ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Krisyeol ft. all member of exo

    ลำดับตอนที่ #4 : 4.OS: เมมเบอร์คนโปรด Part 2.

    • อัปเดตล่าสุด 26 มี.ค. 58


    OS: เมมเบอร์คนโปรด Part 2.

    Couple :KrisYeolft. EXO

    Author:  KC_NeNe’s

     

    เมื่อรถตู้ของค่ายมาถึง ทุกคนต่างก็ลุกขึ้นเก็บของของตัวเองเตรียมขึ้นรถ ผมที่กำลังจะช่วยไอ้แบคมันยกของ กลับมีมือใหญ่ของใครอีกคนมาฉวยไปไว้ในมือแทน

    “ ผมถือให้ พี่มานั่งกับผมเลย ” จื่อเทาเดินหน้ายุ่งเข้ามาแย่งกระเป๋าของแบคอยอนไปถือก่อนเดินไปขึ้นรถของฝั่งเอ็ม กะมัดมือชกเลยว่างั้น

    “ เอาแต่ใจชะมัด เป็นอะไรอีกเนี่ย ” แบคฮยอนที่ดูจะขัดอะไรไม่ได้ จึงได้แต่ส่ายหัวบ่นเบาๆ ก่อน จำต้องสาวเท้าเดินตามไปนั่งรถฝั่งเอ็มแทนผมมองตามคู่นั้นไปอย่างงงๆ

    “เป็นห่วงมากนักก็ไปนั่งคันนั้นก็ได้นะ ” เสียงทุ้มพูดกระแซะก่อนจะโดดขึ้นไปนั่งที่ของผมบนรถฝั่งเค อะไรของมันวะ!?

    “ เฮ้ย! เฮีย ผิดคันแล้ว นี่มันที่ผมที่เฮียมันคันนู้น ไปเลยๆ หลบๆ ” ผมทั้งดึง ทั้งทึ้งแขนให้ลงมา มันก็ยังหน้าด้านหน้าทนตีหน้าตายไม่ยอมลงมา

    “ ก็แบคฮยอนไปนั่งโน้นแล้ว จะให้ฉันเกาะล้อรถไปรึไง แล้งน้ำใจชะมัด” นอกจากจะไม่ลุกออกไป ยังมีหน้ามาว่ากูอีก ได้ ไม่ลงใช่มั้ย

    “ เฮ้ย! ทำไรอ่ะ” เสียงทุ้มหลงเล็กน้อง หลังจากที่ผมโดดขึ้นมานั่งบนตักร่างสูง

    “ ก็นั่งรถกลับหอไง พอดีที่โดนแย่งเลยไม่มีที่นั่ง!! ” ผมพูดก่อนจะกอดอกเชิดหน้า ให้มันรู้ซะมั่งว่าใครเป็นใคร ที่สบายมีให้นั่งไม่นั่งเอง

    “ ที่ข้างๆมี ทำไมไม่นั่งเข้าไปล่ะ ” ร่างสูงยังคงดึงดันให้ผมลุกออกไป

    “ ชอบนั่งตรงนี้มีปัญหาไรมั้ย ” ผมว่าพลางทำหน้าท้าทาย  ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะอ้าปาก เสียงของเซฮุนก็ขัดขึ้นก่อน

    “ อ้าว! ฮยองนั่งไรนั่นล่ะ ตรงนี้ไม่นั่งใช่มั้ย งั้นผมขอวางของให้พี่ลู่หานกับของของผมนะ ” พูดจบ เซฮุนมันก็เอาของสัมภาระของมันกับลู่หานมาวางที่นั่งข้างๆของผมกับไอ้เฮียคริส  นี่มันกะจะย้ายหนีออกจากบ้านตามไปอยู่ด้วยกันเหรอวะ ทำไมมันเยอะขนาดนี้เนี่ย

     

    ประตูรถปิดลงก่อนจะรับรู้ถึงการเคลื่อนที่ของล้อรถ   ระหว่างทางกลับหอ ล้อรถก็วิ่งกระแทกลูกระนาดบ้าง ตกหลุมบ้าง ทำให้ตัวผมกระแทกลงบนตักของอีกคนอย่างแรง  ไอ้แรงกระแทกจากรถมันไม่เท่าไหร่หรอก แต่ไอ้แรงกระแทกจากคนรวมเข้าไปด้วยนี่สิ มันปวดร้าวจนคนข้างล่างเผลอหลุดปากร้องโอดครวญออกมา เรียกร้อยยิ้มปิศาจของผมได้เป็นอย่างดี

