....จีน.....
จู่ๆ คำๆนี้ก็แวบเข้ามาในหัว จากที่เมื่อกี้นั่งหัวเราะเหมือนคนบ้าอยู่คนเดียวกลายเป็นมานั่งถอนหายใจคายคาร์บอนให้โลกอีกครั้ง
...เฮ้อ......
ผมว่าผมทำใจได้แล้วนะ
ในเมื่อมันเป็นในสิ่งที่อยากให้เป็นไม่ได้ ผมก็ควรจะยอมรับความเป็นจริงสินะ
นานเท่าไหร่แล้วนะ ที่ผมยังคงคิดถึง....ไม่สิ
แค่นึกถึงก็พอแล้ว.......
ตั้งแต่จบโปรเจ็คและปิดเทอมจบม.ปลายปีสุดท้ายผมก็ไม่ได้เจอมันอีกเลย จะให้พูดว่าเริ่มลืมเรื่องราวของมันไปแล้วก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะในเมื่อใจผมยังมีเรื่องของมันอยู่เต็มไปหมด
ห่วงมั้ย........
.....ก็ห่วงมั้ง?
คิดถึงมั้ย........
......ก็คงได้แค่คิด
“ฟู่ววว” ผมถอนหายใจรอบที่ล้านของวันก่อนจะหันไปหาสิ่งมีชีวิตขนสีน้ำตาลที่วิ่งดุ๊กดิ๊กเข้ามาคลอเคลียที่ขาของผม
ผมอุ้มเจ้า ‘สิงโต’ ขึ้นมาไว้บนตักพลางลูบขนมันเบาๆ บทสนทนานึงก็ไหลย้อนกลับเข้ามาในสมองของผมอีกครั้ง....
“ เมื่อไหร่มึงจะเลิกกินบ้านบึ้มขนาดนี้วะ ดูแก้มมึงดิ๊ จะแตกอยู่แล้วเนี่ย”
“ เรื่องของกูน่า พูดไม่ดูตัวมึงเลยนะไอฟ่าน ตัวก็ใหญ่ยังกะหมีควาย”
“ อะไร อย่างกูนี่หุ่นบึกบึนแบบราชสีห์ แบบเจ้าป่าเว้ย อย่ามามั่ว”
“ จ่ะ เอาที่มึงสบายใจ ถ้าสิงโตอ้วนพุงพุ้ยแบบมึงกูจะเอามาเลี้ยงที่บ้านเลย”
“ จริงอ่ะ เลี้ยงจริงอ่ะ”
“ กูไม่ได้หมายถึงมึงโว้ยยย ไม่ต้องยื่นเงิงมาครอบหน้ากูเลยไอสัด!”
หลังจากนั้นก็ได้มีเจ้าสิงโตมาวิ่งเล่นในบ้านผมจนถึงทุกวันนี้
“ ไม่ง่วงหรือไงหื้ม?” ผมก้มลงไปฟัดกับขนนุ่มๆของเจ้าสิงโตบนตักตัวเอง
บ๊อกๆๆ
มันตอบผมกลับมาในภาษาหมาๆของมัน
นานเท่าไหร่แล้วนะที่ผมไม่ได้เจอหน้าของเจ้าของที่มาชื่อเจ้าขนปุยนี่ ถึงไม่ได้เจอหน้าแต่ผมก็แชทคุยกับมันอยู่นะ......
แค่น้อยลงกว่าเมื่อก่อน
หลังจากวันนั้น...
วันที่ผมพูดทุกอย่างออกไป.....
“ เอาล่ะ ตาใครแล้ววะ ทมึงอ่ะไอฟ่าน เตรียมตัวโดนเพื่อนรุมด่ามึงได้เลย มีใครจะเปิดก่อนมั้ย” ไอจงอินไล่ลำดับคนที่ต้องมานั่งกลางวงให้เพื่อนด่าหรือระบายเรื่องในใจส่งท้าย ก่อนที่จะจบและแยกย้ายกันไป
“ กูขอคนสุดท้ายละกัน ของกูกะมันอ่ะเรื่องไม่เยอะ แต่เรื่องใหญ่ ” ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมพูดออกไปแบบนั้น คงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอลล์ที่ผมดื่มเข้าไปด้วยล่ะมั้ง แต่มีมีสตินะบอกไว้ก่อน ผมรู้ตัวทุกการกระทำของตัวเอง
“ หิ้ววววววววว เอาล่ะโว้ยยยยยยย ผัวเมียเขาจะเคลียร์กัน งั้นกูเริ่มก่อนละกัน...” เสียงโห่แซวของเพื่อนในกลุ่มล้อเลียนผมที่นั่งหันหลังพิงไอ้ฮุนอยู่ จนต้องผมก้มหน้าเขี่ยผ้าห่มเล่น ไม่กล้าเงยหน้ามองคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม ถึงแม้ว่ามันจะเยื้องๆก็เถอะ แต่ก็ถือว่าไม่ดีต่อตัวผมละกัน
ทุกคนไล่เรียงทั้งด่า ทั้งแกล้ง ทั้งเผาสารพัดที่จะบอกความรู้สึกต่อร่างสูงตลอดที่เรียนด้วยกันมา บางคนเพิ่งย้ายเข้ามาเรียนด้วยกันตอนม.ปลายปีหนึ่ง แต่บางคนก็เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ม.ต้น อย่างเช่นผมที่เรียนห้องเดียวกับมันมาถึง 6 ปีเต็ม.....
