คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : 22.Krisyeol the series เรื่องเล่าของนายบ.ก. E.P.2:REAL?
Krisyeol the series
เรื่องเล่าของนายบ.ก.
E.P.2: REAL?
“งือ...ตลอดเลยอ่ะ......ก็ได้ๆ ผิดสัญญาอีกครั้งงอนเทาเทาจริงแล้วนะ....ครับ...บาย ” สิ้นเสียงปลายสาย มือเรียวกดวางก่อนจะหันมามองหน้าเพื่อนร่างโย่งที่ทำหน้าเหม็นเบื่ออยู่ข้างๆ
หมั่นไส้คนเค้ารักกันหวานปานจะกลืนจริงๆ!!!!
“ ยอลลี่~ว่างยัง ” แบคฮยอน เพื่อนร่างเล็กมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าคอลัมนิสต์ของบริษัทเดียวกันกับชานยอล หันมาหาอีกคนที่นั่งดูดลาเต้ปั่น
“ ทำไมอีกล่ะ ” ชานยอลตอบอย่างไม่ใส่ ก่อนจะก้มหน้าเช็คงานในมือต่อ
“ ไปดูหนังกับฉันหน่อยน้า~ เทาติดประชุมด่วนอ่ะ คงไม่ทันรอบบ่ายสามนี้แน่เลย ไปกันนะ ไปเป็นเพื่อนฉันหน่อย ” คนตัวเล็กขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะคว้าแขนเรียวแกว่งไปมาอย่างอ้อนๆ
“ เฮ้อ! เรื่องไรล่ะ บอกก่อนนะไม่น่าสนใจไม่ดู!” เหลือบตาขึ้นมองเพื่อนตัวเองก่อนจะก้มหน้าเช็คงานต่อ
“ The Cold blood นะแก ฉันอยากดูเกรย์ อยากดูแวมไพร์สุดหล่อของฉัน อ๊างงง!!! ” พูดพลางทำหน้าฟินไปด้วย ชานยอลได้แต่ส่ายหน้ากับความบ้าผู้ชายของเพื่อนตัวเล็กทั้งที่มันเองก็แฟนอยู่แล้วแท้ๆ
“ ก็เอาสิ นี่เพิ่งบ่ายสอง อีกตั้งชั่วโมงหนึ่ง ไปหาไรรองท้องก่อนมะ ฉันหิวอ่ะ” ชานยอลเก็บสมุดลงกระเป๋า เอ่ยปากชวนเพื่อนรักไปหาของกินก่อนรอหนังรอบที่ต้องการ จนตกลงกันว่าจะไปหาพวกเบเกอรี่ร้านใกล้ๆโรงหนังนี้
“ นั่งไหนดีอ่ะแก” แบคฮยอนหันหลังมาถามอีกคนที่เดินตามหลังมา
“ มุมนู้นเลย ” คนตัวสูงยื่นปากไปทางมุมในสุดของร้าน คนตัวเล็กพยักหน้ารับก่อนจะเดินนำไป
ชานยอลที่เดินตามหลังมาชะงักหยุดเมื่อมีมือใครบางคนรั้งไว้ พอหันมาดูถึงได้รู้ว่าเป็นซองยอลที่นั่งยิ้มโชว์ฟันใส่เขาอยู่นั่นเอง
“ พี่ชานยอลไปไหน นั่งด้วยกันสิ ” เสียงใสเอ่ยชวน ก่อนที่ชานยอลจะหันไปมองหน้าคนที่มากับซองยอลด้วย แอลที่นั่งตรงข้ามยิ้มก้มหัวให้ก่อนจะลุกขึ้นเสียสละที่ตัวเองหลีกไปนั่งคู่กับซองยอลแทน
“ พี่มากับแบคฮยอนอ่ะ ” ชานยอลตอบก่อนจะใช้นิ้วชี้ไปทางอีกคนที่ยืนทำหน้างงๆอยู่ที่โต๊ะมุมในสุด
“ ไหน... อ้าว! พี่แบคกี้! ทางนี้ๆ ” ซองยอลปล่อยมือเรียวแล้วหันหลังตามมือจนเจอร่างเล็กจึงตะโกนเรียกให้มานั่งด้วยกัน
ตอนนี้ที่โต๊ะเล็กๆจึงมีคนสี่คนนั่งเม้าท์กันอย่างเมามัน ไม่สิ....คนที่เมามันน่ะเป็นแบคฮยอนกับซองยอลมากกว่าที่พร่ำเพ้อถึงพระเอกแวมไพร์สุดหล่อที่กำลังจะเข้าไปดูเหมือนกัน จนแอลที่นั่งอยู่ข้างๆถึงกับงอนๆร่างบางอยู่ไม่น้อย