    “ บอกแล้วว่านั่งสบายๆไม่ชอบ เหอะ อยากจะมีปัญหา ” ผมเอียงหน้าพูดลอยๆให้อีกคนได้ยิน ส่วนหูก็ยัดหูฟังเพลงตลอดทาง

    “ คิดว่าฉันคนเดียวที่มีปัญหาหรือไง  จำที่จงแดมันพูดได้มั้ยว่าอย่ายั่วน่ะ ”  อะไรนั่วๆยั่วๆนะ

    “ ห๊ะ! บ่นไรงึมงำๆ ” ผมเอียงหน้าหันมาถาม

    “ หูฟังคาอยู่อย่างนี้มันจะได้ยินมั้ย ” ไม่ว่าเปล่า แขนแกร่งยกขึ้นมาตวัดโอบรอบเอวของผม ก่อนจะเอาคางมาเกยไว้บนหัวไหล่ ลมหายใจแผ่วเบาที่ระต้นคอทำให้ผมตัวแข็งทื่อ จมูกโด่ง ไล่ไล้จากหัวไหล่ขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงใบหู ปากหนางับสายหูฟังของผมออกแทนการใช้มือ ก่อนจะกระซิบแผ่วเบา

    “ ได้ยินชัดยัง ว่าอย่ายั่วฉัน ”  ได้ยินแล้วครับพี่ ชัดใสกังวานเต็มรูหูเลย  อ๊ากกกกก!! นี่กูคิดผิดที่มานั่งนี่ใช่ม่ายยยยย ตอบกูที ตอบ!?

    “ อ๊ะ!” ตะครุบปากตัวเองแทบไม่ทัน ดีนะที่คนข้างหน้าหลับกันไปหมดแล้ว เลยไม่ได้ยินเสียงน่าอายของผมที่โพล่งขึ้นจากแรงสัมผัมของฝ่ามือหนาที่เลื้อยซนเข้ามาในสาบเสื้อ

    “ หึ ” ร่างสูงยกยิ้มอย่างพอใจ เมื่อเห็นปฏิกิริยาของคนปากเก่งในอ้อมกอด

    “ อะ อะไรเฮีย นะ นี่มันบนรถนะ” ผมพยายามควบคุมเสียงให้ปกติ แต่ใจผมมันกลับเต้นแรงมากขึ้น กว่าเดิม โอ๊ย! จะตื่นเต้นอะไรนักหนาวะ

    “ งั้นค่อยต่อที่หอนะ ฟอด~” อึ้งจากคำพูดสุดท้ายยังไม่พอ ร่างสูงยังทิ้งท้ายให้ผมนั่งนิ่งค้างด้วยการกดสันจมูกโด่งๆลงบนแก้มนุ่มอันแสนรักแสนหวงของผมอีก  โอ๊ยยย! ไอ้บ้าเฮียคริสส!!!!!!

     

    เมื่อล้อรถจอดเทียบหน้าหอ ทุกคนบนรถก็ทยอยลงจากรถ  ชานยอลที่นั่งนิ่งรู้สึกตัวได้ ก็รีบกระโดดลงจากรถทันที ก่อนจะวิ่งตรงขึ้นหออย่างรวดเร็ว

    “ เป็นไงเฮีย เคลียร์ให้จบนะ ก่อนที่ผมจะต้องเสียหมาน้อยของผมไป คืนนี้ผมแลกห้องให้แล้ว จัดการเองก็แล้วกัน ” จื่อเทาเดินตรงมายังร่างสูง พร้อมบอกถึงแผนการจัดแจงให้แบคฮยอนย้ายห้องนอนกับคริสเสร็จสรรพ ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับร่างสูงแล้วว่าจะทำยังไงต่อไป

     

     

    แกร๊ก!