“ เอ้าหมดยัง เหลือใครอีกมั้ย ” จงแดเอ่ยถามหลังจากที่มันเป็นคนสุดท้ายที่เผาร่างสูงจบ ก่อนจะไล่สายตาหาคนที่ยังไม่ได้พูด
ผมที่ตอนแรกทำปากดี แต่ตอนนี้กลับนั่งก้มหน้านิ่งแทบจะฝังไปในแผ่นหลังของไอ้เซฮุนอยู่รอมร่อ
“ เอาเร็วๆ มีใครจะพูดอะไรก็รีบๆพูด ปีสุดท้ายแล้วนะโว้ยยย // อาจจะไม่ได้พูดแล้วนะโว้ยยย ” จงแดกับจงอินช่วยกันรบเร้า แม้ว่าปากจะพูดเหมือนไม่ได้เจาะจงแต่สายตาพวกมันมองมาที่ผมบ่อยซะเหลือเกิน
“ เอาเลยมึง เดี๋ยวก็ไม่ได้พูดแล้วนะ ” ไอ้ลู่ที่นั่งอยู่ใกล้ๆก้มลงมากระซิบก่อนจะตบบ่าผมเบาๆให้กำลังใจ
เอาวะ!!
“ เหลือกูนี่แหละ....” ผมเริ่มเปิดปากพูด จากที่ทำใจไม่ให้ตื่นเต้น กลับพังลงเมื่อทุกคนดูเหมือนจะพร้อมใจกันเงียบเพื่อฟังในสิ่งที่ผมจะพูด
โดยเฉพาะมัน....
“ คือกู....เอ่อ..คือมึงอ่ะไอฟ่าน มึงแม่งเป็นเหี้ยไรวะ ชอบพูดจายังกะจะแดกหัวกู ทีคนอื่นล่ะพูดดี ทีกูทำอย่างกับว่าไปแย่งข้าวมึงแดก..” คำพูดของผมเรียกเสียงของคนอื่นได้ดี ผิดกับร่างสูงที่ทำหน้างงก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ผมต้องก้มหน้าหาผ้าห่มที่คลุมขาอีกครั้ง
“ กูแค่แกล้งเล่น แต่กูก็ทำกับมึงแค่คนเดียวป่ะละ ” สิ้นเสียงทุ้มบรรดาเพื่อนก็ส่งเสียงแซวกันอีกระลอก
“หิ้วววววววววววว!!! แอร๊ยๆๆๆๆๆๆ ”
“ แอร๊ยพ่องมึงสิ!” ผมหันไปแยกเขี้ยวใส่ไอ้จงอินกับไอ้จงแดที่เป็นลูกคู่แซวไม่เลิก
และทุกอย่างก็กลับมาเงียบอีกครั้งเมื่อผมไม่ยอมเอ่ยปากพูดอะไรต่อ
“ แค่นี้เหรอ? ” มันถามผมขึ้นหลังจากที่ทุกอย่างเงียบไปได้ซักพัก
“ เอ่อ...มึงจำตอนงานเลี้ยงครบรอบของโรงเรียนได้มั้ย ที่กูร้องไห้แล้วบอกว่าอกหักอ่ะ มึง....มึงรู้มั้ยว่ากูร้องไห้เพราะใคร ” ผมถามมันกลับ ก่อนจะนึกถึงเรื่องที่ทำให้ผมต้องร้องไห้อย่างหนัก...
ภาพผมที่บอกลาพวกไอ้ฮุนกับไอ้จงแดที่เต้นอยู่ด้วยกันหน้าเวทีว่าจะกลับบ้านแล้ว ก่อนจะเดินออกมาจากฟลอร์ ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมอยากเข้าห้องน้ำก่อนกลับบ้าน
“ อี้ฟานมีอะไรจะบอกเราเหรอ ” เด็กหนุ่มที่ผมจำได้ว่าอยู่ห้องวิทย์-คณิต ใบหน้าหวานๆแบบนี้มีอยู่คนเดียว
...จาง อี้ชิง.....
