ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Krisyeol ft. all member of exo

    ลำดับตอนที่ #23 : 20.New Neighbor Part12 END

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 470
      5
      11 มี.ค. 58

    New  Neighbor Part 12. END

    Couple : KrisYeol

    Author:  KC_NeNe’s

     




     

    บรรยากาศตอนนี้เต็มไปด้วยความอึดอัด พี่คริสตัดสินใจพาผมและพี่จุนมยอนมาที่ร้านกาแฟแถวๆนั้น หามุมส่วนตัวมานั่งคุยกัน โดยผมนั่งข้างพี่คริส ส่วนพี่จุนมยอนนั่งตรงข้ามกับพวกเรา ตั้งแต่เข้าร้านมาพี่จุนยังไม่ยอมปริปากพูดอะไร ผมและพี่คริสจึงได้แต่นั่งเงียบๆรอให้เจ้าตัวเขาเริ่มพูดเอง

     

    “รายการที่สั่งได้แล้วฮะ ต้องการอะไรเพิ่มเรียกผมได้เลยนะพี่” พี่คริสพยักหน้าให้กับรุ่นน้องที่เดินเข้ามาเสิร์ฟเครื่องดื่ม ก่อนจะขอตัวกลับไปทำงานต่อ

     

    “เดี๋ยวครับ! เอ่อ..ผมขออเมริกาโน่เพิ่มอีกแก้วนึงครับ...”จู่ๆ พี่จุนก็เรียกน้องเค้าไว้ก่อนจะสั่งเครื่องดื่มเพิ่ม

     
     

    “ อ่า..รอสักครู่นะครับ” รุ่นน้องหันมารับออร์เดอร์อีกครั้งแล้วหมุนกลับไป

     
     

    “พร้อมเมื่อไหร่ค่อยเล่าเรื่องทั้งหมดให้พวกฉันฟังก็ได้ เอาที่นายสบายใจละกัน” พี่คริสพูดหยั่งเชิง ก่อนจะยกกาแฟขึ้นมาจิบแต่ก็ยังมองหน้าพี่จุนที่นั่งก้มหน้าอยู่

     
     

    “เรื่องที่เกิดขึ้น ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ” คนที่นั่งเงียบมานาน ในที่สุดก็ยอมเปิดปากขึ้น

     

    “ หมายความว่าไงพี่” ผมถามขึ้นบ้าง

     

    “ ฉันกับซอลลารู้จักกัน ซอลลาเป็นรุ่นน้องที่ฉันรักเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ฉันไม่ได้ตั้งใจให้เธอเข้าใจว่าที่ฉันทำดีเพราะฉันรักเธอมากกว่าน้องสาวนะ  เพราะ..เพราะว่าฉันมีคนรักอยู่แล้ว...” เสียงของพี่จุนเงียบลงไป ก่อนจะเริ่มต้นเล่าเรื่องราวอีกครั้ง....

    “ จะว่ามันตลกก็ได้นะ ฉันน่ะไม่เคยรู้จักไม่เคยเห็นซอลลามาก่อน แต่พอวันนั้น วันที่ฉันกำลังจะกลับมาที่หอ มันเหมือนมีอะไรดลใจให้ฉันกลับทางหลังตึกนิเทศ  แล้วฉันก็เจอกับซอลลาที่กำลังจะถูกพวกอันธพาลทำร้าย  นั่นคือครั้งแรกที่ฉันได้เจอกับซอลลา  ถ้าจะถามว่าเราสนิทกันมั้ย  ก็พอควรอยู่ เพราะฉันแนะนำหอพักรวมที่ฉันพักอยู่ให้ซอลลามาพักด้วยกัน แต่อยู่กันคนละชั้น เวลากลับก็จะได้กลับพร้อมกัน ซอลลาเองก็จะได้ปลอดภัยด้วย ....” พี่จุนพยายามไล่ย้อนเรื่องราวตั้งแต่เริ่มให้พวกผมฟัง

    “ แล้วอี้ชิงล่ะฮะ....” ผมถามขึ้น พี่จุนมยอนกำลังจะเล่าต่อ แต่เสียงมือถือผมดันขัดซะก่อน