    เสียงประตูเปิดออก ผมจึงลุกขึ้นจากเตียงเดินออกไปหาคนที่เข้ามาทันที

    “ แบคฮยอนมึงจะอาบน้ำ...เฮ้ย!!! เฮีย!!!”  พระเจ้าช่วยกล้วยอบ  นี่ผมคิดแต่เรื่องของมันจนมันตามมาหลอนยันในห้องเลยเหรอ พระเจ้า!วอทดาเฮล!?

    “ ว่าไง ตกใจขนาดนั้นเลย? ” ร่างสูงวางกระเป๋าก่อนจะค่อยๆก้าวเดินมาหาผมช้าๆ

    “ อย่าเข้ามานะ ผมมีพระนะ ” ผมชูสร้อยคอขึ้น หวังว่าร่างวิญญาณร้ายตรงหน้าจะกลัวแล้วหายวับกลับไป  ผมว่าผมชักจะประสาทฝั่นเฟือนแล้วล่ะผมสัมผัสได้ลางๆ

    “ ฉันไม่ใช่ผีนะ เจ้าเด็กบ้า ”  ร่างสูงว่าพลางกระโดดมากอดตัวผมไว้ ผมที่หนีไม่ทันก็ได้แต่ดิ้นแหกปากร้องสุดชีวิต

    “ ปล่อยผมนะ ไอ้บ้า ไอ้หื่นกาม ไอ้โรคจิด ไอ้วิกลจริต ไอ้ลามก ไอ้เฮียยคริสสสสปล่อยยยยยย~~

    ร่างสูงไม่ฟังคำด่าทอจากผม ซ้ำยังก้มหน้ามาสูดดมเอาความหอมไปจากซอกคอของผมอีก  ผมดิ้นขัดขืนได้ไม่นาน ร่างสูงก็ชะงักเพราะจู่ๆผมก็ยืนอยู่นิ่งๆ ไม่ขัดขืนอะไรเค้าเหมือนตอนแรก

    “ ฮึก~ ปล่อยเถอะ ขอร้อง อย่าล้อเล่นกับความรู้สึกผมแบบนี้เลย ”  ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อยู่ๆก้อนอะไรซักอย่างก็มาจุกอยู่ต้องคอ จนน้ำตาออขึ้นมาเต็มหน่วยตาก่อนจะหยดลงเป็นทางบนแก้มของผม

    “ ชะ ชานยอล เป็นไร พะ พี่ พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เราร้องไห้นะ ” ร่างสูงแลดูตกใจกับอาการของผม จนเค้าต้องดึงร่างผมไปกอดไว้แนบอกอุ่น สัมผัสที่อ่อนโยน ยิ่งทำให้ผมปล่อยน้ำตามากขึ้นไปอีก ความรู้สึกหลายอย่างสับสนตีกันจนงุนงงไปหมด  นี่ผมเป็นอะไร!?

    “ พอเถอะพี่ ผมไม่เล่นด้วยหรอกนะ ความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไรผมไม่เข้าใจ ผมไม่เข้าใจ  ฮึก~”  ผมไม่เข้าใจความรู้สึกของผมเองเลยในตอนนี้ ผมงงมากที่อยู่ๆ ผมก็ดันไปอยู่ในลิสต์ของเมมเบอร์ที่พี่คริสเค้าบอกว่าเป็นคนโปรด  ตอนนั้นผมงงก็จริงแต่อีกใจผมก็รู้สึกดีจนบอกไม่ถูกว่า ทำไมต้องตื่นเต้นดีใจขนาดนั้น แต่เมื่อผมเข้ามาถามความจริงจากร่างสูง ผมเองก็ได้คำตอบกลับมาว่าแค่ล้อเล่น แค่นั้น กลับรู้สึกหงุดหงิด น้อยใจ ผมไม่เข้าใจเวลาที่เค้าเล่นกับคนอื่นทำไมผมต้องโมโห ทำไม นี่ผมจิตไม่ปกติตามเค้าไปแล้วใช่มั้ยเนี่ย

    “ ฟังพี่นะ เด็กน้อย มองหน้าพี่ ” ร่างสูงดันตัวผมออกมาแล้วใช้มือหนาโอบใบหน้าของผมให้เงยขึ้นมองใบหน้าคมคายนั่น วินาทีนั้น ผมใจเต้นแรงจนกลัวว่ามันจะกระโดดออกมาเต้นข้างนอก

