ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Krisyeol ft. all member of exo

    ลำดับตอนที่ #25 : 22.Krisyeol the series เรื่องเล่าของนายบ.ก. E.P.2:REAL?

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 425
      9
      3 เม.ย. 58

    Krisyeol the series

    เรื่องเล่าของนายบ.ก.

    E.P.2: REAL?

     






     

     

     “งือ...ตลอดเลยอ่ะ......ก็ได้ๆ  ผิดสัญญาอีกครั้งงอนเทาเทาจริงแล้วนะ....ครับ...บาย ” สิ้นเสียงปลายสาย มือเรียวกดวางก่อนจะหันมามองหน้าเพื่อนร่างโย่งที่ทำหน้าเหม็นเบื่ออยู่ข้างๆ

     



     

    หมั่นไส้คนเค้ารักกันหวานปานจะกลืนจริงๆ!!!!

     



     

    “ ยอลลี่~ว่างยัง ” แบคฮยอน เพื่อนร่างเล็กมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าคอลัมนิสต์ของบริษัทเดียวกันกับชานยอล หันมาหาอีกคนที่นั่งดูดลาเต้ปั่น


    “ ทำไมอีกล่ะ ” ชานยอลตอบอย่างไม่ใส่ ก่อนจะก้มหน้าเช็คงานในมือต่อ

    “ ไปดูหนังกับฉันหน่อยน้า~ เทาติดประชุมด่วนอ่ะ คงไม่ทันรอบบ่ายสามนี้แน่เลย ไปกันนะ ไปเป็นเพื่อนฉันหน่อย ” คนตัวเล็กขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะคว้าแขนเรียวแกว่งไปมาอย่างอ้อนๆ

    “ เฮ้อ!  เรื่องไรล่ะ บอกก่อนนะไม่น่าสนใจไม่ดู!” เหลือบตาขึ้นมองเพื่อนตัวเองก่อนจะก้มหน้าเช็คงานต่อ

    The Cold blood  นะแก  ฉันอยากดูเกรย์ อยากดูแวมไพร์สุดหล่อของฉัน อ๊างงง!!! ” พูดพลางทำหน้าฟินไปด้วย ชานยอลได้แต่ส่ายหน้ากับความบ้าผู้ชายของเพื่อนตัวเล็กทั้งที่มันเองก็แฟนอยู่แล้วแท้ๆ

    “ ก็เอาสิ  นี่เพิ่งบ่ายสอง อีกตั้งชั่วโมงหนึ่ง ไปหาไรรองท้องก่อนมะ ฉันหิวอ่ะ” ชานยอลเก็บสมุดลงกระเป๋า เอ่ยปากชวนเพื่อนรักไปหาของกินก่อนรอหนังรอบที่ต้องการ จนตกลงกันว่าจะไปหาพวกเบเกอรี่ร้านใกล้ๆโรงหนังนี้

     

     

    “ นั่งไหนดีอ่ะแก”  แบคฮยอนหันหลังมาถามอีกคนที่เดินตามหลังมา


    “ มุมนู้นเลย ” คนตัวสูงยื่นปากไปทางมุมในสุดของร้าน  คนตัวเล็กพยักหน้ารับก่อนจะเดินนำไป

     

    ชานยอลที่เดินตามหลังมาชะงักหยุดเมื่อมีมือใครบางคนรั้งไว้  พอหันมาดูถึงได้รู้ว่าเป็นซองยอลที่นั่งยิ้มโชว์ฟันใส่เขาอยู่นั่นเอง

     

    “ พี่ชานยอลไปไหน นั่งด้วยกันสิ ” เสียงใสเอ่ยชวน ก่อนที่ชานยอลจะหันไปมองหน้าคนที่มากับซองยอลด้วย  แอลที่นั่งตรงข้ามยิ้มก้มหัวให้ก่อนจะลุกขึ้นเสียสละที่ตัวเองหลีกไปนั่งคู่กับซองยอลแทน 