“ ถ้าหล่อขนาดนั้นผมไม่อยากดูแล้วนะ ยอลลี่ไปดูกับพวกพี่ๆเค้าสามคนละกัน ผมนั่งรออยู่ที่นี่เอง ” นั่นไง เจ้าเด็กมยองเริ่มงอนแฟนตัวเองละ
“ โธ่! มยองซูอ่ะ ยอลลี่พูดเล่น ไปดูด้วยกันนะ ไหนสัญญาว่าจะมาดูด้วยกันไง ” ร่างบางจิ้มแก้มแฟนหนุ่มตัวเองเป็นเชิงง้อ จุดรอยยิ้มมุมปากของอีกคนขึ้นทันที
“ โอ๊ยยย!! พวกแกเห็นหัวฉันสองคนด้วยว่ายังอยู่ตรงนี้ ” แบคฮยอนโวยวายเมื่อเห็นเด็กสองคนสวีทกันตรงหน้า
...อิจฉาเค้าล่ะสิไอเตี้ยเอ๊ยย!!!...
“ จะบ่ายสามแล้วหนิ ไปกันเหอะ ” ชานยอลมองนาฬิกาที่ข้อมือของตัวเองแล้วเอ่ยปากท้วงให้สามชีวิตรีบไปที่โรงหนัง เพราะใกล้ถึงเวลารอบหนังแล้ว
หนังฉายเนื้อเรื่องไปได้สักพัก ผมก็ดูบ้างไม่ได้ดูบ้าง ไม่ใช่ว่าหนังไม่สนุกนะ แต่ผมว่าผมรู้สึกง่วงมากกว่า เมื่อคืนเคลียร์ต้นฉบับของฮันบินแทนพี่จีวอนดึกไปหน่อย เลยเริ่มรู้สึกเพลียๆ มีแค่แบคฮยอนที่ดิ้นกระแด่วๆกรี๊ดพระเอกอยู่ข้างๆกับซองยอลสองคน
...ส่วนแอลน่ะเหรอครับ นั่งเอามือจ้วงป๊อบคอร์นแล้วจ้องจอลูกเดียว เหมือนกำลังจะเล่นสงครามประสาทกับพระเอกในจอยังไงยังงั้น
....เป็นเอามากเหมือนกันนะเนี่ย มยองซู!!!!!!!!....
ผมไม่รู้ว่าหนังเรื่องราวเป็นยังไง พอรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่แบคฮยอนมันปลุกผมเมื่อหนังฉายจบแล้วเนี่ยล่ะครับ ผมงัวเงียแต่ก็ยังเดินตามแบคอยอนออกมาจากโรงหนังได้ ซองยอลกับแอลกลับกันไปแล้ว เหลือผมที่ยืนหน้ามึนกับแบคฮยอนที่กำลังโทรตามแฟนหนุ่มตัวเองมารับ
“ แกจะกลับเลยมั้ย ” แบคฮยอนหันมาถามทั้งที่มือยังถือโทรศัพท์คุยกับอีกคนอยู่
“ ถ้าไม่สะดวกฉันกลับเองได้ อาจจะแวะทำธุระก่อนน่ะแล้วค่อยกลับ ” เอาจริงๆผมพูดไปงั้นแหละ ผมเกรงใจแฟนมัน อีกอย่างบ้านผมกับแบคฮยอนก็ไปกันคนละทางเลย ให้เทาขับรถไปส่งย้อนไปมาเสียเวลาเปล่าๆ
“ เอางั้นเหรอ...โอ๊ะ! พี่คริส!!! ทางนี้ฮะ ทางนี้!! ” ผมที่กำลังพยักหน้าตอบเพื่อนร่างเล็ก ก็สะดุ้งเมื่อได้ยินชื่อของอีกคนเข้ามาในหู ทุกอย่างรวดเร็วมากจนรู้ตัวอีกที คุณหัวหน้าก็เดินหน้านิ่งๆเข้ามาหาพวกผมแล้ว
“ พี่คริสไปจะไหนเหรอฮะ ” แบคฮยอนฉีกยิ้มกว้างใส่รุ่นพี่ที่ทำงาน แม้ว่าเกือบทุกคนจะไม่ค่อยกล้าพูดตีสนิทอะไรกับร่างสูงเพราะความนิ่งเงียบและหน้าดุของเขาจึงไม่ค่อยมีใครกล้ายุ่งมากเท่าไหร่ คงจะมีแต่แบคฮยอนเนี่ยแหละที่ดูไม่ค่อยกลัวคุณหัวหน้าเลย เอ๋? ถามผมว่าทำไมน่ะเหรอ....อืมเรื่องมันยาวอ่ะ เดี๋ยวผมค่อยเล่าให้ฟังละกัน เอาเป็นว่าทั้งสองคนก็สนิทกันในระดับหนึ่งล่ะนะ