     

     

    -โอเซ calling-

     



     

    ไอ้ฮุน โทรมาถูกจังหวะนะมึง

     

     

    “ เออ ว่าไง” ผมกรอกเสียงไปยังปลายสายอย่างไม่สบอารมณ์

    “ ไอ้ยอลมึงอยู่ไหน ที่หอเกิดเรื่องแล้ว ” เสียงร้อนรนของปลายสายทำให้ผมต้องขมวดคิ้วทันที

     “ เกิดไรขึ้นวะ”

    “ คยองซูอ่ะดิ จู่ๆก็ลากเด็กคหกรรมกลับมาที่หอด้วย แล้วก็พาขึ้นไปที่ห้องพี่ซอลลา  ปิดประตูไม่ยอมให้ใครเข้าไปเลยว่ะ”

    “ งั้นเหรอ เออๆเดี๋ยวกูรีบไป” ผมตัดสายก่อนจะหันไปพูดกับอีกสองคนที่รอฟังอยู่

    “ ที่หอเกิดเรื่องแล้วพี่ คยองซูลากเด็กคหกรรมขึ้นไปห้องพี่ซอลลาแล้วล็อคห้องไม่ยอมให้ใครเข้าไปเลย ” ผมหันไปบอกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ แต่คนที่อยู่ตรงข้ามผมกลับลุกพรวดออกไปด้วยความไวแสง

    “ อี้ชิง!” พี่จุนมยอนพูดแค่นั้นก่อนจะลุกวิ่งออกจากร้านไป ผมกับพี่คริสมองหน้ากันก่อนที่ผมจะวิ่งตามออกไป

    “ เฮ้ย! ดงอู  ตังค์อยู่นี่นะ ไม่ต้องทอน” พี่คริสตะโกนบอกรุ่นน้องในร้าน วางเงินไว้แล้ววิ่งตามออกมาเป็นคนสุดท้าย

     


     

    จุดหมายปลายทางที่ไม่ต้องนัดหมายกัน……..

    .

    .

    .....หอพักXOXO…..

    .

     

    .

     

    .

    “ คยองซู! คยองซู! เปิดประตูให้ผมก่อนเถอะนะ มีอะไรค่อยๆพูดกันก็ได้ ” เสียงทุ้มของจงอินตะโกนเรียกร่างบางที่อยู่ในห้อง พร้อมกับใครอีกคนที่เขาลากมาด้วย ก่อนจะเคาะประตูเรียก แต่ก็ไร้วี่แววว่าคนข้างในจะได้ยินมัน

    “ แกเป็นไรของแกวะคยองซู ร้อยวันพันปีฉันไม่เคยเห็นแกเป็นแบบนี้นะ” แบคฮยอนตะโกนร้องถามบ้าง ก่อนจะทรุดเข่าลงอย่างอ่อนแรงข้างๆจื่อเทาที่พยุงเอาไว้ เขาไม่เคยเห็นเพื่อนของตัวเองเป็นแบบนี้มาก่อน จากคยองซูคนที่เคยสดใส กลับกลายเป็นคนที่ดูน่ากลัว นิ่งเงียบ ไม่ยอมพูดยอมจาซ้ำเมื่อเย็นระหว่างที่กำลังกลับบ้านกัน จู่ๆคยองซูก็พุ่งเข้าไปกระชากแขนของเด็กหนุ่มคนนึงที่เขาจำได้ว่าอยู่คหกรรมกลับมาด้วย  สีหน้าของคยองซูตอนนั้นดูแค้นและเจ็บปวดในคราวเดียวกัน

     


     

    มันเกิดอะไรขึ้น!! เรื่องของเพื่อนตัวเล็กที่เขาเองก็ยังไม่รู้...