    “ ที่พี่บอกว่าล้อเล่นน่ะ พี่แกล้งเราเฉยๆ  ความรู้สึกจริงๆของพี่ก็คืออย่างที่บอกไป สำหรับคนอื่นๆพี่ต้องพูดขึ้นมาเพราะกลัวจะโดนพี่เมเนเจอร์กับคนอื่นๆว่าเอา แต่ชื่อแรกที่พี่เรียกน่ะ พี่รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ”  สรรพนามใหม่ที่ใช้แทนผมกับพี่เค้า บวกกับน้ำเสียงที่อ่อนลงทำให้ผมอุ่นใจมากกว่าเดิม ผมเริ่มกลืนก้อนน้ำตาลงคอไป ก่อนจะเอ่ยถามสิ่งที่ตนเองยังไม่เข้าใจ

    “ หมายความว่ายังไงเหรอฮะ ” ผมเอียงหน้าเล็กน้อย ก่อนที่คำตอบนั้นจะถูกตอบกลับมา  ไม่ใช่ถ้อยคำแต่เป็นการกระทำที่ผมคาดไม่ถึงต่างหาก

    ร่างสูงไม่ตอบอะไร เค้าได้แต่ยกยิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะก้มลงมาประทับริมฝีปากหนาลงบนริมฝีปากของผม สัมผัสแผ่วเบาและนุ่มนวลทำให้ผมหลับตาคล้อยรับสัมผัสอันแสนหวานนั้น ริมฝีปากหนาคลึงวนละเลียดชิมปากบางของผมก่อนจะค่อยๆสอดลิ้นหนาเข้ามาสำรวจภายใน ซึ่งผมก็เผลอรับอย่างลืมตัว ลิ้นหนาไล่กวดเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กที่ถดถอยหนีอย่างดูดดื่ม ก่อนจะไล่กวาดความหวานไปทุกซอกมุมในโพรงปาก ผมบีบไหล่หนาเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวหลังจากที่รู้สึกตัวว่าขาแข้งเริ่มอ่อนระทวย มือผมระดมทุบอกแกร่งประท้วงเพื่อขอออกซิเจนเข้ามาเติมเต็มภายในปอดก่อนจะขาดอากาศหายใจ

    “ อื้อ..แฮ่กๆ พะ พอแล้ว หายใจไม่ทัน ” หลังจากที่เห็นว่าผมพยายามอ้าปากพะงาบๆงับออกซิเจนเข้าปอด ร่างสูงก็ยอมละริมฝีปากออกจากผม แต่ก็ยังคลอเคลียใบหน้าผมก่อนจะค่อยๆ กดจูบลงบนหน้าผาก ไล่ลงมาที่เปลือกตา และจมูกของผม  แม้ว่าอุณหภูมิของห้องจะเปิดแอร์ทิ้งไว้ แต่อุณหภูมิในร่างกายผมมันสูงกว่าจนดันความร้อนขึ้นมาอยู่บนพวงแก้มทั้งสองข้าง

    “ ทีนี้เข้าใจความรู้สึกของพี่แล้วใช่มั้ย ” ผมไม่ตอบ แต่พยักหน้าหงึกหงักๆ ก่อนจะก้มหน้างุดเข้าแผงอกอุ่นด้วยความอายทันที

    “ หึ เด็กน้อยของพี่ คบกับพี่นะ หลายเดือนที่ผ่านมาที่เราอยู่ด้วยกัน ทุกรายการที่เราออกด้วยกัน ถึงแม้ว่ามันเป็นงาน แต่พี่ก็อดหงุดหงิดไม่ได้ที่เห็นเราโดนจับคู่กับคนอื่น  แต่พี่ก็ดีใจนะ ที่บางทีพี่ก็ได้แสดงความรู้สึกของตนเองออกมาบ้าง พี่ดีใจที่มีรูปคู่ของพี่กับเราร่อนเต็มเน็ต   แต่ถึงอย่างนั้น พี่ก็ยังอยากให้คนอื่นรู้ความรู้สึกของพี่จริงๆ ไม่ใช่แค่คิดว่าพี่ทำไปเพราะต้องการเรียกเรตติ้งหรืออะไรทั้งนั้น ” คำสารภาพถูกระบายออกมาอย่างไม่ขาดสาย ผมไม่รู้มาก่อนว่าที่พี่เค้าชอบแกล้งผม แหย่ผม วุ่นวายกับผม เพราะพี่เค้าก็รู้สึกคล้ายๆกับผมเหมือนกัน ความรู้สึกที่ค่อยๆกระจ่างขึ้นมาอย่างที่หลายคนเรียกมันว่า “ความรัก”