“ มีอะไรล่ะ” ร่างสูงไม่ตอบแต่ถามกลับพลางเบนหน้ามองมาที่ผมแล้วเลิกคิ้วถาม
“ ก็คือว่า....” ผมว่าผมพอจะเดาความคิดของแบคฮยอนออกล่ะ เลยรีบเอามือตะครุบปากมันไว้ ก่อนที่จะพูดมันออกมา
“ คือว่าพวกผมกำลังจะกลับ แล้วมาเจอคุณหัวหน้าพอดี เลยทักทายเป็นมารยาทเฉยๆ ” ผมพูดแทนร่างเล็กที่ดิ้นและพยายามเอามือออกจากปากตัวเอง
“ แค่เนี้ย!? ” เขาถามพลางเลิกคิ้วขึ้นเชิงถามร่างเล็กที่ดิ้นอยู่
“ อ่า..ใช่คะ..อ๊ะ!” พูดไม่ทันจบ ไอ้หมาเตี้ยก็งับเข้าที่นิ้วเรียวของผมจนต้องชักมือออก
“ คืองี้พี่..ผมกำลังจะกลับกันแต่ชานยอลไม่มีใครไปส่ง ผมเลยจะฝากพี่ช่วยพาชานยอลไปส่งที่บ้านที ใกล้จะมืดแล้ว ผมเป็นห่วงมันน่ะ ทางเดียวกันหนิผมรู้ ” ร่างเล็กรีบพูดหลังจากโดนปล่อยเป็นอิสระ
“ อันที่จริงผมกลับเองได้นะ ไม่ลำบากอะไรเลย ” ผมเองก็รีบพูดเหมือน จะให้คุณหัวหน้าไปส่งน่ะเหรอ.........
....คนมีบุญก้นเท่านั้นแหละที่จะได้หย่อนตัวนั่งในรถของเค้าน่ะ...........
“ ก็เอาสิ...” คำตอบเพียงสั้นๆ แต่ทำผมสตั้นท์ไปห้าวิ...
เป็นไปได้!!!!???
ผมมีบุญกะเค้าล่ะเหวยยยยยยยย
“ ทำหน้าอะไรอย่างนั้น ” ห๊ะ!? ผมทำหน้าอะไร
“ ไม่ต้องห่วงน่า....ฉันไม่กัดนายหรอก” คุณหัวหน้าพูดติดตลกก่อนจะเดินนำทางผมออกไปยังที่จอดรถ ผมที่ยังงงๆก็เลยได้แต่หันไปโบกมือลาเพื่อนรักที่ยืนรอแฟนอยู่
ท้องฟ้าข้างนอกเริ่มมืดสลัวๆ รถเริ่มค่อนข้างติดมากขึ้น เพราะยังเป็นช่วงเลิกงานอยู่ ผมนั่งนิ่งภายในออดี้สีดำขลับ ส่วนคนข้างๆ เมื่อขับรถออกมาจากโรงหนังก็ไม่ได้พูดอะไร ในรถจึงมีแค่เสียงแอร์เป็นซาวด์ประกอบวิวข้างทางแทน
ผมชี้นิ้วบอกซอยไปยังบ้านผมให้คุณหัวหน้าซึ่งเขาก็แค่พยักหน้ารับและขับตามไปยังเส้นทางที่ผมบอก ทั้งๆที่เพิ่งหมดหน้าหนาวไป แต่ทำไมยังมีหิมะตกมาอยู่นะ
“ เลี้ยวซ้ายแล้วตรงไปจนสุดซอยนั้นเลยครับ บ้านหลังสุดท้ายเลยฮะ ” ผมบอกเส้นทางครั้งสุดท้ายก็เก็บของเตรียมที่จะลงจากรถ
“ ขอบคุณนะครับที่มาส่ง เข้าไปดื่มชาข้างในก่อนมั้ยครับ ” ก่อนเปิดประตูรถคันงามผมไม่ลืมที่จะขอบคุณและชวนแขกเข้าบ้านตามมารยาท
คุณหัวหน้าไม่ได้พูดอะไร แต่ยอมลงจากรถแล้วตามผมเข้ามายังในตัวบ้าน
“ นั่งรอตรงนี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมไปชงชามาให้.....” ผมบอกให้คุณหัวหน้านั่งรอที่โซฟารับแขกก่อนจะตะโกนหาออมม่าทั่วบ้านแต่ก็ไม่มีวี่แววอะไร ผมจึงตัดสินใจเดินไปที่ห้องครัวแทน ถึงได้เห็รโพสต์อิทที่ตู้เย็นว่า.....