     


     

    “ อากงเจ้าของหอบอกว่าประตูห้องเพิ่งเปลี่ยนใหม่ตั้งแต่วันนั้น  ช่างเลยให้กุญแจแค่ดอกเดียว ยังไม่ได้ปั๊มเพิ่มว่ะ แล้วดอกนั้นก็อยู่ที่คยองซูด้วย ” จงแดที่เพิ่งวิ่งขึ้นมาจากบล๊อกเคาท์เตอร์ชั้นล่างบอกกับจงอิน

    “ ถ้าต้องพังจริงๆ กูก็จะทำแล้วนะ” จงอินพูดพลางจ้องไปที่ประตูห้อง

    “ เออ ไหนๆเปลี่ยนมาแล้วรอบนึง เอาอีกซักรอบจะเป็นไรไปวะ” เซฮุนพูดขึ้น ก่อนจะพยักหน้าให้เพื่อนดำที่เตรียมพร้อมจะพังประตูเข้าไป

     


     

    หารตังค์กันก็ออกคนละไม่กี่บาทเอง ไม่ทำขนหน้าแข้งกูร่วงหรอก

     

     

    “ อี้ชิง!!”แต่เสียงใครบางคนดังขึ้น ชะงักเท้าของจงอินค้างกลางอากาศซะก่อน

    “ พี่จุน!! มาได้ไงเนี่ย!” จงแดที่เห็นว่าใครวิ่งมาก็ร้องอย่างกับเห็นผี แต่ก่อนที่จะถามอะไรได้มากกว่านั้น เพื่อนตัวโย่งที่เซฮุนโทรตามก็วิ่งขึ้นมาพร้อมกับรุ่นพี่ร่างสูง

    “ แฮ่กๆ กะ..เกิดไรขึ้นวะ ” ชานยอลพาร่างโย่งๆ มายืนหอบหน้าประตูก่อนจะยืดตัวขึ้นมาถามคนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด

    “ คยองซูอยู่ข้างในนั้นกับผู้ชายอีกคนนึง...”

    “อี้ชิง!! ต้องเป็นอี้ชิงแน่ๆ” ยังไม่ทันที่จงอินจะพูดจบ เสียงร้อนรนของพี่จุนก็ขัดขึ้น

    “ พี่แน่ใจได้ไงว่าคนนั้น เป็นอี้ชิงจริงๆ ” ผมหันไปถามเจ้าตัว ที่ยืนมองผมด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

    “ คยองซูเป็นน้องชายของซอลลา  คยองซูแค้นฉันกับอี้ชิงที่เป็นต้นเหตุทำให้พี่สาวเขาต้องฆ่าตัวตาย ” ทุกคนที่ได้ยินดังนั้นต่างอึ้งไปตามๆกัน  รวมทั้งผมด้วย

     

     

    อย่างนี้นี่เอง.....

     

     

    “ ช่วยด้วย!!! ”  เสียงตะโกนข้างในเรียกให้ทุกคนที่อยู่ข้างนอกหันไปมองพร้อมกัน ก่อนที่ประตูจะถูกพังโดยฝีมือของพี่จุนมยอนแทน

     

     

    “ อี้ชิง!!” พี่จุนมยอนแทบทรุดเมื่อเห็นว่าคนรักของตัวเองยืนอยู่บนเก้าอี้ มีร่องรอยฟกช้ำบนใบหน้าและลำตัว มือทั้งสองข้างมีเชือกมัดไพล่หลัง แล้วถูกเชือกหนาคล้องคอหลวมๆไว้กับคานเพดานห้อง เตรียมพร้อมสู่ความตายทันทีถ้าเก้าอี้ไม้ที่รองอยู่นั้นถูกกำจัดออกไป

    “ หยุด! มึงหยุดตรงนั้นเลยนะไอ้สารเลว!” คยองซูตะโกนใส่จุนมยอนด้วยเสียงที่แข็งกร้าว ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้อี้ชิงแล้วจ่อของแหลมคมเข้าที่เอวของเหยื่อ

    “ พี่จุนมยอน ช่วยผมด้วย!!” เสียงสะอื้นของคนรักร้องขอความช่วยเหลืออย่างน่าสงสาร แต่จุนมยอนทำได้เพียงยืนหยุดนิ่งกับที่ตามคำสั่งของคยองซูเท่านั้น