    “ ชานยอลครับ ตกลงว่า...คบกับพี่นะครับ ” ร่างสูงก้มลงให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับผมพร้อมส่งรอยยิ้มอันแสนหวานมาให้

    “ ไม่หรอก...ไม่ได้หรอก..” ใบหน้าร่างสูงเผยความหม่นหมองทันทีที่ผมตอบกลับไป

    “ พี่เตรียมใจไว้แล้วว่าอาจจะต้องเป็นแบบนี้ ” ร่างสูงยิ้มเจื่อนๆส่งมาให้ผม ผมยิ้มขำก่อนจะใช้มือบางๆของตัวเองโอบกรอบหน้าคมให้เงยขึ้นมาฟังในสิ่งที่ผมยังพูดไม่จบ

    “ ไม่ได้หรอก....ผมจะยอมทิ้งหัวใจของผมให้หลุดมือไป ไมได้หรอก ” พูดจบผมก็ยืดตัวผมไปประทับริมฝีปากหนาอย่างแผ่วเบา เพื่อเน้นความรู้สึกต่อคนตรงหน้า

    “ พี่รักชานยอลนะครับ ”

    “ ชานยอลก็รักพี่คริสนะครับ ”

    .

    .

    …Speciel part...

    หลังจากที่ใช้วาจาเชิงบังคับให้มานั่งรถคันเดียวกันได้ ร่างหนาที่เดินนำอยู่ก่อนต้องรีบโยนสัมภาระไว้เบาะหลัง ก่อนจะพาร่างบางที่ตอนนี้ถอดเสื้อคลุมออกเพราะอากาศร้อน เหลือเพียงเสื้อกล้ามสีขาวเท่านั้น  นี่แบคไม่ได้อ่อยน้า ก็ตอนที่รออยู่กะไอ้หยอยแอร์มันเย็นนี่ แต่ข้างนอกมันร้อนอ่ะ>///<

     

     

     พอได้ที่นั่งปุ๊บ เหมือนร่างหนาจะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองต้องงอนร่างเล็กข้างๆอยู่จึงทำหน้าบูดใส่

    “ เป็นไรอีกล่ะ หน้าบูดเป็นตูดแมวเลย ” คนตัวเล็กถามขึ้นหลังจากที่ขึ้นมาบนรถเรียบร้อยแล้ว

    “ ป่าว ” ร่างหนาของมักเน่ฝั่งเอ็มยู่ปากเล็กน้อย อย่างเอาแต่ใจ

    “ ใครสั่งใครสอนนายให้ทำหน้าแบบนี้เนี่ย  นอกจากหน้าจะเหมือนหมีแพนด้าแล้ว ยังอยากจะให้หน้าตัวเองเหมือนลิงอีกเหรอ ”ว่าพลางใช้นิ้วเรียวจิ้ม จึกๆที่แก้มของคนข้างตัวเล่นอย่างสนุกมือ  เอาเข้าไป ทำแบบนี้ทีไรจะโกรธๆก็ชอบหลุดทุกที ให้มันได้อย่างนี้สิ!!!