ร่างสูงของเพื่อนสนิทพี่ผมเพิ่งมารู้เมื่อไม่นานมานี้ว่าคิดไม่ซื่อกับมันอ้ำอึ้ง ก่อนจะยิ้มแหยๆ เหมือนไม่รู้ว่าจะพูดดีหรือไม่พูดดี จนในที่สุด มันก็ยอมพูดประโยคที่ทำให้ผมใจกระตุกขึ้นมา
“ อี้ชิง เป็นแฟนกันนะ..”
.
.
ผมเดินกลับไปที่ฟลอร์อย่างล่องลอยอีกครั้ง เดินไปโดยที่ไม่รู้ว่าน้ำตาได้ไหลอาบแก้มผมมาด้วย
“ อ่าวไหนมึงบอกว่ากลับบ้านแล้วไง เฮ้ย!! ไอ้ยอลร้องไห้ทำไม” ไอ้ฮุนที่เห็นผมคนแรกก็ตกใจและยิ่งตกใจก็หนักขึ้นเมื่อเห็นน้ำใสๆไหลจากดวงตาที่เหม่อลอยของผม
“ มึง.....กู ฮึก กูอกหักว่ะ ฮือออออ ”
นั่นคือครั้งแรกที่ทำให้ผมรู้จักคำว่า ‘อกหัก’
.
.
.
ผมสะบัดหัวไล่ภาพเหล่านั้นออกไปเมื่อโดนไอ้ฮุนมันใช้หลังของมันกันหลังผมที่พิงอยู่ให้รู้สึกตัว ก่อนจะมองหน้าตัวต้นเหตุของเรื่องนั้น
“ อืม จำได้ ทำไม? ” มันยังคงตีหน้านิ่งถามผมต่อ
“ ก็กูร้องไห้เพราะมึงไง! ” ผมกลั้นใจตอบไปหวังว่ามันจะเข้าใจเต็มที่แต่.....
เงียบ....
“ เพราะกู? แล้วไง ”
“ แล้วไง!!?? โธ่เอ๊ย!! ไอควาย คนอื่นเขารู้กันหมดแล้ว นี่มึงยังไม่รู้ตัวอีกเหรอวะเนี่ย ” หมดแล้วครับ ความอดทน ที่ผมแสดงออกไปนี่มันยังไม่เข้าใจความรู้สึกของผมอีกเหรอวะ ผมทึ้งหัวอย่างขัดใจแต่ก็หยุดชะงักเมื่อมันพูดต่อ
“ กูรู้นานแล้ว ”
“ ห๊ะ? มึงรู้ ”
“ ใช่กูรู้”
“............”
“รู้ว่ามึงคิดยังไงกับกู”
“ เออ ก็ตามนั้นแหละ ” ผมตอบปัดๆ แล้วหันไปมองไอ้แบคที่ตอนนี้นั่งบิดแขนตัวเป็นเลขแปดอยู่กับไอ้ลู่ด้วยความเขิน
“ ตามไหนล่ะ ” มันยังคงถามผมไม่เลิก
“ก็มึงรู้แล้วไม่ใช่เหรอ” ผมตอบแบบหงุดหงิด ทั้งที่ในใจดอกไม้บานเป็นทุ่ง
“ แต่กูอยากฟัง” มันตอบหน้าตายเหมือนไม่ทุกข์ร้อน แต่หน้าผมนี่แหละที่ร้อน
“ อร้ายยยย บิดแปดรอบ ” ไอ้แบคฮยอนว่าก่อนจะลุกขึ้นแล้วบิดตัวหมุนไปมา
ทำไมผมจะไม่รู้ว่าไอ้แบคฮยอนกับไอ้ลู่หานมันชงผมกับไอ้ฟ่านอยู่
“ ว่าไง ” มึงก็อย่าเร่งกูได้มั้ย ปัดโธ่!!
“ กู...กู..กูชอบมึงไง” ผมพูดโดยที่ไม่ได้มองหน้ามัน ผมไม่รู้ว่ามันทำหน้ายังไง ได้ยินก็แต่เสียงโห่แซวของเพื่อนๆที่ร้องดังเหมือนสอบติดมหาลัยของตัวเอง
แต่แล้วทุกอย่างก็พลิกล็อคเมื่อมันพูดขึ้นต่อ
“ ขอบคุณที่มึงรู้สึกดีกับกูนะ.....
......แต่กูมีแฟนแล้ว กูขอโทษ”
กูรู้ และกูถึงทำใจไว้แล้วไง.....
.
.
.