    “ เลิกบ้าได้แล้วคยองซู!! แกอยากติดคุกหรือไง ทำไมทำแบบนี้”  เสียงของแบคอยอนตะโกนเรียกสติเพื่อนตัวเอง พลางร้องไห้ไปด้วย ไม่คิดเลยว่าเพื่อนจะโหดร้ายขนาดนี้

    “ หุบปากซะ!! แกไม่เป็นฉันแกไม่เข้าใจหรอก คนที่ต้องสูญเสียคนรักไป พี่สาวฉันต้องมาทรมานและต้องตายเพราะพวกมันทั้งสองคน!!!” คยองซูตวัดปลายมีดผ่านเอวของอี้ชิงด้วยแรงอารมณ์  ร่างบางที่ถูกทำร้ายจึงได้แค่กรี้ดร้องด้วยความเจ็บปวดกับบาดแผลที่มีเลือดสีแดงข้นซึมผ่านเนื้อผ้า


    “ คยองซูครับ!!! ฟังผมนะ ใจเย็นๆก่อนนะครับ ผมว่าเราควรจะให้พวกเขาได้อธิบายอะไรก่อนนะครับ บางทีอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คยองซูคิดก็ได้นะ ” จงอินพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ  แต่ก็เหมือนจะไม่ได้ผล

    “ ทำไมต้องฟังเหตุผลตอแหลของพวกมันด้วย มันก็พูดเข้าข้างตัวเองให้ไม่ผิดอยู่ดี  ถ้าไม่ผิดจริงพวกมึงจะหนีกันทำไมห๊ะ!!!” คยองซูตะโกนใส่หน้าสองคนที่พูดอย่างแค้นเคือง น้ำตาแห่งความโกรธไหลอาบแก้มขาวเป็นสาย ความรัก ความแค้น ที่เกิดขึ้นกับพี่สาวเพียงคนเดียวของเขา เขาจะสะสางให้เอง

     

     


     

    อ้ากกกก!!!!

     

     

     

    “ชานยอล!!” คริสที่อยู่ข้างหลังพุ่งเข้ามารับตัวของร่างโปร่งที่จู่ๆก็ร้องเสียงหลงแล้วกุมขมับเอาไว้

     

     

    ทุกคนในห้องหันมามองที่ชานยอลเป็นตาเดียว  ร่างโปร่งทิ้งตัวทรุดเข่าลงก่อนที่น้ำใสๆไหลรินจากตากลม

    “ ชานยอล! ชอนยอลเป็นอะไรไป! ” แรงเขย่าของร่างสูงพร้อมกับเสียงเรียกข้างใบหูดูเหมือนจะไม่ได้เข้าไปในโสตประสาทของชานยอลเลยแม้แต่น้อย  ร่างโปร่งในอ้อมกอดเขายังคงคุกเข่าและปล่อยให้น้ำตานั้นไหลต่อไป…........จนผิดสังเกต....


    “ พี่จุนมยอนไม่ผิดนะดีโอ...พี่ผิดเอง” จู่ๆเสียงทุ้มหวานแหบพร่าก็เอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ ทุกคนรวมทั้งเจ้าของชื่อที่เรียกก็มองหน้าชานยอลอย่างงงๆ

    “ พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจทำให้เรากับม๊าต้องเสียใจนะ” ชานยอลลุกขึ้นยืนออกจากอ้อมแขนของคริสแล้วค่อยๆเดินไปยังร่างเล็กตรงหน้าที่กำลังสั่นเทา

    “พะ..พี่ซอลลาเหรอ ” คยองซูชะงักก่อนจะเบิกตากว้างมองชานยอลอย่างไม่เชื่อสายตา

    “ ดีโอ เจ้าน้องเตี้ย” ชานยอลพูดขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

     

    เคร้ง!!!