    “ พี่มากับแบคฮยอนอ่ะ ” ชานยอลตอบก่อนจะใช้นิ้วชี้ไปทางอีกคนที่ยืนทำหน้างงๆอยู่ที่โต๊ะมุมในสุด

    “ ไหน... อ้าว! พี่แบคกี้! ทางนี้ๆ ” ซองยอลปล่อยมือเรียวแล้วหันหลังตามมือจนเจอร่างเล็กจึงตะโกนเรียกให้มานั่งด้วยกัน

     

     

     

    ตอนนี้ที่โต๊ะเล็กๆจึงมีคนสี่คนนั่งเม้าท์กันอย่างเมามัน  ไม่สิ....คนที่เมามันน่ะเป็นแบคฮยอนกับซองยอลมากกว่าที่พร่ำเพ้อถึงพระเอกแวมไพร์สุดหล่อที่กำลังจะเข้าไปดูเหมือนกัน  จนแอลที่นั่งอยู่ข้างๆถึงกับงอนๆร่างบางอยู่ไม่น้อย

     


     

    “ ถ้าหล่อขนาดนั้นผมไม่อยากดูแล้วนะ ยอลลี่ไปดูกับพวกพี่ๆเค้าสามคนละกัน ผมนั่งรออยู่ที่นี่เอง ” นั่นไง เจ้าเด็กมยองเริ่มงอนแฟนตัวเองละ

    “ โธ่! มยองซูอ่ะ ยอลลี่พูดเล่น ไปดูด้วยกันนะ ไหนสัญญาว่าจะมาดูด้วยกันไง ”  ร่างบางจิ้มแก้มแฟนหนุ่มตัวเองเป็นเชิงง้อ จุดรอยยิ้มมุมปากของอีกคนขึ้นทันที

    “ โอ๊ยยย!! พวกแกเห็นหัวฉันสองคนด้วยว่ายังอยู่ตรงนี้ ” แบคฮยอนโวยวายเมื่อเห็นเด็กสองคนสวีทกันตรงหน้า

     

    ...อิจฉาเค้าล่ะสิไอเตี้ยเอ๊ยย!!!...

     

    “ จะบ่ายสามแล้วหนิ ไปกันเหอะ ” ชานยอลมองนาฬิกาที่ข้อมือของตัวเองแล้วเอ่ยปากท้วงให้สามชีวิตรีบไปที่โรงหนัง เพราะใกล้ถึงเวลารอบหนังแล้ว

     

     

    หนังฉายเนื้อเรื่องไปได้สักพัก ผมก็ดูบ้างไม่ได้ดูบ้าง  ไม่ใช่ว่าหนังไม่สนุกนะ แต่ผมว่าผมรู้สึกง่วงมากกว่า เมื่อคืนเคลียร์ต้นฉบับของฮันบินแทนพี่จีวอนดึกไปหน่อย เลยเริ่มรู้สึกเพลียๆ มีแค่แบคฮยอนที่ดิ้นกระแด่วๆกรี๊ดพระเอกอยู่ข้างๆกับซองยอลสองคน

     
     

    ...ส่วนแอลน่ะเหรอครับ  นั่งเอามือจ้วงป๊อบคอร์นแล้วจ้องจอลูกเดียว เหมือนกำลังจะเล่นสงครามประสาทกับพระเอกในจอยังไงยังงั้น

     

     

    ....เป็นเอามากเหมือนกันนะเนี่ย มยองซู!!!!!!!!....

     

     

    ผมไม่รู้ว่าหนังเรื่องราวเป็นยังไง พอรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่แบคฮยอนมันปลุกผมเมื่อหนังฉายจบแล้วเนี่ยล่ะครับ  ผมงัวเงียแต่ก็ยังเดินตามแบคอยอนออกมาจากโรงหนังได้  ซองยอลกับแอลกลับกันไปแล้ว เหลือผมที่ยืนหน้ามึนกับแบคฮยอนที่กำลังโทรตามแฟนหนุ่มตัวเองมารับ