หลังจากวันนั้น ผมก็ไม่ค่อยได้แชทคุยกับมันบ่อยเหมือนเมื่อก่อน นานๆที แต่ความรู้สึกที่คุยช่วงหลังมานี้ มันเปลี่ยนไปจากเดิมมาก จนผมรู้สึกว่า...
ไม่น่าคุยด้วยเลย
.
.
read 21.30 REAL_PCY :กูทำสติ๊กเกอร์คอลเลคชั่นห้อง6.8A
read 21.32 REAL_PCY: sent a photo
read 21.32 REAL_PCY: อ่ะ อันนี้ ของมึง
Galaxy_FanFan: คือไร? 21.35
Galaxy_FanFan: ไม่ได้ต้องการเลย 21.35
read 21.38 REAL_PCY: อหหห พูดซะไม่เห็นใจคนให้ เลยนะมึง
Galaxy_FanFan: ไม่ชอบแบบนี้ 21.40
read 21.41 REAL_PCY: งั้นขอโทษนะ แต่กูทำให้ ทุกคน
read 21.41 REAL_PCY: ไม่ใช่แค่มึง
.
.
.
ตั้งแต่วันนั้น ผมก็ไม่ได้คุยกับมันอีกเลย ผมลบแชทมันทิ้งเลยเสียด้วยซ้ำ
ตื้อดึง!
ผมที่นั่งคิดอะไรเพลินๆก็หยุดชะงักเมื่อเสียงเตือนแอพพลิเคชั่นแชทดังเตือน
หือ?
Galaxy_FanFan: [LINE Bubble 2]
ร่วมเล่น Bubble 2กับฉัน!
ไปตามหาBrown กับ Conyกัน 05.24
ผมชั่งใจสักพักก่อนจะไล่นิ้วบนแป้น
read 05.26 REAL_PCY: ไม่เห็นหนุกเลยวะ
Galaxy_FanFan: ส่งไปงั้นแหละ กูลบไปแล้ว 05.27
read 05.27 REAL_PCY:นี่มึงเพิ่งตื่นหรือยังไม่นอน?
Galaxy_FanFan: เหอะ 05.28
Galaxy_FanFan: ยังไม่นอน 05.28
read 05.29 REAL_PCY: กูว่าละ
read 05.29 REAL_PCY: เล่นเกมสิมึงน่ะ
Galaxy_FanFan: ป่าว 05.29
Galaxy_FanFan: ดูหนังโป๊ 05.30
read 05.30 REAL_PCY: ไอสัดดด
read 05.30 REAL_PCY: กี่น้ำแล้วล่ะแหม่
Galaxy_FanFan: เชื่อ? 05.31
read 05.31 REAL_PCY: กูใสๆ เชื่อคนง่าย
Galaxy_FanFan: ไม่จำเป็น สาวๆมี 05.32
Galaxy_FanFan: ไปหาได้ตลอด 05.32
read 05.33 REAL_PCY: จ่ะ
read 05.33 REAL_PCY: เอาที่มึงสบายใจ
Galaxy_FanFan: 5555555 05.36
Galaxy_FanFan: ถ้ามีคนมาขอมึงทำบ้างอ่ะ มึงทำมั้ย 05.37
read 05.38 REAL_PCY: ดูหน้าตาและฐานะครับ
read 05.38 REAL_PCY:555555
Galaxy_FanFan: แหม่ 05.39
Galaxy_FanFan:หน้าตาดีบ้านรวยก็ยอมว่างั้น? 05.39
read 05.39 REAL_PCY: เยสสสสส
.
.
.
Galaxy_FanFan: แล้วถ้ากูเลี้ยงมึงอ่ะ เอามะ??? 05.45
นั่นสิ
ผมควรพิมต่อว่าไรดี......
.
.
.
END
Talk: เอาจริงนะ....นี่คือเรื่องจริงของไรท์เอง ไม่ได้มโนค่ะ เพิ่งเกิดเมื่อเช้าแล้วได้แรงบันดาลใจมาก อยากถ่ายทอดความรู้สึก ไม่รู้จะระบายที่ไหน ระบายมันกับฟิคนี่แหละ ไม่รู้รีดจะอินกันมั้ย แต่แต่งจากความรู้สึกล้วนๆเลย ทุกคนพูดทุกประโยคนี่คือเรื่องจริงนะครับ ไม่เคยแต่งฟิคแนวๆนี้ แต่อยากลองแต่งฟิคที่มันออกมาจากความรู้สึกของตัวเองดู ยังไงช่วยคอมเม้นกันด้วยนะครับว่าชานยอลควรตอบกลับว่าไงดี
# ผมควรพิมว่าไร
ความคิดเห็น