     

    มือบางลดปลายมีดลงจากเอวอี้ชิง ก่อนจะทิ้งลงสู่พื้นห้อง สองแขนเรียวพุ่งเข้าสวมกอดพี่สาวในร่างของชานยอลก่อนจะซุกหน้าร้องไห้เหมือนเด็กเล็กๆ

     

     

    เซฮุนและจงแดอาศัยจังหวะนี้วิ่งไปเตะมีดเล่มนั้นออกห่างจากร่างเล็ก แล้วช่วยกันแก้มัดให้กับอี้ชิงที่กำลังหมดแรงจากเลือดที่เสียไปเยอะอยู่พอควร

     

     

    “ ฮึก.. พี่ทิ้งผมกับม๊าไปทำไม  แค่ผู้ชายคนนี้คนเดียว พี่ไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตพี่ไปแลกก็ได้ ฮืออ ” ซอลลายกแขนเรียวขึ้นลูบหัวน้องชายของตัวเองก่อนจะจับใบหน้าน่ารักๆให้เงยขึ้นมาสบตากับเธอ

    “ ฟังพี่นะดีโอ...เรื่องนี้พี่จุนกับอี้ชิงไม่เกี่ยวเลย พี่ทำตัวพี่เอง ” หญิงสาวยิ้มบางให้กับน้องชายก่อนจะหันไปหาสองคนที่เธอพูดถึง

    “ ซอลลาไม่ได้เสียใจที่รู้ว่าพี่คบกับอี้ชิงเหรอ ” จุนมยอนที่ตะกองกอดร่างคนรักที่ไร้เรี่ยวแรงถามขึ้นด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ

    “ เสียใจสิ เสียใจที่คนที่ตัวเองชอบกลับมีคนรักอยู่แล้ว แต่อันที่จริงฉันรู้อยู่แล้วล่ะว่าพี่คบกับอี้ชิง รู้ก่อนวันที่พี่จะพาอี้ชิงมาค้างที่ห้อง.....”


     

    ย้อนกลับไปที่เหตุการณ์วันนั้น..............


     

    ซอลลาตั้งใจจะสารภาพรักกับรุ่นพี่คนสนิทที่คอยช่วยเหลือเธอตลอดมา ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเขามีข่าวลือว่าคุยกับรุ่นน้องคหกรรมคนนึงอยู่ แต่อย่างว่าล่ะ ข่าวลืออาจจะไม่เป็นจริงก็ได้  แต่นั่นก็ทำให้เธอรู้ว่าคิดผิด  เมื่อกลับมาเห็นคนที่เขาลือกันนั่งอยู่ในห้องของรุ่นพี่ เธอจึงต้องเดินก้มหน้ารับชะตากรรมแสนโหดร้ายนี้ออกไปจากตรงนั้นพาลคิดไปว่า ตัวเองคงไม่มีโชคเรื่องความรักเลยล่ะมั้ง แต่ใช่ว่าพระเจ้าจะเลิกเล่นตลกกับเธอเพียงแค่นั้น รักลับๆครั้งใหม่ของเธอก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเธอได้ออกไปเที่ยวผับกับอียู เพื่อนสาวเพียงคนเดียวของเธอ อียูแนะนำให้เธอรู้จักกับคังอู และคืนนั้นก็จบลงด้วยการที่เธอและคังอูมีความสัมพันธ์กัน เรื่องมันแทบจะไม่มีปัญหาอะไรเลย ถ้าไม่ติดที่ว่าผลตรวจเลือดของซอลลาจะติดเชื้อร้าย  เธอรู้ว่าไม่ว่ายังไง สุดท้ายเธอต้องตายอยู่ดี แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอต้องตัดสินใจทำร้ายตัวเองวันนั้นคือการที่เธอไม่อยากให้คนที่เธอรักมากที่สุดต้องมาเสียใจและอับอายกับเรื่องของเธอ  สุดท้ายเธอจึงเลือกจบชีวิตของตัวเองในห้องนี้อย่างเงียบๆคนเดียว.......