“....ยอลลี่อา...ออมม่าไปเยี่ยมอาโฮวอนที่ปูซานนะ โทษทีที่กะทันหัน จะกลับอาทิตย์หน้านี้แหละคนดี ดูแลตัวเองนะ.....
...........ออมม่า.............”
ผมยู่ปากใส่กระดาษแผ่นเล็กในมือก่อนจะติดมันไว้ที่เดิม นึกได้อีกทีก็ลืมไปว่า มีแขกนั่งรออยู่
คิดได้ดังนั้น ผมจึงหมุนตัวไปที่เคาท์เตอร์เพื่อชงชาให้แขกทันที อ่า...แบบผงหมด เอาแบบสำเร็จรูปไปก่อนละกัน คุณหัวน้าไม่เรื่องมากหรอก....
เพราะความรีบหรือเพราะความซุ่มซ่ามมันติดตัวผมตั้งแต่เกิด ผมเลยเผลอจับแก้วขึ้นมาทั้งๆที่เพิ่งนึกได้ว่ามันร้อนนนนนนน!!!!!!
แต่ก็........ไม่ทันละ..
เพล้ง!!!!!!!!!
“ ชานยอล!!! เกิดอะไรขึ้น ” เสียงร้อนรนและเสียงตึงตังทางหน้าประตูห้องครัวทำให้ผมละสายตาจากเศษแก้วตรงหน้าหันไปมองคนมาใหม่ แต่แล้ว....
ฉึก!
“ โอ๊ย!!” ผมชักมือกลับออกมาจากกองเศษแก้วทันที น้ำสีแดงสดขุ่นไหลออกมาจากปากแผลแล้วหยดลงสู่พื้น
“ ย่าห์!! ผมนี่ซุ่มซ่ามอีกแล้ว ขอโทษนะครับ เดี๋ยวผมเก็บเสร็จ..อ่าว..” ผมพูดไปพลางเก็บเศษแก้วไปทั้งที่มือยังอาบสีเลือดอยู่อย่างนั้น เงยหน้ามาอีกที ก็เห็นคุณหัวหน้ายืนหน้าซีดเกาะขอบประตูไว้แล้ว
“ หัวหน้า!! เป็นไรหรือเปล่าครับ!!?? ” ผมละจากกองเศษแก้วแล้วเดินตรงไปที่คุณหัวหน้าทันที
เขาไม่ตอบ.....