    “ แกจะกลับเลยมั้ย ” แบคฮยอนหันมาถามทั้งที่มือยังถือโทรศัพท์คุยกับอีกคนอยู่

    “ ถ้าไม่สะดวกฉันกลับเองได้ อาจจะแวะทำธุระก่อนน่ะแล้วค่อยกลับ ” เอาจริงๆผมพูดไปงั้นแหละ ผมเกรงใจแฟนมัน อีกอย่างบ้านผมกับแบคฮยอนก็ไปกันคนละทางเลย ให้เทาขับรถไปส่งย้อนไปมาเสียเวลาเปล่าๆ

     

    “ เอางั้นเหรอ...โอ๊ะ!  พี่คริส!!! ทางนี้ฮะ ทางนี้!! ” ผมที่กำลังพยักหน้าตอบเพื่อนร่างเล็ก ก็สะดุ้งเมื่อได้ยินชื่อของอีกคนเข้ามาในหู  ทุกอย่างรวดเร็วมากจนรู้ตัวอีกที คุณหัวหน้าก็เดินหน้านิ่งๆเข้ามาหาพวกผมแล้ว

    “ พี่คริสไปจะไหนเหรอฮะ ” แบคฮยอนฉีกยิ้มกว้างใส่รุ่นพี่ที่ทำงาน  แม้ว่าเกือบทุกคนจะไม่ค่อยกล้าพูดตีสนิทอะไรกับร่างสูงเพราะความนิ่งเงียบและหน้าดุของเขาจึงไม่ค่อยมีใครกล้ายุ่งมากเท่าไหร่  คงจะมีแต่แบคฮยอนเนี่ยแหละที่ดูไม่ค่อยกลัวคุณหัวหน้าเลย  เอ๋? ถามผมว่าทำไมน่ะเหรอ....อืมเรื่องมันยาวอ่ะ  เดี๋ยวผมค่อยเล่าให้ฟังละกัน เอาเป็นว่าทั้งสองคนก็สนิทกันในระดับหนึ่งล่ะนะ

    “ มีอะไรล่ะ” ร่างสูงไม่ตอบแต่ถามกลับพลางเบนหน้ามองมาที่ผมแล้วเลิกคิ้วถาม

    “ ก็คือว่า....” ผมว่าผมพอจะเดาความคิดของแบคฮยอนออกล่ะ เลยรีบเอามือตะครุบปากมันไว้ ก่อนที่จะพูดมันออกมา

    “ คือว่าพวกผมกำลังจะกลับ แล้วมาเจอคุณหัวหน้าพอดี เลยทักทายเป็นมารยาทเฉยๆ ” ผมพูดแทนร่างเล็กที่ดิ้นและพยายามเอามือออกจากปากตัวเอง

    “ แค่เนี้ย!? ” เขาถามพลางเลิกคิ้วขึ้นเชิงถามร่างเล็กที่ดิ้นอยู่

    “ อ่า..ใช่คะ..อ๊ะ!” พูดไม่ทันจบ ไอ้หมาเตี้ยก็งับเข้าที่นิ้วเรียวของผมจนต้องชักมือออก

    “ คืองี้พี่..ผมกำลังจะกลับกันแต่ชานยอลไม่มีใครไปส่ง ผมเลยจะฝากพี่ช่วยพาชานยอลไปส่งที่บ้านที ใกล้จะมืดแล้ว ผมเป็นห่วงมันน่ะ  ทางเดียวกันหนิผมรู้ ” ร่างเล็กรีบพูดหลังจากโดนปล่อยเป็นอิสระ

    “ อันที่จริงผมกลับเองได้นะ  ไม่ลำบากอะไรเลย ” ผมเองก็รีบพูดเหมือน    จะให้คุณหัวหน้าไปส่งน่ะเหรอ.........



     

    ....คนมีบุญก้นเท่านั้นแหละที่จะได้หย่อนตัวนั่งในรถของเค้าน่ะ...........

     



     

    “ ก็เอาสิ...”   คำตอบเพียงสั้นๆ แต่ทำผมสตั้นท์ไปห้าวิ...