     
     

    “ฮืออออ ทะ ทำไม ฮึก ทำไมพี่ไม่บอกผม....ฮึก..พี่คิดว่าทำแบบนี้แล้วเรื่องมันจะจบหรือไง พี่ไม่คิดว่าผมกับแม่จะเสียใจเหรอ..” เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด คยองซูก็ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใคร เขาไม่เคยรู้เรื่องหลังจากนั้นเลย รู้แค่ว่าพี่ซอลลาแอบชอบรุ่นพี่คนนึง นั่นก็คือพี่จุนมยอนที่เธอเคยเล่าให้ฟัง จากนั้นพี่สาวก็ซึมแล้วมารู้ทีหลังว่าคนคนนั้นมีคนรักแล้ว เขาเองก็ไม่รู้จะปลอบใจอย่างไร จนมาได้ข่าวว่าพี่สาวฆ่าตัวตาย ก็เลยคิดว่าเป็นเพราะเสียใจเรื่องนี้แน่ๆ

    “ พี่ขอโทษ ดีโอ...ฮึก..พี่ขอโทษ พี่ไม่อยากให้ม๊าต้องอับอายที่ลูกสาวต้องมีเชื้อร้ายและน่ารังเกียจอยู่ในตัว ฮึก..พี่ขอโทษ ขอโทษจริงๆ” ซอลลากอดปลอบน้องชายที่ตอนนี้ร้องไห้งอแงจนตาบวม

    “ พี่จุน อี้ชิง ฉันขอโทษนะ ที่ทำให้พวกพี่ๆต้องเดือดร้อน ขอโทษแทนคยองซูที่ทำร้ายนายนะอี้ชิง ยกโทษให้เค้าด้วยนะ ” ซอลลาหันกลับมาพูดกับสองคนที่เกี่ยวข้องก่อนจะค่อยๆยกมือขึ้นเพื่อจะอ้อนวอน

    “ พอเถอะซอลลา ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว พี่ไม่โกรธ พี่ไม่โกรธคยองซู พี่เข้าใจคยองซูดีว่า การสูญเสียคนรักมันเจ็บปวดแค่ไหน ” จุนมยอนพูดพลางก้มมองหน้าคนในอ้อมกอด ก่อนที่อี้ชิงจะยิ้มบางๆตอบแล้วพยักหน้าให้เบาๆ

    “ ขอบคุณทุกคนมากนะคะที่คอยช่วยเหลือและดูแลน้องชายของฉัน โดยเฉพาะนายแบคฮยอน ขอบคุณที่เป็นเพื่อนที่ดีของคยองซูนะ ”

    ็็ก

     ซอลลาหันมาพูดกับทุกคนก่อนจะหยุดมองหน้าร่างบางที่ยืนร้องไห้สะอื้น

    “ ครับพี่...ฮึก..ผมจะช่วยดูแลคยองซูให้ดีที่สุดครับ พี่ไม่ต้องห่วง ” พูดจบแบคฮยอนก็ซุกหน้าเข้าที่ไหล่แกร่งของจื่อเทาที่โอบกอดไว้

    “ นายด้วยนะ ฝากน้องชายฉันด้วย เจ้านี้มันดื้อเฉพาะตอนป่วยกับหิวแค่นั้นแหละ อย่างอื่นนายก็เรียนกันเองแล้วกัน ” ซอลลาหันมาพูดกับจงอินที่ยืนยิ้มบางมาให้พร้อมกับค่อยๆนั่งลงประคองร่างเล็กที่ก้มหน้าซุกเอวพี่สาวอยู่

    “ ผมจะดูแลและไม่ทำให้น้องชายของพี่เสียใจครับ  เอาชีวิตผมเป็นประกันเลย ” ได้ยินร่างหนาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นอย่างนั้น มือเรียวจึงค่อยๆแกะแขนของน้องชายออกจากเอวบางแล้วดันให้นั่งปกติ


    หญิงสาวยิ้มบางให้น้องชายอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นยืน  แล้วเดินไปอยู่ตรงหน้าของคริส ที่ยืนทำหน้างงอยู่ว่าตนเองเกี่ยวอะไรด้วย