คุณหัวหน้าก้มหน้านิ่งไป เหงื่อเม็ดใสเริ่มผุดขึ้นตามไรผมสีทองของเขา
“ คุณหัวหน้า?...” ผมยื่นมือข้างที่ไม่มีบาดแผลเพื่อสะกิดไหล่กว้าง แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ทำอย่างที่ใจคิด คุณคริสก็หอบหายใจแรงขึ้นพลางเอามือจับรอบคอตัวเองไว้
“ ออกไป!! ” คุณหัวหน้าตวาดใส่ผมลั่น จนผมผงะถอยหลัง
“ หัวหน้าเป็นอะไรไปครับ ” ผมค่อยๆเคลื่อนตัวกลับเข้าไปใกล้ร่างที่สั่นๆอีกครั้ง
“ ฉันบอกให้ออกไปไง!! ” ร่างสูงที่เริ่มจะคุมอารมณ์ไม่อยู่ตวาดใส่อีกครั้ง
“แต่นี่มันบ้านผมนะ!! ไล่กันหัดดูด้วยสิว่านี่มันที่ของใคร อ๊ะ!! ” ผมเถียงกลับไปเพราะเริ่มจะโมโหคนตรงหน้าเล็กน้อย ก่อนที่มือหนาจะกระชากแขนผมให้ลุกขึ้น
“ฉันเตือนนายแล้วนะ” พูดแค่นั้นเขาก็ลากผมออกไป แล้วเหวี่ยงร่างของผมลงบนโซฟาก่อนจะขึ้นมาคร่อมร่างของผมไว้เพื่อปิดทางหนี
“ คุณคริส!!! จะทำอะไร ปล่อยผมนะ!!! ” ผมใช้มือดันแผงอกของอีกคนให้ออกห่างแต่ก็ถูกมือนั้นรวบไว้เพียงข้างเดียว ก่อนจะก้มหน้าลงมาใช้ลิ้นไล้เลียปากแผลที่นิ้วนางของผมอย่างบรรจง
“ อ๊ะ!!” ผมกระตุกเกร็งมือทันทีเมื่อรู้สึกถึงแรงกัดเข้าที่แผลและลิ้นชื้นที่ดูดดุนนิ้วผมอยู่ ผมนอนมองการกระทำนั้นนิ่งๆ จนใบหน้าคมนั้นละออกจากมือของผมแล้วสบตา..
เมื่อนั้นผมถึงรู้ว่า เขาไม่ใช่หัวหน้าคนเดิมที่ผมรู้จัก...........
“ คุณเป็นใคร!! คุณไม่ใช่หัวหน้าของผมหนิ ” ผมขัดขืนคนข้างบนก่อนจะใช้แรงดันให้ร่างหนาๆนั้นออกไปพ้นจากตัว
แต่ผมกลับหมดแรงเมื่อดวงตาสีน้ำเงินเข้มนั้นจ้องลึกเข้ามา พลันดวงตานั้นเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดงอย่างน่ากลัว
“ ฉันบอกแล้วไง ว่าฉันเตือนนายแล้ว คราวนี้โทษฉันไม่ได้นะ” สิ้นประโยค ริมฝีปากหนาก็โฉบลงมาประกบริมฝีปากบางทันที ลิ้นร้อนพยายามดันให้คนใต้ร่างเปิดทางเข้าไป แต่ก็ไม่เป็นผล ชานยอลเม้มปากเน้นไม่ยอมทำตามสิ่งที่อีกคนต้องการ ร่างสูงจึงใช้ลิ้นละเลียดไปรอบริมฝีปากบางอย่างไม่รีบร้อนราวกับว่ากำลังลิ้มลองมาชเมลโล่รสนมอยู่
ชานยอลเบี่ยงหน้าหลบสัมผัสแต่กลายเป็นว่าเปิดทางให้ลิ้นร้อนลากผ่านสันกรามเรียวไปที่ติ่งหู ขบเม้มให้เสียวเล่นจนคนตัวเล็กกว่าต้องถดคอหนี กลิ่นกายอ่อนๆหอมจนร่างสูงอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปสูดดมที่ซอกคอขาว แล้วเริ่มแลบลิ้นไล้ตั้งแต่กกหูยาวพาดผ่านมาที่กกหูอีกข้าง ความเสียวสยิวทำให้คนข้างใต้เผลอครางและเผยอปากออกมาเล็กน้อย นั่นจึงเปิดโอกาสให้อีกคนที่รอจังหวะอยู่แล้วสอดลิ้นเข้าไปสำรวจภายในทันที
ลิ้นเรียวเล็กที่ตอนแรกถูกไล่ต้อนและพยายามขัดขืน ก็ถูกลิ้นหนาชักจูงจนเคลิ้มตามรสสัมผัสและรับจังหวะอย่างดูดดื่ม มือซนอีกข้างเริ่มไม่อยู่นิ่ง สอดเข้าไปใต้เสื้อบางที่ปกปิดร่างขาวอยู่ มือหนาไล้ผ่านติ่งไตให้อีกคนสะดุ้งเล่น ก่อนจะเลิกเสื้อขึ้นมากองบนเนินอกขาวที่กระเพื่อมหอบหายใจ กลิ่นกายหอมอ่อนๆทำให้สติเริ่มลางเลือน
ร่างสูงกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาดจนแสบคอไปหมด หน้าคมเชิดหน้าขึ้นสูดอากาศก่อนจะก้มลงมาพร้อมกับเขี้ยวที่ฝังลงลำคอระหง
“ อ้ากกกก!!!! ” ร่างบางกระตุกเกร็งทันทีที่เขี้ยวนั้นฝังลงมา ราวกับมีใบมีดคมกดลง ก่อนที่รู้สึกปวดหนึบรอบรอยแผลจนต้องสูดปาก
“ ซี้ดดดด!!!” ความกระหายในตัวของร่างสูงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว หลังจากที่เลือดสดไหลรินลงคอ ความปรารถนาที่อยากจะดื่มด่ำร่างกายของอีกคนก็เพิ่มขึ้น
“ ยะ อย่า..” เสียงกระเส่าร้องห้ามฟันคมที่ลากไล้ลงต่ำมาที่เนินอก ก่อนที่จะเกร็งตัวอีกครั้งเมื่อฟันคมนั้นกดลงมารอบติ่งไตสีชมพูที่ตั้งชันด้วยแรงเร้าอารมณ์....