     

     

     

    เป็นไปได้!!!!???        



     

    ผมมีบุญกะเค้าล่ะเหวยยยยยยยย 

     


     

    “ ทำหน้าอะไรอย่างนั้น ” ห๊ะ!? ผมทำหน้าอะไร

     

    “ ไม่ต้องห่วงน่า....ฉันไม่กัดนายหรอก” คุณหัวหน้าพูดติดตลกก่อนจะเดินนำทางผมออกไปยังที่จอดรถ  ผมที่ยังงงๆก็เลยได้แต่หันไปโบกมือลาเพื่อนรักที่ยืนรอแฟนอยู่

     

     
     

    ท้องฟ้าข้างนอกเริ่มมืดสลัวๆ รถเริ่มค่อนข้างติดมากขึ้น เพราะยังเป็นช่วงเลิกงานอยู่  ผมนั่งนิ่งภายในออดี้สีดำขลับ ส่วนคนข้างๆ เมื่อขับรถออกมาจากโรงหนังก็ไม่ได้พูดอะไร ในรถจึงมีแค่เสียงแอร์เป็นซาวด์ประกอบวิวข้างทางแทน

     
     

    ผมชี้นิ้วบอกซอยไปยังบ้านผมให้คุณหัวหน้าซึ่งเขาก็แค่พยักหน้ารับและขับตามไปยังเส้นทางที่ผมบอก  ทั้งๆที่เพิ่งหมดหน้าหนาวไป แต่ทำไมยังมีหิมะตกมาอยู่นะ

    “ เลี้ยวซ้ายแล้วตรงไปจนสุดซอยนั้นเลยครับ บ้านหลังสุดท้ายเลยฮะ ” ผมบอกเส้นทางครั้งสุดท้ายก็เก็บของเตรียมที่จะลงจากรถ

    “ ขอบคุณนะครับที่มาส่ง  เข้าไปดื่มชาข้างในก่อนมั้ยครับ ” ก่อนเปิดประตูรถคันงามผมไม่ลืมที่จะขอบคุณและชวนแขกเข้าบ้านตามมารยาท

     

     

    คุณหัวหน้าไม่ได้พูดอะไร แต่ยอมลงจากรถแล้วตามผมเข้ามายังในตัวบ้าน

     

     

    “ นั่งรอตรงนี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมไปชงชามาให้.....” ผมบอกให้คุณหัวหน้านั่งรอที่โซฟารับแขกก่อนจะตะโกนหาออมม่าทั่วบ้านแต่ก็ไม่มีวี่แววอะไร ผมจึงตัดสินใจเดินไปที่ห้องครัวแทน ถึงได้เห็รโพสต์อิทที่ตู้เย็นว่า.....

     



     

    “....ยอลลี่อา...ออมม่าไปเยี่ยมอาโฮวอนที่ปูซานนะ โทษทีที่กะทันหัน  จะกลับอาทิตย์หน้านี้แหละคนดี  ดูแลตัวเองนะ.....

    ...........ออมม่า.............”

     



     

    ผมยู่ปากใส่กระดาษแผ่นเล็กในมือก่อนจะติดมันไว้ที่เดิม  นึกได้อีกทีก็ลืมไปว่า มีแขกนั่งรออยู่

     
     

    คิดได้ดังนั้น ผมจึงหมุนตัวไปที่เคาท์เตอร์เพื่อชงชาให้แขกทันที  อ่า...แบบผงหมด เอาแบบสำเร็จรูปไปก่อนละกัน  คุณหัวน้าไม่เรื่องมากหรอก....

     
     

    เพราะความรีบหรือเพราะความซุ่มซ่ามมันติดตัวผมตั้งแต่เกิด ผมเลยเผลอจับแก้วขึ้นมาทั้งๆที่เพิ่งนึกได้ว่ามันร้อนนนนนนน!!!!!!

     




     

    แต่ก็........ไม่ทันละ..





    เพล้ง!!!!!!!!!