    “ ก็ใครใช่ให้พี่ทำแบบนั้นล่ะ” เทายังคงทำหน้ายู่พลางเอียงหน้าหนี

    “ ฉันทำอะไรอ่า~ แพนด้าเทา หันมามองหน้ากันก่อนเซ่~” ไม่พูดเปล่า ร่างเล็กใช้มือเรียวกอบกุมใบหน้าคมของรุ่นน้องให้หันมาเผชิญหน้ากับตัวเอง ตากลมบริสุทธิ์ของคนตัวเล็กทำให้อีกคนหลงลืมความขุ่นเคืองในใจไปเสียหมดสิ้น

    “ เฮ้อ~ นี่ผมจะงอนพี่ได้ข้ามวันมั้ยเนี่ย  ชอบทำหน้าแบบนี้ใส่ใครเค้าจะโกรธลง ”

    “ ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ.....แล้วนี่! สรุปงอนฉันเรื่องอะไร นายยังไม่ตอบฉันเลยนะ” ใบหน้าคมที่จะเบือนหน้าหนี กลับถูกมือเล็กรั้งให้หันมาสบตาและเค้นให้ตอบคำถามอีกครั้ง

    “ ก็...ตอนที่พี่นั่งรอรถ..” กลายเป็นตัวของเทาเองที่อ้ำอึ้งที่จะตอบ

    “ รอรถ..แล้ว!? ”

    “ ...ที่รอกับพี่ชานยอลอ่า~

    “ รอกับไอ้หยอย...แล้ว!? ” คนตัวเล็กนึกเหตุการณ์ตามไปเรื่อยๆ ก่อนจะเอ่ยถามเป็นระยะ

    “ ..ก็..ที่พี่กับพี่ชานเล่นกันอ่า~”  ร่างสูงพยายามพูดย้อนให้ร่างเล็กตรงหน้านึกถึงเหตุการณ์ที่เป็นต้นเหตุทำให้เค้าหงุดหงิด

    “ อือ เล่นกะไอ้หยอย ก็แล้วไง!? ” คนตัวเล็กก็ยังคงได้แต่นึกภาพตามที่คนตรงหน้าพูด ก่อนจะเอียงคอถามอย่างสงสัย ว่า ก็แล้วไง? แค่เล่น มันมีอะไรน่าหงุดหงิดตรงไหนกัน?

    “ ก็ไม่แล้วไง!? ก็แค่ผมหึงพี่ไง ชัดมะ!? ” เหมือนร่างสูงจะทนกับความอึนของร่างบางไม่ไหวจึงเผลอหลุดคำพูดที่ทำให้คนฟังถึงกับนิ่งค้างกลางอากาศ พอๆกับเจ้าตัวที่เพิ่งรู้สึกได้ว่าตนพูดอะไรออกไปจึงได้แต่อ้ำอึ้ง

    “ เอ่อ..คือ.ผมหมายถึง..” เทาเกาท้ายทอยตัวเองแก้เก้อ รู้สึกมือไม้มันชักจะเกะกะชอบกล พันกันมั่วซั่ว ไม่รู้จะหยิบจับหรือวางไว้ไหนดี

    “ พะ แพนด้า นะนี่อย่าบอกนะว่า นาย...” คนตัวเล็กระล่ำระลักพูดไป พวงแก้มขาวก็ซับสีชมพูระเรื่อไปด้วย

    “ อืม ผมคิดว่าผมชอบพี่นะ พี่แบคฮยอน พัพพี่แบคของผม....” นั่นคือประโยคสุดท้ายที่นายพยอนแบคฮยอน เมนโวคอลแห่งวงเอ็กโซได้ยิน ก่อนที่สมองทุกย่างหยุดการรับรู้ไปชั่วระยะนึง    ล่องลอย ~~ ไปแล้วสติ กู่ไม่กลับแล้ว....

    .

    .

    .

    END…>//<

     

     

    Talk: แรกๆดูเหมือนจะไม่ชอบขี้หน้า แต่ไหงคริสยอลตอนจบกลับหวานซะ ( งงกับสติสตังที่ไม่ค่อยจะเต็มของตัวเอง =  =;) เพิ่มสเปเชี่ยลพาร์ทเป็นของเทาแบค หวังว่าไม่ค้างกันน้า  ทิ้งไว้แค่น้องเทาบอกชอบพี่แบค แล้วให้ไปมโนต่อกันเองละกันเน๊อะ!  ไงก็ขอฝากคริสยอลไว้ด้วยน้า เรื่องหน้าเป็นยังไงฝากติดตามกันเยอะๆนะจ๊ะ รัก รีดเดอร์นะ ม๊วฟฟฟ!!!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×