    “ ส่วนนายน่ะ เตรียมรับร่างของเด็กคนนี้ด้วยล่ะ ฉันล่ะอยากจะออกไปเต็มทีแล้ว เสียงหมอนี่เรียกชื่อนายจนก้องหูฉันแล้วล่ะ ” ซอลลาพูดอย่างขำๆ ก่อนจะได้รับการพยักหน้าจากคริสเป็นการยืนยัน

    “ ฝากขอบคุณชานยอลด้วยนะ โชคดีที่เด็กนี่มีส่วนคล้ายฉันอยู่ ฉันเลยมีโอกาสได้แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ได้  ถ้านายสังเกตนายจะรู้น้องรัก...พี่รักนายนะ...” ซอลลาพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนที่ร่างของชานยอลจะร่วงลงพื้น และมีคริสที่เข้ามารับร่างโปร่งอย่างรู้งาน

     

     

    “ลาก่อนครับ พี่สาวที่แสนดีของผม ”


    .

     

    .

     

    .

     

    หลังจากวันนั้น ทุกอย่างภายในหอพักก็ดูเหมือนจะกลับมาปกติ  พี่จุนมยอนกับอี้ชิงก็ย้ายเข้ามาอยู่ที่หอพักตามเดิมซึ่งอยู่ห้องถัดจากห้องของพี่คริสไป  จงแดและพี่อูหมินก็รักกันหวานชื่นมื่นเหมือนเดิม คยองซูก็หายจากอาการเศร้าและมีคนผิวคล้ำอย่างจงอินคอยดูแลเอาใจใส่อยู่ข้างกาย  เซฮุนก็ได้คบกับพี่ลู่หานคนสวยสมใจ ส่วนพี่คริสก็ยังคงเดินหน้าจีบชานยอลเหมือนเดิมและดูเหมือนว่าจะเริ่มเห็นผลในไม่ช้านี้ แต่ที่ไม่ปกติที่สุดเลยก็คือ....

    “ แบคกี้อ่า...เสร็จยัง เทาหิวแล้วน้า...” เสียงออดอ้อนอยู่บนโซฟาในห้องของร่างบางที่กำลังแต่งตัวอยู่

    “ เสร็จแล้วๆ  เทาอ่า เค้าขอโทษนะ รอนานมั้ย ” เสียงใสเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินมานั่งตักของร่างสูงแล้วใช้แขนคล้องคอเอาไว้

    “ นานดิ...ทำไงดีงอนมากด้วย ” ร่างหนาแกล้งทำทีเป็นงอนแล้วหันหน้าหนีร่างเล็ก

    “นั่นสินะ ทำไงดีถึงจะหายงอน...แบบนี้หรือเปล่า ” พูดจบแบคอยอนก็ก้มหน้าลงไปหอมแก้มของอีกคน ที่ตอนนี้ยิ้มแป้นแล้นจนน่าหมั่นไส้ไปแล้ว

    “ หายละ ไปกันเถอะ ” จื่อเทาว่าอย่างอารมณ์ดี แล้วเดินจูงมือร่างเล็กออกไปจากห้อง ท่ามกลางสายตางงๆปนอ้วกของคยองซู ลู่หาน จงอินและเซฮุน ที่นั่งเล่นเกมส์และกินขนมร่วมห้อง




     

    มันไปคบกันตอนไหนวะ!!???

     


     

    นั่นคือสิ่งที่เปลี่ยนไป และยังไม่มีใครหาที่มาและสาเหตุได้จนถึงทุกวันนี้

     

     

     

    เรื่องราวเพื่อนใหม่ข้างห้องทั้งหมดก็จบลงแค่นี้.....

     .




    .



    .



    .


    .



     .

     

     .

     

    ใครบอก....

     

     

     


     

    ยังงงงง ยังไม่จบ.....

     

     

    กลับมาก่อนนนน   ปล่อยคู่นั้นไปช่างมัน   มันยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ยังค้างคาอยู่

    .

    .