     

    “ ชานยอล!!! เกิดอะไรขึ้น ” เสียงร้อนรนและเสียงตึงตังทางหน้าประตูห้องครัวทำให้ผมละสายตาจากเศษแก้วตรงหน้าหันไปมองคนมาใหม่ แต่แล้ว....

     

     

    ฉึก!

     

     

    “ โอ๊ย!!” ผมชักมือกลับออกมาจากกองเศษแก้วทันที  น้ำสีแดงสดขุ่นไหลออกมาจากปากแผลแล้วหยดลงสู่พื้น

    “ ย่าห์!! ผมนี่ซุ่มซ่ามอีกแล้ว  ขอโทษนะครับ เดี๋ยวผมเก็บเสร็จ..อ่าว..” ผมพูดไปพลางเก็บเศษแก้วไปทั้งที่มือยังอาบสีเลือดอยู่อย่างนั้น เงยหน้ามาอีกที ก็เห็นคุณหัวหน้ายืนหน้าซีดเกาะขอบประตูไว้แล้ว


    “ หัวหน้า!! เป็นไรหรือเปล่าครับ!!?? ” ผมละจากกองเศษแก้วแล้วเดินตรงไปที่คุณหัวหน้าทันที

     


     

    เขาไม่ตอบ.....

     


     

    คุณหัวหน้าก้มหน้านิ่งไป เหงื่อเม็ดใสเริ่มผุดขึ้นตามไรผมสีทองของเขา

    “ คุณหัวหน้า?...” ผมยื่นมือข้างที่ไม่มีบาดแผลเพื่อสะกิดไหล่กว้าง แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ทำอย่างที่ใจคิด  คุณคริสก็หอบหายใจแรงขึ้นพลางเอามือจับรอบคอตัวเองไว้

    “ ออกไป!! ” คุณหัวหน้าตวาดใส่ผมลั่น จนผมผงะถอยหลัง

    “ หัวหน้าเป็นอะไรไปครับ ” ผมค่อยๆเคลื่อนตัวกลับเข้าไปใกล้ร่างที่สั่นๆอีกครั้ง

    “ ฉันบอกให้ออกไปไง!! ”  ร่างสูงที่เริ่มจะคุมอารมณ์ไม่อยู่ตวาดใส่อีกครั้ง

    “แต่นี่มันบ้านผมนะ!! ไล่กันหัดดูด้วยสิว่านี่มันที่ของใคร อ๊ะ!! ” ผมเถียงกลับไปเพราะเริ่มจะโมโหคนตรงหน้าเล็กน้อย ก่อนที่มือหนาจะกระชากแขนผมให้ลุกขึ้น

    “ฉันเตือนนายแล้วนะ” พูดแค่นั้นเขาก็ลากผมออกไป แล้วเหวี่ยงร่างของผมลงบนโซฟาก่อนจะขึ้นมาคร่อมร่างของผมไว้เพื่อปิดทางหนี

    “ คุณคริส!!! จะทำอะไร ปล่อยผมนะ!!! ” ผมใช้มือดันแผงอกของอีกคนให้ออกห่างแต่ก็ถูกมือนั้นรวบไว้เพียงข้างเดียว ก่อนจะก้มหน้าลงมาใช้ลิ้นไล้เลียปากแผลที่นิ้วนางของผมอย่างบรรจง

    “ อ๊ะ!!” ผมกระตุกเกร็งมือทันทีเมื่อรู้สึกถึงแรงกัดเข้าที่แผลและลิ้นชื้นที่ดูดดุนนิ้วผมอยู่ ผมนอนมองการกระทำนั้นนิ่งๆ จนใบหน้าคมนั้นละออกจากมือของผมแล้วสบตา..

     



     

    เมื่อนั้นผมถึงรู้ว่า เขาไม่ใช่หัวหน้าคนเดิมที่ผมรู้จัก...........