น่าแปลกที่ตัวเค้าเองกลับไม่รู้สึกเจ็บปวดกับบาดแผลเหล่านั้นเท่าที่ควรจะเป็น ซ้ำยังไม่ตื่นตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ด้วยซ้ำ....
.........เหมือนเป็นเรื่องปกติที่คุณคริสนั้นเป็นแวมไพร์จริงๆ.........
“ อึ่ก! ” ความรู้สึกเสียวซ่านแผ่รอบแผ่นอกบาง ทุกจุดที่ลิ้นร้อนลากผ่าน ยิ่งทำให้ร่างกายวูบไหวโอนอ่อนตามอย่างไม่ขัดขืน
กลิ่นคาวเลือดที่ฟุ้งกระจายรอบตัวกลับทำให้ตัวชานยอลเองรู้สึกว่ามันช่างหอมเสียเหลือเกิน หอมหวานจนกระหายและแสบคอ.....
ดวงตาที่พร่ามัวจ้องมองหัวสีทองยุ่งๆที่วุ่นวายอยู่บนหน้าอกของเค้า ก่อนจะกลืนน้ำลายเหนียวลงคอเมื่ออีกคนรู้สึกว่ากำลังถูกจ้องมองอยู่แล้วเงยหน้าขึ้นมาจ้องตากลับไป
เหมือนมีสิ่งดลใจให้ชานยอลใช้สองมือโน้มรั้งต้นคอแกร่งลงมาแล้วเริ่มประทับริมฝีปากเสียเอง
เสียงดูดดังจนน่าเกลียด แต่ใช่ว่าจะทำให้ทั้งสองคนหยุดการกระทำนี้ มันยิ่งกระตุ้นให้ยิ่งอยากเข้าไปกันใหญ่ เผลอตัวอีกที ตากลมก็เบิกกว้าง ละใบหน้าออกจากกันแล้วฝังฟันลงต้นคอร่างสูงทันที
“ อึก! ” กลืนเลือดสดอย่างดูดดื่มก่อนที่ร่างบางจะชะงักเหมือนเพิ่งรู้สึกตัวกับความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
คริสผละออกก่อนจะลุกขึ้นนั่งปลายเท้าของชานยอลแล้วหันมามองหน้าหวานก่อนจะกระตุกยิ้ม
“ ถึงว่า...นายเองก็เป็นเหมือนกับฉันนี่เอง ” ประโยคที่ไม่กระจ่างชัดเท่าไหร่แต่กลับทำให้ร่างบางช็อค!ที่ได้ยินเหมือนกัน
ถ้าคิดตามดีๆ.........
คุณคริสเป็นแวมไพร์
คุณคริสบอกว่าเราเหมือนกัน
แสดงว่า.....
ผมก็เป็นแวมไพร์งั้นเหรอ!!!????
“ ไม่นะ...ไม่จริง...ม่ายยยยยยย ” ผมปล่อยน้ำตาให้ไหลลงอาบแก้ม ถ้าออมม่ารู้จะทำยังไง ออมม่าจะรู้สึกยังไง ผมได้แต่ปล่อยความคิดให้หลั่งไหลออกมาพร้อมกับน้ำตา
“...ชานยอล..” ผมไม่รู้จะต้องทำยังไงต่อไป สมองผมตอนนี้มันตื้อไปหมด...
“ ชานยอล เฮ้ย! ตื่นๆ ชานยอล...” ผมจะบอกคนอื่นยังไงว่าผม....
....เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ? เมื่อกี้...เสียงแบคฮยอน?
“ ชานยอล!!!! ” ผมสะดุ้งสุดตัว เมื่อเสียงแหลมๆปรี๊ดเข้ามาในหู
“ เป็นอะไรของแกเนี่ย เรียกตั้งนาน ให้มาดูหนัง ไม่ได้มานั่งให้หนังดูนะ...”
แบคฮยอนยังคงบ่นต่อไป ส่วนผมที่ตื่นขึ้นมา ก็เอามือจับที่ต้นคอและตามลำตัวเพื่อสำรวจความผิดปกติ
....แต่มันก็...ปกติดีไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหนิ....
นี่ผมฝันไปเหรอ....ฝันเป็นตุเป็นตะขนาดนั้นเชียว?
“ นี่! เลิกทำหน้ามึนแบบนั้นซะทีได้มั้ย ” แบคฮยอนหันมาเหวใส่ร่างโปร่งที่เดินหน้ามึนๆตามมา
“ แล้วมยองซูกับซองยอลอ่ะ ” ผมกวาดสายตาหาเด็กสองที่มาด้วย แต่ก็ไม่เจอใครจึงถามเพื่อนตัวเล็กมันนี่แหละที่น่าจะรู้ดี
“ กลับไปได้ซักพักละ แปบนะ...ฮัลโหลว่าไงเทาเทา...”ตอบผมได้นิดนึงก็หมุนกลับไปรับ
โทรศัพท์แฟนที่โทรมาพอดี ผมก็อยากกลับบ้านเลยนะ แต่เกรงใจจื่อเทาจัง บ้านผมกับแบคฮยอนนี่เรียกว่าคนละขั้วโลก คนละทิศละทางเลยก็ว่าได้ ถ้าให้ขับไปส่งย้อนไปย้อนมาเสียเวลาเกินไป
“จะกลับด้วยกันมั้ย เทาจะมารับแล้ว ” วางสายเสร็จก็หันมาถามผมต่อ ผมได้แต่อึกอักจนคนตัวเล็กกว่าขมวดคิ้ว
“ ทำไม? หรือไม่อยากไปกับฉัน...อ้าว! พี่คริส! ทางนี้ครับทางนี้!!...” เสียงใสตะโกนเรียกบุคคลที่สามให้เข้ามาหา ก่อนจะมองหน้าผมแล้วหันไปพูดในสิ่งที่ผมไม่คิดว่ามันจะพูดออกมา
“ ฝากชานยอลติดรถไปด้วยนะ ผมมีธุระต่อ ไปละ ” แล้วก็วิ่งหายไปในกลุ่มชนคนกำลังแย่งส่วนลดกันอยู่ แต่ก็ไม่ลืมหันหลังมาโบกมือผมด้วยนะ
“ ทำหน้าอย่างงั้นทำไม ” หัวหน้าเองก็ดูงงกับการพูดเองเออเองของแบคฮยอนอยู่ไม่น้อย แต่ก็ยอมรับคำขอของแบคฮยอนอยู่ดี
“ ผมป่าวมองหัวหน้าซะหน่อย แค่มองสิ่งที่เลยหัวหน้าไปอีกต่างหาก” หัวหน้ามองกลับหลังหันไป ก็ไม่เจออะไรนอกจากป้าแม่บ้านที่กำลังถูพื้น
คุณหัวหน้าเลิกคิ้วเชิงถามว่า.......................
มองป้านั่นอ่ะนะ
เขาส่ายหัวก่อนจะเดินควงกุญแจนำผมไปที่จอดรถ
“ ยืนอยู่ทำไมเล่ามาสิ!....ฉันไม่กัดนายหรอก ” พูดพลางหันมามองหน้าผมไปด้วย
.
.
.
รู้สึกจะคุ้นๆกับประโยคนี้แฮะ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนนะ.....
END
#คุณหัวหน้า
Talk: จบแล้วในตอน หวั่นๆว่าจะโดนพี่เว็บมั้ย อย่าโดนเลยน้า #คุกเข่า# อุตส่าห์ตัดๆบทบ้างแล้ว หวังว่าพี่เว็บจะเมตตาบ้างเน้อ..........
......เหมือนเดิม จบอ่านจบแล้ว ช่วยคอเม้นต์ให้กำลังใจกันด้วยน้า....เจอกัน
ความคิดเห็น