    “ ว่าแต่ ที่พี่ซอลลาบอกคยองซูว่าชานยอลมีสิ่งที่เหมือนกับพี่เค้าอยู่ และก็มีแค่คยองซูด้วยที่รู้ มันคืออะไรเหรอ ” ลู่หานถามขึ้น เพราะวันนั้นตัวเองไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์

    “ ว่ากันว่า คนเราจะสื่อสารกันได้ถ้ามีอะไรหลายๆอย่างที่เหมือนกัน เช่น เกิดวันเดียวกัน มีเซ้นส์หรือจุดเด่นที่คล้ายกัน ถึงจะสามารถสื่อถึงกันได้ อย่างพี่ซอลลาเกิดวันศุกร์ที่13 พฤศจิกายน ชานยอลเองคงจะเกิดวันเดียวกันใช่มั้ย..” คยองซูอธิบายก่อนจะหันไปถามร่างสูงข้างๆ

    “ ไม่น่าเชื่อนะ ไอ้ยอลเกิดก็เกิดวันเดียวกันนั่นแหละ แต่ก็น่าจะมีคนอื่นที่น่าจะเกิดวันเดียวกัน ทำไมพี่ซอลลาถึงเจาะจงแค่ไอ้ยอลด้วยนะ” จงอินว่าพลางเอามือเกาคางอย่างใช้ความคิด ร่างเล็กที่เห็นดังนั้น จึงลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหยิบกล่องสี่เหลี่ยมออกมาจากโต๊ะข้างเตียงนอน ก่อนจะหยิบกระดาษออกมาใบนึงแล้วส่งให้อีกสามคนได้ดูกัน

     

     

    แกร๊ก!!!

     

     

    “ เฮ้ย! ไอ้ฮุน ไอ้ไค อยู่นี่เอง เห็นไอ้เฉินมันจะขอดูแบบโมเดลของคู่มึงสองคนอยู่ อ่ะ” เสียงใสดังขึ้น ก่อนจะปรากฏร่างโย่งๆของชานยอลที่หน้าประตู  ทั้งสามคนที่จ้องดูรูปในมือแล้วเงยขึ้นมองคนมาใหม่ที่ประตู ก่อนจะก้มแล้วเงยขึ้นไปใหม่อีกครั้ง


    “ เอ่อ...หน้ากู.....ทำไมวะ ” ชานอยลพูดก่อนจะใช้มือลูบๆคลำโครงหน้าของตัวเอง

     
     

    จ้องอะไรกันวะ!!??

     

     

    “ กูเข้าใจละ ” อยู่ๆเซฮุนก็พูดขึ้นก่อนจะส่งรูปใบนั้นคืนเจ้าของ แล้วลุกขึ้นดันหลังให้เพื่อนตัวโย่งที่ยืนทำหน้างงอยู่ให้ออกไป ตามไปด้วยจงอินและลู่หาน


    เหลือเพียงเจ้าของห้องและเจ้าของรูปที่ยืนยิ้มให้กับกระดาษในมือก่อนจะเก็บมันเข้าที่เดิม พร้อมกับปิดฝากล่อง               


    .........เก็บความทรงจำ ผนึกเรื่องที่ไม่ดีและทิ้งอดีตที่เลวร้ายไว้ แล้วลุกออกไปสู่ปัจจุบันที่เขาจะเป็นคนกำหนดและก้าวเดินต่อไปเอง...............

     


     

    ........ขอบคุณนะครับพี่........


    .

     
     

    .

     
     

    .

     
     

    .

    END: จบแล้ววว!!! เย้ๆ อยู่กับฟิคเรื่องนี้มานานมาก อาจเป็นเพราะฟิคยาวหน่อยหลายตอนเลยทำให้ใช้เวลายาวนาน ขอบคุณทุกคำติชมและกำลังใจจากทุกคนเลยน้า ที่เป็นแรงผลักดันให้ไรต์ได้คิดฟิคขึ้นมา  ตอนหน้าจะเป็นฟิคย่อยๆที่จบในตอน ยังไงฝากติดตามให้ด้วยนะครับผมมม

     

     ปล. หลายคนสงสัยว่าชานยอลกับพี่ซอลลาเหมือนกันยังไง ก็....ตามนี้แหละ55555


     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×