     


     

    “ คุณเป็นใคร!!  คุณไม่ใช่หัวหน้าของผมหนิ ” ผมขัดขืนคนข้างบนก่อนจะใช้แรงดันให้ร่างหนาๆนั้นออกไปพ้นจากตัว

    แต่ผมกลับหมดแรงเมื่อดวงตาสีน้ำเงินเข้มนั้นจ้องลึกเข้ามา พลันดวงตานั้นเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดงอย่างน่ากลัว

    “ ฉันบอกแล้วไง ว่าฉันเตือนนายแล้ว คราวนี้โทษฉันไม่ได้นะ”  สิ้นประโยค ริมฝีปากหนาก็โฉบลงมาประกบริมฝีปากบางทันที  ลิ้นร้อนพยายามดันให้คนใต้ร่างเปิดทางเข้าไป แต่ก็ไม่เป็นผล ชานยอลเม้มปากเน้นไม่ยอมทำตามสิ่งที่อีกคนต้องการ  ร่างสูงจึงใช้ลิ้นละเลียดไปรอบริมฝีปากบางอย่างไม่รีบร้อนราวกับว่ากำลังลิ้มลองมาชเมลโล่รสนมอยู่ 


    ชานยอลเบี่ยงหน้าหลบสัมผัสแต่กลายเป็นว่าเปิดทางให้ลิ้นร้อนลากผ่านสันกรามเรียวไปที่ติ่งหู ขบเม้มให้เสียวเล่นจนคนตัวเล็กกว่าต้องถดคอหนี  กลิ่นกายอ่อนๆหอมจนร่างสูงอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปสูดดมที่ซอกคอขาว แล้วเริ่มแลบลิ้นไล้ตั้งแต่กกหูยาวพาดผ่านมาที่กกหูอีกข้าง  ความเสียวสยิวทำให้คนข้างใต้เผลอครางและเผยอปากออกมาเล็กน้อย นั่นจึงเปิดโอกาสให้อีกคนที่รอจังหวะอยู่แล้วสอดลิ้นเข้าไปสำรวจภายในทันที


    ลิ้นเรียวเล็กที่ตอนแรกถูกไล่ต้อนและพยายามขัดขืน ก็ถูกลิ้นหนาชักจูงจนเคลิ้มตามรสสัมผัสและรับจังหวะอย่างดูดดื่ม มือซนอีกข้างเริ่มไม่อยู่นิ่ง สอดเข้าไปใต้เสื้อบางที่ปกปิดร่างขาวอยู่  มือหนาไล้ผ่านติ่งไตให้อีกคนสะดุ้งเล่น  ก่อนจะเลิกเสื้อขึ้นมากองบนเนินอกขาวที่กระเพื่อมหอบหายใจ กลิ่นกายหอมอ่อนๆทำให้สติเริ่มลางเลือน


     ร่างสูงกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาดจนแสบคอไปหมด หน้าคมเชิดหน้าขึ้นสูดอากาศก่อนจะก้มลงมาพร้อมกับเขี้ยวที่ฝังลงลำคอระหง


    “ อ้ากกกก!!!! ” ร่างบางกระตุกเกร็งทันทีที่เขี้ยวนั้นฝังลงมา ราวกับมีใบมีดคมกดลง ก่อนที่รู้สึกปวดหนึบรอบรอยแผลจนต้องสูดปาก

    “ ซี้ดดดด!!!” ความกระหายในตัวของร่างสูงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว  หลังจากที่เลือดสดไหลรินลงคอ ความปรารถนาที่อยากจะดื่มด่ำร่างกายของอีกคนก็เพิ่มขึ้น

    “ ยะ อย่า..” เสียงกระเส่าร้องห้ามฟันคมที่ลากไล้ลงต่ำมาที่เนินอก  ก่อนที่จะเกร็งตัวอีกครั้งเมื่อฟันคมนั้นกดลงมารอบติ่งไตสีชมพูที่ตั้งชันด้วยแรงเร้าอารมณ์....

     
     

    น่าแปลกที่ตัวเค้าเองกลับไม่รู้สึกเจ็บปวดกับบาดแผลเหล่านั้นเท่าที่ควรจะเป็น ซ้ำยังไม่ตื่นตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ด้วยซ้ำ....


     

    .........เหมือนเป็นเรื่องปกติที่คุณคริสนั้นเป็นแวมไพร์จริงๆ.........

     


     

    “ อึ่ก! ” ความรู้สึกเสียวซ่านแผ่รอบแผ่นอกบาง ทุกจุดที่ลิ้นร้อนลากผ่าน ยิ่งทำให้ร่างกายวูบไหวโอนอ่อนตามอย่างไม่ขัดขืน

     

     

    กลิ่นคาวเลือดที่ฟุ้งกระจายรอบตัวกลับทำให้ตัวชานยอลเองรู้สึกว่ามันช่างหอมเสียเหลือเกิน  หอมหวานจนกระหายและแสบคอ.....

     

     

    ดวงตาที่พร่ามัวจ้องมองหัวสีทองยุ่งๆที่วุ่นวายอยู่บนหน้าอกของเค้า ก่อนจะกลืนน้ำลายเหนียวลงคอเมื่ออีกคนรู้สึกว่ากำลังถูกจ้องมองอยู่แล้วเงยหน้าขึ้นมาจ้องตากลับไป

     
     

    เหมือนมีสิ่งดลใจให้ชานยอลใช้สองมือโน้มรั้งต้นคอแกร่งลงมาแล้วเริ่มประทับริมฝีปากเสียเอง

     

     

    เสียงดูดดังจนน่าเกลียด แต่ใช่ว่าจะทำให้ทั้งสองคนหยุดการกระทำนี้  มันยิ่งกระตุ้นให้ยิ่งอยากเข้าไปกันใหญ่  เผลอตัวอีกที ตากลมก็เบิกกว้าง ละใบหน้าออกจากกันแล้วฝังฟันลงต้นคอร่างสูงทันที

     

     

    “  อึก! ” กลืนเลือดสดอย่างดูดดื่มก่อนที่ร่างบางจะชะงักเหมือนเพิ่งรู้สึกตัวกับความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย

     

     

    คริสผละออกก่อนจะลุกขึ้นนั่งปลายเท้าของชานยอลแล้วหันมามองหน้าหวานก่อนจะกระตุกยิ้ม

     

     

    “ ถึงว่า...นายเองก็เป็นเหมือนกับฉันนี่เอง ” ประโยคที่ไม่กระจ่างชัดเท่าไหร่แต่กลับทำให้ร่างบางช็อค!ที่ได้ยินเหมือนกัน





    ถ้าคิดตามดีๆ.........

     


     

    คุณคริสเป็นแวมไพร์

     


     

    คุณคริสบอกว่าเราเหมือนกัน

     


     

    แสดงว่า.....

     









     

    ผมก็เป็นแวมไพร์งั้นเหรอ!!!????




     

    “ ไม่นะ...ไม่จริง...ม่ายยยยยยย ” ผมปล่อยน้ำตาให้ไหลลงอาบแก้ม  ถ้าออมม่ารู้จะทำยังไง ออมม่าจะรู้สึกยังไง ผมได้แต่ปล่อยความคิดให้หลั่งไหลออกมาพร้อมกับน้ำตา








     

    “...ชานยอล..” ผมไม่รู้จะต้องทำยังไงต่อไป สมองผมตอนนี้มันตื้อไปหมด...











    “ ชานยอล เฮ้ย! ตื่นๆ ชานยอล...”      ผมจะบอกคนอื่นยังไงว่าผม....








    ....เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ? เมื่อกี้...เสียงแบคฮยอน?






    “ ชานยอล!!!! ” ผมสะดุ้งสุดตัว เมื่อเสียงแหลมๆปรี๊ดเข้ามาในหู




    “ เป็นอะไรของแกเนี่ย เรียกตั้งนาน ให้มาดูหนัง ไม่ได้มานั่งให้หนังดูนะ...”

     
     

    แบคฮยอนยังคงบ่นต่อไป ส่วนผมที่ตื่นขึ้นมา ก็เอามือจับที่ต้นคอและตามลำตัวเพื่อสำรวจความผิดปกติ

     




     

    ....แต่มันก็...ปกติดีไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหนิ....

     

     

    นี่ผมฝันไปเหรอ....ฝันเป็นตุเป็นตะขนาดนั้นเชียว?

     


     

    “ นี่! เลิกทำหน้ามึนแบบนั้นซะทีได้มั้ย ” แบคฮยอนหันมาเหวใส่ร่างโปร่งที่เดินหน้ามึนๆตามมา

    “ แล้วมยองซูกับซองยอลอ่ะ ” ผมกวาดสายตาหาเด็กสองที่มาด้วย แต่ก็ไม่เจอใครจึงถามเพื่อนตัวเล็กมันนี่แหละที่น่าจะรู้ดี

    “ กลับไปได้ซักพักละ แปบนะ...ฮัลโหลว่าไงเทาเทา...”ตอบผมได้นิดนึงก็หมุนกลับไปรับ
    โทรศัพท์แฟนที่โทรมาพอดี  ผมก็อยากกลับบ้านเลยนะ แต่เกรงใจจื่อเทาจัง บ้านผมกับแบคฮยอนนี่เรียกว่าคนละขั้วโลก คนละทิศละทางเลยก็ว่าได้ ถ้าให้ขับไปส่งย้อนไปย้อนมาเสียเวลาเกินไป

     

    “จะกลับด้วยกันมั้ย เทาจะมารับแล้ว ” วางสายเสร็จก็หันมาถามผมต่อ ผมได้แต่อึกอักจนคนตัวเล็กกว่าขมวดคิ้ว

    “ ทำไม? หรือไม่อยากไปกับฉัน...อ้าว! พี่คริส! ทางนี้ครับทางนี้!!...” เสียงใสตะโกนเรียกบุคคลที่สามให้เข้ามาหา ก่อนจะมองหน้าผมแล้วหันไปพูดในสิ่งที่ผมไม่คิดว่ามันจะพูดออกมา

    “ ฝากชานยอลติดรถไปด้วยนะ ผมมีธุระต่อ ไปละ ” แล้วก็วิ่งหายไปในกลุ่มชนคนกำลังแย่งส่วนลดกันอยู่ แต่ก็ไม่ลืมหันหลังมาโบกมือผมด้วยนะ

     

    “ ทำหน้าอย่างงั้นทำไม ” หัวหน้าเองก็ดูงงกับการพูดเองเออเองของแบคฮยอนอยู่ไม่น้อย แต่ก็ยอมรับคำขอของแบคฮยอนอยู่ดี




    “ ผมป่าวมองหัวหน้าซะหน่อย  แค่มองสิ่งที่เลยหัวหน้าไปอีกต่างหาก” หัวหน้ามองกลับหลังหันไป ก็ไม่เจออะไรนอกจากป้าแม่บ้านที่กำลังถูพื้น








    คุณหัวหน้าเลิกคิ้วเชิงถามว่า.......................

     







     

    มองป้านั่นอ่ะนะ

     







     

    เขาส่ายหัวก่อนจะเดินควงกุญแจนำผมไปที่จอดรถ

     







     

    “ ยืนอยู่ทำไมเล่ามาสิ!....ฉันไม่กัดนายหรอก ”    พูดพลางหันมามองหน้าผมไปด้วย

    .



    .



    .

     
     

    รู้สึกจะคุ้นๆกับประโยคนี้แฮะ  เหมือนเคยได้ยินที่ไหนนะ.....

     





     

    END

     

    #คุณหัวหน้า


     

    Talk: จบแล้วในตอน  หวั่นๆว่าจะโดนพี่เว็บมั้ย อย่าโดนเลยน้า  #คุกเข่า# อุตส่าห์ตัดๆบทบ้างแล้ว หวังว่าพี่เว็บจะเมตตาบ้างเน้อ..........

    ......เหมือนเดิม จบอ่านจบแล้ว ช่วยคอเม้นต์ให้กำลังใจกันด้วยน้า....เจอกัน

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×